The world around us: My perspective
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

คริสโตเฟอร์ โนแลน - ผู้กำกับสุดแนวจาก The Dark Knight

เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผมได้ไปเห็นข่าวรับสมัครคนเขียนบทความและสกู๊ปในนิตยสาร Filmax ซึ่งเป็นนิตยสารหนังที่ผมชอบมากเลย (ก่อนหน้านั้นผมชอบ Cinemag ซึ่งก็เลิกพิมพ์ไปแล้ว )

ผมดันไปทราบข่าวนี้ช้ากว่าคนอื่นเขา เลยมีเวลาเขียนสกู๊ปเพียง 4-5 วันเท่านั้น แต่ด้วยความที่ใจรักมาก่อนอย่างอื่น เลยปั่นๆๆๆ จนได้ออกมา 2 สกู๊ป เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับหนัง Wall-E ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับผู้กำกับหนัง The Dark Knight ที่ชื่อคริสโตเฟอร์ โนแลน

ผมไม่ได้รับข่าวจากกอง บก. ของ Filmax อีกเลย ซึ่งนี่คงเป็นการปฏิเสธของเขานั่นแหละ ผมก็เข้าใจครับ คนส่งสกู๊ปไปคงมีไม่ใช่น้อย จะให้เขาตอบปฏิเสธกลับไปหาทุกคนก็คงกระไรอยู่ สิ่งที่ผมทำได้ก็คือเอาสกู๊ปที่ส่งไปมาลงในบล็อกของตัวเอง มันคงเหมือนกับพ่อแม่ที่มองลูกน่ะครับ ไม่ว่าลูกตัวเองจะโดนใครปฎิเสธกลับมา อย่างไรเขาก็ยังมีค่าเสมอสำหรับเรา

อ้อ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ได้หวงลูกคนนี้จนรับคำติชมไม่ได้ ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบอะไรอย่างไร บอกออกมาตรงๆ ได้เลย ผมยอมรับและขอบคุณทุกความคิดไว้ล่วงหน้าเลยครับ โอกาสหน้าผมจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาอีก

ขอโทษทีๆ เกริ่นเสียยาว เชิญอ่านได้เลยครับผม

------------------------------------------------------------------------------------------

ความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศของหนังเรื่อง The Dark Knight ที่ถูกกำกับโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งกวาดเงินไปทั้งหมด 261 ล้านเหรียญภายในระยะเวลา 8 วันตั้งแต่เปิดฉาย ได้แซงหน้าหนังภาคแรก Batman Begins ของผู้กำกับคนเดียวกันที่ทำไว้เพียง 205 ล้านเหรียญไปอย่างง่ายดาย [6] ส่งผลให้จำนวนหนังที่ทำเงินเกินร้อยล้านของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน (คิดเฉพาะรายได้ภายในประเทศอเมริกา) กลายเป็นสองเรื่อง และแปรสภาพเขาจากผู้กำกับขวัญใจนักวิจารณ์ไปเป็นผู้กำกับมือทองอย่างสมบูรณ์



ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คือ สาเหตุแห่งความสนุกของหนัง The Dark Knight ไม่ได้มาจากความเป็นแฟนตาซีของหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่กลับมาจากบรรยากาศภายในหนังที่สมจริงและเอาจริงเอาจัง บทหนังที่ลึกซึ้ง และตัวละครที่โดดเด่น อีกทั้งเนื่องจากหนังภาคแรก Batman Begins ได้ปูเนื้อเรื่อง ภูมิหลังและปมภายในใจของแบทแมนไว้อย่างดี เปิดโอกาสให้โนแลนมีเวลาเล่นกับประเด็นอื่นได้มากขึ้น หนังที่ได้ออกมาจึงทั้งดูสนุกและสมจริง ซึ่งแตกต่างกับหนังแบทแมนในยุคสีสันฉูดฉาดเป็นอย่างมาก ซึ่งโนแลนน่าจะได้รับเครดิตไปไม่น้อยเนื่องจากเขาเป็นคนเขียนบทหนังเองด้วย



ในความเป็นจริงแล้ว คริสโตเฟอร์ โนแลนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับงานเขียนบทแต่อย่างใด จากผลงานกำกับหนังทั้งหมดของเขา มีหนังเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเขียนบทหนังเลย คือหนังเรื่อง Insomnia หนังรีเมคฉบับฮอลลีวู้ดที่มาจากหนังต้นฉบับของประเทศนอร์เวย์ แม้ว่าผู้ที่คุ้นเคยกับผลงานของเขาอาจรู้สึกประหลาดใจที่เขายอมสร้างหนังจากบทของคนอื่น แต่ความฉงนงงงวยทั้งหลายจะมลายหายไปเมื่อรู้ว่าในขณะที่กำกับหนังเรื่องนี้ โนแลนไม่ยอมดูหนังต้นฉบับเลย เหตุผลที่เขาให้น่ะหรือ เพราะเขาไม่อยากจะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่างในหนังเพียงเพราะมันเคยอยู่ในต้นฉบับน่ะสิ [2] สาวกแบทแมนรุ่นใหม่ทั้งหลาย (รวมถึงผมด้วย) คงคิดตรงกันว่ามันช่างสมกับเป็นโนแลนเหลือเกิน



คริสโตเฟอร์ โนแลนเป็นลูกครึ่งอเมริกันอังกฤษ เขาเริ่มต้นชีวิตนักสร้างหนังด้วยการทำหนังสั้นในขณะที่เรียนด้านวรรณคดีอังกฤษอยู่ที่ลอนดอน และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากหนังสั้นเรื่องที่สามของเขาที่ชื่อ Doodlebug ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่ไล่จับแมลงตัวหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าแมลงตัวนั้นคือตัวเขาฉบับจิ๋ว หลังจากนั้นเขามีโอกาสได้เขียนและกำกับหนังยาวเรื่องแรกชื่อ Following ซึ่งเป็นหนังที่เกี่ยวกับการไล่ตามเช่นกัน แต่เป็นเรื่องของชายหนุ่มที่คอยสุ่มติดตามคนผ่านทางจนกระทั่งบังเอิญไปตามมิจฉาชีพคนหนึ่งเข้า แม้ว่าจะใช้ทุนสร้างเพียง 6000 เหรียญ และเวลาเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ในตลอด 1 ปีสำหรับการถ่ายทำ หนังเรื่องนี้กลับได้รับรางวัลจากงานเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆ ถึง 4 รางวัล จนทำให้ได้รับความสนใจบริษัทนิวมาร์เก็ตฟิล์มที่ชวนและให้ทุนเขามากำกับหนังเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างมาก นั่นคือ Memento



ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่แหวกแนวไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้ชมหนังเรื่อง Memento รู้สึกสับสนงุนงงในลักษณะคล้ายกับชายหนุ่มตัวเอกในเรื่องผู้กลายเป็นโรคความจำสั้นหลังจากโดนทุบที่ศีรษะ เนื้อเรื่องและปมปริศนาทั้งหลายในหนังเรื่องนี้ถูกเปิดเผยและคลี่คลายไปทีละนิดเริ่มจากปัจจุบันย้อนไปสู่อดีต ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคำชื่นชมจากนักวิจารณ์เป็นจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันกลับมีนักวิจารณ์บางกลุ่มให้ความเห็นเชิงตำหนิว่า ถ้าหนังถูกเล่าในแบบตรงไปตรงมาก็คงจะไม่มีอะไรน่าสนใจนัก อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจปฎิเสธว่าสไตล์ของหนังช่วยสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีอยู่ภายในตัวของผู้กำกับคนนี้ได้อย่างชัดเจน

ขึ้นชื่อว่าโนแลนแล้วจะทำอะไรให้คนอื่นเดาได้ก็คงกระไรอยู่ หนังเรื่องต่อมาของโนแลนเลยกลับกลายเป็นหนังรีเมคเรื่อง Insomnia ไปเสียนี่ โดยเรื่องนี้เขาได้ทุนสร้างเพิ่มขึ้นและมีโอกาสได้ร่วมงานกับดาราอย่างอัล ปาชิโน และโรบิน วิลเลี่ยม รวมไปถึงผู้อำนวยการสร้างอย่างสตีเว่นส์ โซเดอร์เบิร์ก ซึ่งหนังก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชมและนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ผิดหวัง พล็อตของหนังที่เกี่ยวกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจของตำรวจคนหนึ่งที่มาตามจับผู้ร้ายในอลาสก้า พร้อมกับบรรยากาศขมุกขมัวภายใต้พระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สาดแสงตลอด 24 ชั่วโมงจนทำให้ตำรวจคนนั้นนอนไม่หลับ ช่วยสร้างความรู้สึกที่อึดอัดและสับสน (ที่สาวกของโนแลนคงจะคุ้นเคยกันดี) ให้กับตัวหนังอย่างบอกไม่ถูก เมื่อถูกถามว่าเขาต้องการเปลี่ยนแนวด้วยการหันมาทำหนังตลกดูบ้างไหม โนแลนกลับตอบว่าจริงๆ แล้วหนังเรื่อง Memento และ Insomnia ก็ตลกดีนี่นา (ซึ่งเกือบทุกคนคงไม่เห็นด้วยเป็นแน่) พร้อมกับหยอดว่าเขาอยากทำหนังทุกประเภท เว้นแต่เพียงหนังเพลงเท่านั้น [2]



อาจเป็นเพราะคำสัมภาษณ์นี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ที่ทำให้โนแลนได้รับการวางตัวให้เป็นผู้กำกับคนต่อไปของหนังภาคต่ออัน (เคย) ทรงคุณค่าเรื่องแบทแมน ซึ่งในขณะนั้นหนังแบทแมนภาคสุดท้าย (Batman & Robin) ถูกสร้างมาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้วแถมยังทำเงินภายในประเทศอเมริกาไปได้เพียง 107 ล้านเหรียญในขณะที่ใช้งบสร้างไปถึง 125 ล้านเหรียญ เขาจึงต้องแบกรับภาระในการฟื้นคืนชีพให้กับหนังภาคต่อเรื่องนี้ ซึ่งจัดเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว โนแลนได้เขียนบทหนังแบทแมนภาคใหม่ที่ให้ชื่อว่า Batman Begins ร่วมกับเดวิด โกเยอร์ ผู้ซึ่งกลับมาเขียนบทหนังร่วมกับเขาอีกครั้งใน The Dark Knight และโกเยอร์ยังเป็นผู้เขียนบทหนังของหนึ่งในเรื่องราวที่อยู่ในแอนิเมชั่น Gotham Knight ที่เป็นเหตุการณ์ช่วงรอยต่อระหว่างแบทแมนทั้งสองภาคอีกด้วย



ไม่ว่าจะได้ใครเป็นผู้สร้าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนังแบทแมนภาคใหม่ย่อมต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับหนังภาคแรกของทิม เบอร์ตันที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งทำให้งานที่ยากอยู่แล้วยิ่งยากมากไปกว่าเดิม โนแลนให้ความเห็นว่า ด้วยความที่หนังภาคแรกของเบอร์ตันเป็นหนังที่มีความแปลกใหม่ในด้านงานภาพและมีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างมาก การสร้างหนังติดต่อกันถึง 4 ภาคโดยยึดแนวทางที่คล้ายคลึงกันนี้จึงเป็นเรื่องยากลำบากจนทำให้หนังชุดนี้เดินทางมาถึงทางตันในที่สุด [5] ด้วยเหตุนี้เองโนแลนจึงเลือกที่จะสร้างหนังแบทแมนขึ้นมาใหม่โดยเริ่มเรื่องตั้งแต่บรู๊ซ เวย์นเริ่มต้นการเป็นแบทแมน เขาใส่ความสมจริงเข้าไปในทั้งเนื้อหาและงานภาพของหนัง Batman Begins จนทำให้หนังดูแตกต่างจากหนังภาคก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง หนังทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหนังที่ใช้งบเกินร้อยล้านเรื่องแรกของโนแลน ประสบความสำเร็จจากการฉายในอเมริกาด้วยรายรับ 205 ล้านเหรียญ และกลายเป็น 371 ล้านเหรียญหลังจากรวมรายรับของการฉายนอกประเทศ [6] โนแลนให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่ประทับใจเขาในการสร้างหนังเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นโอกาสที่ได้ระเบิดตึกเล่นแล้ว ยังเป็นการที่เขาได้กลับไปเยิ่ยมครอบครัวของเขาที่อาศัยอยู่ในชิคาโกด้วย [5]



ก่อนที่จะกลับมากำกับหนังภาคที่สองของ Batman Begins โนแลนได้มีโอกาสกำกับหนังเรื่อง The Prestige ซึ่งเป็นหนังที่เกี่ยวกับการแข่งขันกันของนักมายากลสองคน เขากล่าวว่า การเปิดเผยเคล็ดลับของมายากลบางอย่างจัดเป็นจุดสำคัญอย่างหนึ่งในหนัง เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว ความลับของมายากลที่ดูน่าตื่นตะลึงนั้นบางครั้งกลับธรรมดาเสียจนน่าผิดหวัง และผู้ชมก็มีปฎิกิริยาตอบสนองต่อการเปิดเผยนี้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน บางกลุ่มชอบที่จะได้รู้ แต่บางกลุ่มกลับไม่ชอบเลย ซึ่งนี่แหละทำให้การสร้างหนังเรื่องนี้น่าสนใจ [1] นับเป็นแนวคิดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมสำหรับผู้ที่ต้องกำกับหนังให้เข้าถึงคนดูจำนวนมากอย่างเขา

The Dark Knight เป็นผลงานหนังเรื่องสุดท้ายที่โนแลนกำกับ แต่ก็เป็นหนังภาคต่อเรื่องแรกสำหรับโนแลนด้วย ผลงานที่ออกมาได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ในเชิงบวก ความสมจริงในเนื้อหนังทำให้มีหลายเสียงที่ถึงกับกล่าวว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่เสียด้วยซ้ำ แต่เป็นหนังแอ็กชั่นเขย่าขวัญเชิงตำรวจจับผู้ร้ายต่างหาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือนี่เป็นหนังที่ดูสนุกและถูกใจผู้ชมเป็นอย่างมาก จนทำให้หนังทุบสถิติหนังทำเงินเกิน 200 ล้านเหรียญที่เร็วที่สุดด้วยระยะเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น [3] สำหรับผู้ชมที่รอดูหนังเรื่องนี้ทางดีวีดี เตรียมใจไว้เลยว่าคุณจะไม่เห็นฉากที่ถูกลบในดีวีดีหรอก เนื่องจากผู้กำกับโนแลนที่เป็นทั้งผู้เขียนบทและสคริปต์หนังเองด้วยเคยบอกไว้ว่าเขาจะไม่เขียนหรือถ่ายฉากที่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นฉายในจอเป็นอันขาด สคริปต์ของหนังจึงออกมาในแนวว่า ถ้ามีฉากไหนถูกตัดทิ้งไป โครงสร้างของเรื่องจะเสียไปในทันที นั่นทำให้การตัดต่อของหนังเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วย โดยโนแลนได้ตัดส่วนเล็กส่วนน้อยของหนังต้นฉบับออกไปเพียง 10 นาทีเท่านั้น [4] ก็ขึ้นชื่อว่าคริสโตเฟอร์ โนแลนแล้ว จะให้ทำอะไรแบบธรรมดาๆ ก็คงเป็นไม่ได้หรอก


1. Behind the Scenes of "The Prestige" with Writer/Director Christopher Nolan
(//movies.about.com/od/theprestige/a/prestigcn101606.htm)
2. Christopher Nolan Talks MEMENTO & INSOMNIA (//www.screenwritersutopia.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=16)
3. Dark Knight: Fastest to $200 Million (//www.mania.com/dark-knight-fastest-to-200-million_article_86453.html)
4. 'Dark Knight' Dir. Christopher Nolan [New] Interview (//newsarama.com/film/080701-nolan-dark-knight.html)
5. Director Christopher Nolan Talks About "Batman Begins" (//movies.about.com/od/batman/a/batmancn060805.htm)
6. //www.boxofficemojo.com




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2551
7 comments
Last Update : 20 สิงหาคม 2551 10:44:44 น.
Counter : 1916 Pageviews.

 

ยังไง ๆ หนูก็ยังอยากให้บทความนี้ตีพิมพ์ใน Filmax อยู่ดี

เพราะบางทีก็เบื่อ ๆ แนวของคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" แล้ว

ที่ทางหนังสือเค้าเงียบไป อาจกำลังตัดสินใจก็ได้ค่ะ

สู้ ๆ ค่ะอาจารย์ เขียนอีกเยอะ ๆ นะคะ

เอาให้บล็อกมีคนอ่านมาก ๆ ติดอันดับบล็อกยอดนิยมแห่งปีเลยค่ะ

จะตามอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าจะในจอ หรือบนหน้ากระดาษ

สู้ ๆ ค่ะ

ปล. ยังรออ่าน Wall-E อยู่นะคะ เสียดายที่ไม่เข้าฉายที่พิษณุโลก อยากดู

 

โดย: loukkid IP: 118.172.141.166 20 สิงหาคม 2551 20:18:10 น.  

 

Wall-E เข้าฉายที่พิษณุโลกวันนี้ครับ
เข้าหลังกรุงเทพไป 1 อาทิตย์ เป็นแบบนี้ในหลายจังหวัดเหมือนกัน
หนังระดับนี้ อย่างไรก็น่าจะได้ดูในโรงครับ

 

โดย: MrET_TK 21 สิงหาคม 2551 9:56:49 น.  

 

เพิ่งทราบเมื่อสาย ๆ วันนี้เองค่ะ
เตรียมตัวแล้ว เดี๋ยวจะไปดูที่เมเจอร์รอบทุ่มตรงวันนี้
ดีใจจะแย่ ปกติเป็นสาวก พิกซ่า อยู่แล้ว
อยากดูในโรง มันได้อารมณ์ดี
เห็นตัวอย่างแล้วอยากดูมาก ๆ
รู้สึกทึ่งมาก ๆ ที่เค้าทำให้เจ้าหุ่นยนต์กระป๋องรูปร่างประหลาด
แสดงท่าทางและอารมณ์ ให้น่ารักและโรแมนติกได้ขนาดนั้น
อยากดู ๆ ๆ ๆ ๆ เมื่อไหร่จะเลิกงานซะทีเนี่ย

 

โดย: loukkid IP: 202.91.19.192 21 สิงหาคม 2551 15:26:52 น.  

 

ย้อนกลับมาที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่อาจารย์เขียนถึงสักหน่อย
หนูชอบดูหนังมาก ๆ นะคะ แต่มีข้อเสียคือไม่ค่อยสนใจจำชื่อผู้กำกับสักเท่าไหร่
เมื่อก่อนจะรู้จักเฉพาะผู้กำกับที่ดัง ๆ หรือไม่ก็คนที่กำกับหนังที่ชอบมาก ๆ เท่านั้น
แต่พอช่วงหลัง ๆ ซื้อ Flimax มาอ่านบ่อย ๆ
แล้วก็อ่านบล็อกของคุณหมอ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
ทำให้รู้อะไร ๆ เกี่ยวกับหนังที่เคยดูมาก่อนแล้ว
ในมิติที่ลึกขึ้น รู้เข้าไปในระดับจิตใจของตัวละคร
และชักพาให้ไปหาหนังอีกมากมายมาดู เพราะชอบแง่มุมที่คุณหมอเค้าวิเคราะห์ออกมา

ครั้งนี้ก็อีกเช่นกันค่ะ ได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับผู้กำกับคนนี้ ที่อาจารย์เขียน
ทำให้อยากกลับไปดู The Prestige อีกสับรอบสองรอบ
เพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเองตั้งแต่ตอนที่ดูครั้งแรก
ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ มันให้อารมณ์ที่บอกไม่ถูก
มันวางอารมณ์เฉย ๆ ไม่ได้เลย แบบว่ามีความสงสัยแทบตลอดเวลาและอยากรู้คำตอบ
หนังพยายามใบ้ออกมาหลายช่วง แต่ก็เดาไม่ได้สักที
จนมาเฉลยตอนจบ อึ้ง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงหลังจากดูจบ
มันไม่ใช่หนังสุดยอดที่ต้องเก็บมาขึ้นหิ้ง
แต่เป็นหนังที่ลืมไม่ลง สลัดออกไปจากหัวไม่ได้
ไม่เหมือนกับหนังหลาย ๆ เรื่องที่ดูจบแล้วจบเลย
ผ่านไปสัก 2-3 ปี กลับมาดูนี่จำไม่ได้แล้ว

เป็นความสามารถเฉพาะตัวจริง ๆ ที่เค้าครอบงำอารมณ์คนดูให้เป็นอย่างที่เค้าต้องการได้
เป้นผู้กำกับอีกคนที่จากนี้ต่อไปหนูจะจำชื่อได้แม่นเลยค่ะ

เขียนอีกเยอะ ๆ นะคะ คนไม่ค่อยรู้อะไรอย่างหนู
จะได้เปิดความคิดให้กว้างออกไปได้อีก
ทำให้ดูหนังหลาย ๆ เรื่องสนุกขึ้นอีกเยอะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

แล้วอย่าลืมเอา Wall-E มาลงนะคะ หนูไปดูมาแล้วจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน

 

โดย: loukkid IP: 202.91.19.192 21 สิงหาคม 2551 15:47:14 น.  

 

ไปดู Wall-E มาแล้วค่ะ รอบ 1 ทุ่ม ที่เมเจอร์ คนดูไม่มาก

ช่วงแรกที่เจ้า Wall-E อยู่คนเดียว น่าสงสารมาก
เพราะเค้ามีชีวิตจิตใจ คงจะเหงาเป็น
พอเค้าตกหลุมรัก ก็ช่างรักได้ใส ซื่อ บริสุทธิ์ มีแต่ให้
และเค้าก็ทุ่มเทให้กับความรักนั้นแบบสุดตัว สุดชีวิต
มิตรภาพและความจริงใจที่หุ่นยนต์มีให้แก่กัน
ไม่ว่าจะเป็นระหว่างตัวเอกทั้งสอง หรือกับสมาชิกหุ่นไม่สมประกอบ
มันคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่มนุษย์พึงจะมี
แต่มนุษย์ในหนังกลับทำตัวเป็นยิ่งกว่าหุ่นยนต์
ไม่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่มีการขยับตัว (นอกจากนิ้วกับปาก)

มีอะไรอยู่ในหัวเต็มไปหมดหลังจากดูหนังจบแล้ว
แต่ไม่สามารถเขียนออกมาให้คนอื่นอ่านรู้เรื่องอย่างอาจารย์ได้
ดูแล้วอึ้งเหมือนกัน และก็ทึ่งกับ Pixar จริง ๆ
เมื่อก่อนจะทึ่งกับความเนียนและสมจริงของภาพ
แต่เมื่อคืนทึ่งกับบทภาพยนต์และการกำกับ หนังเรื่องนี้มาก ๆ

บอกได้แค่ว่าสุดยอด แต่อธิบายคำว่าสุดยอดไม่ได้
ที่แน่ ๆ คือ ทุกคนที่ดูหนังเรื่องนี้จบ จะสร้างขยะน้อยลง
และเห็นคุณค่าของใบไม้เล็ก ๆ มากขึ้น

อยากปลูกต้นไม้จัง ^_^

 

โดย: loukkid IP: 118.172.134.9 22 สิงหาคม 2551 6:57:24 น.  

 

เค้าเก่งดีนะคะ ^^

 

โดย: กลับไปไม่เหมือนเดิม 23 สิงหาคม 2551 21:26:57 น.  

 

เพิ่งทราบว่า คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เกิดวันเดียวกันกับอาจารย์เลย

สงสัย จะต้องเป็นนักวิจารณ์หนังที่เก่งไม่แพ้กันแน่ ๆ

 

โดย: loukkid IP: 202.91.18.192 27 สิงหาคม 2551 15:09:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


MrET_TK
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




วิศวกรคอมพิวเตอร์โดยปริญญา แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นอาจารย์ในที่สุด (แถมเป็นคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ฮะๆๆ) ปัจจุบันเป็นวิทยากรด้านการตลาดออนไลน์ให้กับสถาบันในเครือกรุงเทพธุรกิจและเว็บ exitcorner รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ให้บริษัทเอกชน

ปัจจุบันผมเขียนบทความใน fan page เป็นประจำ (http://www.facebook.com/dr.ekkasit กับ http://www.facebook.com/InspireRanger)
Friends' blogs
[Add MrET_TK's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.