มิถุนายน 2554

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
พระราชวังสนามจันทร์.....งามเจิดจ้าในวสันตฤดู
เช้าวันหนึ่ง แหงนมองฟ้าอันสวยใส แสงแดดส่องเรืองรองในยามเช้า เป็นภาพที่หาดูไม่ง่ายนักในช่วงวสันตฤดู เมื่อได้พานพบเจอวันที่ฟ้าเป็นใจ

นึกถึงสถานที่งดงามแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่าศตวรรษ

สถานที่ที่เคยไปเยือนเมื่อครั้งเยาว์วัย วันนี้ผมข้ามห้วงแห่งกาลเวลา กลับมาที่แห่งนี้อีกครั้ง “พระราชวังสนามจันทร์”

พระราชวังสนามจันทร์ อยู่ห่างจาก พระปฐมเจดีย์ ไปเป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตร คือบริเวณที่เรียกกันว่า "หนองน้ำจันทร์" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดเกล้าให้ดำเนิการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้

เดิมทีประกอบด้วยพระที่นั่ง 2 แห่งเท่านั้น คือ พิมานปฐมและพระที่นั่งอภิรมย์ฤดี และได้มีการสร้างพระที่นั่ง พระตำหนักเพิ่มเติมอีกหลังจากนั้น

พระที่นั่งและอาคารภายในพระราชวังสนามจันทร์ ทรงพระราชทานนามคล้องจองกันคือ พระที่นั่งพิมานปฐม

พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี


พระที่นั่งวัชรีรมยา

พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์

ปราสาทศรีวิชัย เทวาลัยคเณศร์

พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์

พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์

พระตำหนักทับแก้ว

และพระตำหนักทับขวัญ

พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างขึ้น เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก แต่ดัดแปลงให้เหมาะกับเมืองร้อน

ช่องระบายลมและระเบียงลูกกรงโดยรอบฉลุ สลัก เป็นลวดลายตามแบบไทยอย่างปราณีตงดงาม

พระที่นั่งชั้นบนประกอบด้วยห้องต่างๆ ซึ่งยังมีป้ายชื่อ ปรากฎอยู่จวบจนปัจจุบัน คือ ห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และห้องพระเจ้า ซึ่งเป็นหอพระ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่ง และยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งงดงามน่าชมมาก แต่น่าเสียดายไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายใน

พระที่นั่งพิมานปฐม องค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติและยังเป็นที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ

พระที่นั่งองศ์ต่อไปที่จะไปชมคือ พระที่นั่งวัชรีรมยา อาคารทรงไทย 2 ชั้น หลังคาซ้อน ยอดปราสาทมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ เชื่อมต่อกับพระที่นั่งพิมานปฐม

มีช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ โดยลอกแบบมาจากพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์

พระที่นั่งที่งดงามอีกองศ์คือ พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เป็นพระที่นั่งที่เชื่อมต่ออยู่กับพระที่นั่งวัชรีรมยา โดยมีโถงใหญ่และหลังคาของพระที่นั่งทั้งสององค์เชื่อมติดต่อกัน เครื่องประดับตกแต่งหลังคาเหมือนกัน แต่องค์พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์เป็นพระที่นั่งทรงไทยแบบศาลาโถงองค์ใหญ่ชั้นเดียว หน้าบันอยู่ทางทิศเหนือเป็นรูปจำหลักท้าวอมรินทราธิราชประทานพร ประทับอยู่ในพิมานปราสาทสามยอดพระหัตถ์ขวาทรงวชิระ พระหัตถ์ซ้ายประทานพร แวดล้อมด้วยบริวาร ประกอบด้วยเทวดาและมนุษย์ห้าหมู่ เช่นเดียวกับพระที่นั่งวัชรีรมยา
พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ ทรงใช้เป็นที่ออกงานสโมสรสันนิบาต เสด็จฯ ออกขุนนางเพื่อปรึกษาหารือข้อราชการ ป็นที่อบรมกองเสือป่า และใช้เป็นที่แสดงโขนละครต่างๆ พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์เป็นพระที่นั่งที่กว้างขวางจุคนได้มากจึงมีชื่อเรียกติดปากชาวบ้านว่า " โรงโขน " เดิมเคยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระมหาเศวตฉัตรมาประดิษฐานไว้ภายใน

ตำหนักที่โดดเด่นที่สุดในพระราชวังสนามจันทร์ คงหนีไม่พ้น พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนักที่มีลักษณะคล้ายปราสาทขนาดย่อม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ ( Half Timbered ) ของอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศในประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามใหญ่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระตำหนักว่า " พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ "
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น ทาสีไข่ไก่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดง ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม และห้องสรง ชั้นล่างทางทิศตะวันตกเป็นห้องรอเฝ้าฯ และเคยใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในการออกหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายสัปดาห์
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงใช้เป็นที่ประทับในฐานะที่ทรงเป็นผู้บัญชาการเสือป่า เมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า ณ พระราชวังสนามจันทร์ และพระองค์โปรดที่จะประทับ ตลอดช่วงปลายรัชกาล เมื่อเสด็จฯ ยังพระราชวังสนามจันทร์

พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทอง ทาสีแดง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ของประเทศทางตะวันตก แต่ได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วนให้เหมาะกับภูมิอากาศแบบเมืองร้อน พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์

สะพานดังกล่าวหลังคามุงกระเบื้อง และติดหน้าต่างกระจกทั้งสองด้านตลอดความยาวของสะพานที่เชื่อมติดต่อถึงกัน


จากข้อมูลที่ได้ทำให้ทราบว่า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ และฉนวนสะพานเชื่อมพระตำหนัก เป็นกลุ่มอาคารที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่อง My Friend Jarlet ซึ่งทรงแปลบทละครเรื่องนี้เป็นภาษาไทยชื่อว่า " มิตรแท้ " โดยทรงนำชื่อตัวละครในเรื่องมาเป็นชื่อของพระตำหนัก นั่นก็คือ ชาลี และ มาร์รี นั่งเอง

ย่าเหล เป็นสุนัขพันธุ์ทางหางเป็นพวง สีขาวด่างดำ หูตก เกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตรวจเรือนจำ ทอดพระเนตร " ย่าเหล " ซึ่งเป็นลูกสุนัข ก็ตรัสชมว่าน่าเอ็นดู และได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในราชสำนักใกล้ชิดพระยุคลบาท มีความเฉลียวฉลาด และมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์เป็นอย่างมาก คืนหนึ่ง " ย่าเหล " ได้หนีออกมาเที่ยวตามวิสัยสัตว์ และได้กัดกับสุนัขอื่นในบริเวณกรมทหาร มหาดเล็กรักษาพระองค์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมการรักษาดินแดน และพลัดถูกลูกกระสุน ซึ่งทหารผู้หนึ่งได้ยิงปืนออกมา เมื่อได้ยินเสียงสุนัขกัดกัน และไม่ทราบว่ากระสุนได้พลัดไปถูกย่าเหล
การสูญเสีย " ย่าเหล " สุนัขที่โปรดปรานในครั้งนี้ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เศร้าสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานศพ ย่าเหล เป็นอย่างดี และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง อนุสาวรีย์ย่าเหล ขึ้นด้วยโลหะทองแดง ณ บริเวณด้านหน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์สำหรับพระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเนศวร เทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล เทวาลัยคเณศร์ตั้งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดศิลปวิทยาการ และการประพันธ์เป็นพิเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ สำหรับบวงสรวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์

พระตำหนักทับขวัญ เป็นเรือนไทยที่สมบูรณ์แบบ พระตำหนักทับขวัญประกอบด้วย กลุ่มเรือน 8 หลัง ซึ่งได้สร้างให้หันหน้าเข้าหากัน 4 ทิศ เรือนหลังใหญ่เป็นหอนอน 2 หอ ห้องบรรทมเป็นหอนอนที่อยู่ทางทิศใต้ อีก 2 หลังเป็นเรือนโถงและเรือนครัวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ส่วนเรือนเล็ก 4 หลังนั้นตั้งอยู่ตรงมุม 4 มุมและ 1 หลัง ได้แก่ หอนก 2 หลัง เรือนคนใช้ และเรือนเก็บของ เรือนทุกหลังมีชานเรือนเชื่อมกันโดยตลอด บริเวณกลางชานเรือนปลูกต้นจันไว้ให้ร่มเงา
พระตำหนักทับขวัญเป็นเรือนไม้กระดาน ฝาเรือนทำเป็นฝาปะกนกรอบลูกฟัก ฝีมือประณีต เชิงชายและไม้ค้ำยันสลักเสลาสวยงาม หลังคาแต่เดิมมุงด้วยจาก หลบหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา ตัวเรือนทุกหลังรวมทั้งพื้นนอกชานทำด้วยไม้สักล้วน ใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบฉบับของชาวไทยโบราณ รอบๆ บริเวณปลูกไม้ไทยชนิดต่างๆ นับเป็นเรือนที่อยู่ในประเภทเรือนคหบดีและมีส่วนประกอบครบ

พระตำหนักทับแก้ว อาคารหลังเล็ก อยู่เชิงสะพานสุนทรถวาย ใช้ประทับในฤดูหนาว มีภาพเขียนขาวดำของรัชกาลที่ 6

หลังจากการเพียรพยายามที่มีมาเกือบสิบปี ในที่สุดการถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์ให้กับสำนักพระราชวังก็สำริตผล โดยพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อ 16 ธ ค พ ศ 2546 ที่ พระที่นั่งพิมานปฐม ในพระราชวังสนามจันทร์ ท่ามกลางสักขีพยานมากมาย โดยมีนายขวัญแก้ว วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นตัวแทนรับมอบ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระราชวังแห่งนี้ให้กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้เป็นที่ทำการของทางราชการ ได้มีการบูรณะหลายครั้งภายใต้การดูแลของกรมศิลปากรหลังประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ต่อมากระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งสำนักพระราชวัง นำความขึ้นกราบบังคมทูล ถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์
พร้อมกันนี้กรมศิลปากรยังได้ถวายคืนพระตำหนักที่อยู่ในความดูแลอีกสามองศ์ ได้แก่ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ซึ่งที่ประทับของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ตลอดช่วงปลายรัชกาล พระตำหนักอีกสององศ์ที่มีการถวายคืนคือ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ ทำจากไม้สักทองสีแดง มีการบูรณะขึ้นใหม่และจัดสร้างเป็นพิพิภัณฑ์รัชกาลที่ 6 น่าเสียดายที่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพภายในได้ และ ท้ายสุดที่มีการส่งมอบคืนคือพระตำหนักทับขวัญนั่นเอง

พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ห่างจากกรุงเทพฯ ลงไปทางใต้ 56 กิโลเมตร บริเวณที่เป็นพระราชวังสนามจันทร์ อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ ไปทางตะวันตก ประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณซึ่งเดิมเรียกว่า เนินปราสาท สันนิษฐานว่า เดิมคงเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์ในสมัยโบราณ ใกล้กับเนินปราสาทมีสระน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกขานกันมาแต่เดิมว่า สระน้ำจันทร์ ปัจจุบันชาวบ้าน เรียกว่า สระบัว อยู่หน้าโบสถ์พราหมณ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชฯ มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังที่ประทับขึ้น ณ เมืองนครปฐม สำหรับเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในโอกาสเสด็จฯ มาสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และเพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ ทรงเลือกจังหวัดนครปฐม ด้วยเหตุที่ทรงคุ้นเคยกับภูมิประเทศของเมืองนี้จึงทรงขอซื้อที่ดินจากราษฎรที่อยู่รอบๆ เนินปราสาท เพื่อจัดสร้างพระราชวังขึ้น แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯดำเนินการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น ตรงกับปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
พระราชวังสนามจันทร์ นอกจากเป็นที่แปรพระราชฐานแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมีพระราชดำริในการสร้างพระราชวังสนามจันทร์ไว้เป็นที่มั่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับวิกฤตการณ์ของประเทศอันเกิดขึ้นได้ พระราชวังสนามจันทร์ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับในขณะแปรพระราชฐาน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ยังมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมไม่แพ้พระราชวังแห่งอื่นๆ ด้วยเหตุนี้สำนักพระราชวังจึงเร่งบูรณะมรดกอันล้ำค่าแห่งนี้ เพื่อเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่

ในขณะที่ใช้เวลาเดินชมความงามของหระราชวังแห่งนี้ ภาพความงดงามที่ปรากฎแก่สายตา ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นประทับ เต็มไปด้วยสีสรร ความมีชีวิตชีวา ความรักความอบอุ่นที่เกิดขึ้นมากมาย ณ สถานที่โรแมนติคแห่งนี้ในยุคก่อน ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพลังแห่งอดีตกาลยังคงล่องลอยอยู่ในอาณาบริเวณแห่งนี้ผมรุ้สึกและสัมผัสได้จริงๆ

ผู้ที่เคยมาเยือนพระราชวังแห่งนี้ หลายคนคงจะรู้สึกเช่นเดียวกับผม ภาพทุกภาพที่นำมาให้ชม บอกเล่าเรื่องราวความเป็นตัวตัวของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ผมกล้าที่จะพูดว่า พระราชวังแหงนี้เป็นที่ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งที่ผมเคยได้มีโอกาสไปเยือน เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ดูจะน้อยเกินไป กับการที่จะได้ซัมซับดื่มด่ำบรรยากาศ รับรู้ รับฟังเรื่ องราวต่างๆ มากมาย

พระราชวังสนามจันทร์ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับในขณะแปรพระราชฐาน แต่ยังมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมไม่แพ้พระราชวังแห่งอื่นๆ ด้วยเหตุนี้สำนักพระราชวังจึงเร่งบูรณะมรดกอันล้ำค่าแห่งนี้ เพื่อเก็บรวบรวมภาพและเรื่องราวต่างๆ ให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้รอบๆ บริเวณ ยังมีเรือนประทับเรียงรายอยู่หลายแห่ง
เรือนประทับเรียงรายอยู่หลายแห่ง ล้วนแต่เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามทั้งสิ้น

พระราชวังสนามจันทร์
เปิดให้เข้าชมเวลา 9.00น.-16.00น.
ปิดขายบัตรเวลา 15.30น.
การแสดงนาฏศิลป์ไทยจะแสดงเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
วันละ 2 รอบ เวลา 11.00น.และเวลา 14.00น.
หากต้องการชมเป็นหมู่คณะสามารถติดต่อล่วงหน้าได้ที่
ที่ทำการพระราชวังสนามจันทร์
โทรศัพท์ 034-244236-7
แฟ็กซ์ 034-244235
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ผมใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม จะพบสะพานยกระดับข้ามไปตัวเมืองนครปฐม ให้ขับขึ้นสะพาน ถ้าตรงไปจะไปราชบุรี หลังจากขึ้นสะพานแล้วให้ขับตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบ 4 แยกไฟแดง เห็นองศ์พระปฐมเจดีย์อยู่เบื้องหน้า ถ้าเลี้ยยวขวาจะเข้าไปยังตลาดนครปฐม ให้เลี้ยวซ้ายทางที่จะไปจังหวัดสุพรรณบุรี แล้วขับตรงไปประมาณ 200 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวาที่ไฟแดง แล้วขับตรงไปประมาณ 1.9 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาที่ไฟแดง เลี้ยวขวาแล้วให้ขับตรงไปประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงพระราชวังสนามจันทร์

อย่างที่ผมเคยบอก เวลาหนึ่งวันกับสถานที่อันงดงามแห่งนี้ ดูน้อยไปจริงๆ เวลาเดินไปอย่างรวดเร็วมาก จนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นถ้าทำได้
ผมนำความประทับใจกลับมาอย่างเต็มเปี่ยม นึกย้อนความทรงจำ ณ ที่แห่งนั้น ก็ยิ้มได้ทุกครั้ง

ผมไม่เคยลืมสถานที่อันงดงามแห่งนี้ จะเก็บความประทับใจนี้ไว้ตราบนานเท่านาน.....



Create Date : 09 มิถุนายน 2554
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 11:44:26 น.
Counter : 8581 Pageviews.

8 comments
  
แวะชมพระราชวังสนามจันทร์ด้วยจ้า
สีสันสดใสมากๆ ไปได้ไปไหว้องค์พระ เมืองนครปฐมนานแล้วเหมือนกัน
โดย: pragoong วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:10:17:58 น.
  
พระราชวังสนามจันทร์

สถานที่ท่องเที่ยว พระราชวังสนามจันทร์


ข้อมูลเพิ่มเติม พระราชวังสนามจันทร์


น่าไป เที่ยว จังเลยครับ เห็นรูปที่ถ่ายมาแล้วสวยมากเลย
โดย: nonguide วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:15:47:41 น.
  
พระราชวังสนามจันทร์
โดย: nonguide วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:15:48:27 น.
  
สวยทุกภาพเลยค่ะ ชอบมากๆฟ้าสดใสดีจังค่ะ

ถ้าได้ดูรูปใหญ่คงแจ่มกว่านี้เยอะนะคะ
โดย: อาราเล่ กะ กั๊ตจัง วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:19:29:29 น.
  
มาชมพระราชวัง ครับ
โดย: Kavanich96 วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:7:28:58 น.
  
ภาพสวยคะ ฟ้าเป็นฟ้าจริงๆ ด้วย
โดย: ASDK_MK วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:9:46:12 น.
  
สวยมากมายเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันนะค่ะ

Digital SLR Black Friday
Radar Detector Black Friday
Touchpad Black Friday
โดย: Qa วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:12:46:03 น.
  
สวยจังเลยค่ะ อยากถ่ายให้ได้ฟ้า ฟ้าแบบนี้บ้างจ๊ะ
โดย: Mutsu ka วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:14:16:10 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

3KKK
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



New Comments
MY VIP Friend