ฤดูหวานรัก...Sweet Ogi - Megi วางแผงแล้ว /สนพ. ที่รัก
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 
บทที่ 8

“คุณชอบทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้เสมอหรือไง”วายุหันไปถาม พร้อมยิ้มละมุน เมื่อรถจอดหน้าคอนโดฯ หรูมีระดับแห่งหนึ่ง

“ไม่เสมอไปหรอกค่ะ...แต่เวลาอยู่ใกล้คุณฉันรู้สึกเหมือนเสียการควบคุมตัวเองไป” หล่อนเอียงคอขณะตอบรอยยิ้มพรายกระจ่าง

เขายิ้มขำและแกล้งถามอย่างหยอกเย้า“คุณพูดแบบนี้ รู้มั้ยมันเหมือนจีบผมอยู่”

“แล้วถ้าฉันจีบจะจีบติดมั้ยละคะ” หล่อนย้อนถามเสียงทีเล่นทีจริง

วายุหันมองหล่อนอย่างเพ่งพินิจจดจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย ริมฝีปากหยักได้รูปยิ้มละไม “ก็ลองดูสิครับ” ผู้หญิงคนนี้เปรียบเสมือนดอกไม้สีสันสดใสที่แต่งแต้มให้โลกใบนี้น่าอยู่ วินาทีนั้นนึกถึงคำพูดของเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่เคยเอ่ยกับเขาเล่นๆว่า

‘โลกนี้คงหมดความหมายถ้าไร้ผู้หญิง’และตอนนี้เขาเชื่อในตรรกะนี้อย่างไร้ข้อโต้แย้ง “คุณท้าฉันเองนะ บอกก่อนเลยว่าฉันเป็นคนทำอะไรแล้วก็ทุ่มสุดตัวนะคะ” หล่อนนิ่งไปชั่วอึดใจขณะจดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาเข้ม “แล้วอย่างที่ฉันเคยบอก ถ้าเพื่อให้คุณใจอ่อน...ฉันจะยอมทำทุกอย่าง”

หล่อนส่งยิ้มก่อนจะเปิดประตูรถก้าวลงไปช้าๆ เดินหายเข้าไปด้านในของคอนโดฯ โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองสักนิดขณะวายุเฝ้าจับจ้องจนหล่อนเลี้ยวหายไปตรงมุมกำแพง เมื่อหันหน้ากลับมาและทาบมือขวากับอกด้านซ้ายเบาๆ สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจเต้นถี่รัวเร็วกว่าปกติริมฝีปากหยักได้รูปยิ้มละมุนอีกครา

ขณะกำลังจะออกรถ สายตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดจิ๋วบนเบาะที่นั่งข้างคนขับจึงหยิบขึ้นมา ส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่แน่ใจว่าหล่อนลืมจริงๆ หรือจงใจลืมกันแน่...เขาคาดเดาผู้หญิงคนนี้ไม่ออกเอาเสียเลย

วายุตัดสินใจขับรถไปจอดตรงที่จอดรถใกล้ๆหยิบโทรศัพท์เคลื่อนลงจากรถไปด้วย เดินเข้าไปในคอนโดฯ ตรงไปหาพนักงานประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งชื่อของหญิงสาวที่ลืมมือถือเอาไว้

พนักงานหนุ่มน้อยกุลีกุจอกดโทรศัพท์ขึ้นไปบนห้องหล่อนวายุยืนรอพลางคิดว่า สาวพราวเสน่ห์คนนี้น่าจะขอให้เขานำโทรศัพท์ขึ้นไปคืนบนห้องเพราะดูจากที่หล่อนประกาศกร้าวว่า พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาใจอ่อน

แต่ผิดคาด เมื่อพนักงานหนุ่มแจ้งว่าหญิงสาวขอให้เขาฝากโทรศัพท์ไว้ที่เคาน์เตอร์ แล้วจะลงมาเอาเอง ต้องยอมรับว่าผิดหวังทีเดียวจนเกือบเก็บสีหน้าไม่มิด วายุส่งโทรศัพท์ให้เด็กหนุ่ม และเดินกลับไปขึ้นรถพยายามปัดความรู้สึกขัดใจทิ้งไป ยักไหล่ประหนึ่งต้องการบอกตัวเองว่าหาได้ยี่หระจากนั้นก็สตาร์ตเครื่องยนต์ ขับรถออกไปจากคอนโดมิเนียมหรู

ณ ระเบียงชั้นบนของคอนโดฯใครบางคนยืนกอดอกท่ามกลางความมืดสายตาจับจ้องไปยังรถยนต์สีบรอนซ์เงินที่เคลื่อนตัวออกไป ริมฝีปากอิ่มยิ้มมุมปากแต่เพียงสักพัก รอยยิ้มก็เจือจาง พร้อมความเศร้าสร้อยผุดขึ้นในแววตา

หล่อนสูดลมหายใจลึกๆ เม้มริมปากแน่นปัดทุกความรู้สึกไม่พึงประสงค์ทิ้งไปจนไม่เหลือซาก และกลับเข้าไปด้านในลงไปชั้นล่าง เพื่อไปรับโทรศัพท์เคลื่อนที่คืนมา

“เป็นไง วินนี่เพื่อนรัก” ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแกมทะเล้นเปิดประตูพัวะเข้ามา ส่งเสียงทักทายเสียงดังฟังชัด และกระโจนไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับวายุด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว

“ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่จะหัวใจวายเพราะลีลาการทักทายของนายนั่นแหละอะไรวะ โผล่มาพรวดเดียว ไม่ให้ซุ่มให้เสียง” วายุแกล้งต่อว่าไม่จริงจังนักละสายตาจากงานตรงหน้า ยิ้มให้พีศิลป์ เพื่อนสนิทและคู่หูด้านการทำงาน หลายปีก่อนทั้งสองพบกันในสหรัฐอเมริกาขณะไปสอบประกาศนียบัตรรับรองความสามารถด้านความปลอดภัยข้อมูล CISSP หรือ Certified Information System Security Professional เลยรู้จัก และสนิทสนมกันมาตั้งแต่ตอนนั้น

“อะไรกันทักทายแค่เนี้ย ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้ เสียชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอ็นไอบีหมด” หนุ่มหน้าทะเล้นกระเซ้า

“แล้วเจ้าหน้าที่ระดับสูงขวัญอ่อนไม่ได้หรือไง” วายุหยอกกลับเช่นกัน ขำเพื่อนช่างแหย่คนนี้ ที่ดูเผินๆเหมือนคนไม่เอางานเอาการ ลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัย แต่แท้จริงแล้วมีความสามารถเป็นเลิศด้านระบบคอมพิวเตอร์เป็นที่ปรึกษาด้านไอที ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และระบบความปลอดภัยของข้อมูล ให้องค์การใหญ่ๆ ทั้งในและต่างประเทศและการจับกุมวายร้ายข้ามชาติหลายคดีของเขา ก็ได้เพื่อนคนนี้เป็นฟันเฟืองสำคัญในการรวบรวมหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหา

“ถ้าขวัญอ่อนง่ายแบบนี้ก็น่าจะหาสาวมาคอยปลอบใจสักคนนะ เมื่อกี้ตอนขึ้นลิฟต์มา เจอคุณพริมเลยคุยกันนิดหน่อย ว่าแต่นายไม่คิดจะมองเธอบ้างหรือไง” พีศิลป์ดูออกมานานแล้วว่าพริมาแอบมีใจให้เพื่อนจอมเล่นตัวของเขาคนนี้

“สรุปวันนี้นายมาหาฉันนี่จะคุยเรื่องอะไรกันแน่”

“โอเคๆเข้าเรื่องงานเลยดีกว่า คือฉันได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับนายธาวันมาว่ะ วินนี่”

“ข้อมูลอะไร” วายุแสดงความสนใจทันที ตอนนี้เขากำลังรวบรวมหลักฐานอย่างแข็งขันเพื่อเอาผิดหมอนี่ให้ได้

“ฉันเพิ่งได้ข้อมูลมาว่ามันสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศเข้าบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่มันเปิดบังหน้านั่นแหละ แต่...สงสัยว่าน่าจะเป็นใบสั่งซื้อปลอมเพราะไอ้บริษัทห่าอะไรนั่น เพิ่งจะเปิดได้ไม่ถึงปี แต่ซื้อขายกับบริษัทไอ้ธาวันเป็นร้อยๆล้าน มันทะแม่งๆ ชอบกล แถมฐานการผลิตสินค้าของบริษัทนี้ที่อ้างว่าอยู่ในเวียดนามก็เป็นแค่ตึกแถวเล็กจิ๋วคูหาเดียว”

“นี่ก็เป็นช่องทางการฟอกเงินของมันอีกวิธีไงเป็นข้ออ้างในการโอนเงินออกนอกประเทศ”

“ฉันก็ว่างั้น อืมว่าแต่นายจะเอายังไงต่อ”

“ฉันก็คงต้องพยายามหาหลักฐานใบอินวอยซ์ที่ทางบริษัทในเวียดนามออกให้หากเป็นของปลอม ก็ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญอีกอย่าง”

“ว่าแต่เรื่องที่นายบอกว่ามันฝากเงินก้อนโตไว้ที่ธนาคารในออสเตรเลียล่ะ”

วายุถอนหายใจดังเฮือก “มันยักย้ายออกไปฝากที่อื่นแล้วที่สำคัญฉันยังไม่รู้ว่าที่ไหนด้วย หมอนี่มันร้ายไม่ใช่เล่น คงกะปั่นให้เราหัวหมุนเอ่อ นายตามเรื่องนี้ให้ฉันหน่อยสิ ขอด่วนนะ”

“ฉันจะพยายามแต่ไอ้ด่วนคงยาก มันไม่ใช่ง่ายๆ นะเพื่อน” พีศิลป์ตอบตรงๆ

“อ้าวทำไมนายมันมือหนึ่งเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ ทำไมทำไม่ได้ นี่มันงานถนัดของนายไม่ใช่เหรอ”

“รู้ ว่างานถนัด แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้านะโว้ยนายนึกว่าในโลกนี้มีฉันเก่งเรื่องนี้อยู่คนเดียวหรือไงไอ้ธาวันนั่นก็มีมือแฮกเกอร์เก่งๆ ช่วยอยู่แล้วไม่งั้นมันไม่อำพรางข้อมูลการเงินกับเครือข่ายของมันได้จนถึงทุกวันนี้หรอก แล้วนี่มันยุคอะไรเพื่อนยุคดิจิทัลครองโลก นายแค่ยืนอยู่กลางตลาดสดในกวางเจา กินองุ่นไร้เม็ดไป หยิบมือถือขึ้นมากดคลิกเดียวเงินมหาศาลก็ถ่ายโอนไปประเทศไหนก็ได้ อาจเป็นธนาคารเล็กๆ บนเกาะที่ไหนสักแห่งแล้วกว่าเจ้าหน้าที่จะตามเจอ โน่น มันก็โอนหนีไปที่อื่นแล้ว”

พีศิลป์อธิบายละเอียดยิบก่อนบ่นงึมงำ “โห มันนึกว่าง่ายเหมือนแซะขนมครกหรือไงวะ”

วายุเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้งรู้ดีว่าทุกวันนี้อาชญากรข้ามชาติมีวิธีการฟอกเงินสลับซับซ้อนแค่ไหนโอนไปธนาคารนั้น ย้ายไปธนาคารนี้ รวมถึงเอาไปลงทุนด้านอื่น ลงทุนในตลาดหุ้นบ้างนำไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือไม่ก็เปิดบริษัทบังหน้า

แล้วถึงจะตามเจอ พวกนี้ก็หัวหมอจะให้ข้อมูลส่วนตัวหลอกๆ กับทางธนาคาร ทำให้ยากแก่การติดตามเบาะแสแต่เขามันพวกกัดไม่ปล่อย พวกมันหนี เขาก็จะตามเล่นวิ่งไล่จับให้บ้าตายกันไปข้างหนึ่ง

“แล้วเครือข่ายในต่างประเทศของมันล่ะนายพอจะตามร่องรอยได้หรือยังว่าน่าจะมีใครบ้าง ฉันจะได้ให้ทางการประเทศนั้นเฝ้าจับตา” วายุถามขึ้นอีก

พีศิลป์ยิ้มเจื่อนและส่ายหน้า

วายุคลึงขมับสองข้าง ปวดศีรษะตุบๆขึ้นมาดื้อๆ สงสัยคงต้องใช้เวลานานกว่าที่คิดในการปิดคดีขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกลุ่มนี้“ไม่เป็นไร แต่ยังดีที่ฉันมีสายคนหนึ่ง พอเข้าใกล้พวกมันได้บ้างไม่แน่อาจได้ข้อมูลดีๆ ”

พีศิลป์ เบิกตาโต “โอ้โหคราวนี้นายไวกว่าฉันว่ะ”

“ใช่สิถ้ามัวแต่รอนายแซะขนมครก มีหวังไอ้ธาวันได้ขยายเครือข่ายมันไปถึงดาวอังคารพอดี”

หนุ่มหน้าทะเล้นได้แต่ทำปากขมุบขมิบเถียงไม่ออก “เอ่อ แล้วถ้าเราตามเส้นทางรถที่มันขนเอาแรงงานเข้ามาล่ะแบบนั้นจะหาหลักฐานเอาผิดได้คาหนังคาเขามั้ย”

“ยากถึงจับขบวนรถขนถ่ายมนุษย์ของมันสักห้ารถตู้ ก็จับได้แค่ลูกน้องปลายแถวของมันทุกครั้งไม่เคยสาวถึงต้นตอได้สักที พวกนี้มันเงินหนา ใช้เงินอุดปาก ก็ไม่มีการซัดทอดแล้ว อีกอย่างบางทีคดีพวกนี้ยืดเยื้อเป็นปีไปๆ มาๆ ก็เงียบหายไป”

“งั้นฉันจะพยายามดูอีกที ฉันเชื่อนะว่าบนโลกไซเบอร์ ทุกระบบมีช่องโหว่ เพียงแต่ฉันยังหาช่องโหว่ของพวกมันไม่เจอ” พีศิลป์พูดเสียงจริงจัง

“ฉันเข้าใจไอ้นี่มันตัวร้าย ไม่ธรรมดา แต่ช้าเร็ว มันก็ไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือกฎหมายหรอก”

^_____^




Create Date : 19 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 9:32:15 น. 0 comments
Counter : 485 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

isaiahland
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add isaiahland's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.