ตามใจเล่าครับ
Group Blog
 
 
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 

ชีวิตใน Western Australia

                 ที่ สถาบันเทคโนโลยีออสเตรเลีย ตะวันตก  :  Western  Australia  Institute  of  Technology  :  W.A.I.T. (  " เวท " แต่ถ้าสำเนียงชาวบ้าน " ไว้ท์ )     นักเรียน ELICOS  /  English  Language  Intensive  Course  for  Overseas  Students  รุ่นผม เกือบครึ่งห้องมาจากอินโดนีเซียคงเพราะอยู่ไม่ไกลนัก ส่วนนักเรียนญี่ปุ่นก็ไม่น้อย    เพื่อนญี่ปุ่นบอกว่ามาเรียนที่ออสเตรเลียค่าใช้จ่ายต่างๆถูกกว่าที่ญี่ปุ่น ส่วนพี่ไทยเรามีแค่กันสามคน คือ เจ้าบ๊อบเป็นลูกครึ่ง ไทย-ออสซี่( หน้าตาท่าทางเป็นฝรั่งออสซี่เต็มตัว แต่พูดภาษาไทยไฟแลบ )   น้องหมวยเป็นคุณหนูเรียบร้อย ( มาอยู่กะพี่สาวที่แต่งงานกับหนุ่มออสซี่ ) และก็ผม  วันหนึ่ง บ๊อบบ่นอยากกินน้ำพริกกะปิ หมวยบอกว่า ที่บ้านพี่สาวมีของและอุปกรณ์อาหารไทยหลายอย่าง แต่เธอทำไม่เป็น และคนที่ทำเป็นก็ไม่อยู่ ด้วยความสงสารบ๊อบ ผมเลยอาสาจะไปทำให้  และที่สำคัญน้องหมวยชวนสาวๆญี่ปุ่นกับอินโดฯซึ่งสนใจอาหารไทยไปด้วยครับ  พอถึงบ้านพัก น้องหมวยรีบลงมือหุงข้าวเพราะทำเป็นอย่างเดียว   ผมบอกให้เจ้าบ๊อบช่วยปอกกระเทียม เด็ดพริก ผ่ามะนาว  พอผมจิบเบียร์สวอน( Swan beer )หมดกระป๋อง ก็จัดการโขลกกุ้งแห้งโดยมีบรรดาสาวๆเฝ้าดูอย่างสนใจ   พอแหลก ก็ตามด้วยกระเทียม พริก อ้อ เกือบลืมใส่กะปิ โขลกจนเข้ากันดี แล้วใส่ น้ำตาล น้ำปลา บีบมะนาว ปรุงรสเปรี้ยวนำ ตามเผ็ด เค็ม และหวานนิดๆ เงยหน้าเห็นเจ้าบ๊อบมองน้ำลายสอ ผมเลยตักน้ำพริกใส่ถ้วยแต่เหลือก้นครกไว้นิดนึง

          ผมบอกบ๊อบตักข้าวสวยใส่ครกหนึ่งทัพพี คนๆด้วยที่ตำน้ำพริก แล้วตักใส่ถ้วยส่งให้บ๊อบชิมเรียกน้ำย่อยไปก่อน ก็ข้าวคลุกน้ำพริกก้นครกอะครับ   ตอนเด็กๆดูคุณย่าทำจนจำแม่น    จากนั้น ผมให้หมวยตั้งกระทะพอร้อนจัดก็ใส่น้ำมัน กะเวลาได้ที่เทไข่ผสมหมูบดและตีจนเข้ากันดีแล้วลงไป   กลับสองสามทีพอสุกก็ตักใส่จาน หมวยพาสาวๆตั้งโต๊ะตักข้าวแจก ทุกคนลงมือกินข้าวซึ่งมีแค่น้ำพริกกะปิกับไข่เจียวร้อนๆ แต่หอมฉุย ทั้งหมดกินกันอย่างอะเร็ดอร่อย โดยเฉพาะเจ้าบ๊อบลูกครึ่งที่ดูเป็นฝรั่งทั้งตัวแต่กินข้าวคลุกน้ำพริกปล่าวๆ จนเกลี้ยงหม้อเลยครับ


           ชีวิตนักเรียน ELICOS ใน Western Australia ผ่านไปหนึ่งเดือน แต่ละคนในห้องเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น มีจุดต่างทางภาษาให้ล้อกันขำขำตลอด เช่น คนไทยออกเสียง ch , sh มักเผลอเป็นเสียงเดียวกัน   พวกอินโดฯ ออกเสียง she เป็น ซี และ to เป็น ตู   ส่วนญี่ปุ่นมักเผลอใช้แบบเค้า เช่น water เป็น watar  และ center เป็น centar หรือ ไมโล เป็น มิโล และที่แอบฮา  คือ  แมคโดนัล เป็น แมคกุ โดนัล ลูโด แล้วก็ขำกันเอง   และแล้ว Sue อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่า วันเสาร์นี้จะจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้พบปะกะอาจารย์ที่สอนตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง   และขอให้นักเรียนแต่ละชาติช่วยกันเตรียมอาหารกลางวันมาสมทบด้วย  งานนี้สามเราควรต้องจัดอาหารไทยไปเป็นสีสรร    น้องหมวยบอกไปที่บ้านพี่สาวเธอก่อน  แล้วให้ผมดูว่า จะทำไรดี   อ่ะน่ะ มองหน้าแล้วแต่ละชาติก็ไม่ได้มีวิทยายุทธอะไรนัก  และชื่อชั้นอาหารไทยของเราก็ไม่เป็นรองใครนี่นา

          เช้าวันเสาร์ ที่บ้านน้องหมวย  มหกรรมทำอาหารไทยก็อุบัติขึ้น     เจ้าบ๊อบตำกระเทียมพริกไทย     น้องหมวยเตรียมปอกกุ้งสดและหุงข้าวสวย( อีกแระ ) ผมตั้งกระทะให้ไฟแรง เทน้ำมันพืชลงไปร้อนได้ที่ก็ใส่กุ้งสดลงไปแป็บนึงตามด้วยกระเทียมพริกไทยตำเขย่าน้ำปลาหน่อย คนสองตะหลบ ปิดไฟ รีบตักใส่ภาชนะปิดฝาไว้ ( บางคนเอากุ้งสดคลุกกระเทียมพริกไทยแล้วทอด ก็แล้วแต่ครับ )      ระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ซอยพริก ต้นหอม หอมแดง และเตรียมข้าวคั่ว  พร้อมทั้งคั้นมะนาวออสซี่ลูกโต มีน้ำเยอะ    แต่ไม่หอมอย่างของเรา ผมตั้งหม้อใส่น้ำพอเดือดได้ที่  ก็ใส่ไก่บดลงไปกะว่าเกือบสุก เติมเครื่องต่างๆที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน หรี่ไฟแผ่วๆ ปรุงรสเค็มตามด้วยเปรี้ยว และเผ็ดนิดนึง ( อย่าเผ็ดมากนักเดียวฝรั่งตกใจ )   สักพักสามีของอาจารย์Sueก็ขับรถมารับพวกเราพร้อมอาหารที่บรรจุอยู่ในภาชนะปิดมิดชิดขึ้นรถไปบ้านอยู่นอกเมือง Perth ไกลอยู่ติดชายเขามีวิวธรรมชาติดูร่มรื่นมาก                                  ที่โต๊ะใหญ่กลางลาน มีอาหารและเครื่องดื่มต่างๆอยู่เกือบเต็มแล้ว ของนักเรียนอินโดซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่มีไก่ทอดถาดเบ่อเริ่มและสลัดผัก ( ผมแอบสังเกตุ เห็นสาวอินโดฯ ใช้เส้นด้ายผ่าซีกไข่ต้ม เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นครับ )     บรรดาสาวยุ่นก็มีซูชิและขนมหวาน เพื่อนเนปาลทำแกงแกะน้ำเขละๆประกอบด้วยเครื่องเทศผงๆและถั่วแขก เค้าเอามือเปิบให้ดู กินกับข้าวแฉะๆ น่าจะอร่อย     บรรดาอาจารย์ฝรั่งเดินทักทายนักเรียนและอาหารต่างๆ เลยมาถึงอาหารของพี่ไทย เจ้าบ๊อบรีบเปิดฝา กลิ่นกุ้งทอดกระเทียมพริกไทยคลุ้งเลย  ส่วนลาบไก่ก็ส่งกลิ่นฟุ้งไม่แพ้กัน   บรรดาฝรั่งตกใจวงแทบแตก โชคดีที่มีลมพัดชายเขากระน่ำพัดพากลิ่นจางทำให้ฝรั่งรอดตายไป บ๊อบก็เชิญชวนชิม ข้าวสวยร้อนๆด้วยฝีมือหมวยกับกุ้งกระเทียมพริกไทยและลาบไก่ ตอนแรกอาจารย์ออสซี่ดูแหยงๆ แต่พอชิมแล้วก็ยืนปักหลักทานกันเลย     อาหารกลางวันผ่านไปอย่างชื่นมื่น   สามีของอาจารย์Sue ดื่มเบียร์แก้มกุ้งทอดเนื้อหวานกรอบอย่างอะเร็ดอร่อย   อาจารย์Sue กระซิบบอกพวกเราว่า " Wonderful Thai food "  น้องหมวยหน้าบานด้วยความภูมิใจในอาหารไทยครับ

              ครอบครัวอุปถัมภ์( Host family ) ที่ผมอยู่  โดยปกติ Dad และผมกินอาหารกลางวันที่ Mom จัดให้ ก็ คือ แซนด์วิชเป็นประจำและแอ๊ปเปิล 1 ผล ประมาณว่า Apple a day, doctor away เหมือนพี่ไทยกินไข่วันละฟองอ่ะครับ   หม่ำทุกวันชักเบื่อๆ  ผมก็เลยหุงข้าวสวยหนึ่งหม้อ ทำเผื่อ Dad กะ Mom ด้วย   ผมเตรียมของ หั่นใส้กรอกไก่ ซอยหอมใหญ่ พริกหวาน กุ้งสดไม่มีก็เอากุ้งแห้งแทน ตั้งกระทะ น้ำม้นพืชให้ร้อน เทบรรดาสรรพสิ่งที่เตรียมไว้  คือ ใส้กรอก และกุ้งแห้ง ลงไป กลับสามที ตามด้วยพริกหวานและหอมใหญ่ สะบัดเกลือนิดหน่อย ทะยอยลงข้าวสวยและคนให้เข้ากัน ดับไฟ ตักใส่จานพักไว้ ก่อนใส่ทัปเป่อรแวร์และโปะไข่ดาวที่ละฟอง เป็นอันเสร็จ     ช่วงพักกลางวัน นักเรียนที่ Western Australia Institute of Technology (  ปัจจุบัน คือ  Curtin  University ) จะนั่งทานใน cafeteria และบริเวณสนามหญ้ารอบๆ โชคดีวันนี้มีแสงแดดด้วย ( ไม่ได้เห็นแสงแดดมาสองอาทิตย์แล้ว ) ก็เลยตั้งวงกินอาหารกันเต็มไปหมด น้องหมวยมาสบทบพร้อมกล่องพริกน้ำปลา   พอเปิดกล่องข้าวผัดกลิ่นฟุ้งกระจาย สาวๆญี่ปุ่น มาถึง " Jack san ขอ join ด้วย " สุมศรีษะกันคนละคำสองคำเป็นที่  อะเร็ดอร่อยและสนุกสนาน  Bob รำพึง " ถ้าได้ซดต้มยำกุ้งด้วยก็จะดีนะ " น้องหมวยบอก " น้อยๆ หน่อย แค่นี้ก็หรูแล้วย่ะ "

                 สองเดือนครึ่งผ่านไป นักเรียน ELICOS สอบเสร็จ ปิดเทอมแล้ว Sue Woods บอกว่าวันอาทิตย์นี้    อาจารย์ใหญ่โรงเรียน Busselton จะมารับพวกเราไปร่วมกิจกรรมที่เมืองนี้ห้าวันโดยได้จัดครอบครัวอุปถัมภ์ไว้ให้แล้ว  เมืองBusselton อยู่ไกลจาก Perth , Western Australia    ราวๆสองชั่วโมงรถวิ่ง   เป็นเมืองเล็กๆในชนบท   แต่เนื้อที่นอกเมืองกว้างใหญ่ไพศาลเป็นฟาร์มวัวเนื้อ วัวนม และแกะ  ครอบครัวที่ผมสามคนไปอยู่เป็นบ้านหลังใหญ่ในเมืองและมีฟาร์มสุดลูกหูลูกตาอยู่ชายเขา  Dad เป็นชายที่ยิ้มง่าย อารมณ์ดีเสมอแม้เวลาโดน Momบ่นโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ( อันเป็นคุณสมบัติของภรรยาทั่วโลก มั้ง ) ส่วนลูกสาว Colleen หน้าตาดีครับเรียนมอหกแล้ว เวลาอายแก้มแดงแจ้ดเลย ที่นี่พวกเราได้เรียนรู้สังคมชนบท อบอุ่นและสนุกสนานไปอีกแบบ

                  ภารกิจของสามเราที่ต้องร่วมกิจกรรมในโรงเรียน Busselton คือ เผยแพร่อาหารไทย และโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ก็เริ่มจากการหุงข้าว ฝีมือน้องหมวยรับประกันได้ พวก Aussies น่ะชิดซ้ายเพราะเค้าหุงข้าวกันดิบๆสุกๆกุบกับงัยไม่รู้ พวกเราทำต้มยำกุ้งหม้อใหญ่ ไข่กะน่องไก่พะโล้ หมูผัดพริก และไข่เจียวหอมฉุย โดย Bob กะ Colleen เป็นผู้ช่วยชั้นดี Dad เป็นพลขับนำคณะเราและอาหารไปตั้งตามจุดที่กำหนด รูปแบบข้าวราดแกงประมาณนั้นโดยมีสาว Colleen เป็นประชาสัมพันธ์เชียร์แขกทั้งนักเรียน ครูและผู้ปกครอง ทานฟรีครับ งบต่างๆ PTA จ่าย เพียงครึ่งชั่วโมงซุ้มอาหารไทยก็ต้องยุติโดยปริยายเพราะทุกอย่างเกลี้ยงเลยครับ

                 ชีวิตใน Western Australia ยังคงดำเนินต่อไป เดี๋ยวนี้ผมเหมือนพ่อครัวจำเป็นไปแล้ว ตอนเช้าก็ทำอะไรง่ายๆ เช่น ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย หมูทอดกระเทียม บางครั้งก็ข้าวผัดรวมมิตร ( มีอะไรๆโน่นนี่นั่นก็ใส่ๆไป ) บรรจุทัปเป่อรแวรไปเรียนมหาลัย พอพักกลางวัน ชมรมอาหารไทยก็มารวมกันที่คาเฟทีเรีย   น้องหมวยมีข้าวสวย พริกน้ำปลากะไข่เจียวปู ( ผมหัดให้ทำกะมือ รสชาติโอแล้วครับ ) ส่วนยูกิกับนัทซึมิหอบแซนด์วิชมาสองแพค เจ้าบ้อบกระหืดกระหอบแบกน้ำและน้ำผลไม้มาหลายกระป๋อง อ้อ มีเบียร์อีมูมาให้ผมด้วย ก็ลงมือทานกันไปคุยไปโดยเฉพาะผู้หญิงคุยจ๋อยๆ

                 ยูกิเล่าว่า บ้านเธออยู่เมืองฮิเมจิ ( Himeji city ) ห่างจากโอซาก้าและโกเบไปทางตะวันตก มีปราสาทฮิเมจิ ( Himeji Jo ) ซึ่งได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกด้วย และเธอเกิดในฤดูหนาว( Fuyu ) มีหิมะตกมาก พ่อกะแม่เลยตั้งชื่อเธอว่า Yuki = หิมะ     ส่วนนัทซึมิมาจากจังหวัดชิสุโอกะ ( Shizuoka ken )ที่มีภูเขาฟูจี ( Fuji san ) อันสวยงาม เธอเกิดเดือนแปดเป็นฤดูร้อน ( Natsu )เลยชื่อนัทซึมิ มั้ง ทำไปทำมาทั้งหมดก็เลยสนิทกันมาก บางครั้ง วันหยุด เราก็นัดรวมพลกันที่บ้านพี่ของหมวย บ้านว่างเพราะพี่สาวกะแฟนไปฮอลิเดย์ที่ซิดนี่ย์     บ้อบพาหมวยไปจ่ายตลาด   ผมเปิดโฉนดดีดกีต้าร์ ร้องเพลงรุ่น 60s , 70s ให้สองสาวฟังกันตาแป๋ว โดยเฉพาะยูกิ พอผมร้องเพลง You mean every thing to me เธออายแก้มแดงแช๊ด น่ารักจัง หมดเบียร์ไปสองกระป๋อง น้องหมวยกะบ่าวบ้อบก็หอบของมามากมาย รายการอาหารมี น้ำพริกปลาป่น ผมบอกบ้อบโขลกหอมแดงย่าง พริกย่าง ตามด้วยเนื้อทูน่ารมควัน โขลกให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล เติมน้ำร้อนหน่อย ใส้น้ำปลาและน้ำมะนาว เสร็จแระ 

               รายการที่สอง ผมให้น้องหมวยต้มน้ำค่อนหม้อจนเดือด ฉีกซองใส่เครื่องปรุงสำเร็จรูปต้มยำลงไป   รอให้เดือดพล่านก็ใส่ปลาหมึกสด   ปลากระพง หอยแมลงภู่ของออสซี่นี่ต้วโตมาก และตามด้วยเห็ดสด เรียงลำดับตามความสุกยากง่ายคนนิดนึง แล้วก็ปิดฝา   บ้อบซอยพริก บีบมะนาว เทน้ำปลาใส่ชามใหญ่ แล้วตักต้มยำซีฟูดลงไป ปรุงรสตามใจชอบ   ส่วนรายการที่สาม เป็นภารกิจของสองสาวยุ่น ให้ลองทำไข่เจียวหมูบด เริ่มตั้งแต่ตีไข่ใส่หมู   ผมให้บีบมะนาวใส่ครึ่งลูกจะได้ฟูๆเวลาทอด  ตั้งกระทะใส่น้ำม้นร้อนๆ ไฟแรงๆ  ยูกิเทไข่ลงไปเสียงดังฉ่า นัทซึมิถือตะหลิวคอยแซะพลิกอย่างทะมัดทะแมง เหมือนจะเล่นเคนโด้เลย อย่างไรก็ตาม  อาหารชุดที่สามสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี ไม่มีใครบาดเจ็บแต่อย่างใด  พอหมวยกะบ้อบจัดโต๊ะเสร็จ ทั้งหมดก็สนุกสนานกับอาหารไทยที่คิดว่า ถ้าลองๆทำดู ก็จะรู้ว่าเราทำได้ โดยเฉพาะเวลาทำในต่างประเทศ อาหารไทยมักจะมีเสน่ห์และสามารถดึงดูดให้เค้าสนใจชิมและแน่นอน   จากนั้น พวกเค้าก็อยากมาชิมจากมืออาชีพจริงๆในเมืองไทยด้วย      ขณะที่ผมนั่งนับกระป๋องเบียร์เปล่าๆ  ยูกิก็มานั่งตาแป๋วแว๋วอยู่ข้างๆ กระซิบว่า Jack san วันนี้ทำอาหารไทยสนุกที่สุดและอร่อยมากๆ Arigatou Gozaimashita   ผมรู้สึกหัวใจพองโต  มองเห็นโลกเป็นสีชมพูไปหมดเลยละครับ


              เวลาผ่านมาถึงเทอมสุดท้ายของคณะ ELICOS  เราเรียนกันหนักขึ้น แต่ก็มีวันหยุดและกิจกรรมต่างๆพอผ่อนคลาย    และสำหรับชีวิตส่วนตัวของพวกเรา น้องหมวยกะบ้อบดูไปกันได้ดี    Natsuki ก็คบหากับหนุ่ม Ken ที่เพิ่งบินตามมา เลยเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่ม พอจะเรียกได้ว่าครบคู่แล้วครับ    อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่นี่ ผมได้พยายามถ่ายทอดและฝึกปรือการทำอาหารไทยให้กับกลุ่มโดยเฉพาะน้องหมวยสาวไทยไฝ่รู้ จากหญิงที่เคยหุงข้าวเป็นอย่างเดียว เดี๋ยวนี้น้องหมวยเธอผ่านโปรฯ แล้ว สามารถทำอาหารไทยอร่อยๆ ได้หลายๆอย่าง    เวลามี party หรือ meeting ของกลุ่มต่างๆละก็ น้องหมวยของเราจะเป็นตัวหลักในการทำอาหารไทย   และได้รับคำชมจากทั้งอาจารย์และนักเรียน ELICOS  ตลอดจนผู้ร่วมงานเลี้ยงอยู่เนืองๆ


                     ในที่สุด พวกเราทุกคนก็จบหลักสูตร นักเรียนทั้งหมดได้เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ผมแสดงความยินดีกับทุกๆคน โดยเฉพาะ Yuki    ส่วนตัวผมก็เตรียมแพคกระเป๋ากลับเมืองไทยเพื่อทำงานใช้ทุนตามกติกา   สมาชิก ELICOS แทบทุกคนและอาจารย์หลายท่านพร้อมใจกันมาส่งผมที่สนามบิน ต่างก็สวมกอดผมพร้อมกับเรียกฉายาที่แต่ละท่านตั้งให้เช่น Poor Jack ( ผู้น่าสงสาร ), Jackkie ( เวลาน่ารักมั้ง ) , Jack ," trouble boy " ( ไอ้ตัวยุ่งยาก ) ฯลฯ แล้วแต่วีรกรรมน่ะครับ Yuki เป็นคนท้ายสุด น้ำตานองหน้าเลย เธอโอบผม พร้อมทั้งรำพึงรำพัน Jack san, Aiishiteru ( รักนะ ) Mata ne ( เแล้วพบกันนะ )   เฮ้อ ! ช่วงเวลาดีๆและมีความสุขนี่แสนสั้นจัง   คงเหมือนที่ฝรั่งเค้าว่า   " Time flies when we are happy "  แต่ก็อย่างว่า " All good things must come to an end. " คุณว่าไหม     และแล้ว ผมก็เดินขึ้นเครื่องแควนตัสเหมือนร่างไร้วิญญาณ รู้สึกโหวงเหวงงัยไม่รู้ครับ


                  กลับมาเมืองไทย สู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมโหมงานหนักเพื่อให้ลืมคิดถึงชีวิตอบอุ่นที่โน่น    เวลาปิดเทอม Yuki ก็บินมาหาผมที่กรุงเทพฯ   บางทีปีนึงเจอกันครั้งเดียว ยังกะเรื่องในเทศกาลทานาบาตะของญี่ปุ่น หรือซูบารุ ที่เจอกันได้ปีละครั้ง พอจบมหาลัย เธอก็หน้าเศร้ามาหาผม บอกว่า โอโต้ซัง( คุณพ่อ )กับโอก้าซัง( คุณแม่ )รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนแล้ว ทั้งสองท่านพูดตรงกันว่า " จะคบใครก็ตามใจ แต่ต้องแต่งงานกับคนญี่ปุ่นเท่านั้น " ผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างจบเลย


                  ผมนั่งมองปฏิทินชีวิตที่ผ่านๆไปในแต่ละปี บังเอิญหน้าที่การงานและความรับผิดชอบมากมายทำให้เป็นคนสุขุมมากขึ้น   และถึงแม้ว่าโลก online จะแคบมาก ทว่าช่องว่างเรื่องความรักของผมกลับกว้างยิ่งขึ้น กว้างเสียจนหาขอบเขตไม่เจอ ( น้ำเน่าแระ ) แต่....แต่สิ่งดีๆก็ยังพอมีให้ชื่นใจบ้าง เพราะหมวยส่งข่าวมาว่า  ปะป๋าลงทุนให้เธอกับพี่สาวเปิดร้านอาหารไทยที่เมือง Perth, WA โดยเจ้าบ้อบหุ้นส่วนชีวิตช่วยดูแล มีลูกค้านานาชาติต่างก็ติดใจรสชาติอาหารฝีมือเธอกันมากมาย และอาหารไทยฝีมือเธอก็มีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าฝรั่งทั้งหลายเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยอีกด้วย ผมดีใจ ปลื้มใจและภูมิใจในตัวเธอมากเลย นี่เป็นสิ่งเดียวและดีๆในความรู้สึกของผมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่ Western Australia   ลาก่อนครับ




 

Create Date : 13 มีนาคม 2556
11 comments
Last Update : 7 มิถุนายน 2556 18:06:02 น.
Counter : 1942 Pageviews.

 

อ่านเพลินเลยค่ะ และแอบซึม..ซับ ความนัยใน 2 ย่อหน้าท้ายสุด :)

 

โดย: ^_^ IP: 180.183.129.184 13 มีนาคม 2556 16:20:15 น.  

 

เห็นด้วยค่ะ อ่านเพลินมากๆ เขียนสนุกน่าติดตามจริงๆ
แต่เรื่องความรักเขียนได้เศร้ามากค่ะ ตกลงก็ไม่สมหวังเหรอค่ะ
55 แบบว่าอยากรู้ค่ะ
ลุ้นมากไปหน่อย ^++++^

 

โดย: Icon IP: 110.49.242.108 13 มีนาคม 2556 21:54:13 น.  

 

"ถึงแม้ว่าโลก online จะแคบมาก ทว่าช่องว่างเรื่องความรักของผมกลับกว้างยิ่งขึ้น กว้างเสียจนหาขอบเขตไม่เจอ" ผมชอบคำนี้ ลึ้งซึ้งมากครับ

 

โดย: arm IP: 110.49.240.88 13 มีนาคม 2556 22:15:14 น.  

 

อ่านแล้วเสียดายแทนเรื่องความรักกับยูกิจัง คนญี่ปุ่นที่กีดกันความรักโดยไม่ให้รักกับคนต่างชาติเคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่า ปัจจุบันไม่น่าจะมีแล้ว เสียดายๆๆๆๆๆ

 

โดย: เก่ง (keng_toshi ) 14 มีนาคม 2556 15:08:36 น.  

 


ขอบคุณเพื่อนสมาชิกครับ สังคมญี่ปุ่นเนี่ยะ ประมาณว่า มีคู่ขนานทั้งอนุรักษ์และสมัยใหม่ เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่น เราจะพบเจอทั้งสองแบบครับ

 

โดย: Jack (Jack Happy ) 15 มีนาคม 2556 16:31:28 น.  

 

แล้วที่เค้าพูดกันว่าคนญี่ปุ่นจะไม่คุยภาษาอังกฤษนี็จริงรึเปล่าครับ
แล้วถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นจำเป็นต้องรู้ภาษาญี็ปุ่นมั๊ยครับ

 

โดย: นัท IP: 110.49.225.43 18 มีนาคม 2556 7:15:38 น.  

 


คุณนัท คนญี่ปุ่นส่วนมากไม่พูดภาษาอังกฤษ คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็พอใจมากกว่าที่จะพูดแต่ภาษาญี่ปุ่น ยกเว้นเด็กรุ่นใหม่ๆที่ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับครูฝรั่งในโรงเรียน แต่เดี๋ยวนี้ ป้ายชื่อสถานที่ต่างๆ ก็ พอมีเป็นภาษาอังกฤษแล้วครับ ญี่ปุ่นเองก็พัฒนา Talking Dic. พอเค้าจิ้มภาษาเค้า แล้ว คอนเวิสเป็นเสียงภาษาไทยออกมาเลยครับ ถ้าคุณเคยดูโฆษณาโฟมล้างหน้าหลอดเขียวที่สาวยุ่นเล่นกะหนุ่มไทย สาวตอบว่า " ลาสโตะ ไน้โตะ " คุณนัทนึกออกไหมว่า เธอพูดว่าอะไร " lastou nightou = Last night " ครับ

 

โดย: Jack (Jack Happy ) 18 มีนาคม 2556 14:04:06 น.  

 

ผมได้ดูโฆษณาดังกล่าวแล้วครับ
เลยสงสัยว่าทำไมต้องออกเสียง 'tou' ด้วยครับ ทำไมไม่ออกเสียงธรรมดาแบบนั้นจะทำให้ฟังยากรึเปล่าครับ เพราะขอสารภาพว่าดูโฆษณาก็ฟังไม่ออกครับ

 

โดย: นัท IP: 110.49.249.72 19 มีนาคม 2556 0:24:27 น.  

 


คงเป็นเพราะระบบเสียงของคนญี่ปุ่นน่ะครับ คำที่ลงท้ายด้วย " t " จะต้องออกเสียง " โตะ " เช่น Fight = ไฟ้โตะ , Cut = คัทโตะ , ธรรมศาสตร์ = Tamasatou : ธามาซาโตะ เดี๋ยวว่างๆ อาจจะเขียนเกี่ยวกะเรื่องพวกนี้ครับ

 

โดย: Jack (Jack Happy ) 19 มีนาคม 2556 13:34:36 น.  

 


ลืมบอกไปว่า ชื่อคุณนัท พี่ยุ่นเค้าก็จะออกเสียงว่า Nattou san ( นัทโตะซัง = คุณนัทโตะ ) ครับ

 

โดย: Jack (Jack Happy ) 23 มีนาคม 2556 15:49:43 น.  

 

555 นัทโตะ ผมต้องใช้ชื่อนี้บ้าง ขอบคุณครับ
แล้วอัพเรื่องใหม่อีกเมื่อไหร่ครับ

 

โดย: นัท IP: 110.49.251.168 23 มีนาคม 2556 22:55:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Jack Happy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Jack Happy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.