Group Blog All Blog
|
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง วันฟ้าหม่น ยามเมื่อสายฝนแปรเปลี่ยนเป็นลมหนาวเป็นคราวก่อน เป็นสัญญาณแห่งการเดินทางท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรเริ่มต้นอีกครา สำหรับผมการเดินทางสู่จุดหมายแห่งแรกในยามเมื่อสายลมหนาวหวลคืนมา เริ่มต้นขึ้นที่นี่ "อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือที่คุ้นเคยกันในนาม ปราสามพนมรุ้ง การเดินทางกลับไปเที่ยวชมศาสนสถานแห่งนี้ อีกครั้งในรอบหลายปี ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ยังคงยืนยงอยู่คู่สายลมกาลเวบาก็คือปราสาทหินศิลาทรายแห่งนี้ โบราณสถานแห่งนี้อยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ท้องที่ อ เฉลิมพระเกียรติ จ บุรีรัมย์ ว่ากันว่าเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิท ปัจจุบันสามารถนำรถยนตร์ขึ้นมาถึงบริเวณบันไดต้นทางได้ บริเวณ รอบๆ มีร้านค้าขายของอยู่ระหว่างทางเดินสู่บันไดต้นทางสู่ตัวปราสาท ก่อนขึ้นชมตัวปราสาท ผมใช้เวลาไม่นานนักเดินชมรอบๆ บริเวณด้านล่าง บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวัดปราสาทพนมรุ้ง ผมเดินมาถึงจุดชำระค่าธรรมเนียม ก่อนเข้าสู่บริเวณบันไดต้นทาง ชำระค่าธรรมเนียม คนละสิบบาท ครับ จากบันไดต้นทางเข้ามาสู่ทางดำเนิน ทางดำนเนิน เป็นทางเดินที่ปูพื้นดินหินศิลาแลง ขอบเป็นหินทราย สองข้างทางมีเสาหินทรายยอดคล้ายดอกบัวตูม จำนวนเจ็ดสิบต้น เรียกว่า "เสานางเรียง" จากทางดำเนินไปสู่สะพานนาคราชชั้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมทางดำเนินกับบันได้ทางขึ้นสู่ตัวปราสาท ก่อด้วยหินทราย ราวสะพานทำเป็นลำตัวของพญานาคห้าเศียรหันหน้าออกแผ่พังพานทั้งสี่ทิศ พญานาคมีรัศมีเป็นแผ่นสลักลายในแนวนอน ศิลปกรรมแบบนครวัด สะพานนาคราชมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เปรียบเหมือนสะพานเชือมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ บันไดขึ้นปราสาทเป็นบันไดหินทราย มี ห้าชั้น ระหว่างบันไดแต่ละชั้นมีชานพักทั้งสองด้าน มีฐานหินทรายรูปกรวยเจาะรูตรงกลางอยู่ทุกชั้น ก่อนเข้าสู่ตัวปราสาทประธาน มีสะพานนาคราชชั้นที่สอง มีขนาดย่อมกว่าสะพานาคราชชั้นที่หนึ่ง ตรงกลางมีภาพสลักดอกบัวบานแปดกลีบ จากชานบันไดชั้นที่ห้า เป็นลานโล่งกว้างอยู่ด้านหน้าระเบียงคด หน้าปราสาทประธาน ลักษณะยกพื้นรูปกากบาทก่อด้วยศิลา และฝังรปกากบาทนี้ทำให้เกิดช่องทางเดินและช่องสี่เหลี่ยมคล้ายสระเล็กๆสี่ช่อง ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นถวายแด่พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู เขาพรมรุ้งและปราสาทแห่งนี้เปรียบเหมือนเขาไกรลาศอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ ชื่อพนมรุ้ง มาจากภาษาเขมร วนํรุง แปลว่าภูเขาอันกว้างใหญ่ คำว่า วนํรุง ปรากฎในศิลาจารึกอักษรขอมพบที่ปราสาทพนมรุ้งแห่งนี้ รวมทั้งชื่อของผู้สร้างปราสาทแห่งนี้ด้วย ก่อนเข้าไปยังปราสาทประธานชั้นในสุด มีลานปราสาทและระเบียงชั้นนอก ล้อมรอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง ว่ากันว่าเดิมเป็นระเบียงโถงหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง เพราะพบแนวเสาและเศษกระเบื้องดินเผาจำนวนมาก ก่อนถึงตัวปราสาทประธาน มีระเบียงคดล้อมเป็นกำแพงชั้นในก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่อง มีผนังกั้นเป็นช่วงๆ ว่ากันว่าหมายถึงพระศิวะในปางผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ บริเวณนี้เป็นสะพานนาคราชชั้นที่สามเชื่อมระหว่างซุ้มประตูกลางของระเบียงคดชั้นในกับมณฑปปราสาทประธาน ลักษณะเหมือนสะพานนาคชั้นที่หนึ่งและสอง และแล้วก็มาถึงประสาทประธาน ตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางศาสนสถาน สร้างด้วยศิลาทรายสีชมพู ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัรุรัสย่อมุม มีมุขยื่นออกมาสามด้าน ว่ากันว่าผู้สร้างปราสาทหลังนี้มีความเกี่ยวข้องเป็นพระญาตกันกับพระเจ้าสุริยวรมันที่สอง ผู้สร้างนครวัด ปราสาทแห่งนี้มีความงดงาม ควรคู่การขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร หลังทำการบูรณะ ระหว่างเดินขมความงามของปราสาทแห่งนี้ อดคิดไม่ได้ว่าในสมัยก่อน ที่ยังไม่มีเครื่องมือทุ่นแรงที่ทันสมัย การก่อสร้างปราสาทคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก กว่าจะรวมจิตใจ ก่อปราสาทสักหลัง ต้องใช้พลังกายและพลังแรงใจ นำอิฐที่มีน้ำหนักมากแต่ละก้อนขึ้นมาบนยอดเขา ไม่ใช่งานง่ายเลย สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจก็คือ ผู้ที่ก่อสร้างปราสาทหลังนี้จะต้องมีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างแน่แท้ และที่สำคัญท้องต้องอิ่ม แสดงว่ายุคก่อนอาณาจักรขอมมีความรุ่งเรืองไม่แพ้ในปัจจุบันอย่างแน่นอน สิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ เติมแต่งฝันให้เป็นจริง ก็คือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความสามัคคีทำให้งานก่อสร้างปราสาทแห่งนี้สำเร็จลง ตรงนี้คือปรางค์น้อย มีผังเป็นรูปสี่เหลียมจัตรัสย่อมุม สร้างด้วยศิลาทรายกรุผนังด้านในด้วยศิลาแลง ภายในมีแทนฐานหินทรายสำหรับประดิษฐานรูปเคารพ หน้าบันสลักเป็นรูปพระกฤาณะยกเขาโควรรธนะ ปราสาทประธานตกแต่งลวดลายจำหลักประดับส่วนต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาพเล่าเรื่องเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ภาพในวรรณคดีเรื่องรามายณะ มหาภารตะ ภาพเทพประจำทิศ รวมถึงภาพพิธีกรรม ภาพชีวิตประจำวันของฤาษี เดินชมปราสาทหินแห่งนี้ บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยเรื่องราว ต่างมากมายในอดีตล่องลอย ราวกับว่าที่นี่ยังมีชีวิต เต็มไปด้วยเรื่องราวความเจริญ ในยุครุ่งเรืองแห่งอารยธรรมเก่าก่อน และเหมือนทุกครั้งที่มาเยือนบุรีรัมย์ ดินแดนแห่งปราสาท ผมยังคงได้ความประทับใจกลับไปเหมือนเช่นเคย ขอทิ้งท้ายความงดงามของอุทยานปราสาทหินพนมรุ้งด้วยภาพนี้ครับ ยังไม่เคยไป และเป็นสถานที่ๆ อยากไปอีกแห่ง
เสียดายภาพเล็กไปนิดนะคะ แหะ แหะ โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 มิถุนายน 2556 เวลา:19:57:27 น.
|
3KKK
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]
Link |
ปราสาทพนมรุ้งสวยเสมอนะคะ
อลังการงานสร้าง
แม้วันฟ้าหม่นก็ยังยืนทนความสวยงามเสมอค่ะ