Blog เพื่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ โดยนักธุรกิจรุ่นใหม่ ในกรอบความคิดใหม่
Import-Export Business
แนวคิด และหลักการคิด
การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
ธันวาคม 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
21 ธันวาคม 2551
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 5
อี้อูมีอะไร
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 7
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 6
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 5
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 4
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 3
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 2
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 1
โอกาสธุรกิจในคุนหมิง และจิ่งหง(เชียงรุ้ง,สิบสองปันนา) 2008/11/20 ตอนที่ 5
ระหว่างเส้นทางที่เดินทางจากบ่อหานไปยังจิ่งหงนั้น จะต้องผ่านเมืองลา ผมสังเกตว่าต่อไปใครทำสวนยางพาราสงสัยเหนื่อยหนักแน่ เพราะป่าตามเส้นทางนั้นเป็นป่ายางพาราทั้งหมด (ต่อมาทราบภายหลัง หลังจากได้พูดคุยกับรองประธานหอการค้าของสิบสองปันนาว่า พื้นที่ทั้งหมดประมาณ สิบล้านไร่ ขณะนี้ผลิตยางได้ปีละหนึ่งแสนห้าหมื่นตันต่อปี (ตามสายตาของผมตอนนี้กรีดยางยังได้ไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เลย))
>
ถนนต้นปาล์มกลางเมืองจิ่งหง
เมื่อถึงเมืองจิ่งหงได้เข้าไปพักที่โรงแรม 湘渝酒店 (ใครอยากพักโรงแรมที่ดีกว่านี้ก็ได้ครับ) แต่สำหรับผมมันพอเพียงแล้วครับ แล้วที่สำคัญตรงนี้อยู่กลางๆเมืองเลย จะเดินไปศาลากลางจิ่งหง หรือจะไปชอปปิ้งก็ง่ายมาก เมื่อพักสักครู่ก็ไปดูสถานที่สำคัญสำหรับคนทำธุรกิจอย่างเราๆ โดยที่แรกที่ไปก็คือท่าเรือจิ่งหง ประจำการที่ริมโขงครับ
อาคารที่ทำการท่าเรือจิ่งหง
บริเวณท่าเรือจิ่งหง
แต่หลักจากที่ไปถึงท่าเรือแล้ว ผิดคาดครับ ไม่มีใครอยู่เลย(กลายเป็นสถานที่ โชว์การแสดงให้นักท่องเที่ยวแล้ว) จึงได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่ได้ความว่า เนื่องจากท่าเรือนี้บางทีน้ำก็ตื้นเขิน ทำให้บางฤดูกาลเรือใหญ่ก็ไม่สามารถเข้ามาได้
ดังนั้นจึงย้ายไปประจำการกันที่ท่าเรือเมืองกวนเหลย ทำให้ขณะนี้ไม่ว่าจะนำเข้าหรือส่งออกก็ไปเริ่มและสิ้นสุดที่ท่าเรือกวนเหลย เมื่อจบภารกิจวันนี้ก็ถึงเวลาพักผ่อน สังเกตวัฒนธรรม เดินเที่ยวตามอัธยาศัย ผมสังเกตเห็นว่าที่จิ่งหงนั้นมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาก คือชาวจีนมาจากพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ชาวไทลื้อ(ภาษาจีนเรียกว่าไต่จู๋ ) ชาวพม่า ซึ่งส่วนใหญ่มาขายหยก เครื่องประดับ ชาวอินเดีย มาขายเพชรพลอย ชาวไทย ชาวตะวันตก ชาวเขา (พวกม้ง กะเหรี่ยง) ฉะนั้นอาหารที่เมืองจิ่งหงนั้นจึงมีมากมายหลาย มีทั้งจีนเสฉวน ยูนนาน อาหารพื้นเมืองไทลื้อ อาหารไทย อาหารตะวันตก และอีกมากมาย
ปล. ผลการวิจัยที่เมืองจีนสำรวจ ปรากฏว่าเมืองที่ประชาชนมีความสุขมากที่สุดคือ สิบสองปันนา (ตามความคิดของผม ก็น่าจะจริงทุกคนยิ้มแย้ม แล้วได้ยินมาว่าไม่มีอาชญากรรม แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังสงสัยเพราะ เมืองที่ผสมด้วยหลายเชื้อชาติแบบนี้จะไม่มีอาชญากรรมได้ไง)
เชียงรุ่ง หรือ เชียงรุ้ง (จีน: 景洪; พินอิน: Jǐnghóng;) หรือ จิ่งหง เจียงฮุ่ง เจงฮุ่ง คือเมืองเอกในเขตปกครองพิเศษไท-สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับประเทศพม่า และ ตะวันออกเฉียงใต้กับประเทศลาว ประชากร: 363,110 คน (ประชากรในเมือง: 94,162 คน) ขนาด: 7'003 km²
เมืองเชียงรุ่งติดกับเทือกเขาเหิงต้วน และ แม่น้ำโขง สภาพอากาศนั้น ตอนบนเป็นเขตอบอุ่น และ ตอนล่างเป็นเขตอุ่นชื้น มีความชื้นมากในฤดูมรสุม และแห้งมากในฤดูหนาว ชั่วโมงแดดต่อปีก็คือ 1800-2300 ชั่งโมง อุณหภูมิเฉลี่ย 18.6°C -21.9°C และ ปริมาณฝน 1200-1700 mm.
เมืองเชียงรุ่งนั้น มีประชากรเป็นชาวไทลื้อเป็นหลัก โดยประชากรชนเผ่าต่างๆรวมชาวฮั่นและไม่ใช่ชาวไทเมื่อปี พ.ศ. 2545 ก็คือ 249,721 คน หรือ ประมาณร้อยละ 67.27 ของทั้งหมด ส่วนชาวไทนั้นมีร้อยละ 35 ของทั้งหมด มีชาวฮั่น 121,511 คน และ ร้อยละ 32.73 ของทั้งหมด
ชื่อที่มานั้น มีตำนาน "พะเจ่าเหลบโหลก" อยู่ว่า เมื่อครั้งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ถึงยังดินแดนริมฝั่งแม่น้ำของ(ภาษาลื้อเรียกน้ำของ ภาษาจีนเรียก หลานชาง คำว่าน้ำโขงจึงไม่มีในภาษาลื้อ) ของอาณาจักรชาวไทลื้อแห่งนี้ ก็เป็นเวลารุ่งอรุณของวันใหม่พอดี จึงเรียกแห่งนี้ว่า "เชียง" ที่แปลว่า "เมือง" และ "รุ่ง" ที่แปลว่า "รุ่งอรุณ" ว่า "เชียงรุ่ง" จึงแปลได้ว่าเมืองแห่งรุ่งอรุณอันสดใส (ที่มา วิกิพีเดีย)
Create Date : 21 ธันวาคม 2551
Last Update : 21 ธันวาคม 2551 0:11:03 น.
6 comments
Counter : 1317 Pageviews.
Share
Tweet
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆ
เป็นความรู้ใหม่จริง ๆ เกี่ยวกับเส้นทางนี้
ถ้าจะเดินทางไปท่องเที่ยวผ่านเส้นทางนี้
ควรจะมีเวลาสักกี่วัน แล้วงบประมาณเท่าไหร่ดีครับ
โดย: จีรศักดิ์ IP: 124.157.141.180 วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:13:42:14 น.
มาอ่านข้อความดีๆ ค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันกันนะคะ
โดย:
Summer Flower
วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:18:36:43 น.
ถ้าต้องการได้น้ำได้เนื้อ แบบได้ประโยชน์ทางธุรกิจ ควรใช้เวลาเจ็ดวัน
แต่ถ้าเที่ยวเอามัน ใช้เวลาสี่วันก็พอครับ
แบบเจ็ดวันใช้เงินไม่เกินสองหมื่น
ประมาณปลายเดือนมกราคม ผมก็จะไปอีก(ครั้งนี้ไปติดต่อธุรกิจนะครับ) โดยเส้นทางเดิม เวลาประมาณเจ็ดวัน ใครสนใจติดต่อไปด้วยกันได้ครับ แบบแชร์ค่าเดินทางกันออก
โดย: adamus IP: 222.123.29.143 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:1:01:29 น.
ดิฉันสนใจอยากไปด้วย ไม่ทราบว่าคุรทำธุรกิจอะไรที่จีนค่ะ
โดย: ฟางข้าว IP: 125.25.234.4 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:16:18 น.
ขอบคุณสำหรับการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ
สิบสองปันนา
ดินแดนแห่งอารยธรรมไทลื้อ และโชว์พาราณสีอันเลื่องชื่อ
โดย:
Royter
วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:19:44:31 น.
ขอบคุณสำหรับการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ
สิบสองปันนา
ดินแดนแห่งอารยธรรมไทลื้อ และโชว์พาราณสีอันเลื่องชื่อ
โดย:
Royter
วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:19:50:27 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
adamus
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [
?
]
นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ค้นหาโอกาสด้วยตัวเอง เพื่อสังคม
Webmaster - BlogGang
[Add adamus's blog to your web]
Bloggang.com
เป็นความรู้ใหม่จริง ๆ เกี่ยวกับเส้นทางนี้
ถ้าจะเดินทางไปท่องเที่ยวผ่านเส้นทางนี้
ควรจะมีเวลาสักกี่วัน แล้วงบประมาณเท่าไหร่ดีครับ