Strong solar flares still shooting out from active spot on sun.พายุสุริยะยังเกิดต่อเนื่อง(จุดเดิม)

	The sun is continuing its active streak this week, firing off another solar flare late Thursday (March 8) from the same region that produced this week's strong solar storm. An M6.3-class solar flare — a mid-range eruption — spewed from the surface of the sun last night at 10:53 p.m. EST (0353 GMT March 9), according to an alert from the Space Weather Prediction Center, a joint operation by the National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) and the National Weather Service. Space weather scientists use five categories — A, B, C, M and X — to rank solar flares based on their strength and severity. A-class flares are the weakest types of sun storms, while X-class eruptions are the most powerful. The M-class solar flare exploded from the same sunspot region, called AR1429, which has been particularly active all week. This dynamic region has already unleashed three strong X-class solar flares. On Tuesday (March 6), two powerful X-class eruptions triggered the strongest solar storm in eight years, Bob Rutledge, head of NOAA's Space Weather Forecast Office, told reporters today (March 9). "When you take overall intensity and length — how long it persisted — we're confident in saying by some measures, it was the strongest storm we've seen since November 2004," Rutledge said. "That doesn't mean that between November 2004 and today we haven't had brief periods that were more intense. If you look at the storm overall for length and strength, it was the strongest storm since November 2004." [Photos: Solar Flare Eruptions of 2012] A fast-moving cloud of solar plasma and charged particles, called a coronal mass ejection, was triggered by the Tuesday X-class eruptions, and this wave of energetic particles hit Earth yesterday. The resulting geomagnetic storm was weaker than expected, but solar physicists say there is a potential for conditions to escalate. "We still have about a 40 percent chance of seeing another X flare," Rutledge said. "We still think it's fairly likely to see one later today, tomorrow or the next day. We're watching this region closely." A coronal mass ejection from last night's flare is also approaching Earth, and while this one is expected to hit Earth directly on Sunday (March 11), experts at the Space Weather Prediction Center are not anticipating the effects to be very severe. "[It] could cause storming levels that could reach the G3 (strong) level again, but we don't believe it will have quite the sustained intensity," Rutledge said. Still, the massive sunspot region shows no signs of quieting down, and earlier today, NASA scientists said that it also appears to be growing. "Sunspot AR1429 keeps getting bigger! It's more than 7 times the width of Earth," scientists with NASA's Solar Dynamics Observatory said via Twitter. With this sunspot region now facing Earth, at the central meridian of the solar disk, strong solar eruptions have the potential to wreak havoc on the planet. Big coronal mass ejections that hit Earth head-on can potentially knock out power grids and disrupt other electronics infrastructure. Strong solar storms can also disrupt satellites in space and pose radiation risks for astronauts aboard the International Space Station. This week's solar storm increased levels of solar radiation and caused geomagnetic storms on Earth, but the effects were milder than expected. As a precaution, commercial airliners re-routed flights over Earth's polar caps, but no other major disruptions were reported, Rutledge said. Solar storms can also amp up displays of the northern and southern lights, enabling people to see them farther south than normal. Yesterday, skywatchers reported seeing auroras from states such as Wisconsin, Michigan and Washington, Rutledge said. But without any additional eruptions from the sun, and as this week's solar storm begins to taper off, the supercharged aurora displays will begin to decrease around the globe, he added. The sun appears to be coming out of an extended lull in activity in its 11-year cycle. The current cycle is known as Solar Cycle 24 and solar activity is expected to ramp up toward its peak in 2013, NASA officials have said. แปลไทย ดวงอาทิตย์ยังคงปะทุต่อเนื่องในอาทิตย์นี้, โดยได้ปล่อยลูกไฟลูกอื่นๆต่อมาในช่วงวันพฤหัสที่ 8 มีนามคม ตรงบริเวณจุดเดิม ซึ่งได้ก่อให้เกิดพายุสุริยะรุนแรง พายุขนาด M6.3 ซึ่งเป็นขนาดกลางได้พวยพุ่งจากพื้นผิวดวงอาทิตย์ในคืนวันที่ 9 มี.ค. ตามการสัญญาณเตือนจาก ศูนย์พยากรณ์อากาศอวกาศ (แต่งตั้งจากความร่วมมือของ NOAA กับ พยากรณ์อากาศแห่งชาติ) นักวิทยาศาสตร์ด้านอากาศในอวกาศได้แบ่งประเภทของพายุสุริยะออกเป็น 5 ประเภท A, B, C, M และ X ตามระดับความรุนแรง. คลาส A จะเป็นพายุที่เล็กที่สุด และ X-class จะเป็นพายุที่ทรงพลังที่สุด โดยพายุลูกล่าสุดเป็นขนาดกลาง (M-class) ปะทุออกมาจากจุดเดิมที่ระเบิดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้ก่อให้เกิดพายุขนาด X-class ไปแล้วรวมเป็น 3 ลูก ในวันอังคารที่ 6, พายุ X-class 2 ลูกแรกจัดเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา Bob Rutledge หัวหน้าศูนย์พยากรณ์อากาศในอวกาศ NOAA ได้บอกกับผู้สื่อข่าว เมื่อคุณพิจารณาจากความรุนแรงโดยรวมและความยาว — ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น — เราก็พอจะบอกได้จากการปรมาณคร่าวๆ, ว่ามันเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เราเคยพบมาตั้งแต่ปี 2004 Rutledge กล่าว. "นั่นไม่ได้หมายความว่าระหว่างปี 2004 ถึงปัจจุบันจะไม่มีการปะทุที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณสังเกตุพายุ จากความยาวของมันและความรุนแรง, มันก็จัดเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004" คลื่นความร้อนที่มีความเร็วสูง ที่เกิดขึ้นจากการระเบิดได้มาปะทะกับโลกในวันที่ 8. ความรุนแรงจากพายุสุริยะนั้นอ่อนกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ แต่นักฟิสิกส์สุริยะกล่าวว่า มันจะยังมีการปะทุครั้งใหม่และก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงกว่าเดิม "เราได้ประมาณการไว้ว่าจะยังมี 40% ที่จะเกิดพายุขนาด X" Rutledge กล่าว "เรายังเชื่อว่าจะได้เห็นพายุเหมือน 1 ลูกที่เราเห็นวันนี้, หรืออาจจะพรุ่งนี้ หรือวันมะรืน. เราจะกำลังจับตามองจุดระเบิดดังกล่าวบนดวงอาทิตย์อย่างใกล้ชิด" คลื่นความร้อนจากพายุที่เกิดในวันที่ 8 จะมาถึงโลกซึ่งคาดว่าน่าจะมาถึงประมาณวันอาทิตย์ที่ 11 มี.ค. ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์พยากรณ์อากาศอวกาศทำนายว่าผลกระทบไม่น่าจะรุนแรง "มันอาจจะมีผลทำให้พายุสามารถขึ้นไปถึงระดับ G3(รุนแรง) อีกครั้ง แต่เราไม่เชื่อว่าจะทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงแต่อย่างใด" Rutledge กล่าว ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งบอกว่า จุดระเบิดบนดวงอาทิตย์จะลดขนาดลง ในเช้าวันที่ 9 นักวิทยาศาสตร์ของ NASA กล่าวว่ามันกำลังขยายขนาดขึ้นด้วยซ้ำ จุดระเบิด AR1429 กำลังค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น และมีขนาดใหญกว่าโลกถึง 7 เท่าตัว นักวิทยาศาสตร์ ของ NASA ผู้สังเกตุการณ์การระเบิดได้ บอกผ่าน Twitter จุดระเบิดบนดวงอาทิตย์ในปัจจุบันซึ่งกำลังหันมาทางโลก, ที่บริเวณจุดศูนย์กลางเส้นแวงบนดวงอาทิตย์(บริเวณมุมซ้ายด้านบน) ซึ่งการปะทุนั้นมีผลทำให้เกิดความเสียหายบนโลก คลื่นความร้อนขนาดใหญ่ที่มากระทบโลกนั้นจะเข้าไปทำควาเสียหายต่อระบบไฟฟ้า พายุสุริยะที่รุนแรงสามารถรบกวนดาวเทียมบนอวกาศและทำให้เกิดความเสี่ยงต่อมนุษย์อวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติที่อาจจะได้รับรังสีดังกล่าว พายุสุริยะในสัปดาห์นี้ได้เพิ่มระดับรังสีและทำให้เกิดพายุคลื่นแม่เหล็กบนโลก แต่ผลกระทบกลับไม่ได้หนักหนาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ มีเพียงแค่ คำเตือนที่ได้แจ้งไปยังสายการบินพาณิชย์ให้มีการเปลี่ยนเส้นทางบินบริเวณที่เกิดแสงเหนือ แต่ก็ไม่ได้เกิดการรบกวนหรือผลกระทบอื่นๆแต่อย่างใด Rutledge กล่าว พายุสุริยะจะทำให้เกิดแสงเหนือและแสงใต้ได้ ทำให้คนส่วนใหญ่มีโอกาสจะได้เห็นในที่ๆไกลขึ้นเช่นในแถบทางใต้ วานนี้ ผู้สังเกตุการณ์ได้รายงานว่าเขาได้เห็นแสง auroras จากบางรัฐเช่น วิสคอนซินส์, มิชิแกน และ วอชิงตัน Rutledge กล่าว แต่ไม่มีการระเบิดใด ๆ เพิ่มขึ้นอีกจากดวงอาทิตย์ พายุสุริยะสัปดาห์นี้จะเริ่มที่จะลดลงพร้อมๆแสงออโรร่าจะเริ่มลดลงทั่วโลก เขากล่าวเสริม พระอาทิตย์ได้ปะทุขึ้นหลังจากที่ได้สงบมานานในรอบ 11 ปี. รอบปัจจุบันเรียกกว่าเป็นรอบที่ 24 ของการปะทุและคาดว่าจะมีการปะทุที่รุนแรงขึ้นไปถึงจุดที่สูงสุดในปี 2013 เจ้าหน้าที่ NASA กล่าว

Create Date : 12 มีนาคม 2555		2 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2555 17:11:14 น.
Counter : 4236 Pageviews.
Share Tweet