|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การ ทดแทน และการ ตอบแทน พระคุณพ่อแม่
ได้ยินและพูดกันอยู่เสมอๆ ทั้งคำว่าตอบแทน และคำว่า ทดแทน และบางท่านเข้าใจว่ามีความหมายดุจเดียวกันในคำทั้งสอง คือ การมอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันดีงามให้แก่ผู้มีพระคุณแก่ตนก่อน
การทดแทนคุณกับการตอบแทนคุณ นั้นโดยพยัญชนะมีความหมายเดียวกัน แต่โดยอรรถ คือเนื้อความ มุ่งหมายเอาการหมดจดของบุญคุณของผู้มีอุปการะมากแก่ตนนั้นสิ้นไปเท่าไหร่
การทดแทนนั้น คำว่าทด คือไปช่วยเหลือ ไปแบ่งเบาภาระ ของบิดามารดา คำว่าแทน คือ โดยการกระทำอันดีนั้นของบุตรเสมือนหนึ่งว่าบิดา มารดาเป็นผู้กระทำในกิจนั้นๆ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ทรงตรัสทรงแสดงโดยนัยแห่งการทดแทน คุณของบิดามารดา ที่บุตรพึงกระทำ ดังนี้ มงคลที่ ๑๑ "การบำรุงบิดามารดาให้เป็นสุข" พระบาลีว่า มาตาปิตุ อุปฏฺฐานํ เอตมฺมํคลมุตฺตมํ การบำรุงบิดามารดาให้เป็นสุข ชื่อว่าเป็นอุดมมงคล ๑. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เราควรเลี้ยงท่านตอบ ๒. ช่วยทำกิจของท่าน ๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศให้ท่าน
ส่วนการตอบแทนนั้น ถ้าจะให้แยกออกมาเปรียบเทียบ คือคำว่าตอบ ก็เหมือนเป็นคำถามของบิดามารดา ที่สงสัยอยู่ใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สงสัยอยู่ในคุณงามความดี สงสัยในศรัทธา สงสัยอยู่ในศีล ตลอดจนถึงธรรมต่างๆ โดยที่บิดาและมารดาไม่อาจหาคำตอบให้คลายสงสัยนั้นได้
เมื่อบุตรได้อาศัยความมีเมตาและกรุณาจากบิดามารดานั้นแล้ว จนมีปัญญาตลอดจนศรัทธาอยู่ในพระรัตนตรัยก็ควรจะต้องตอบแทน ความสงสัยนั้นแก่บิดามารดานั้นจึงได้ชื่อว่าตอบแทน การตอบแทนคุณของบิดามารดาของบุตรนั้นคืออะไร
ความโดยนัยนี้สมเด็จพระผู้มีภาคเจ้า พระองค์ก็ได้ทรงตรัสทรงแสดงไว้ ในพระสูตรอังคุตตรนิกาย ทุกนิบาตพระบรมศาสดาทรงตรัสไว้ว่า...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้งสอง ทั้งสองท่านคือใคร คือมารดา และบิดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง ถึงเขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอด 100 ปี และเขาพึงปฎิบัติท่านทั้งสองนั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำและการดัด และท่านทั้งสองนั้นจะพึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั้นแหละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่งบุตรพึงสถาปนาบิดามารดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ในแผ่นดินใหญ่อันมีรัตนะ 7 ประการมากหลายนี้ การทำกิจอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก เป็นผู้บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้ แก่บุตรทั้งหลาย
ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในสัททาสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในสีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั่งมั่นในจาคสัมปทา (ถึงพร้อมด้วยการบริจาค) ยังมารดาบิดาผู้ทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา
คำวิสัชชนา ตอบแทน และ ทดแทน ก็มีสมด้วยประการนี้แล.
ขอบคุณครับ
ใจพรานธรรม
Create Date : 03 สิงหาคม 2552 |
|
13 comments |
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 23:06:38 น. |
Counter : 2386 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ประดุจดาว IP: 125.26.205.185 25 มีนาคม 2554 10:39:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
มีหลายเรื่องที่ควรสงสัย แต่เราไม่สงสัยในสิ่งต่างๆนั้นแล้ว เราศรัทธาแต่ในพระรัตนตรัย
..แม้เทวดา มารหรือพรหม จะมีหรือไม่มีอยู่จริง เราก็มีธรรม มีปัญญารู้ในสิ่งต่างๆนั้นด้วยตนเองแล้ว ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธา เป็นสิ่งที่ท่านต้องสร้างให้เกิดขึ้นเอง ใครสร้างท่านไม่ได้
พระพุทธเจ้า พระองค์ดุจผู้บอกทางให้เท่านั้น จะเดินหรือไม่ เรามิได้กล่าวโทษตำหนิท่านแต่อย่างใดเลย ท่านเชื่อ ท่านก็เดิน ท่านไม่เชื่อก็ควรแล้ว ที่ท่านจะสงสัยควรแล้วที่ท่านจะปฏิบัติ เพื่อคลายความสงสัยนั้น
|
|
ขอบคุณ code และ ภาพ จากคุณ aggie_nan ตามลิงค์ที่อยู่ ด้านล่างครับ
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณนะคะ สำหรับข้อคิดดีๆ