------------- ตลาดคอมโมดี้ ทรุด ////---------------
------------ ตลาด คอมโมดี้ ///---------------- ------------ วันนี้อยากรู้จักคำว่า Commody ======= Commody = สินค้า โภคภัณฑ์ ------------ เป็นคนไทย แต่ก็ยังต้องการรู้ความหมายจริงๆๆของ โภคภัณฑ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ commodities แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้สองประเภท คือ ประเภทที่สามารถบริโภคหรือนำมาใช้ได้เลย เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี กาแฟ กับประเภทที่ใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น น้ำมันดิบ นำมาแปรรูปเป็น น้ำมันเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์พลาสติก ในโลกที่มีการใช้พลังงานจำนวนมาก การคิดค้นนำวัตถุดิบต่างๆ มาใช้เป็นแหล่งพลังงาน จึงขยายขอบเขตกว้างขวางขึ้น การแบ่งสินค้าโภคภัณฑ์ตามการแปรรูป จึงอาจจะไม่สามารถแบ่งได้เด่นชัด เพราะโภคภัณฑ์บางประเภท เช่น ข้าวโพด นอกจากจะสามารถที่จะนำมาใช้ หรือบริโภคได้โดยตรงแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นสินค้าอื่นๆ ได้ เช่น นำไปผลิตไบโอดีเซล เป็นต้น การแบ่งประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะแบ่งตามลักษณะประเภทของความมีชีวิต คือ โภคภัณฑ์จากสิ่งมีชีวิต หรือ Soft Commodities เช่น พืชต่างๆ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และ Hard Commodities เป็นโภคภัณฑ์จากการขุดหามาจากใต้ดินหรือใต้ทะเล เช่น กลุ่มโลหะมีค่าอย่าง ทองคำ เงิน หรือโลหะเพื่อก่อสร้างและผลิตอย่างทองแดง เป็นต้น ในมุมของการลงทุน สินค้าโภคภัณฑ์ไม่เหมือนกับสินทรัพย์เพื่อการลงทุนกลุ่มหลักทรัพย์ เช่น พันธบัตร หรือหุ้นทุน ที่มีการจ่ายดอกเบี้ย หรือปันผล ผู้ลงทุนจึงได้รับผลตอบแทนเป็นระยะๆ ในระหว่างที่ลงทุน ส่วนผู้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทสินค้าโภคภัณฑ์นั้น จะรับเงินผลประโยชน์หรือกำไร หรือขาดทุน เมื่อมีการขายออกไป เนื่องจากความเป็น "โภคภัณฑ์" สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง จึงมีลักษณะและประโยชน์ใช้สอยเหมือนกันทั่วโลก ยกตัวอย่าง เช่น ข้าวโพด แม้จะมีพันธุ์ต่างๆ กัน แต่ก็เป็นข้าวโพด นำมาใช้ประโยชน์ให้เลือกรับประทานได้ ความเหมือน สามารถทดแทนกันได้ หรืออาจจะเรียกให้เพราะๆ ว่ามีความเป็น "สากล" การซื้อขายโภคภัณฑ์ระหว่างกันและกันจึงทำได้ง่าย และตลาดของโภคภัณฑ์ จึงสามารถขยายขอบเขตกว้างขวางกลายเป็นตลาดโลกได้ คุณลักษณะของความเหมือน และความสามารถในการทดแทนกันได้ ทำให้การขึ้น-ลงของราคาโภคภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับความสมดุลหรือไม่สมดุล ของปริมาณที่ผลิตออกมาและความต้องการในโลก ในช่วงเวลานั้นๆ จะมียกเว้นก็ในเขตเศรษฐกิจที่มีการควบคุม หรือจำกัดไม่ว่าจะเป็นในด้านปริมาณหรือราคาก็ตาม ที่ดิฉันเกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่าสินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่มักจะมีราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น และได้เคยเขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วและในต้นปีนี้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน ข้อมูลจาก CNBC ระบุว่า โภคภัณฑ์ 10 ประเภทที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2554 นี้มีดังนี้ อันดับที่ 1 ฝ้าย ให้ผลตอบแทน 35% นับจากต้นปี อันดับที่ 2 RBOB gasoline ให้ผลตอบแทน 25% อันดับที่ 3 มีสองอย่างค่ะ คือ Heating oil ให้ผลตอบแทน 20% เท่ากับ เงิน (silver) อันดับที่ 5 หมู ค่ะ หมูราคาเพิ่มขึ้น 17% อันดับที่ 6 คือ น้ำมันดิบ ราคาเพิ่มขึ้น 15% อันดับที่ 7 ปศุสัตว์ ราคาเพิ่มขึ้น 8.8% ตามมาด้วย อันดับที่ 8 คือ กาแฟ ราคาเพิ่มขึ้น 8.7% อันดับที่ 9 อะลูมินัม หรืออะลูมิเนียม ราคาเพิ่ม 6.9% และอันดับที่ 10 ข้าวโพด ราคาเพิ่มขึ้น 6.8% จะเห็นว่าในสิบอันดับแรก จะเป็นโภคภัณฑ์อาหาร 5 อย่างและเป็นโภคภัณฑ์อื่นๆ อีก 5 อย่าง หากสนใจลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ จะสามารถลงทุนได้ 5 ช่องทางค่ะ ช่องทางแรก คือ ซื้อโภคภัณฑ์นั้นๆ โดยตรง ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใหญ่ๆ ในโลก ได้แก่ Chicago Mercantile Exchange, Tokyo Commodity Exchange, NYSE Euronext ใน EU และ Dalian Commodity Exchange ในจีน ซึ่งเป็นตลาดโภคภัณฑ์สินค้าเกษตร แต่โภคภัณฑ์เหล่านี้ต้องซื้อเป็นล็อตใหญ่ เช่น น้ำมันขายกันขั้นต่ำ 1,000 บาร์เรล เป็นต้น และมีการส่งมอบสินค้าจริง ช่องทางที่สอง คือ การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจค้าโภคภัณฑ์นั้นๆ เช่น สนใจลงทุนในน้ำมัน ก็ใช้วิธีลงทุนในหุ้นบริษัทน้ำมันแทน แต่จากการศึกษาในสหรัฐพบว่า ราคาหุ้นของบริษัทน้ำมัน จะมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น มากกว่าความสัมพันธ์กับราคาน้ำมันค่ะ เพราะฉะนั้น ก็อาจจะเป็นตัวแทนการลงทุนในโภคภัณฑ์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ช่องทางที่สาม คือ การลงทุนในตลาดสินค้าล่วงหน้า หรือ commodity futures market โดยการซื้อสัญญาล่วงหน้า จะเป็นสัญญามาตรฐานเรื่องขนาดและกำหนดส่งมอบ ซึ่งไทยเรามีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแล้ว แต่ยังมีสินค้าไม่หลากหลาย ขณะที่ตลาดสินค้าล่วงหน้าอื่นๆ ในโลกมีมากมาย ช่องทางที่สี่ คือ การทำสัญญาซื้อสินค้าล่วงหน้าในลักษณะ Swaps หรือ Forward ซึ่งมีข้อแตกต่างจากการซื้อผ่านตลาดสินค้าล่วงหน้าในช่องทางที่สาม คือ สัญญาที่ทำจะเป็นสัญญาทำกันเองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้กำหนดขนาดและวันส่งมอบเป็นมาตรฐานค่ะ ช่องทางสุดท้าย คือ การซื้อตราสารที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นตราสารจัดโครงสร้าง หรือ structure notes ประเภทหนึ่ง หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงไป ผลตอบแทนของตราสารก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านส่งกำลังใจ กำลังทรัพย์ และความช่วยเหลืออื่นๆ ให้กับพี่น้องทางภาคใต้ของเราที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยด้วยค่ะ ภัยธรรมชาติต่างๆ มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และช่วยกันแก้ไขสถานการณ์และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องร่วมชาติ ตามกำลังที่มี ข้อมูลอ้างอิงจาก Handbook of Alternative Assets โดย Mark J.P. Anson ================== อีก 2 คำ 1 อุปโภค (ถ้าให้ชัดตรงข้ามกับ บริโภค คือ กินไม่ได้ หรือ ใช้ สวมใส่ เป็นอุปกรณ์ ของร่างกาย ) 2 บริโภค (กินได้) เลยชัดเจนขึ้นว่า มี ฝ้าย ข้าว ข้าวโพด อ้อย พวกทานได้ และ แร่เงิน ทองคำ ทองแดง พวกเอามาทำเครื่องประดับ วันวานข่าว เจพีมอร์แกน ขาดทุนในคอมโมดี้ 2พันล้านเหรียญ ส่งผลให้ตลาดคอมโมดี้ เป็นเช่นนี้ เนื่องจากเจพีมอร์แกน เป็นธนาคารใหญ่ จึงมีผลในแง่จิตวิทยาต่อเอเซีย และยุโรป พอสมควร จนกระทั่ง เอเซียยุโรปแดงกันไปเยอะ ดาวฟิวเจอร์ -88 ก่อนตลาด ดาวเปิด และเมื่อเปิดแล้วผล ตามไปดูราคา JPM ก็ไม่หนักหนาสาหัญนัก อาทิตย์มาติดตามกันต่อ ว่าจบข่าวเจพี จะมีอะไรกันอีก วันหยุด พักผ่อน กันให้เต็มที่นะครับ อาทิตย์ที่ผ่านมาคงแฮปปี้ กับสิ่งที่เกิด ขึ้น และคิดวิธีแก้ไขไว้ก่อนแล้ว ทำตามที่วางแผนไว้ หรือ ไม่ใช่ ???? ============== จำเกมส์สมัยก่อนได้ไหม -------------------------------- กำจัดจุดอ่อน สมัยนั้น คำนี้สำหรับคนที่อ่อนแอ จะถูกคัดออกจากทีม นั่นเอง ในเกมส์ จริงตลาดหุ้น คนแพ้คือคนขาดทุนบ่อยๆๆ หาจุดอ่อนตัวเองรีบสร้างระบบใหม่ซิครับ พวกเราเอาใจช่วย หรือหาทางเดินใหม่ ที่เล่นได้สองทาง มิใช่ทางเดียวแบบหุ้น ตัวอย่าง เจพี ฝรั่งก็แพ้ได้ /////// แล้วใยเราคนไทยต้องกลัว
Create Date : 12 พฤษภาคม 2555 |
|
10 comments |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 5:47:49 น. |
Counter : 1270 Pageviews. |
|
|
|
ข้อมูลเปรียบเทียบกองทุนทองทุกกอง
ขอบคุณเจ้าของบล๊อคด้วยครับ