มิถุนายน 2554

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม...อัญมณีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ท้องฟ้าอันสดใสนำพาผมมาเยือนวัดพระแก้วอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เคยมาเที่ยวชม ผ่านมานานจนหลายสิ่งที่พบเห็นแทบจะลืมเลือนไปจากความทรงจำ เมื่อก้าวเท้าผ่านประตูประตูวิเศษไชยศรีเข้าไป ภาพเก่าๆ เริ่มปรากฎเด่นชัด ประติดประต่อกันเป็นเรื่องราวให้นึกย้อนกลับไปในวันเก่าๆ ที่เคยมาเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้

ประตูวิเศษไชยศรี ประตูชั้นนอกพระบรมมหาราชวังด้านทิศเหนือ ตรงกับถนนหน้าพระธาตุ เป็นประตูสำคัญเพราะเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระมหามณเฑียร ปัจจุบันประตูวิเศษไชยศรีเป็นประตูทางเข้าออกพระบรมมหาราชวังที่สำคัญที่สุด

ถัดเข้ามาด้านในเป็น ประตูพิมานไชยศรี และหากมองผ่านประตูนี้เข้าไป จะเห็นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในมุมที่สวยงามสง่า

ทางด้านซ้ายมือของประตูพิมานไชยศรี คือทางเดินเข้าสู่บริเวณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วนั่นเอง

ภายในเขต วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นี้มีอาคารที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นต้นมา เป็นอันมาก แต่ละหลังสร้างขึ้นด้วยความประณีตบรรจง โดยพระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นถวายเป็นพุทธบูชา

พระอุโบสถตั้งอยู่ส่วนกลางของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีซุ้มประดิษฐานเสมารวม ๘ ซุ้ม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่พระองค์ทรงอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

พระศรีรัตนเจดีย์ ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บนฐานไพทีทางทิศตะวันตก สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยจำลองแบบมาจากเจดีย์ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่พระราชวังในกรุงศรีอยุธยา

พระมณฑป ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บนฐานไพทีตรงกลางระหว่างปราสาทพระเทพบิดรและพระศรีรัตนเจดีย์ เป็นมณฑปยอดปราสาทเจ็ดชั้น ฝาผนังภายนอกประดับลวดลายนูนต่ำปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนมภายในกรอบสี่เหลี่ยม บานประตูทั้งสี่ทิศเป็นประตูลายมุก ส่วนของฐานนั้นทำเป็นชั้น โดยชั้นบนเป็นรูปเทพบุตรนั่งประนมกรเรียงระหว่างซุ้มประตู

กลุ่มพระอุโบสถ เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสูงสุด มีพระอุโบสถเป็นอาคารประธานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ล้อมรอบด้วยศาลาราย พระโพธิ์ธาตุพิมาน หอราชพงศานุสรณ์ หอราชกรมานุสรณ์ หอระฆัง หอพระคันธารราษฎร์

ปราสาทพระเทพบิดร เป็นปราสาทเพียงองค์เดียวในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นปราสาทจตุรมุข ยอดปรางค์มีนภศูล และมงกุฎอยู่บนยอด ประดับกระเบื้องเคลือบ องค์เดียวในประเทศไทย ปราสาทพระเทพบิดร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมรูปพระบูรพกษัตริย์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทั้ง ๕ องค์มาไว้ ทั้งมีพระบรมราชโองการให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป เป็นประจำทุกปีในวันที่ ๖ เมษายน ซึ่งทรงกำหนดให้เป็นวันจักรี ปัจจุบันได้มีการประดิษฐานพระบรมรูปเพิ่มตามการเปลี่ยนรัชสมัย จนถึงรัชกาลที่ ๘ แล้ว

พระเจดีย์ทองเป็นเจดีย์ทรงเครื่อง ประกอบด้วยฐานที่มียักษ์แบกชุดฐานสิงห์ 3 ฐาน มีบัวทรงคลุ่มรองรับองค์ระฆัง ตั้งแต่ฐานถึงองค์ระฆังอยู่ในผังย่อมุมไม้ 20 ส่วนยอดเป็นบัวทรงคลุ่มเถาและปลีตามลำดับ เจดีย์ทองจัดเป็นงานศิลปกรรมที่ทำสืบต่อมาจากสมัยอยุธยาตอนปลายและเป็นแบบอย่างให้กับงานศิลปกรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

นครวัดจำลอง เป็นสิ่งเตือนใจให้คนไทยรำลึกว่า นครวัดเป็นสิ่งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่คนไทยควรจดจำไว้ ผู้ที่ไม่มีโอกาสไปชมถึงประเทศกัมพูชา ก็สามารถชมนครวัดจำลองได้ที่วัดพระแก้ว ซึ่งถึงแม้จะมีขนาดเล็กมาก แต่ก็จำลองแบบมาจากของจริง


หอพระมณเฑียรธรรม สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับทองใหญ่ที่ทรงสังคายนา ต่อมาได้เกิดไฟไหม้จึงได้สร้างขึ้นใหม่ประดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับอื่นๆ

พระระเบียง สร้างขึ้นเพื่อกั้นเป็นขอบเขตของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพรามเกียรติ์ที่รอบผนังพระระเบียง จิตรกรรมฝาผนังที่ พระระเบียง มีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังจำนวน 178 ห้อง

หลักฐานการก่อสร้างและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม ของพระอุโบสถในรัชสมัยนี้ไม่ชัดเจนนัก นอกจากบ่งบอกไว้ว่า ฝาผนังรอบนอกเป็นลายรดน้ำปิดทองรูปกระหนกเครือแย่งทรงข้าวบิณฑ์ดอกในบนพื้นสีชาด ฝาผนังด้านในเหนือประตูด้านสกัดเป็นภาพเรื่องมารวิชัยและเรื่องไตรภูมิ

พระอัษฏามหาเจดีย์หรือพระปรางค์แปดองค์ ตามประวัติกล่าวว่าโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อให้เป็นตัวแทนของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระสาวก พระภิกษุณี พระโพธิสัตว์ และพระยาจักร และมีหมายรับสั่งในพิธีบรรจุพระบรมธาตุไว้ภายใน
นอกจากนี้ยังระบุว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เรียงลำดับจากเหนือไปใต้ดังนี้ พระสัมมาสัมพุทธมหาเจดีย์ (พระพุทธ) ปรางค์สีขาวพระสัทธัมปริยัติวรามหาเจดีย์ (พระธรรม) ปรางค์สีขาบ พระอริยสังฆสาวกมหาเจดีย์ (พระสงฆ์) ปรางค์สีชมพู พระอริยสาวกภิกษุณี สังฆมหาเจดีย์ (พระภิกษุณี) ปรางค์สีเขียว พระปัจเจกโพธิสัมพุทธมหาเจดีย์ (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ปรางค์สีม่วง พระบรมจักรวรรดิราชามหาเจดีย์ (พระบรมจักรพรรดิ์) ปรางค์สีน้ำเงิน พระโพธิสัตว์ กฤษฎามหาเจดีย์ (พระโพธิสัตว์) ปรางค์สีแดง และพระศรีอริยเมตยมหาเจดีย์ (พระศรีอริยเมตไตรย์) ปรางค์สีเหลือง

วัดพระแก้วมีการบูรณะปฏิสังขรณ์และการสร้างหอต่างๆ ขึ้น ในสมัยแต่ละรัชกาล ในช่วงระยะเวลาแห่งการฉลองกรุงเทพฯ ๑๐๐ ปี หลังจากนั้นก็มิได้มีการสร้างสิ่งใดที่สำคัญเพิ่มเติมในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๗ และรัชกาลปัจจุบัน เมื่อคราวฉลองกรุงเทพฯ ๑๕๐ ปี และ ๒๐๐ ปี ตามลำดับ

หลังจากชมวัดพระแก้วแล้ว ก็เดินเข้ามาในส่วนของ พระบรมมหาราชวัง สิ่งแรกที่พบเจอคือ หมู่พระมหามณเฑียรในพระบรมมหาราชวัง ประกอบไปด้วย หอศาสตราคม พระบรมมหาราชวัง สร้างเป็นที่พระสงฆ์ฝ่ายรามัญนิกายทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์

พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกฝ่ายหน้า เช่น เสด็จออกขุนนาง ออกมหาสมาคม ทรงบำเพ็ญพระราชกุลต่าง ๆ พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เป็นพระที่นั่งขนาดเล็ก ตั้งอยู่ด้านข้างของพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมาน ด้านตะวันตก ลักษณะเป็นพระที่นั่งโถงด้านเหนือมีเกยประทับพระราชยาน พระที่นั่งองค์นี้เคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 1 ทรงพระราชปุจฉาธรรมะกับพระภิกษุสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ หรือใช้เป็นที่ตั้งพระราชสาสน์ที่ประเทศต่างๆ ส่งเข้ามาเจริญพระราชไมตรี ตลอดจนเคยใช้เป็นที่เลี้ยงพระในสมัยรัชกาลที่ 5

พระที่นั่งสนามจันทร์ เป็นพระที่นั่งไม้ขนาดเล็ก แบบพลับพลาโถง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับทรงงานช่างบ้าง เสด็จออกขุนนางบ้าง ตลอดจนเป็นที่ประทับทรงพระสำราญบ้าง นัยว่าได้ทรงมีส่วนร่วมในการตกแต่งพระที่นั่งองค์นี้ด้วย จึงเป็นพระที่นั่งที่มีความสำคัญทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ และในแง่ความงดงามด้วย

พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของพระที่นั่งในหมู่พระมหามณเฑียร ก่อสร้างในรูปลักษณะของสถาปัตยกรรมไทยองค์พระที่นั่งก่ออิฐถือปูน สร้างเป็น 3 องค์แฝด ภายนอกเป็นระเบียงรายล้อมด้วยเสานางจรัลอยู่ทุกด้าน เป็นพระวิมานที่บรรทมของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเสด็จประทับอยู่เป็นประจำ

พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงใช้เป็นที่ประทับทรงพระสำราญหรือให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และใช้เป็นพระราชพิธีมณฑลในการประกอบพิธีบรมราชาภิเษกจนถึงรัชกาลปัจจุบัน และยังเป็นที่ประดิษฐาน พระสยามเทวาธิราช

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คือหนึ่งในพระที่นั่งที่สำคัญในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นท้องพระโรง เดิมมีพระที่นั่งต่างๆ เรียงต่อเนื่องกันรวม 11 องค์ ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 3 องค์ คือ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ กับ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ

เริ่มแรกนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งองค์ใหม่เป็นแบบตะวันตก แต่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ กราบบังคมทูลขอให้ทำเป็นปราสาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนทรงหลังคาเป็นหลังคายอดปราสาท 3 ยอดเรียงกันตามสถาปัตยกรรมไทย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระที่นั่งองค์นี้ชั้นบนสุด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระมเหสีตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นมา เป็นที่เสด็จฯออกให้คณะทูตานุทูต ข้าราชการชั้นสูงเข้าเฝ้า หรือรับรองแขกผู้มีเกียรติ
องค์พระที่นั่งทำด้วยไม้หุ้มเงินถมลงยาทาทองซึ่งเรียกว่า ถมตะทอง นับได้ว่าเป็นเครื่องถมทองชิ้นใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีความสวยงามด้วยการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและยุโรป โดยองค์ระที่นั่งเป็นแบบยุโรป หลังคาเป็นยอดปราสาทแบบไทย

ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะเป็นที่พื้นที่โล่งกว้าง แต่ถ้าหากต้องการจะมอง ยอดของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทแล้ว จะต้องแหงนคอมอง เลยทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าตัวอาคารเหล่านี้จะมีความสูงเพียงแค่ 3 ชั้น แต่ก็เทียบเท่ากับความสูงของอาคารทั่วไปถึง 6 ชั้นก็ว่าได้

พระที่นั่งที่งดงาม โดดเด่นที่สุดในพระบรมมหาราขวัง และเป็นสัญญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้คงจะหนีไม่พ้นพระที่นั่งแห่งนี้ ทหารรักษาการที่ยืนประจำอยู่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังนั้น ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมาก เพราะพวกเขาปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน ด้วยความยินดีและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้ควรค่าแก่การปกป้องรักษาเอาไว้สืบไป

สุดท้ายคือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระมหาปราสาท ใน พระบรมมหาราชวัง ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง ทางทิศตะวันตกของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

พระที่นั่งองค์นี้ได้รับยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมชั้นเอกของกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นพระที่นั่งทรงไทยแท้องค์เดียว ในพระบรมมหาราชวัง โดยเฉพาะเรือนยอดพระมหาปราสาท (กุฎาคาร) มีรูปทรงต้องด้วยศิลปะลักษณะอันวิจิตรงดงาม

พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระที่นั่งองค์นี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่บนกำแพงแก้วของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทด้านตะวันออก

ให้สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นที่ประทับพระราชยาน (เสลี่ยง) ในการเสด็จพระราชดำเนินพยุหยาตราหรือใช้สำหรับในงานพระราชพิธีโสกันต์ (โกนจุก) เป็นต้น

ลักษณะของพระที่นั่งเป็นปราสาทโถงจตุรมุข หลังคามุงด้วยดีบุก ตรงกลางของจตุรมุขทำเป็นปราสาท 5 ชั้น รองรับยอดปราสาทด้วยหงส์ทั้งสี่ด้าน (แทนครุฑยุดนาค) โครงเสา ฐานขององค์พระที่นั่ง

ตลอดจนเครื่องประดับอื่นๆ เช่น ฝ้า เพดาน สาหร่ายรวงผึ้ง ล้วนลงรักปิดทองประดับกระจกด้วยฝีมือประณีตบรรจง เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม นับเป็นฝีมือชั้นครูชิ้นหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ จนได้รับการจำลองแบบไปแสดงในงานแสดงสินค้า ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม

หลังจากเพลิดเพลินกับความวิจิตรงดงามที่พบเห็นในสถานที่แห่งนี้จนเวลาล่วงเลย ผมกลับออกมาพร้อมความประทับใจในความงดงามที่ยังคงตราตรึงอยุ่ในใจ เป็นการส่งท้ายทริปใน กทม ที่เปี่ยมด้วยความสุขใจ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขกายและใจ




Create Date : 22 มิถุนายน 2554
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 12:39:42 น.
Counter : 15104 Pageviews.

5 comments
  
แวะมาเยี่ยมค่ะ ทักทายค่ะ

แวะชมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ อย่าลืม Vote ให้ด้วยนะค่ะ

ThaiLand Travel สถานที่ท่องเที่ยว

โดย: nonguide วันที่: 22 มิถุนายน 2554 เวลา:11:20:39 น.
  
มีสะกดผิดพลาดบ้างเล็กน้อย
แต่ชอบความละเมียดละไมในภาษาที่ใช้มากค่ะ

โหวตให้เน้อออออ ^^
โดย: ริมยมนา วันที่: 22 มิถุนายน 2554 เวลา:12:50:18 น.
  
สวยงามครับ .. ขอบพระคุณ สำหรับ Review ดี ๆ ครับ
โดย: ตบหมดช่อง (tothza_one ) วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:12:15:05 น.
  
สวยมากมายเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันนะค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่นำมาแบ่งปันนะค่ะ
Digital SLR Black Friday
Radar Detector Black Friday
Touchpad Black Friday
โดย: Qa วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:9:31:04 น.
  
สวยจังค่ะ เห็นแล้วภูมิใจในความเป็นไทยของเราจังเลยค่ะ
โดย: Mutsu ka วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:14:17:25 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

3KKK
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



New Comments
MY VIP Friend