มะละกา มาแล้วก๊ะ
อันเนื่องจากเราได้แพลนคร่าวๆ ไว้แล้วว่า เราจะแฮ่ดออกจากสิงคโปร์ ไปต่อกันที่มาเลย์จ๊ะ จุดหมายปลายทางที่แรกในมาเลย์นั้น ก็จะเป็นมะละกา ซึ่งอันนี้ได้แอบไปอ่านคร่าวๆ กับบล็อกของ คุณจิตหลอน ก็เลยแอบหวั่นใจเรื่องหลงทาง เพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับเราเลยล่ะ พร้อมกับความไม่แน่ใจว่าจะได้ขึ้นรถเมื่อไหร่ แผนที่วางไว้อย่างคร่าวๆ อาจจะเน่ากว่าเดิมก็ได้ ความตั้งใจทีแรกเนี่ยอยากจะขึ้นรถไฟนอน อยากลองดูเหมือนกัน แต่ดูท่าแล้วจะไม่รุ่ง ก็เลยนั่งรถทัวร์งี้ดีกว่า ทีนี้เพื่อตัดปัญหาเราก็เลยจัดการจองตั๋วรถทัวร์มาล่วงหน้าเลยจ้า จองที่เวบ Busonlineticket.com ก็จะมีให้เลือกอยู่ว่าจะเริ่มต้นทางที่ไหน ไปลงที่ไหน วันไหน อย่างไร อย่างตอนนี้เรานั่งของ 707 ค่ะ เลือกเวลาเสร็จก็จะมีให้เลือกที่นั่ง
เสร็จก็จะมีข้อมูลให้กรอก ชื่อนามสกุล เลขที่พาสปอร์ต อีเมลล์ และก็ค่าเสียหาย ซึ่งจองในเวบนี้ก็จะเสียค่าธรรมเนียมอีก แต่ก็ไม่เป็นไรถือซะว่าเอาชัวร์ดีกว่า อันนี้ไม่ได้ไปตามล่าหา Code ส่วนลด เพราะเริ่มขี้เกียจและไม่ค่อยมีเวลาด้วย ก็เลยต้องจ่ายไป 74.03 SGD คิดเป็นเงินไทยตามที่โดนตัดจากบัตรเครดิตไป 1,826.82 บาท ประมาณว่าตกคนละ 609 บาท เสร็จสรรพจ่ายผ่านบัตรเรียบร้อยก็ได้ใบคอนเฟิร์มมา เราก็ปริ้นเอกสารไปยื่นที่ท่ารถเลยจ้า ซึ่งต้องไปขึ้นที่ Queen Street Bus Terminal
เพราะเราเลือกเวลาไปสายๆ กะว่าขอพักให้เต็มที่ซะหน่อยเหอะ กว่าจะเชคเอาท์ก็ประมาณ 9-10 โมงล่ะ เผื่อเวลาไปหาของกินด้วย ซึ่งจะว่าไปจากตรงที่พักนั้นไปไม่ไกลเลยนะ สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรม ด้วยความที่ภาษาอังกฤษเข้มแข็งมาก ผู้ชายใจดีก็เลยพาออกมาข้างนอก แล้วชี้ว่าให้เดินไปทางนี้ พอแยกแล้วเดินไปทางนี้นะ ขึ้นรถเมล์นะ น่าจะ 2 ป้ายรถเมล์ได้นะ แต่หน้าเกศินี ยังเอ๋ออยู่จ๊ะ เหมือนทุกคนจะรู้ว่า อินี่จำทางไม่ได้แหง๋ๆ ทั้งน้องเอ๋ ทั้งคุณครูก็ช่วยกันสุดฤทธิ์ สรุปเดินไปจนถึงทางแยกจ๊ะ เดินไปถึงป้ายรถเมล์ เอ๊ะ ขึ้นสายไรวะ เอ๊ะ แล้วเงินในบัตรจะพอรึป่าวนะ เอ๊ะ ขึ้นรถก็ต้องเดินต่อไปอีกนะ เอ๊ะเราจะลงถูกป้ายป่ะ เอ๊ะ อ๊ะ โอ๊ะ .... !!!
คุณครูเลยตัดปัญหา นั่งแท็กซี่ละกันนะ คงจะไม่เท่าไหร่หรอก ก็เลยโอเค เดินเลยป้ายมาอีกนิด ขึ้นแท็กซี่ แหม๋ พอจะขึ้นเนี่ย หายากขึ้นมาเชียว ทีตอนอยู่ป้ายรถเมล์ นี่เห็นมากันตรึม ไว้อาลัยให้ 1 ที ไม่นานก็ได้ขึ้นรถแล้วเย่ๆ
ขับมาได้หน่อยนึง อ๊ะๆ ถึงละจ้าา...เอิ่ม ใกล้นะ .. ใกล้มาก 555 คิดในแง่ดี ...ถ้าเดิน อาจหลง ถ้านั่งรถเมล์ คงงง เพราะต้องเดินเข้ามาอีก ความงกมันขึ้นสมองรึไงก็ไม่รู้ คุณครูเลยควักตังจ่ายค่าแท็กซี่ไป ซึ่งจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ มัวแต่คิดเรื่องอื่นๆ เยอะไปก็งี้ ๆล่ะ เสร็จสรรพ แท็กซี่มาจอดตรงหน้าบูธที่จะไปแลกตั๋วพอดี จำได้แม่นเพราะดูจาก กระทู้พันทิปไว้ว่าหน้าตาประมาณนี้ ก็ไปเอาใบที่ปริ้นไปกับพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเนี่ยๆ รถคันเนี้ยนะ! พร้อมกับชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่จอดอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย เราทั้ง 3 ก็เล็งไว้ละว่าน่าจะใช่คันนี้ล่ะ เค้าก็บอกว่าใกล้ๆเวลาออกก่อน 10 นาที ค่อยมาก็ได้ พวกเราก็เลยไปหาของกินกันในละแวกนั้นล่ะ ข้ามฟากมาอีกฝั่งเหมือนจะเห็นอยู่ลิบๆว่ามีของกิน เรื่องของกินนี่ พวกเราไม่ค่อยจะพลาดเท่าไหร่ เรดาห์ที่พุงเค้าแรง
แลดูจะมีแต่คนจีนทั้งนั้นเลยจ๊ะ แต่ภาษาจีนที่เรียนมายังแค่นับเลขเองจ๊ะ 555 เลยอ่านไม่ออกเลยสักนิด แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ก็เรียนมากกว่านับเลขแล้ว ถามว่าจะยังอ่านออกไหม..... ตอบได้เต็มปากว่า "ไม่" 555 จะเรียนให้เสียเวลาทำไมฟระเนี่ยงงตัวเอง เอ้า..เข้าไปเล็งๆ หาของกินแบบง่ายๆ แก้เซ็งดีกว่า
ภายในมีร้านหลากหลายอยู่เหมือนกันนะ
ฮิโซ อย่างพวกเราๆ ก็จะต้องหาเบรคฟาด ดีๆสมศักดิ์ศรีกันอยู่แล้วจ๊ะ นี่คืออาหารเช้าของพวกเรา ขนมปัง กาแฟ ไข่ลวก แหม๋ ดูดีจริงๆ
ของน้องเอ๋สั่งข้าวซี่โครงหมูอบร้านข้างๆ กันนี่ ซึ่งพอเขารู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ก็รีบเล่าใหญ่ว่าเนี่ยนะ เค้ากำลังจะไปอาทิตย์หน้านี้ล่ะ ตื่นเต้นๆ ... จ๊ะ ดีใจด้วย...อย่าพูดเยอะดิ ฟังไม่ทัน...เสียงในใจเกศินี ว่างั้น ด้วยความตะกละหรือว่าเค้าได้ยินเสียงในใจเรานะ เค้าถึงไม่กล้ามาคุยอะไรมาก แต่ก่อนจากก็ยิ้มสยามไปให้ 1 ที แบบว่าอย่าถามเรานะ เรายิ้มให้ละนะ ที่ยิ้มเนี่ยเพราะพูดไม่ถูกนะจ๊ะ เอิ๊กๆ หมดสิ้นเบรคฟาด ไปที่ 13.70 SGD ยังไม่ทันไร กินอะไรร้อนๆ ตอนเช้าก็เยี่ยงนี้แล จะต้องพลีร่างให้กับห้องน้ำแถวนี้ ซึ่งแอบหวั่นใจว่ามันจะไหวไหมนะ พอดูๆสภาพ โอเค ไม่เก๊ พอไหว ลั่นล้า มีป้านั่งรอเก็บเงินอยู่จ๊ะ คนละ 0.20 SGD เข้าสองคนกะน้อง เพราะแอบหวั่นว่าจะต้องนั่งรถอีกยาวไกล
ได้เวลากลับไปขึ้นรถซะที คันนี้ล่ะที่จะพาเราไปมะละกา ฮ้า ฮาา (ต้องทำเสียงให้เหมือนเวลาจะขึ้นร้องเพลงคาราโอเกะของแกรมมี่ด้วยนะจ๊ะ จะได้อารมณ์มาก)
มาดูภายในรถซิ กว้างขวาง นั่งสบายมากกกกกกกกกกกกก ปรับเอนนี่แทบจะนอนสบายๆได้เลย นั่งธรรมดาเข่าไม่ชนจ้า อย่างห่างเลย รู้สึกดีจริงๆ แบบว่าไม่เหมือนรถทัวร์บ้านเราอ่ะ เอ...หรือว่าเราเลือกนั่งรถทัวร์บ้านเราแบบราคาไม่แพง เลยไม่ได้นั่งสบายๆแบบนี้ก็ไม่รู้ แต่รู้สึกว่ารถทัวร์ส่วนมากจะมีแต่รถแบบนี้นะ
นั่งไปสักพัก ก็ต้องไปผ่านตม.ของสิงคโปร์ ตรงนี้ดูชาวบ้านเอาคับ เห็นคนเค้าลุกก็ลุกตามเค้า ลงไปเดินไปตามช่องนั่นล่ะ ตอนนี้ยังไม่ต้องถืออะไรลงไป เอาแค่พาสปอร์ต ให้เจ้าหน้าที่ปั๊มออกก็พอ แล้วก็เดินออกมาด้านนอก ซึ่งรถบัสที่เรานั่งมานี่ก็มารอพร้อมอยู่แล้ว ระหว่างนี้ก็แวะเข้าห้องน้ำอีกสักที วันนี้คนไม่เยอะมาก ไม่น่ากลัว มีรถของเรามาจอดเจ้าเดียว เลยไม่สับสนว่าจะขึ้นผิดคัน
กลับขึ้นมานั่งรถต่อ อีกไม่นาน ก็ถึงด่านตม.ของมาเลย์แล้ว ทีนี้เราก็ต้องเอากระเป๋าสัมภาระทุกสิ่งอย่างลงไปด้วย แล้วเจ้าหน้าที่ที่นี่ก็เริ่มดูดุเข้ม หน้าหวานๆ อย่างเราก็จ๋อยเล็กๆเพราะความตื่นกลัว ฮี่ๆ ถ้าเกิดทำไรพลาด พี่ๆเค้าจะดุเราไหมอ่ะ อย่าดุเค้านะ เดี๋ยวเค้าร้องไห้ เอิ๊กๆ สักพักก็มาถึงท่ารถที่มะละกาสักที เย้ๆๆๆๆ
ดีใจอยู่ได้ชั่วครู่ ก็แอบงงๆ ตรูจะไปทางไหนดีฟระ ... 555 เอ๋อๆ งงๆ กัน 3 คน แล้วก็เดินๆ ไปเรื่อยๆ นั่นล่ะ ตามป้าย Terminal Bus Domestic ก็จะออกไปข้างนอกตรงที่มีรถบัสเข้าในเมือง กว่าจะเดินมาเจอ แค่ในนี้ก็ยังหลงกันนะฮ้าาา เราจะมาขึ้นคันนี้กันแหล่ะ สาย 17 รถดูใหม่ดีนะ
ตอนนี้คนยังดูไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ไม่นาน...คนก็เยอะมว๊ากก เพราะรถจอดนานมากกกกก นี่มันนึกว่าอยู่อนุเสาวรีย์ชัย รึไง คอยจนกว่าคันใหม่จะมา แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ใช่แบบเดียวกะสาย 8 ขึ้นรถมาก็มีคนมาเก็บเงิน แต่ไม่เข้าใจทำไมเก็บเงินเราเยอะกว่าที่เราได้อ่านมา กลายเป็นว่า 3 คน 7 RM ที่อ่านมาแค่คนละ 1 RM ประมาณคนละ 10 บาาทไม่ใช่หรอ อย่างมากก็น่าจะแค่คนละ 2 RM ทำไม ทำไมคะคุณพี่....(ต้องทำเสียงเหมือนพวกตัวอิจฉาเวลาเสนอหน้าพระเอกให้เห็นใจ) จริงๆอยากจะบอก นัดเจอกันหลังเซเว่นปิดไหมล่าาา อะโด่วๆ แต่ไม่กล้าเถียงชายร่างใหญ่ผิวสีเข้มไว้หนวดเหมือนพ่อเราแต่ไม่หล่อเท่าพ่อเรา ทำหน้าดุๆ ใส่งี้ หนูก็ปิดปากเงียบเลยค่ะ
เจอพี่คนเก็บตังเบียดๆแทรกๆ ตัวจะทะลุกระจกออกไปละ...เลยทำให้สมองเริ่มมึน ไปต่อไม่ถูก ระหว่างนี้ เราก็จำไม่ได้ละว่าจะไปยังไงต่อ รู้แค่ว่าลงตรง Dutch Square แล้วทางที่จะไปโรงแรมล่ะ จะยังไงๆ ระหว่างนี้เกศินี ขอยืนหาข้อมูลในเนตก่อนนะ เตรียมพร้อมจริงๆเล๊ย 555
พอสักพักนึงก็ได้นั่ง เพราะคนเริ่มลงไปละ เราก็จะได้นั่งละ แต่.....ป้าคะ ป้านั่งริมทางเดิน ป้าเห็นหนูไหมคะ ไหนจะเป้ ไหนจะของในมือ ป้าทำไมไม่เขยิบเข้าไปนั่งข้างในหน่อยคะ ป้าแค่ขยับก้นมานิดเดียวละคิดหรอว่าก้นบานๆอย่างอิฉันพร้อมกะของเนี่ยจะเข้าง่ายๆ ไม่ค่ะป้า ป้าคิดผิดมากค่ะ !! เกศินี รำพึงในใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไร
แต่แล้วป้าก็ทำให้เกศินีเปลี่ยนความคิดมากมาย จากที่รู้สึกว่าป้าใจร้ายกะหญิงร่างเล็กอย่างอิฉันเหลือเกิน กลับกลายเป็นว่า ป้าเปรียบดุจดั่งนางฟ้า... โอ้ววววว ตอนนี้ัยังมีภาพป้านั่งอยู่แล้วมีแสงจากท้องฟ้าส่องมาที่ป้าเลยนะนี่ เพราะว่าฝรั่งคนข้างหน้าเค้าคุยกะคนข้างๆ ที่ไม่ได้มาด้วยกันหรอกนะ ว่าจะไปโรงแรมนี้อะไรยังไง ป้าก็สะกิดๆ บอกว่าลงตรงนี้แล้วเดินไปตรงนี้นะ สังเกตนี้ๆนะ โอ้วววป้าจ๋า...หนูขอถามด้วยเลยละกัน 555 ป้ารู้จักโรงแรมนี้ไหม ป้าตอบมาว่า ไม่รู้! เงิบ กำ...ความฝันเริ่มสลาย เลยหาแผนที่ให้ป้าดู ป้าก็ยังใจดี บอกว่าก็ลงตรง Dutch square นี่แล้วถามเค้าเอาอีกทีนะ ป้าไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะถึงที่ลงแล้วป้าจะบอก ลงพร้อมกันคนฝรั่งนี่ล่ะ คนส่วนมากก็ลงตรงนี้
ในที่สุดป้าก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม รีบบอกเลยว่าเตรียมลงได้และนะ ถ้าโยเป็นคนจัดการประกวดจะมอบมงกุฎให้ป้า 18 อันเลย เย้ย..... ไม่ใช่เซ่ะ .... ให้อันเดียวละแบบชนะเลิศไปเลยค่ะป้า ป้ารักเด็กรึป่าวไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือป้ามีน้ำใจมากๆ เลยค่ะ อยากจะกราบป้างามๆ จริงๆ
ลงมาแล้วก็ขอแอบถ่ายนิดนึง สวยอ่ะ
ก่อนจะไปงมถามทาง เห็นมีตำรวจยืนอยู่แถวนั้น เราได้เซฟแผนที่จากตอนที่ได้นั่งมาบนรถเมื่อกี้
คุณครูได้ทีเลยถามซะ ก็ว่าให้เดินไปทางนี้ๆ นะ คิดละว่าคงไม่ไกลหรอก ก็เดิน ๆ กันไป ถามทางไปเรื่อย กว่าจะเดินมาถึงได้ พอมาถึง อ้าว...เหมือนแบบว่าคิดว่าทางที่ก่อนหน้านี้มามันก็มาได้นะ แต่..งงไง 555 เอ๊า ไม่หลงก็ไม่ใช่เราซิเน๊อะ ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมไว้อย่างเหนียวแน่น แต่คราวนี้ลำบากหน่อย ไหนจะหนักของ ไหนจะน้ำหนักตัว ไหนจะแดดอย่างเปรี้ยง สามสาวเอวบางร่างน้อย ก็หอบแฮ่กกันเลยทีเดียว
คราวนี้เราจองที่ Kota Lodge กับทาง Agoda ซึ่งจองเป็นห้องแบบที่นอนได้ 3 คนเช่นเคย เป็นห้อง Triple Room Attached Bathroom เพราะว่าห้องส่วนมากก็จะเป็นเหมือนโฮสเทล คือมีห้องน้ำรวมนะ แต่คราวนี้เราเลือกได้ด้วยล่ะเอาแบบมีห้องน้ำในตัวก็สะดวกดี ราคาอยู่ที่คืนละ 1,056.06 บาท
เสียอยู่สองอย่างคือประตูมันดูไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไหร่ แต่ก็พอไหว และก็ปลั๊กอ่ะ แบบว่าอัดแน่นมาก แอบกลัวนะเนี่ย เรามีปลั๊กต่อของเรามา แต่ด้วยความที่รู้สึกว่าไม่พอเลยไปขอปลั๊กต่อเค้ามา เค้าก็ให้เรามาแบบนี้อ่ะ อันที่อยู่ตรงกลางคือของทางโรงแรม ส่วนอันบนสุดคือของเรา จะขึ้นเป็นคอนโดละเหอะ
วิวตรงระเบียงด้านนอก
หลังจากพักเหนื่อยได้สักพักนึง ก็เริ่มออกหากิน ทางเดินผ่านเป็นแม่น้ำมะละกา คิดว่าเดี๋ยวช่วงเย็นๆกว่านี้หน่อยจะมานั่งเรือเล่น โรงแรมอะไรจำไม่ได้ แต่ก็ใหญ่พอสมควร ริมแม่น้ำอีกต่างหาก วิวดีมากๆ
ระหว่างทางอีกเช่นเดียวกัน สวยดีนะตรงนี้ ถ้าไม่มีไอ้อ้วนยืนอยู่
เราแวะถ่ายรูปเล่นตรงนี้ ก็มีฝรั่งเดินผ่านบอกว่าเข้าใจคิดหาที่ถ่ายรูป คืออิพวกนี้มันบ้ากล้องอ่ะจ๊ะ
มาถึงแยกตรงนี้ ซึ่งช่วงค่ำๆ ก็จะมีของมาขายเพียบเลย
ดัชท์ สแคว อิอิ อ่านให้เถิกๆ กันเน้อ
หลังจากเดินเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย...แน่ะ ไปเพลงของเจ๊ใหม่เค้าทำไม บ่งบอกอายุอีกละ ก็มาถึงตรงจุดๆ นี้ ซึ่งไม่ถ่ายรูปไม่ได้นะค๊าา ผิดคอนเซปต์อย่างใหญ่หลวง 555
เห็นช่องประตูตรงนั้นป่ะคะ เราจะเข้าไปกินข้าวในนี้กัน พี่เค้าอุตส่าห์ออกมาดูมาเชิญชวนว่าอร่อยนะๆ มาลองก่อน หุหุ ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่เล๊ยยย น้องเอ๋ต้องขอผึ่งจุ๊กกาแร้ซะหน่อย เดี๋ยวกลิ่นสู้คนที่นี่ไม่ได้ จ๊ากกก !!
ลองสั่งข้าวมาลองชิม อร่อยใช้ได้เลยแหล่ะ พี่หมีและน้องลิงคอนเฟิร์ม
อันนี้แกงอะไรจำไม่ได้ แต่ก็อร่อยดีเหมือนกันนนะ กินกันแค่นี้กะน้ำสไปร์ท หมดไป 60.50 RM เพราะอยากไปลองชิมอะไรอย่างอื่นๆด้วยล่ะ
กินเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปตามประสา คนสวย ! อ๊ะ ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ 555 โปรดเข้าใจตรงกันด้วยล่ะ
มองดูแผนที่...ว่าจะไปตรงไหนต่อ แต่...งง 5555 งานนี้หน้าสัมพันธ์กับปากมาก หน้างงมาก ปากห้อยมาก เงิบ!
คุณครูเริ่มไม่ไหวกับรองเท้า เลยกลับมาหาซื้อรองเท้าแตะที่นี่อีกรอบ ชีวิตหนอชีวิตอ้วนๆทั้งครูทั้งน้อง วนเวียนชีวิตมีปัญหาแต่กะรองเท้านี่ล่ะ น่าสงสารจริงๆ
กว่าคุณครูจะได้รองเท้าแตะ เพราะครูไม่ชอบใส่หนีบ ครูคงไม่เข้าใจเด็กแว๊นซ์ แต่คราวนี้ครูจำยอม เพราะไม่มีขายเลย 5 5 5 และเราก็เริ่มลั่นล้ากันอีก
เดินไปถ่ายรูปเล่นไปตามทางเรื่อยๆ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวมาเยอะมาก มีรถทัวร์จอดอยู่เป็นระยะๆ เลยล่ะ หัวดำหัวทอง เยอะแยะไปหมด แต่เราก็มาถ่ายเรื่อยเปื่อยของเราได้ล่ะ หรือเพราะเราอ้วนบังคนอื่นมิดก็คงไม่ใช่เน๊อะ
เราไปล่องเรือเล่นกันค่ะ อากาศกำลังดีเชียว ค่าเสียหายคนละ 15RM รวมกันก็ 45RM จ้า
ขาไปไม่ยักกะเปิดอะไรให้ฟัง ดูริมฝั่งน้ำ ไปเรื่อย แล้วเพลงสุนทราภรณ์ก็ลอยอยู่ในหัว.. แต่ขากลับดันเปิดเทปที่ไกด์พูดให้ฟัง แต่...ไม่รู้เรื่องแล้วเหอะ
ระหว่างทางมีสาวๆมาวิ่งออกกำลังกายด้วย น่ารักดี ใส่ชุดจัดเต็ม
ตรงนั้นเป็นสวนสนุก มองๆแล้ว ไม่กล้าขึ้นชิงช้าสวรรค์ กลัวรับน้ำหนักไม่ไหว
กินลมชมวิวแม่น้ำเพลินๆ ก็เริ่มพลบค่ำพอดี เราเดิน ๆ ไปแฮ่ดกันต่อที่จะขึ้นหอคอยกันเต๊อะ น้องเอ๋ ก้อแอ๊บสวยกันไป
ตอนขึ้นทีแรกก็ไม่ได้กลัวเลยนะ แต่จู่ๆ ก็ดันค้างเติ่งตั้งแต่หอคอยกำลังไต่ขึ้นไปหน่อยเดียว แถมมาเป็นระยะๆด้วยนะ โอ๊ยยหวาดเสียวที่สุดล่ะจ๊ะงานนี้
มองจากมุมบนแบบนี้ สีสันสวยดีเลย ถ้าไม่นับเรื่องมันจะค้างไหม ก็คงจะได้อารมณ์อยู่ แต่บอกตรงๆ ขยับไปถ่ายรูปใกล้ๆกระจกปั๊บรีบลงมานั่งปุ๊บ ไม่กลัวเลยจริงๆ
และแล้วก็ถึงพื้นอย่างปลอดภัย ถึงอาจจะติดขัดทั้งตอนขาขึ้นและขาลงก็ตาม แต่อิฉันก็รอดชีวิตมาได้แล้วโอ้วว รู้สึกดีมาก ตอนเล่นเครื่องเล่นที่ค่อยๆไต่ขึ้นไปแล้วปล่อยทิ้งลงมานั่น ยังไม่หวาดเสียวเท่าขึ้นหอคอยที่นี่เลยล่ะ
เครียดกันซะจั๊กกาแร้เปียกเลย กับหอคอยอันนั้น หาน้ำเย็นๆชื่นใจมาดับอารมณ์ซะหน่อย คิกคาปู้ ไม่ค่อยได้เจอในบ้านเราเลยจัดซะ
สีสันยามค่ำคืนของรถถีบที่นี่ เท่ไปเลย แวะเดินเล่นที่ตลาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกะหอคอยซะหน่อย ก็จะมีขายอาหาร เสื้อผ้า เหมือนตามตลาดนัดบ้านเรา
จุดเด่นคือตรงนี้ รอให้ค่ำเล็กน้อย ก็มาเดินเล่นเลียบคลองที่ Jonker Walk ที่จะมีเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ผู้คนพลุกพล่านมาก แต่หน้าตาคนเดินส่วนมากจะเริ่มคุ้นๆจากที่เราไปเดินเล่นเที่ยวที่ป๊ะกะพวกทัวร์ๆทั้งหลาย
ขอจบคืนวันนี้ด้วยขนมหวานที่แสนอร่อย เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อะ ลืมแล้ว อันนี้ 3RM หอมหวานกะน้ำตาลปี๊บ แอบหวานไปนิด แต่เราก็รอให้น้ำแข็งละลายหน่อยก็พอไหว ไว้ว่างๆจะมาเขียนต่อ ย้อนกลับไปดูล่าสุดที่เขียนคือเดือนกันยา ไม่กี่เดือนเองเน๊อะ ก็ยังเขียนไม่จบวุ้ย 555
ขอขอบคุณ ครูมดสำหรับรูป สวัสดี
Create Date : 11 กันยายน 2556 |
|
17 comments |
Last Update : 17 ธันวาคม 2556 19:28:46 น. |
Counter : 2649 Pageviews. |
|
|
|
ส่วนเรื่องหลงทาง ปู่ก็เป็นเหมือนกัน อย่าว่าแต่ต่างประเทศเลย ใน กทม.ปู่ยังหลงทางประจำ เห้อๆ
ป.ล.ยังเขียนได้มันส์ในสไตล์เกโยเหมือนเดิม อ่านเพลินน่าติดตามครับ