ความจริง ไม่ได้มีอะไรเล๊ย....
เมื่อคืนหลังจากเสพความดราม่าเข้าสู่ร่างกายทั้งวัน
ด้วยการนอนดูซีรีย์ หนังรักกุ๊กกิ๊กช่างสมกะวัยจริงๆ 555
ตื่นเช้ามาด้วยอาการตัวบวม เอ้ย ตาบวมค่ะ
เพราะเป็นคนที่อินหนักไปนิ๊ดด ดูอะไรซึ้งก็ร้องไห้ ดีใจเสียใจก็ร้องไห้
เลิกไม่ได้สักทีค่ะ อาการนี้
แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็หน้าตาดีอยู่ .....(เอิ่ม..เอาที่สบายใจเลยนะเจ้าความคิด)
ไม่รู้ว่าเพราะเจ้าตาบวมนี่รึป่าวเช้านี้เลยดูจะเหวี่ยงแบบเงียบๆเป็นพิเศษ
เนื่องจากเป็นวันจันทร์ รถเข็นขายของแถวออฟฟิศไม่มีมาตั้งขาย
ก็เลยจะซื้อข้าวไปกินจากปากซอยบ้านก่อนถึงรถไฟฟ้า
ร้านนี้ขายข้าวราดแกง มีกับข้าวอยู่ 4 อย่าง
คือไข่ดาว กระเพราหมู ผัดกะหล่ำปลี และหมูกระเทียม
มีกล่องข้าวบางส่วนได้ถูกตักรอไว้แล้ว ส่วนมากจะเป็นไข่ดาว + กับอื่นๆ
และยังขายขนมต้ม ที่ใส่เป็นกล่องเล็กๆวางไว้อีก พร้อมกับบ๊ะจ่าง
และตอนนี้มีคนขายอยู่ 1 คน
วันนี้อยากได้ผักและเนื้อสัตว์ เลยจัดผัดกะหล่ำและผัดกระเพรา
คนขายกำลังจะเริ่มตักข้าวให้เรา มีคนมาซื้อขนมต้ม
เธอวาง และไปหยิบขนมต้มใส่ถุงให้ลูกค้าไป
ค่ะ มันดูง่าย เพราะจัดทำไว้แล้ว เราไม่รีบ เพราะวันนี้ออกเช้ามาก
คนขายหันมาตักข้าวต่อ แล้วมีลูกค้าอีกคนมาเลือกๆจะเอาบ๊ะจ่าง
คนขายวางกล่องข้าวที่ตักไปได้ทัพพีเดียว แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเรา
สงสัยเพราะตาบวมมั้ง มันเลยเป่ง ๆ และเพ่งรัศมีไป
เอาจริงๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ คุณคนขายเลยหันกลับมาตักข้าวตักกับข้าวต่อ
จริงๆตอนนั้นก็ตั้งใจว่า ถ้าคุณเธอเค้าหันไปหยิบถุงใส่ให้ลูกค้าอีกคน
เราก็คงทำได้แค่บอกว่า ไม่เอาแล้วค่ะ แล้วก็เดินจากไป
เสียดายไม่มีสายฝนให้รู้สึกว่าถูกกระทำเหลือเกิน โอ้ว ดราม่าอีกละ
ที่เคืองที่สุดคือ ตักข้าวและกับมาให้ น้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก
มันต่างกันโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่คุณตักรอไว้
และเราก็เคยซื้อร้านนี้อยู่ 2-3 ครั้ง ครั้งนี้คือน้อยกว่ามากๆ
ถามว่า กรูผิดหรอคะ ที่กรูมาคิวแรกเนี่ย
ทำไมต้องให้ทีหลังและยังให้น้อยด้วย
ถ้าขายของคนเดียวแล้วริจะขายสารพัดแล้วจัดการไม่ได้
ก็อย่าขายเลยดีกว่า
เรื่องเล็กๆ ที่อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะ
มาขึ้นรถไฟฟ้าต่อ เราเริ่มต้นสถานีแบริ่ง
ตัวโยเองขนาดว่าขึ้นที่สถานีต้นทางแบบนี้ก็ไม่ได้นั่งบ่อยมาก
และเคยเจอแบบก็ยืนเข้าแถวกันดีๆ พอรถมาเท่านั้นล่ะรีบเบียดเสียด
จะไปนั่งกันให้ได้ คือแบบอะไรจะขนาดนั้นกันนะ
มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย ก็วัยทำงานกันทั้งนั้นแหล่ะค่ะ
โยก็เลยรำคาญ ได้นั่งก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
แต่เราก็มีสปีดอยู่นะ ไม่ได้แบบชักช้ายึกยักให้คนอื่นมาคอย
เคยเจอที่แบบเรายืนอยู่ต้นแถวนะ ก็เบียดเรากระเด็นเลยอ่ะ
เห้ย นี่มันไม่ใช่แล้วปะขนาดว่ารากฐานมั่นคง ยังสั่นคลอนได้ขนาดนี้
เหมือนพวกวัวกระทิงวิ่งใส่ผ้าแดงเลยแหะ
วันนี้ก็ยืนอยู่คนที่ 3 ได้ แต่ก็โดนเบียดอีกแล้ว
แต่คราวนี้พี่ไม่ยอม บอกแล้วพี่ตาปูดนะเว้ย (เกี่ยวไรกันเนี่ย)
ด้วยเสี้ยววินาที และแรงเบียดมากขึ้น อินี่กันเลยค่ะ แล้วลงนั่งที่นั่งอย่างสบายใจ
ความสามารถในเก้าอี้ดนตรียามวัยเยาว์ถือว่ายังใช้การได้ดี
ณ ตอนนั้นรู้สึกสะใจมาก วะฮะฮ่า ข้าได้ครอบครองเก้าอี้แล้วเว้ย..
นี่ก็คงเป็นความรู้สึกของคนอื่นที่ชอบเบียดมาตลอดซินะ...หึ หึ
แล้วผู้หญิงในวัย 30 นิดๆ ที่เบียดเราเต็มที่ ก็มองหาที่อื่นแต่ไม่มีที่นั่งแล้ว
ก็มายืนเยื้องๆ อยู่ตรงที่นั่งโย เราก็มองดูหน้าเค้าด้วยอารมณ์ปกติ
แต่ในใจคิด "นี่มึงเบียดกรูขนาดนี้ ยังมาทำแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยหรอ"
เสียใจด้วยนะ วันนี้เธอทำไม่สำเร็จ เหตุเพราะได้ข้าวน้อยมั้งพี่เลยพาล 555
โว๊ะ อนาถจิตชีวิตคนเมือง
แล้วก็มานั่งคิดๆ ดู ว่าคราวหน้าถ้ามีคนเบียดๆมากอีกจะทำยังไง
จะเป็นเหมือนคราวนี้อีกไหม กลัวว่าวันนึงจะถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมแบบนี้
การเข้าแถวไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี ก็ยังมีคนที่ล้ำเส้นตลอด
ก็ไม่รู้จะเก็บเอามาคิดทำไม บ้าเน๊อะ
สวัสดี
เวลาอารมณ์เสียๆ ตาบวม (เกี่ยวอะไร ฮา) ก็อาจจะทำให้หงุดหงิดไปหมดได้นะคะ
เวลาอารมณ์ดีๆ เราก็คงให้ที่เค้าแล้วก็คิดว่า เออ ดี ได้ทำทานแล้วหนึ่งอย่างวันนี้...เนาะ
มาขอบคุณสำหรับโหวตนะคะ
มาตอบด้วย..ไม่ได้เช่าชุดค่ะ ไปกับลูกค้าน่ะ เลยไม่สะดวกลั้นลาเอง แหะๆ