Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

Backpacker Hiso 1 : Sapporo




B a c k p a c k e r   H i s o : S a p p o r o  



เที่ยวไปงงไปขอเชิญท่านผู้อ่าน ไปเที่ยวไปแบบ backpacker นะครับ แต่ของเราแบบ hi so(ciety) เล็กน้อยครับ งวดนี้ไปญี่ปุ่นดีกว่าครับ (ดีกว่าอะไรไม่รู้แฮะ เห็นเค้าชอบว่ากันแบบนี้น่ะครับ หึ หึ)

Hokkaido เป็นเกาะใหญ่เป็นที่สองของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ Honshu เกาะนี้อากาศค่อนข้างเย็น หน้าร้อนก็ไม่ร้อนชื้นเหมือนส่วนอื่น ๆ ของญี่ปุ่นครับ อากาศจัดว่าสบายดีทีเดียว หากเป็นเมืองทางใต้ ๆ เนี่ย หน้าร้อนจะร้อนมากกว่าเมืองไทย เนื่องจากเค้าเป็นเกาะ ความชื้นจะสูง ทำให้เรารู้สึกเหนียว ๆ ตัวน่ะครับ (ลองคิดถึงตอนไปทะเล นั่นแหละ ใช่เลย) แต่เมืองนี้อากาศดีมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ไปนี่ อากาศดีมาก ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป อุณหภูมิราว 20 องศาเซลเซียสครับ

ประเทศญี่ปุ่นนั้น แบ่งเขตการปกครองเป็น 8 เขต 47 prefectures ครับ (คล้าย ๆ ภาค และจังหวัด (อันที่จริงใหญ่กว่าแฮะ...เอาไงดี หว่า... ช่างมันเหอะ - -'' ) ตามลำดับ) Hokkaido นี่จัดเป็นทั้งเขตและ prefecture เลยครับ แม้ว่าเกาจะมีขนาดใหญ่ แต่ว่า คนที่อาศัยกลับไม่มากนัก อาจจะเพราะว่าส่วนใหญ่ที่นี่เป็นทิวเขา นอกจากนี้ยังมีอากาศค่อนข้างหนาวด้วย

สำหรับการเดินทางไปยังSapporo นั้นก็แสนสะดวกสบายครับ มีทั้งรถยนต์ (นั่งรถบัส ไปต่อเรือข้ามฟากหรือรถไฟ) รถไฟ (Shinkansen ไปลงที่ Hachinohe แล้วนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ใต้น้ำ - รถนี้ตกแต่งเป็น Doraemon ด้วยครับ อยากลองนั่งเหมือนกัน) และเครื่องบิน (ซึ่งเลือกได้ทั้งโดยขึ้นเครื่องได้ที่นาริตะ และฮาเนดะเลย) เลือกได้ตามสะดวก (เงินในกระเป๋า) ครับ

อนึ่ง เช่นเคยครับ เที่ยวไปงงไปกับนาย dont นั้น ผู้ปกครองควรพิจารณา (PARENTAL ADVISORY) ตามปกตินั้น ก็ต้องงง และนำไปอ้างอิงไม่ค่อยจะได้อยู่แล้ว หากท่านเห็นสัญลักษณ์ PA ขอให้ตระหนัก (แปลว่า "รับทราบ" นะคร๊าบบบ เด็ก ๆ) ว่า ควรอ่านเอาเพลินอย่างเดียว และ ผมขอสงวนลิขสิทธิ์อาการงงนี้ไว้ตามกฏหมายลิขสิทธิ์นะครับ หากใครอยากจะเอาไปรวมเล่ม ติดต่อได้เลยนะครับ ยินดีรับเงิน เอ๊ย ยินดีมากที่งานจะได้รับการเผยแพร่ 5 5 5 5


แผนที่เกาะ Hokkaido ได้จาก web ครับ //www.japan-zone.com ครับ แวะเข้าไปชมกันได้





การเดินทางงวดนี้ ได้อ้างแล้วว่า เป็น Backpacker Hiso เราจึงเดินทางไปยังเกาะ Hokkaido ด้วยเครื่องบินครับ (ฮิ๊ววว) อันที่จริงแล้ว ไม่ได้ Hiso จริงหรอกครับ เพราะว่า เค้ามีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่ ชตช (ชาวต่างชาติ) สามารถซื้อตั๋วได้ในราคาเพียง 10,000++ Yen (Y) เท่านั้นครับถูกมาก ถู๊กกก ถูกครับ กรอดด (ได้ยินเสียงกัดฟันผมมั้ยเนี่ย) โครงการนี้ชื่อ Japan airpass หรือ Japan Yokoso รายละเอียดหาได้ใน web ของ ANA และ JAL ครับ

เราจะนำท่านเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังเกาะ Hokkaido ซึ่งมีสนามบินเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ว่า เราไปกันที่ Sapporo สนามบินชื่อ Sapporo Shin-Chitose นั้นอยู่นอกเมืองไปเล็กน้อย แต่มีการเดินทางเข้าเมืองโดยสะดวกทั้งรถยนต์ (บัส และแท็กซี) และรถไฟครับ

เครื่องบินที่นั่งไปเป็นของสายการบิน IBEX Airline สะดวกมาก สามารถต่อเครื่องได้ที่ Narita Airport เลย ซึ่งสงสัยว่า IBEX Airline นี้น่าจะเป็นบริษัทลูก (มั้ง (PA)) ของ ANA จัดเป็นเครื่องบินเล็กครับ อืม อันที่จริงไม่ควรเรียกเครื่องบินเล็ก ควรจะเรียกว่าโคตรเล็กมากกว่า (กร๊ากกก 5 5 5) สามารถนั่งได้ 2 แถว แถวละ 2 ที่นั่งแบบกระเบียดกระเสียนมาก ชตช คนนึงถึงกับอุทาน ว่า Oh my God, How narrow !!! (--> โอว พระเจ้า จอร์ช มันยอดชั่ว เอ๊ย มันยอดแคบ!!) พร้อมกับเอาหัวโขกเพดานดังโป๊กใหญ่ (อันนี้เข้าใจว่าไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ 5 5 5 5 5)

ผู้ที่จะขึ้นเครื่องบินนี้ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่สูงยาวเข่าดี มีชาติตระกูลเท่านั้นครับ ไม่เช่นนั้นแล้วจะดูน่าเกลียดทีเดียว ก็ดูบันไดสิครับขั้นละเกือบครึ่งเมตรเห็นจะได้ ต้องเขย่งกันอย่างกับจะเต้นบัลเล่ย์ไม่ใช่น้อย อันที่จริงก็คงเนื่องมาจากเค้าทำมาจากความสูงเครื่องบินนั่นล่ะครับ เนื่องจากเครื่องบินมันลำเล็กมาก ส่วนที่จะทำบันไดก็ได้แค่นี้ (เท่าความสูงของลำตัวเครื่องบิน) ส่วนระยะความสูงจากล้อถึงตัวเครื่องก็สูงพอ ๆ กับเดิม ดังนั้น ก็ทำได้น้อยขั้นที่ระยะไกลจากพื้น ก็เลยกลายเป็นแต่ละขั้นสูงในที่สุด เฮ้อ...


เครื่องบินเล็กของสายการบิน IBEX นี้เล็กมาก ทั้งลำมี flight attendant คนเดียว ดูเหนื่อยแทน แต่ตอนหลังไม่สงสารแล้วครับ ก็คุณเธอเล่นมานั่งที่นั่งว่างของผู้โดยสาร ชมวิวทางหน้าต่างซะงั้น ไม่สงสารแล้ว หันมาสนใจแทน ไม่ค่อยเห็นคนญีปุ่นทำแบบนี้ครับ ถ้าเป็นคนไทยทั่ว ๆ ไปก็เรื่องปกติ สงสัยแคบและเล็กจนไม่มีที่ส่วนตัวสำหรับ flight attendant แต่เค้าทำหน้าที่ได้เต็มร้อยครับ ทำงานไปยิ้มไป น่ารักมาก





เมื่อมาถึง Sapporo Chitose Airport ขอเชิญท่าน backpackers ทั้งหลาย เข้าเยี่ยมชมกิจการของ JR Hokkaido ครับ มีตั๋ว Rail Pass ชนิด 3 และ 5 วันให้เลือกซื้อ ค่อนข้างประหยัดเพราะใช้เดินทางได้เกือบทั่วเกาะ

สำหรับท่านที่มี JR Rail pass จากเมืองไทยแล้ว ก็สามารถซื้อตั๋ว Hokkaido Rail Pass ที่ว่าได้เช่นครับ ถ้าหากว่าจะมาเที่ยวนานกว่าตั๋วที่ซื้อมาจากเมืองไทย (เช่น ถ้าซื้อ JR Rail Pass แบบ 7 วันมาจากเมืองไทย แต่จะเที่ยวญีปุ่นทั้งหมด 10 กว่าวัน ก็ซื้อเพิ่มต่อยอดได้เลยครับ) สนนราคาตก 14,000 และ 18,000 Y ตามลำดับเท่านั้น ถู๊กกกถูกนะครับ (ได้ยินเสียงกัดฟัน ดังกรอดดด กรอดดดมั้ยครับ ... สงสัยจบกระทู้นี้ ฟันคงจะสึกไปครึ่งหนึ่งได้ ) เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ถึงดีมากครับ สวยด้วย เหอ เหอ เหอ


หน้าตาของ Hokkaido Rail Pass ครับ สามารถเยี่ยมชมกิจการ JR และเลือกซื้อตั๋วที่เห็นได้ที่สนามบินเลยครับ สำหรับรายละเอียดของตั๋วนั้นสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จาก JR Hokkaido เลยครับ สำหรับกระเป๋าส้ม ๆ นั่นของผมเองครับ...





เราจะเดินทางเข้ามายังตัวเมืองด้วย JR ได้ครับไม่นานก็มาถึงตัวเมือง Sapporo อันเป็นเมืองหลวงของเกาะ Hokkaido นี้ สถานีรถไฟ (JR Sapporo eki) นั้นสวยงาม และมีรูปดาวเป็นสัญลักษณ์ครับ หน้าสถานีมีลานกว้าง และติด ๆ กันนั้นจะเป็นห้าง Daimaru ด้วย

Sapporo นั้นเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองหลวงของเกาะ Hokkaido ครับ ตัวเมืองได้รับการวางผังเมืองดีมาก เป็น block ชัดเจน เค้าแบ่งเมืองเป็นฝั่งตะวันออก ตะวันตกด้วยคลองไม่ทราบชื่อ (จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร หรือไม่มีชื่อก็ไม่แน่ใจครับ แหะ แหะ ก็ นี่มันเที่ยวไปงงไปนะครับ แหม เอาอะไรมากมาก เอิ๊กส์) แล้วก็จะแบ่งเมืองเป็นเหนือ ใต้ ต่อ โดยอาศัย Odori park หรือ Odori premonade หรือสวนถนนใหญ่ (Oo dori - Oo ใหญ่ (น่าจะนะครับ เพราะว่าผมไม่รู้ว่าใช้ตัวคันจิตัวไหน แต่ว่าเข้าใจว่าแบบนี้) ส่วน dori นี่ ไม่ใช่ปลายี้ขี้ลืมจากการ์ตูนเรื่อง Finding Nemo แต่อย่างใด มันแปลว่าถนนครับ) ถนนที่เกิดจากนั้น ก็จะมีชื่อเป็น East bla bla bla road (Higashi bla bla bla dori), North bla bla bla road (Kita bla bla bla dori) ทำนองนี้ล่ะครับ

คนที่ยังไม่มีที่พักก็แนะนำให้พักกับโรงแรมของเครือ JR ได้ครับ จะได้ส่วนลดอีกหากว่ามีตั๋ว JR โดยต้องตรวจว่ามันลดได้เท่าไหร่ และลดหรือไม่นะครับ หากว่าไม่มีสตางค์มากนัก ก็พักตาม Youth Hostel ก็ไม่แพง สะอาด และสะดวกทีเดียวครับ


สถานีรถไฟ JR Sapporo ครับ งดงามมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน จะมีการเปิดไฟส่องด้วย สวยดี แล้วสังเกตที่นาฬิกานะครับ ส่วนที่ควรจะเป็นตัวเลขจะกลายเป็นรูปดาวแทนครับ เพราะว่าดาวเป็นสัญญลักษณ์ประจำเมืองครับ เพ่ง ๆ หน่อยแล้วกันครับ มองไม่ค่อยชัดหรอก ภาพมันเล็ก




ว่าแล้วก็ไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวในเมือง Sapporo กันดีกว่าครับ ที่เห็นนี้ คือ ตึกแดงครับ .... ชื่อจริงชื่ออะไรหว่า อืม...ไม่รู้แฮะ Akarenga หรือเปล่าน๊า.... แต่เอาเป็นว่าเป็นตึกที่ทำการรัฐบาลเก่า (ตอนนี้เค้าย้ายไปทำการกันที่อื่นแล้วครับ) ขณะนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ภายในก็เป็นพิพิธภัณฑ์ย่อม ๆ เก็บของสมัยยุคเก่า ๆ ไว้ เช่น พวกเตาเก่า หรือว่าเครื่องใช้ไม้สอยยุคแรก ๆ สมัยบุกเบิกเมืองใหม่ ๆ ต้องขอบคุณทางสถานที่ที่ ไม่ได้มีภาษาอังกฤษประกอบ ไว้เลย ช่วยให้ผมนั้นเที่ยวได้เร็วยิ่งขึ้น 5 5 5 ถ่ายภาพมันเข้าไป ไม่ต้องเข้าใจเข้า concept ของผมเปี๊ยบเชียว


ตึกที่ทำการรัฐบาล (เก่า) ตั้งอยู่บนถนนปูอิฐ มีต้นไม้ครึ้มสองข้างทางก่อน จะเข้าประตูใหญ่





ตึกสร้างตามแบบศิลปะ Neo baroque ครับ (จำมาจากไหนไม่รู้แฮะ) ว่ากันว่าเลียนแบบมาจากตึกที่ทำการรัฐของรัฐ Massachusetts ไม่รู้จริงไหม ถ้ามีผู้อ่านท่านใดอยู่ Massachusetts แล้วทราบก็ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยนะครับ

ในบริเวณนี้จะมีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ไว้ด้วย (จริง ๆ เป็นบริเวณสวนของที่ว่าการฯ นั่นล่ะ แต่ว่ามันกว้าง และเปิดให้คนไปนั่ง ๆ นอน ๆ ได้) จัดว่าสวยใช้เลย ประกอบกับช่วงไปอากาศเย็นกำลังดี น่านั่ง ๆ นอน ๆ จนหลับยิ่งนัก


มุมเงยหน้าตึกแดงครับ





เมื่อไปยืนที่หน้าต่างของที่ทำการฯ แล้วมองออกไป จะเห็นถนนที่มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะที่จัดว่ามีชื่อเสียงที่สุดในโลกสายหนึ่ง เพราะว่าเป็นสถานที่จัดงาน Yuki Mutsuri หรือเทศกาลหิมะ (Snow Festival) ที่ Sapporo นี้แต่ว่าไม่เห็นใกล้ ๆ หรอกนะครับ สวนนั่นน่ะเค้าสร้างทีหลัง

สังเกตมั้ยครับ คำว่า Sapporo นี่เสียงมันแปลก ๆ ดีนะครับ ชื่อนี้อันที่จริงเป็นชื่อตามภาษาของชาว Ainu อันเป็นชนเผ่าพื้นเมืองของที่เกาะ Hokkaido นี้ มีความหมายว่า "Stream with cold water" หรือลำธารที่มีน้ำเย๊นนเย็นน่ะครับ
...
...
...
ว่าแต่ว่า มันเกี่ยวอะไรด้วยหว่า...


มองจากหน้าต่างของตึกแดงครับ





ทีวีเป็นสิ่งสำคัญมากในแต่ละเมือง ที่ญี่ปุ่น บริษัททีวีนั้น ไม่มีแบบฟรีมากนักครับ ส่วนใหญ่เก็บตังค์เกือบทั้งนั้น บ้างก็เป็น cable ส่วนที่เป็นคลื่นนั้น ก็ไม่นิยมไปขอปักหอกระจายคลื่นที่ยอดตึกแบบเมืองไทย แต่จะลงทุนสร้างหอทีวีขึ้นเป็นของตัวเองเลยครับ เราจะพบเกือบทุกเมืองต้องมี Television (Broadcasting) Tower (ภาษาญี่ปุ่นจะเรียก Terebi Tawa-เทเลบิ ทาว่า แต่ชาวบ้านเค้าจะเรียก Terebi Tou หรือ เทเลบิ โต) ไว้ส่งคลื่นทีวีตลอดครับ บ้างก็ดูสวยดี บางเมืองก็ดู... สวยไม่ดี 5 5 5 แล้วแต่คนมองนะครับเรื่องแบบนี้

สำหรับ Terebi tou (ทำเป็นพูดภาษาญี่ปุ่น) เค้ามีชื่อทางการว่า Sapporo Television Tower

อันที่จริงหอคอยนี้ไม่ได้ใช้กระจายคลื่นทีวีแล้วนะครับ ตอนนี้มีไว้เก็บตังค์คนที่จะขึ้นไปชมเมืองเฉย ๆ ถ้ามีโอกาสขึ้นไป จะมีมุมที่ถ่ายสวนสาธารณะทั้งเส้นได้อย่างสวยงามมากครับ

ส่วนตัวผมไม่ได้ขึ้นไปครับ งก 5 5 5 5 5


Sapporo terebi tou ครับ ดูไปดูมาคล้าย ๆ Tokyo tower แฮะ บนหอคอยมีนาฬิกาดิจิตอลยักษ์แบบตัวเลขด้วยครับ ใช้เทียบเวลาได้ และเวลานั้นตรงกันทั้งสี่ด้าน ไม่เหมือนหอนาฬิกาในบางประเทศ สี่ด้านสี่เวลา ให้เลือกตามใจซะงั้น





เมืองใหญ่ทั่ว ๆ ไปในประเทศญี่ปุ่นนี้ มีประชากรที่ใช้รถจักรยานกันค่อนข้างมากครับ ส่วนใหญ่จะขี่จักรยานกันคล่อง นอกจากนี้ ทางการยังสนับสนุนให้มีการใช้จักรยาน และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขี่จักรยานด้วยโดยจะมีเลนสำหรับจักรยานข้ามบนถนน และยังจัดทางเท้าที่มีขนาดใหญ่และมีที่กว้างพอสำหรับให้ขี่จักรยานด้วย นอกจากนี้คนทั่วไปที่เดินไปมาก็เดินหลบจักรยานอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีการหันมาด่าแต่อย่างใด บางทีก็หลบกันไม่พ้น มีเสียดสีกันนิดหน่อย หรือจักรยานสวนมา ต้องจอดกะทันหัน ก็เห็นเค้าเฉย ๆ กันดี ไม่มีโวยวายอะไรครับ

สำหรับทางเท้าแสนกว้าง ก็ไม่มีหาบเร่แผงลอยครับ ร้านค้าก็ไม่วางของยื่นออกมาจนสุดเขตทางเท้าแบบบ้านไหนเมืองไหนไม่รู้ล่ะ (เอิ๊กส์) ตามถนน main ก็จะมีที่จอดจักรยานพร้อมกับที่ lock ให้ด้วย (กุญแจหามาเองนะครับท่าน อิ อิ) ดีมากครับ


จริง ๆ เป็นภาพสี แต่ว่า คิดว่า ทำเป็นภาพขาวดำแล้วดูดีกว่าครับ เหมือนกับว่าสองคนงอนกันเลยนะครับ อันที่จริงเค้าคงไม่รู้จักกันหรอกครับ 5 5 5





สำหรับ Hi light ของเมือง Sapporo อีกแห่งก็คือ หอนาฬิกาครับ ชื่อ Tokei Dai (Tokei - นาฬิกา, Dai - ใหญ่มั้ง แหะ แหะ) หรือ Clock tower จริง ๆ ก็ไม่เห็นมันจะ Tower ตรงไหน... อ่า เอาเป็นว่า ถ้ามาถึงที่นี่ Clock tower จัดเป็น Landmark สำคัญ...ก็ต้องถ่ายรูปไงครับ

ตัวอาคารนี้สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหมดครับ อยู่หัวมุมถนน น่าเสียดายที่ไม่ได้กันที่รอบ ๆ ไว้สักเล็กน้อย ก็เลยมีตึกอยู่รอบ ๆ ทำให้ทัศนียภาพนั้นสวยเท่าเดิม (อ้าว เอ๊ะยังไง) แต่ว่าถ่ายรูปยากชะมัด

เฮ้ย!~ หลุดประเด็น ตัวอาคารเค้าทำจากไม้ครับ ว่ากันว่าแต่ก่อนนี้ (อีกแล้ว ใครว่าก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ว่านะ ผมเป็นคนดีไม่ว่าใคร) เป็นทางมหาวิทยาลัย Hokkaido สร้างไว้น่ะครับ ชั้นล่างของหอนาฬิกานี้เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บของเก่า ๆ ไว้ แต่ว่าเสียสตางค์ค่าเข้าในราคาไม่แพงนัก จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ครับ ส่วนนาฬิกาที่เห็นนั่น ลือกันให้แซ่ดว่ามันเดินตรงมาก ไม่เคยเดินผิดเวลาเลย

เออ..จริงด้วย ลืมตรวจว่า เวลามันตรงกับเจ้าหอทีวีหรือเปล่าแฮะ ไม่เป็นไร คราวหน้าไปใหม่ดีกว่า....แอ๊ะ หาเรื่องกลับไปเที่ยวซะงั้น


หอนาฬิกา จริง ๆ ก็หน้าตาพื้น ๆ บ้าน ๆ นี่ล่ะครับ โชคดีถ่ายรูปขึ้นแฮะ




เมื่อเดินมาจนถึง Tokei-dai ได้ ก็จะมาถึงยังสวนสาธารณะใจกลางเมืองชื่อ Odori park ครับ สวนสาธารณะนี่ อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างบนว่ามันมีชื่อเสียงระดับโลกทีเดียว เนื่องจากเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลหิมะ (Snow Ffestival) น่ะครับ เมื่อหิมะตกคลุมถนนสายนี้ทั้งสาย ในช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ก็จะมีการประกวดงานปฏิมากรรมจากหิมะ โดยมี ชตช หลายประเทศเข้าร่วมสร้างทุกปีจนเป็นงานระดับโลกเลยครับ

แม้ว่าจะไม่มีน้ำแข็งหรือหิมะ สวนนี้ก็สวยไม่หยอกครับ มีต้นไม้แยะไปหมด (ไม่เห็นซากุระแยะเท่าไหร่นะครับ คงไม่เน้น อิ อิ) เค้าบอกว่าเป็น Azalia ครับ (PA)

นอกจากจะมีสวนแล้ว ยังมีเวที และน้ำพุครับ คุณสาวสามคนนี้ก็เป็น landmark อย่างหนึ่งเหมือนกันครับ เห็นคนมาถ่ายรูปหมู่กันแยะ (อ้าว ก็แค่ 3 สาวรูปปั้นนี่ ใครมาถ่ายรูปเดี่ยวก็กลายเป็นรูปหมู่ทั้งนั้นล่ะครับ หรือไม่จริง)


3 สาวที่ว่าครับ สวยดี ถ้าเลือกมุมดี ๆ จะเห็นหอทีวี Sapporo ด้วยนะครับ สวยเลยล่ะครับ





เดิน ๆ ไปเรื่อย ๆ สวนสาธารณะนี้ยาวเหมือนกันครับ น่าจะเป็นร้อย ๆ เมตรแฮะ ระหว่างทางก็จะมีตึกรามข้างเคียงอันเป็นสำนักงาน และร้านค้ามองเห็น Salary man หรือ ซารารี มัง มนุษย์เงินเดือนเดินไปมาพอสังเขปครับ

ในสวนสาธารณะนี้ มีคนนิยมมานั่งเป็นคู่ ๆ ครับ สังเกตว่า มี ชตช ที่เป็นฝรั่งแยะเลยครับ นั่งกับสาวญี่ปุ่นรูปร่างท้วม ๆ หน้าตาห่างชั้นจาก Idol สาวที่บ้านเรานิยมแยะ ชตช ที่เป็นฝรั่งนี่เค้ามีรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์ดีครับ ส่วน ชตช ที่เป็นเงาะ (ชาวแอฟริกัน) นี่ก็เจอบ้างเป็นระยะครับ มีสาว ๆ เดินด้วยเช่นกันใครบอกว่าชาวญี่ปุ่นชอบเฉพาะของทำในประเทศก็เห็นจะต้องเว้นเรื่องนี้ไว้เรื่องนึงครับ

ที่นี่ยังมีเด็กแนวมาเปิดเพลง เต้นกันด้วยครับ เห็นเด็กตัวเล็กตัวน้อย มาทำหัวหมุน ๆ บนพื้น เก่งไม่หยอกทีเดียว


salary man ที่น่าสงสาร (คนเด็กกว่า) กำลังโดน salary man ที่ไม่น่าสงสารดุ หรือคุยกันธรรมดาหว่า แต่ว่าเสียงดังข้ามมายังอีกฝั่งนึงเลยครับ หอบของน่าจะหนักด้วย ส่วนสาวน้อย(แล้ว) ข้าง ๆ ก็อ่านหนังสือ ไม่ได้สนใจเลย หรือว่าจะแค่คุยธรรมดาไม่รู้แฮะ





เมื่อเดินจนสุดทางสวนนี้แล้ว ก็จะพบกับอาคารสวยขนาดใหญ่ เรียกกันว่า Sapporo city document museum ซึ่งภายในนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์อีกเช่นเคยครับ (สงสัยจังว่า ทำไมไม่ทำพิพิธภัณฑ์ให้มันใหญ่มากพอจะจุของทั้งหมดทีเดียวน๊า นี่มันกี่พิพิธภัณฑ์เข้าไปแล้วเนี่ย)

ภายในจะมีนิทรรศการกับการจัดเทศกาลงานศิลปะพอดีเลยครับ ด้านบนจะเป็นภาพ Impressionism ส่วนด้านล่างซ้ายมือจะแสดงภาพของศิลปินแนว modern pop art หน่อย ภาพน่ารักมาก แต่ว่าจำชื่อไม่ได้ซะแล้วครับ

ตอนนี้ถ้าเริ่มเหนื่อยก็ไม่แปลกอะไรครับ ตอนอ่านน่ะมันดูเหมือนไม่ไกล แต่อันที่จริงหลายกิโลเมตรแล้ว นั่งพักแถว ๆ นั้นไป ให้ลมเย็น ๆ (อันที่จริงออกจะหนาวแล้วนะนั่น) พัดให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเดินต่อไป


ตึกพิพิธภัณฑ์ (อีกเช่นเคย) ครับ อันนี้เป็นแนวหอศิลป์มากกว่าครับ





สำหรับที่เที่ยว เชิญที่นี่เลยครับ Tanuki Koji (มั้ง) เป็นคล้าย ๆ สยามบ้านเราน่ะครับ คือ มีร้านขายของแยะมาก เหมาะกับการเลือกซื้อสินค้า แถบนี้ไม่ไกลจาก Odori park นัก เดินไปก็พอไหวครับ ของที่ซื้อได้แถวนี้ก็เป็นของที่มีทั่วไปทั่วญี่ปุ่นครับ จำพวกเสื้อผ้า เครื่องอุปโภคบริโภค ราคาไม่แพง รองเท้า เครื่องหนัง ทำนองนั้นครับ

ของที่ว่า ราคาไม่แพงนี่ ผมคิดราคาเป็นเงิน Y นะครับ ไม่ได้คิดเป็นราคาเงิน ฿

ย่าน Tanuki ครับ ของขายตรึม





เมื่อความมืดมาเยือน เราก็ย้อนกลับไปดูเหล่า lankmark ที่กล่าวถึงข้างต้น ที่จะมี down light (เค้าเรียกงี้มั้ยนะ) กันนะครับ ก็ มืดหน่อย สาวหน้าตาธรรมดาก็สวยมากได้ฉันใด ตึกที่หน้าตาธรรมดาก็ดูมีระดับขึ้นมาได้ฉันนั้นล่ะครับ เหอ เหอ เหอ

จริง ๆ สวยอยู่หรอกครับ ผมก็พูดไปงั้นล่ะ


ที่เห็นนี่ก็ Tokei-dai อันเดิมนั่นล่ะครับ แต่ตบไฟเข้าไปหน่อย ดูสวยขึ้นมั้ยครับ สำหรับเวลาปิดไฟก็คือ 22.00 น. พิพิธภัณฑ์จะเปิดถึง 17.00 น.นะครับ ถ้าว่างก็ไปดูกันได้ตามสะดวก





หอทีวี Sapporo ก็งามนะครับ เวลากลางคืนเนี่ย สวยกว่าอีกหลาย ๆ เมืองครับ (เดี๋ยวมีให้ดูครับ)


สำหรับหอทีวีนี่ เนื่องจากไม่ได้ไปขึ้นก็เลยไม่ทราบเวลาเปิด-ปิดเลยครับ เอาไว้แค่เป็น landmark ในการเดินทางจริง ๆ เพราะว่าใหญ่และสูง มองเห็นได้แต่ไกล และ นาฬิกาที่ว่านี่ก็ตรงจริง ๆ ครับ พิสูจน์ได้เลย





ส่วนย่านกลางคืนนั้น ก็คึกคักไม่แพ้เมืองใหญ่เมืองไหนบนโลกนี้เลยครับพอดีวันที่ไปเป็นวันธรรมดาไม่ได้เป็นสุดสัปดาห์ เลยพบว่าคนค่อนข้างน้อย

สำหรับใครที่รออ่านว่า ค่า... เท่าไหร่ มีที่ไหนบ้าง เกรงว่าจะผิดหวังนะครับ อิ อิ ไม่ทราบจริง ๆ











ค่า... ที่ว่า นี่ ค่า drink นะครับ คิดอะไรนั่นน่ะ เอิ๊กส์

จัดว่าเป็นย่านดังย่านหนึ่งเลยครับ คนกลางคืนคงจะชอบม๊ากมากเลย แต่เข้าใจว่าราคาคงจะแพงไม่หยอก เพราะว่าปกติข้าวของก็ราคาไม่ได้ถูกอยู่แล้ว เลยไม่ได้เข้าไปสำรวจครับ


สำหรับ เบียร์ Kirin ก็ดังพอควรในญี่ปุ่นครับ แต่อันที่จริงไม่ใช่เบียร์ท้องถิ่นนะครับ สำหรับเรื่องเบียร์แล้วเมือง Sapporo ก็เป็นแหล่งผลิตเบียร์ที่มีชื่อเสียง และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศครับ เบียร์ยี่ห้อ Saporro รสชาตินุ่มลิ้นใช้ได้เลยครับ เหมาะกับการกินแกล้มกับอาหารสดเผาทีเดียว และที่สำคัญ ถูกด้วยครับ 5 5 5





ภาพหอนาฬิกาแนวตั้ง ประดับไฟ ก็สวยดีนะครับ


ก็ หอนาฬิกาประดับไฟนี่ล่ะครับ สวยไปอีกแบบ





สำหรับเรื่องราวของ Sapporo down town ก็จบลงห้วน ๆ ดื้อ ๆ แบบนี้ล่ะครับ


โปรดติดตามตอนต่อไปครับ












l Onuma l Hakodate l Furano l Biei l Asahidake l Otaru l สมุดเยี่ยม l









 

Create Date : 15 ตุลาคม 2548
20 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 23:34:25 น.
Counter : 4812 Pageviews.

 

Long time, I didn't read your blogs about trips-confused. When I saw this blog this morning, I was very happy.


Maybe because I think this topic shows your mind and your lifestyle exactly what you are.


I love this topic.

Take care.
Ainne.

 

โดย: มรกตนาคสวาท 15 ตุลาคม 2548 8:22:19 น.  

 

อ่านแล้วไม่งงนะ แต่เจ้าของบล็อคจะให้งง ก็ งง อิอิ ^^




...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 15 ตุลาคม 2548 9:24:14 น.  

 

อยากไป New Zealand อ่ะ ไปอะยังคะ

 

โดย: ladybear (ladybear ) 15 ตุลาคม 2548 9:32:12 น.  

 

บรรยายได้ละเอียดจริง ๆ ค่ะ ความรู้เพียบ ...

ขนาดคนเคยอยู่ยังไม่ทราบข้อมูลลึก ๆ ขนาดนี้เลย

รออ่านตอนต่อไปค่ะ

Ganbatte Kudasai

 

โดย: Tai-Sarunya IP: 203.156.88.191 15 ตุลาคม 2548 12:12:46 น.  

 

nice

 

โดย: PHV IP: 218.224.21.1 15 ตุลาคม 2548 13:04:28 น.  

 

อ่านบล็อกเที่ยวๆ กับคุณแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ อ่าน
แล้วอิ่ม อิ่มแล้วอยากอิ่มต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

ติดตามตอนต่อไปนะค่ะ ....

 

โดย: JewNid 15 ตุลาคม 2548 14:31:44 น.  

 

ตามคุณDont ไปเที่ยวด้วยค่ะ รายละเอียดที่ให้มา เพียบเลยค่ะ

 

โดย: yadegari 15 ตุลาคม 2548 17:52:06 น.  

 

อิ๊อิ๊ มาร่วมทริปนี้กะคุณDont ด้วยคนค่า....จะว่าไปแล้ว ฮอกไกโด นี่เปนเมืองที่อยากไปที่สุดเลย ในญี่ปุ่น...อิอิ

 

โดย: MeTaBoLism 15 ตุลาคม 2548 18:18:02 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ ฟ้าสวยแจ่มใสมากเลยค่ะ เคยไปหนนึง ซื้อเป็นแพคเกจทัวร์ ค่าเครื่องบิน(ของแจลค่ะ) รร.ที่พัก และมีรถพาเที่ยวด้วยค่ะ
..ถ้ามีโอกาสก็อยากไปอีกเหมือนกันค่ะ อยากไปเที่ยวเองแบบนี้มากกว่า เพราะไปกับทัวร์แล้วเวลาจำกัด

 

โดย: jan_tanoshii 15 ตุลาคม 2548 23:07:48 น.  

 

เสียดาย ตอนอยู่ไม่ได้ไป กลับมาแล้วคงไปลำบากแน่ๆ เลย

ฟ้าสวยจังเลยค่ะ มาแอบชม

 

โดย: เดอะ กั้ง 15 ตุลาคม 2548 23:11:24 น.  

 

พี่ don ... อย่าลบบล็อกนี้นะ ไว้ผมไปแล้วจะได้กลับมาอ่านเอาข้อมูล รึว่าพี่จะไปเป็นไกด์พาผมเที่ยวก็ได้นะ อิอิ

 

โดย: House Of FlyingBird (House Of FlyingBird ) 16 ตุลาคม 2548 0:06:13 น.  

 

อิจฉามากมาย งุงิ....

 

โดย: กระดิ่งลม IP: 202.57.157.42 16 ตุลาคม 2548 0:31:31 น.  

 

Excellent krab! How wonderful are those pictures and your trip! I am very envious of you guy sir!

 

โดย: POL_US 16 ตุลาคม 2548 7:17:55 น.  

 

ตามพี่ต่ายมาอิจฉา


ภาพสวยภาษาญี่ปุ่นต้องพูดว่ายังไงง่ะพี่

 

โดย: ปันปัน IP: 203.209.121.241 16 ตุลาคม 2548 11:17:29 น.  

 

อ่า .. เหมือนได้ไปเองเลยนะคับนั่นอ่ะ ละเอียดจริง ๆ ขอบคุณค้าบบ ...

เป็นอีกประเทศที่อยากไปอ่ะ อยากไปดูความเป็นอยู่ทุกอย่างเร้ยย .. คือกุ๊กว่ามันน่าสนใจนะในหลาย ๆ ที่แล้วก็ผู้คนไรแบบนี้อ่ะ


มีเพื่อนไปเรียนต่ออยู่เหมือนกัน แต่ไปอยู่ที่โอซาก้า .. อืมมก็มีเล่าให้ฟังงง ..แหะ ๆ น่าไปคับ


ปล. รูปสวยคับ ชอบบบบคิดอยู่ถ้าได้ไปอยู่ตรงนั้นจริง ๆ จะเปงไงน๊ออออ :)


ปล2. ชอบมากที่สุดที่เป็นภาพขาวดำอ่ะคับที่พี่บอกว่าเหมือนกำลังงอนกันอยู่ .. อ่า เป็นภาพที่มองได้หลายอย่างเรยจริง ๆ อ่ะคับได้ feel มากเลยอ่า เชื่อป่ะว่าจ้องภาพนี้อยู่นานเกือบห้านาที :)


ฝันดีนะคับ

 

โดย: eZii 16 ตุลาคม 2548 21:27:24 น.  

 

ตามไปเที่ยวอีกรอบค่ะ แบมไปเที่ยวไหนไม่ค่อยได้จำเลยค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง บางครั้ง ไปเที่ยวแล้วอยากจดรายละเอียดนะคะ แต่ลืมทุกทีค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ ถึงไม่ได้ไป แต่ได้เห็นรูป และคำบรรยายของคุณdont ก็เหมือนกับว่าได้ไปเที่ยวกับคุณdont ค่ะ

 

โดย: yadegari 17 ตุลาคม 2548 0:12:00 น.  

 

ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่น่าไปเยี่ยมเยียน
ขอบคุณคุณ dont ที่พาพวกเราไปเที่ยวกันนะคะ

น่าอิจฉาคุณ dont ที่ได้ไปเที่ยวบ่อยๆ
ทำให้มีประสบการณ์ชีวิตดีๆ ที่น่าจดจำ
แล้วยังใจดีนำภาพและเรื่องราวที่น่าสนใจ
มาเล่าสู่กันฟังอีกด้วย
ขอบคุณมากนะคะ ...

 

โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) 18 ตุลาคม 2548 12:29:25 น.  

 

^^ หลงเข้ามาค่ะ แล้วเลยงงเลย :D
ชอบเรื่องที่มาเล่าให้ฟังจังค่ะ อ่านไปยิ้มไป สนุกดีค่ะ

 

โดย: ริน IP: 210.246.160.2 21 มีนาคม 2549 11:48:41 น.  

 

plan จะไปsapporo วันที่ 12กุมภา แต่หาโปรโมชั่น เครื่องบินราคาถูกจากโตเกียวไป sapporoไม่ได้เลยค่ะ..ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ..

 

โดย: waraleed@hotmail.com IP: 61.19.199.147 11 พฤศจิกายน 2549 17:51:42 น.  

 

พี่ค่ะมีที่พัก+สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำบ้างไหมค่ะ พอดีว่าคุณอาหนูจะไปเที่ยวเดือนตุลาช่วงวันที่ 20-27 ตุลาคมอ่ะค่ะ ขอคำแนะนำด้วยน่ะค่ะขอบคุณค่ะ

 

โดย: omasis (omasis ) 1 กันยายน 2550 16:12:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


dont wanna no
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add dont wanna no's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.