Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

Backpacker Hiso 3 : Hakodate




B a c k p a c k e r   H i s o : H a k o d a t e  



แม้ว่าตัวเกาะ Hokkaido นั้นจะมีขนาดกว้างใหญ่มาก แต่เมืองใหญ่ ๆ นั้นกลับมีจำนวนไม่มากครับ เมือง Hakodate เป็นเมืองท่าเก่า มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของเกาะ Hokkaido ท่าเรือของเมือง Hakodate ใหญ่มากทีเดียว แต่ได้ยินมาว่าปัจจุบันนี้ไม่มีเรือแล่นระหว่างประเทศครับ มีแต่พวกเรือ Ferries แล่นระหว่างเมืองใกล้ ๆ เช่น Aormori

อย่ากระนั้นเลย เรามาตกลงกันก่อนนะครับ เช่นเคยครับ blog เที่ยวไปงงไปกับนาย dont ผู้ปกครองควรพิจารณา (PARENTAL ADVISORY) ห้ามนำไปใช้อ้างอิงเด็ดขาด ครับ

การเดินทางมายัง Hakodate นั้นสามารถเดินทางได้หลายทางครับ ที่ง่าย ๆ ก็เดินทางด้วย JR Rail Pass นี่แหละครับสะดวกที่สุด ส่วนถ้าบางท่านต้องการเดินทางกลางคืน ก็มี Night Bus เช่นกัน แต่ว่า จะไม่รวมใน Package Rail pass นะครับ ต้องจ่ายเองครับ

เมื่อมาถึง JR Hakodete แล้ว สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือเตรียมที่เที่ยวและหาแผนที่ครับ เกือบทุกสถานี JR จะมี Information Center สำหรับนักท่องเที่ยวและมีแผนที่แจกฟรีด้วยครับ บางครั้งถ้าหากว่าเราอาจจะได้ตั๋วคูปองลดราคานู่น ๆ นี่ ๆ จาก Information Center อีกด้วย ... ถ้าอ่านภาษาญี่ปุ่นออก

สถานที่ที่เราต้องเที่ยวใน Hakodate นั้นมีแยะเลยครับได้แก่ Mt. Hakodate อันเป็นเนินเขาสูงไม่มาก มองลงมาจะเห็นเมืองกว้างไปทั่ว และเป็นสถานที่ที่เราจะดู Night view อันลือลั่นนั่นเอง Morning Market เป็นบริเวณที่มีตลาดขายปูยักษ์หน้าตาคล้ายแมงมุม ขายาว ๆ น่ะครับ และตลาดสด, Motomachi หรือย่านเมืองเก่า เป็นย่านที่ ชตช สมัยมาตั้งบ้านตั้งเมืองมีที่เที่ยวตรึม ทั้งวัดคาทอลิก วัดกรีกออโธดอกซ์ และวัดญี่ปุ่น รวมทั้งที่ว่าการเมืองด้วยครับ สวยดีครับ Fort Goryokaku เป็นฐานทัพเรือรูป 5 เหลี่ยม จะสวยมากหน้าดอกไม้ และเมื่อดูระยะไกลครับ เค้าจะมีการจัดเทศกาลด้วยนะครับจำเวลาไม่ได้แล้ว แต่ก็เป็น Hilight อีกเช่นกันครับ สำหรับ Onuma ที่เราเพิ่งจะไปเที่ยวมานั้นก็จัดอยู่ในเขตเมือง Hakodate นี้เช่นกันครับ สถานที่เที่ยวอื่น ๆ เช่น Trappistine Convent ที่มีรูปปั้นแม่พระมาเรีย, Miharashi Park และแถบ Water front อันเป็นบริเวณหน้าอ่าว มีร้านค้า ท่าเรือใกล้ ๆ กับตลาดเช้า และสถานีรถไฟ JR Hakodate และ MeijiKan Post office อันเป็นตึกเก่าที่สวยมากครับ

แต่ว่าไม่ได้ไปแยะขนาดนั้นหรอกนะครับ ผมมีเวลาเที่ยวเพียงแค่บ่ายวันเดียว (เช้าเที่ยว Onuma บ่ายเที่ยว Hakodateถ้ามีเวลา ลองไปดูนะครับ

บริเวณด้านหน้าของสถานีรถไฟ JR ครับ สวยงามดีมั้ยครับ





หน้าสถานีรถไฟส่วนใหญ่มักจะมีสถาปัตยกรรม หรือรูปปั้นลอยตัวสักอย่างน่ะครับ สำหรับที่ Hakodate เป็นรูปปั้นแม่ลูกสีแดง โก้งโค้งดูสวรรค์หรือดูผีไม่รู้แฮะ เอิ๊กส์

ก็เป็นกุศโลบายที่ดีครับ อย่างน้อยก็เป็นที่นัดพบกัน เช่น "เธอ ๆ เดี๋ยวเราไปเจอกันที่ก้นยัยแม่โก้งโค้งนะ" อะไรเทือกนี้ล่ะครับ


สถาปัตยกรรมลอยตัวหน้าสถานีครับ





สิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างหนึ่งเมื่อมา Hakodate ก็คือการหาอาหารทะเลสด ๆ และ Hakodate Shio Ramen หรือราเมนซุปใสใส่แต่เกลือ ตามแบบ Hakodate ครับ เพราะขึ้นชื่อมาก ๆ (จนมีบริษัทเมียวโจ้นำมาทำเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปน่ะครับ น่าจะเคยผ่านตา ผ่านลิ้นกันมาบ้างแล้ว)

เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แม้ว่าจะไม่มีโอกาสไปกิน Ikura (ไข่ปลาเม็ดส้ม ๆ) ก็กิน Ramen หรูหราแทนก็แล้วกันครับ ที่ตลาดเช้านั้นมีร้านขาย Ramen ใกล้สถานี้เจ้าหนึ่ง รสชาติดีมากครับ หน้าร้านแปะป้ายไว้ว่า ร้านนี้อร่อยที่หนึ่งใน Hakodate ตามปกติ คนญี่ปุ่นขี้มักถ่อมตัวครับ พอลองถามว่าร้านนี้อร่อยที่หนึ่งจริง ๆ อ่ะ เจ้าของร้านก็บอกด้วยสีหน้าจริงจังมากว่า อึ้ม เราอร่อยที่สุด มั่นใจมาก เอิ๊กส์


ราเมน น้ำกระดูกหมู มีก้อนขาว ๆ คล้าย ๆ เต้าหู้นั่นคือ หอย scallop ครับ ส่วนหอย ปลาหมึก กุ้ง และหมูหมัก หรือชาชูว ก็รสชาติดี ชามใหญ่มากเรียกว่ากะละมังได้ครับ เทียบกันถ้วยชาที่วางใกล้ ๆ ก็ได้ครับ แล้วข้าวโพดนั่น size XXL นะครับนั่น




เมื่อเราเดินทะลุผ่านตลาดเช้าไป จะเป็นบริเวณท่าเรือครับ บริเวณนี้คนละท่าเรือกับที่กล่าวไว้ข้างบนนะครับ ด้านนี้คือ Water fornt ครับ พอดีว่าผมไม่ได้ไปเดินเลียบชายฝั่งทะเล แต่ว่าเดินด้านหลังถนนด้านใน บริเวณนี้จะติดต่อกับเชิงเขา Mt. Hakodate และย่านเมืองเก่า Motomachi ครับ บริเวณนี้จะมีร้านค้าหลายร้าน หน้าตาดีครับ การตกแต่งสถานที่มีการเอาดอกไม้มาปลูกประดับไว้ตามเสาไฟฟ้า ให้บรรยากาศสวยงาม โรมันถึกมากครับ

แต่ว่า ผมไม่ได้ไปเดินบริเวณริมทะเลที่เป็นภาพงาม ๆ ครับ ด้านในก็สวยไม่แพ้ด้านนอกล่ะครับ


ย่านท่าเรือ Bay area มีโรงเบียร์น่านั่งทีเดียวครับ แต่ว่าสตางค์ไม่มี สังเกตว่าใบไม้เริ่มออกแดง ๆ แล้วครับเนื่องจากว่าเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว




ใบไม้เปลี่ยนสีซะแล้วครับ ต้นไม้ที่เปลี่ยนสีได้ก็พากันเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ส้ม แดงตามลำดับ ที่เปลี่ยนสีไม่ได้ก็ไหม้ กลายเป็นสีดำ แล้วร่วงไปซะงั้น

ใบไม้เปลี่ยนสี ถ่ายจากกำแพงสักที่หนึ่งแถว ๆ Hakodate นั่นล่ะครับ เห็นเป็นใบส้ม แดงพร้อมเลย





แถว ๆ นี้น่าจะมีโรงเรียนมัธยมครับ เด็กสาว ๆ กำลังปั่นจักรยานกลับบ้านครับ เป็นเรื่องแปลกที่กระโปรงของเด็ก ๆ สั้นมากถึงมากที่สุดบางทีปั่น ๆ ไปก็เห็น..ก ก น... ออกมาทักทายสายตาคนเดินผ่าน หลากสีหลายอารมณ์เลย แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้ใส่ใจอะไรครับ ส่วนขานั้นเราจะเห็นแต่ต้นขาเพราะ loose sock ได้รับความนิยมมาก มันจะปกคลุมขาตั้งแต่ใต้เข่าลงไป ซึ่งไม่ว่าอากาศจะหนาวสักแค่ไหน ก็ยังมีกระโปรงสั้นให้ดูตลอดปีครับ เอิ๊กส์ สวรรค์ชัด ๆ

ข้อเสียอย่างเดียวคือ... หนู ๆ หน้าตาห่างจากคุณ Idol ไกล...มาก ครับ ไม่มีเค้าเลยแม้แต่น้อย เฮ้อ...

ออ แล้วอย่าไปถ่ายภาพตอนเค้าขี่จักรยานมาใกล้ ๆ นะครับ เพราะว่าอาจติดคุกข้อหาอนาจารได้ ตำรวจญี่ปุ่นเค้าปรับจริง ๆ จัง ๆ เลยนะครับ ถ้าจะถ่ายไปขอน้อง ๆ เค้าก่อนจะถ่ายรูปด้วยไม่มีปัญหาครับ แต่ว่า แอบถ่ายตอนขี่จักรยานเนี่ย โกรธกันเลยนะครับ อาจจะกลัวว่าได้มุมไม่สวยซะละมั้ง อิ อิ

อะ พลาด เผลอหื่นไปแระ ไม่เอา ๆ เด็ก ๆ ครับ เรามาดูภาพเถา Ivy ที่ขึ้นตามอาคารนะครับ เวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสี จะทำให้อาคารที่ดูแข็งกระด้าง ดูนุ่มนวล และอบอุ่นขึ้นมาก เทคนิคนี้นิยมใช้มากในประสาทเก่า ๆ โดยเฉพาะแถบอังกฤษ และยุโรปน่ะครับ (พูดดีเชียว แหม~ เคยไปรึก็เปล่า 5 5 5)


น้อง ๆ นักเรียนมัธยมต้น ขี่จักรยานกลับบ้านกันท่ามกลางลมหนาว ผ่านหน้าร้านอาหารและโรงเบียร์ที่มีต้น Ivy ขึ้นปกคลุม ใบไม้เริ่มกลายเป็นสีแดงแล้ว





เมื่อเราเดินพ้นเขต Water Front หรือเขต Bay Area ไปแล้ว ก็จะไปยังเชิง Mt.Hakodate แล้วครับ เราจะต้องเดินตัดเมืองผ่านย่านเมืองเก่าหรือ Motomachi ไปยังสถานี Ropeway ครับ

บริเวณนี้ จะมีเมืองสร้างอยู่บนเนินที่ลาดชัด มีชื่อเรียกกันว่า Motomachi ย่านนี้จัดว่ามีมาเรียกได้ว่าพร้อม ๆ กับเมืองเลยทีเดียว โดยเป็นย่านที่อยู่ใกล้ ๆ กับท่าเรือสมัยโบราณ เป็นถิ่นที่อยู่ของ ชตช ทั้งจีน ฝรั่ง เงาะ (จะมีมั้ยนั่นน่ะ - ในที่นี้ เงาะคือชาวแอฟริกันครับ) และชาวเมืองญี่ปุ่น โดยตัวอาคารจะสร้างเรียงรายเป็นเขตตามเชิงเขารอบ ๆ มีการจัดแบ่งบริเวณค่อนข้างไม่ชัดเจนนะครับ หลาย ๆ ชนชาติก็จะอยู่เรียง ๆ กันไป ไม่เป็น Zoning มากนัก

ระหว่างทาง ก็มีอาคารสวยงามให้ชมอีกมากมายครับ ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่ทั้งสิ้น มาดูกันไปทีละหลังดีกว่าครับ

ที่เห็นนี้คือวัดญี่ปุ่นครับ ไม่รู้จักชื่อเหมือนกัน แต่ว่า ค่อนข้างใหญ่ และน่าจะมีความสำคัญบางอย่างครับ แต่ว่าไม่รู้ มีคำบรรยายอยู่หรอกครับแต่ว่าอ่านมะออกง่ะ T__T''

อะ เจอชื่อแล้ว เค้าชื่อ Hakodate Higashi Honganji ครับ


หน้าวัดญี่ปุ่นครับ เจอก่อนเพื่อนเลยล่ะครับถ้าหากเดินมาตาม Slope way





อันนี้ถ้าจำไม่ผิด คงจะเป็นโบสถ์คริสต์ น่าจะเป็น โบสถ์โรมันคาทอลิกครับอันนี้เค้าขึ้นเครดิตว่าเป็น Roman Catholic Church เป็นศิลปะ Gothics เน้นสีขาวสะอาด

ดูใกล้ ๆ ก็สวยดีครับ เห็นยอดเป็นนกสักอย่าง น่าจะหงส์นะครับ ส่วนหน้าประตูโบสถ์ก็มีรูปปั้นหน้าตาต่างประเทศประดับอยู่ทั้งสองข้างครับ ที่หน้าโบสถ์มีรูปปั้นพระแม่มาเรียและพระบุตร รอบ ๆ มีสวนขนาดเล็กมากนิดหน่อย แต่ว่า ไม่ได้เค้าไปภายในครับ เวลาเปิดคือ 10.00-16.00 น. เสาร์ อาทิตย์เช้าปิด


Roman Catholic Church of Motomachi Area




ส่วนอาคารนี้คือ Russian Orthodox Church ครับ เป็นอาคาร Style ตะวันตกออกสีขาว ๆ เขียว ๆ ซึ่งก็อยู่ใกล้ ๆ กันนั่นแหละเพียงแค่เดินไปลับหัวมุมนิดเดียวเท่านั้นครับ ใกล้กันมาก ๆ สงสัยจังว่าสมัยนั้นเนี่ย ทำไมมีโบสถ์แยะจัง ติด ๆ กันเลยอ่ะครับ

สำหรับ Russian Orthodox Chruch นั้นเล่ากันว่ามีระฆังดังเหง่งหง่าง กังวาลเพราะไปได้ไกลครับ ชาวญี่ปุ่นก็เลยเรียกว่า Gangan-dera หรือ Dingdong Temple ( Gangan - เสียงระฆัง แก๊ง ๆ, Dera - วัด) ครับ เล่ากันว่า เสียงระฆังนั้นเพราะมาก ได้ยินไปได้ไกลทีเดียว

ยังไงซะโบสถ์นี้ก็ถูกไฟไหม้มาก่อนครับ ที่เห็นปัจจุบันนี้ได้รับการบูรณะใหม่แล้ว ยังคงลักษณะเดิมไว้ เป็นศิลปะ แนว Russian Byzantine ตัวหอระฆังนั้นเป็นทรง 8 เหลี่ยมครับ ไม่ได้เข้าไปชมรายละเอียดเหมือนกัน ถ้าต้องการเยี่ยมชม ไปได้ในช่วงเวลา 10.00-17.00 น. วันเสาร์ปิด 16.00 น. ครับ ส่วนวันอาทิตย์ เปิดแค่ช่วงบ่าย 13.00-16.00 น (สงสัยจะมีนักบวชมาเทศน์ครับ <-- (PA) ค่าเข้าชม 200 Y ครับ


Russian Orthodox Church




ถ้าเดินต่อไปตามทางที่เดิน ๆ มานี่ เราก็จะพบกับอาคารแบบจีน และเขตหลุมฝังศพชาวต่างชาติซึ่งอยู่ติดทะเล มองเห็นวิวทะเลได้ครับ แต่ว่า เราไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น เพราะเราต้องกลับมาขึ้น Ropeway ที่สถานีก็เลยเดินย้อนกลับมา (มันอยู่คนละทาง) ตอนนี้เดินผ่านทางลาด น่าจะชื่อ แต่ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าเป็นทางที่ลาดลงไปยังเขตอ่าวได้เลยซึ่งตอนเย็นแสงแดดสีส้มอ่อน ๆ จะอาบเรือในอ่าว ขณะที่ในเขตนี้ยังแสงอาทิตย์ไม่ส่องโดยตรง สวยมากครับ ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ลองชมภาพเอาแล้วกันครับ

สำหรับทางลาดชื่อดังก็คือ Hachiman Zaka (ฟังดูเหมือนเกมส์ RPG หรือการ์ตูนแนว Fantasy แฮะ) จะอยู่ที่ถนนที่ตัดผ่านศาล Hagiman shrine น่ะครับ (พูดเหมือนรู้จัก กร๊าก 5 5 5 มั่วทั้งน๊านนน) ก็จะเห็นวิวอ่าวแบบ Panasonics เอ๊ย Panoramics view ได้เต็มตา เต็มอารมณ์ครับ (เอ นี่มัน slogan Sony รึเปล่าหว่า...)


Slope way ลาดลงไปยังอ่าวครับ สวยมาก





บางทีดูแล้วยังไม่เข้าใจว่ามันเป็น Slope ที่ชันอย่างไร ลองดูภาพนี้
ประกอบแล้วกันครับ (แฮ่ก ๆ)


ทางเท้าด้านข้าง ๆ ถนนจัดทำเป็นบันไดครับ ทางลาดที่ว่า ยาวเกือบ 1 กิโลเมตรได้ล่ะครับ ตอนเดินขึ้นลิ้นห้อยเลย




หากว่ากล่าวถึง Motomachi chruches แล้วไม่พูดถึง St.John's Chruch ก็จะใจดำไปหน่อย แม้ว่า สถาปัตยกรรมจะไม่ได้งดงามตามศิลปะ Byzantine แบบ Russian Othodox Church หรือ ศิลปะ Gothic แบบ Roman Catholic Church เพราะว่าดูเป็น modern กว่าปกติ 5 5 5 แต่ว่า ผมว่าก็งามดีไปอีกแบบครับ

โบสถ์นี้ให้ชมแต่ภายนอกครับ ภายในไม่ได้ให้เข้าชมครับ ลักษณะโบสถ์ตั้งใจสร้างให้เป็นรูปไม้กางเขนน่ะครับ

บางครั้งเราอาจจะพบว่า เค้าเรียกโบสถ์นี้กันว่า Episcopal Church ตามศัพท์นั้น Episcopal แปลว่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Bishop แต่โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ Protestant ครับ งงมาก

โบสถ์เหล่านี้ไม่มีคำบรรยายนะครับ เพราะว่า ผมไม่ได้เดินเข้าไปด้านในหรอกครับแต่เดินไปผ่านเฉย ๆ ขนาดระฆังที่ว่าเพราะ ๆ ของโบสถ์ Russian ก็ยังไม่ได้ยินเลยครับ


St. John's Church ครับ ถ่ายจากมุมที่จะเดินไป Ropeway มีหัวจ่ายน้ำดับเพลิงเป็น main object ที่นี่แปลกดีครับ หัวจ่ายน้ำดับเพลิงเนี่ยเป็นสีเหลือง ไม่ใช่สีแดงแบบประเทศอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไปน่ะครับ





กลุ่มของสถานที่ที่เห็นนั้นไม่ไกลกันเลยครับ เดินไปได้ง่าย ๆ ระหว่างที่เดินนั้นก็มีคนมาแจกกระดาษเป็นระยะ อ่านรายละเอียด (ภาษาญี่ปุ่น) ดูแล้วน่าจะเป็น Coupon ลดราคา soft cream ครับ แถว ๆ นี้จะมีร้านขายหลายร้าน ท่าทางกิจการในช่วงนี้จะไม่ค่อยดี คนกินไม่แยะ ร้านเหล่านี้แข่งกันขายอยากสนุกสนาน เอ๊ย แข่งกันแจก coupon อย่างสนุกสนานครับ คนรับส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมักอ่านไม่ออก 5 5 5 น่าสงสารเค้าเหมือนกันครับ


ภาพนี้ได้จากถ่ายมุมบนยอดเขา Hakodate ครับ เห็นโบสถ์ 3 โบสถ์ชัดเจนครับ และเห็นวัดญี่ปุ่นที่ว่าด้วย สังเกตว่าโบสถ์ St. John's church หรือ Episcopal Church นี้เห็นรูปกากะบาทหรือเครื่องหมายผิดครับ





เดินมาตามถนน ก็จะพบ Ropeway นั่นล่ะครับ ตรงข้าม Ropeway นั้นเป็นสวนสาธารณะเล็ก ๆ ครับ ค่าขึ้น Ropeway นั้นเป็นพันกว่าเยนครับ (จะว่าไป รู้ราคาไปก็เท่านั้นแหละครับ จะเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่ดีล่ะนะ จริงไหมครับ :-P)

ตอนขึ้น Ropeway ไปบนยอดเขานั้น ว่ากันว่าไม่ไกลครับ ใกล้ ๆ ใครไม่รู้ลือว่าสามารถนั่งรถบัสขึ้นก็ได้ด้วยครับ แต่ว่าไม่ทราบว่านั่งไปทางไหน


ภาพมุมเงย ถ่ายจากหน้า Ropeway ผ่านสวนสาธารณะ เค้าเรียกอะไรสักอย่าง แต่แปลทำนองว่าเป็นที่สำรองอะไรเนี่ยล่ะครับ จำไม่ได้แล้ว บนยอด Ropeway ก็เป็นอาคารธรรมด๊า ธรรมดานี่ล่ะครับ แต่ว่ามีดาดฟ้ากว้างเชียวไว้ให้คนดูวิวได้





เมื่อถึงบนยอดเนิน (แหม จะเรียกภูเขาก็เกรงใจ มันไม่ได้สูงซะขนาดนั้น)เราจะพบกับความงามแห่งความกว้างใหญ่ไพศาล และเวิ้งว้างเหมือนหนึ่งว่าเรายืนบนยอดเขา OVERest เลยครับ (เว่อร์ที่สุด) 5 5 5 5 5 5

เอาเป็นว่า เห็นเมืองเกือบทั้งเมืองก็แล้วกันน่ะครับ


วิวเมือง Hakodate จากเบื้องสูง เห็นอ่าวเว้า ๆ คอดเข้ามากินที่ฝั่งทั้ง 2 ด้านเลยครับ





วิวคงธรรมดานะครับ ถ้าต้องการดูภาพเมือง แนะนำให้ขึ้นมาบนยอดเขาเร็วสักหน่อยครับ ไม่นานจะมีนักท่องเที่ยวมากันเพียบ และจะไม่มีที่พอให้ตั้งขาตั้งกล้องหรือยืนถ่ายภาพครับ

นักท่องเที่ยวที่มาก็มีนักท่องเที่ยวเกาหลีแยะครับ เนื่องจากว่าไม่ไกลจากเกาหลีนัก อื่น ๆ ก็เป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมารยาทไม่สู้ดีนัก (เสียใจที่ต้องว่า ทั้งที่ผมก็อาตี๋แท้ ๆ เหมือนกัน (อ่า ความจริงต้องเรียกว่า อาแป๊ะตะหาก T__T) บางทีก็ยังรับไม่ได้เลยครับ)

ลองดูเวลาพระอาทิตย์ตกดินสิครับ สวยเหมือนกันเลย


พระอาทิตย์อัสดงในญี่ปุ่น ไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นดวงเดียวกันกับในเมืองไทย ... ญี่ปุ่นกับไทย ไกลกันขนาดนี้เลยทีเดียว... แต่หน้าตาพระอาทิตย์ก็เหมือนเดิมครับ





เมื่อความมืดและเหงา (ความเหงาผมไม่มีนะครับ แค่มันแอบขอมีบทบาทเฉย ๆ) มาเยือนก็พบกับความงามของแสงไฟระยิบระยับ อันเป็นหน้าเป็นตาของ Hakodate ทีเดียว ก็สวยมากจริง ๆ ครับ


Very Famous Hakodate nigth view





อีกภาพนะครับ


Night view of Hakodate




เที่ยว Hakodate ก็จบลงแค่นี้ ห้วน ๆ ดื้อ ๆ งี้ล่ะครับ


เมืองนี้ขำไม่ออกเลยครับ มันสวยไปซะทุกมุมครับ ตลกไม่ออกเท่าไหร่เลยครับ ของงอย่างเดียวแล้วกันครับ

Night view นี้เป็นของโบสถ์แห่งหนึ่งครับ ทายสิครับว่าโบสถ์ไหน ทายถูกได้รางวัลครับ เอาเจ้าของ blog ไปเลี้ยงเลย ฮิ๊วววว


หน้าโบสถ์ Catholic church ยามกลางคืน เห็นพระแม่มาเรียยืนอุ้มพระบุตรที่ยอดจั่วของวัดเป็นสำคัญครับ



โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ









l Sapporo l Onuma l Furano l Biei l Asahidake l Otaru l สมุดเยี่ยม l









 

Create Date : 20 ตุลาคม 2548
30 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 23:33:47 น.
Counter : 2909 Pageviews.

 

ชมรูปเพลินไปเลยค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 20 ตุลาคม 2548 0:29:45 น.  

 

ทำเอาต่อมอยากเที่ยวพุ่งปรี๊ดเลยค่ะ
ทางลงอ่าวสวยมากเลย คุณด้อนท์ได้ไปเที่ยวหลายที่เลย
ดีจัง

 

โดย: jan_tanoshii 20 ตุลาคม 2548 0:36:41 น.  

 

 

โดย: Angel Tanya 20 ตุลาคม 2548 1:36:23 น.  

 

ชมรูปเพลิน แต่มาเจอราเมน ต่อมอดอยากทำงานปรี้ดเลยละค่ะ

เห็นกินจังเลย..ไม่เอาข้าวโพดน้ะค๊า..


กินเผื่อด้วยนา..

 

โดย: zaesun 20 ตุลาคม 2548 2:24:07 น.  

 

อยากไปกินราเมนที่ญึ่ปุ่นจัง
ชอบรูปใบไม้อ่ะค่ะ

 

โดย: grappa 20 ตุลาคม 2548 6:52:03 น.  

 

สวัสดีค่ะ
รูปสวยจังค่ะ
ดูรูปเพลินเลยค่ะ

 

โดย: oneni 20 ตุลาคม 2548 8:16:36 น.  

 

Maya ia here... come to visit your blog kha.

For traveller, your blogs are great!!!



Cool!!!



 

โดย: มรกตนาคสวาท 20 ตุลาคม 2548 9:16:46 น.  

 

วิวสวยมากเลยค่ะ....แล้วจะตามไปเที่ยวอีกนะค่ะ...

 

โดย: ว่าน 20 ตุลาคม 2548 9:26:05 น.  

 

โอ้วววว.....ราเมงน่ากินมากมาย....

คราวหน้าไป...เอาราเมงร้อนๆ มาฝากซักถ้วยนะพี่ยูนะ

 

โดย: กระดิ่งลม IP: 203.154.217.2 20 ตุลาคม 2548 12:50:48 น.  

 

ปกติ Ramen โดยทั่วไปเห็นเค้าใส่ข้าวโพดเป็นเม็ด ๆ เอา

แต่ร้านนี้ใจป้ำแฮะ ใส่ไปทั้งฝัก (ที่เห็นน่าจะประมาณ 1/3 ฝัก
เห็นจะได้นะคะ) สนนราคากะด้วยสายตาน่าจะสักราว ๆ 1,000
เยน up ... ก็ scallop (Hotate) ตัวเขื่องซะขนาดนั้น ...

ข้าวโพดที่ปลูกในแถบ Hokkaido จะหวานมากค่ะ (สมชื่อ Sweet corn)
เค้าว่ากันนะคะ ไม่เคยชิมหรอก ในสวนสาธารณะ Odori สอง
ข้างทางก็ขายแต่ข้าวโพดปิ้ง ไม่ยักกะมีมันทอดปั้นเป็นลูกกลม ๆ
ขายแฮะ ถ้าอยากกินสงสัยคงต้องหาเอาตาม Furano Biei ล่ะมั้งคะ

 

โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.179.1 20 ตุลาคม 2548 14:07:04 น.  

 

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
ภาพที่ถ่ายจากยอดเขา Hakodate ที่เห็นโบสถ์น่ะค่ะ น่ารักดี เหมือนบ้านตุ๊กตาเลยค่ะ สีหวานๆเหมือนขนมเลย

 

โดย: คุณป้ายังปิ๊ง 20 ตุลาคม 2548 17:08:36 น.  

 

ราเมงน่าทานมากเลยค่ะ

 

โดย: ameagari 20 ตุลาคม 2548 19:23:05 น.  

 

ไม่ยักกะรู้ว่าเขาต้มข้าวโพด ไม่เหมือนบ้านเรา

 

โดย: Malijauna IP: 203.156.51.64 20 ตุลาคม 2548 20:59:38 น.  

 

ดีจังค่ะ ไปเที่ยวแบบนี้

เมืองนี้ดูเงียบสงบดีนะค่ะ

อยากไปบ้างจัง

 

โดย: เป่าจิน 21 ตุลาคม 2548 14:41:55 น.  

 

ดูภาพแล้วยังกะได้ไปเที่ยวจริงๆแนะคะอิอิอิ

 

โดย: oryzaja 21 ตุลาคม 2548 18:38:31 น.  

 

แวะมาขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิดค่ะ...

 

โดย: ว่าน 21 ตุลาคม 2548 19:30:33 น.  

 

พยายามจะอ่านให้จบ... แต่ไม่ไหวค่ะ
ยาวมากกกกกกกก

อ่านมาถึง กกน.น้องนักเรียนแค่นั้นเอง

ขอบคุณนะคะที่แสดงความเห็นในบล็อก
ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะแล้วค่ะ

 

โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก 21 ตุลาคม 2548 20:10:25 น.  

 

โหวววว เล่าสะน่าไปเนอะ แต่ว่าจอยคงไปจีนอ่ะ เร็วๆนี่ล่ะ

 

โดย: joinping 22 ตุลาคม 2548 5:15:38 น.  

 

สักวันหนึ่งเราจะไป เราจะไป (ตอนนี้ฝันเอาก่อน แพงอ่ะ แล้วความยากในการขอวีซ่าก็ทำให้ขี้เกียจ)

 

โดย: to be continued 23 ตุลาคม 2548 10:16:41 น.  

 

มาตามไปเที่ยว

เดี๋ยวอีกหน่อยค่อยไปด้วยตัวเอง

เวลาจิ ไม่ค่อยมี

 

โดย: พฤษภาคม 2510 23 ตุลาคม 2548 14:16:49 น.  

 

ภาพสวยมาๆๆๆค่ะดูแล้วยิ่งทำให้อยากกลับไปอีกจังเล(แต่ไม่ใช่ที่นี่นะคะ)เอาไว้จะแวะเข้ามาดูของดีๆแบบนี้อีกนะคะ ja...ne'

 

โดย: watanami IP: 203.188.44.74 23 ตุลาคม 2548 23:23:35 น.  

 

แวะมาอิจฉาค่ะ..
อยากไปบ้างจัง

 

โดย: รักเด็กข้างบ้าน 24 ตุลาคม 2548 1:13:30 น.  

 

มาเกาะขอบรอเที่ยวต่อค่า

 

โดย: jan_tanoshii 24 ตุลาคม 2548 8:46:24 น.  

 


สุดยอด การเขียนนำเที่ยวเรยยย....

อ่านแล้วได้รู้ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยรู้เห็น

ขอบคุณคับ

 

โดย: yyswim 24 ตุลาคม 2548 13:37:37 น.  

 

 

โดย: โสมรัศมี 24 ตุลาคม 2548 16:18:33 น.  

 

ตามไปเที่ยวครับ
ไฮ้!!!!!.....

 

โดย: กุมภีน IP: 58.147.72.76 25 ตุลาคม 2548 21:21:03 น.  

 

มะมีหนุ่มๆติดไม้ติดมือมาฝากเรยน๊า

 

โดย: missingu IP: 202.57.174.4 26 ตุลาคม 2548 0:15:32 น.  

 

เข้ามาชมรูปค่ะ อาศัยอยู่เมืองนี้มาสองปี มันก็สวยจริงๆ นั่นล่ะ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวค่ะ (แต่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยยิ่งนัก ฮา )

ถ่ายรูปจากยอดเขาฮาโกดาเตะได้สวยมากๆ ขึ้นไปดูทีไรท้องฟ้ากระจ่างเห็นวิวสวยแบบนี้น้อยมาก (สงสัยบุญมีไม่ถึง ) เจอเมฆเจอหมอกเจอฝนบังทุกทีเลย

ขอแก้ข้อมูลนิดหนึ่งนะคะตรงนี้

--> ท่าเรือของเมือง Hakodate ใหญ่มากทีเดียว มีเรือแล่นระหว่างเมือง Hakodate กับเมืองอื่น ๆ ในญี่ปุ่น เช่น Osaka และยังสามารถไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลีได้ด้วยครับ

ท่าเรือของเมือง Hakodate ที่เป็นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเมืองต่างๆ ไม่มีไปเมืองโอซาก้าและเกาหลีค่ะ (รู้สึกว่าเรือที่ข้ามไปเกาหลีจะมีที่เกาะคิวชูนะคะ มีเรือเร็ววิ่งสองชั่วโมงไปถึงค่ะ) มีไปอาโอโมริ (เมืองเหนือสุดของเกาะฮอนชู) มีไปลงสองท่านะคะ ถ้าจำไม่ผิด และเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางซ้ายมือของเกาะฮอกไกโดค่ะ (จำไม่ได้ว่าเกาะอะไร)

ส่วนเรือที่วิ่งไปแถวเกียวโตหรืออิราบากินั้น ต้องขึ้นที่ท่าเรือเมืองโอทารุหรือว่าที่เมืองโทมาโคไมค่ะ ที่ฮาโกดาเตะไม่มีน้า

 

โดย: เด็กทะเล IP: 133.87.1.154 26 ตุลาคม 2548 18:49:37 น.  

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากคุณเด็กทะเลมาก ๆ ครับ

ดีใจจัง มีคนอ่านที่รู้จริงมาช่วยแก้ไข blog ผมจะได้ "เที่ยวไปงงไป" น้อยลง สักหน่อยก็ยังดี 5 5 5 5

 

โดย: dont wanna no 26 ตุลาคม 2548 21:53:37 น.  

 

กำลังหารูปภาพในช่วงฤดูหนาวเปิดมาเจอพอดี รูปสวยมากๆค่ะ โดยเฉพาะบนยอดเขาเราถ่ายรูปมาแล้วเสียดายมากเพราะสวยสู้ของจริงไม่ได้เลย
ตอนที่ไปก็พาลูกทัวร์ไปเที่ยวมาเมื่อ ส.ค. 46 เราก็ขึ้นไปชมวิวกันโดยรถบัสค่ะ แต่ทางค่อนข้างแคบช่วงโค้งทุกคนช่วยกันลุ้นสุดๆแต่ก็คุ้มมาก อากาศข้างบนค่อนข้างเย็นจนถึงหนาวอยากไปอีกจัง

 

โดย: PN12 IP: 124.120.219.46 24 ตุลาคม 2549 16:10:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


dont wanna no
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add dont wanna no's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.