OUR LIFE IS SIMPLY A REFLECTION OF OUR ACTIONS. IF YOU WANT MORE LOVE IN THE WORLD, CREATE MORE LOVE IN YOUR HEART!!
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
“เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…. 4 เดือนระทึกกับช่วงทดลองงาน!!



DESTINYHURTSME… เอ๊ย…ทำไมถึงเป็นคน
“มีตา…แต่หามีแววไม่” อย่างนี้น๊า…?
นายผู้หญิงอุตสาห์มาทักทายถึงที่
แต่กลับมองเป็นอื่นแถมยังบังอาจคิดจะจับมาคบหาเป็นเพื่อนซะอีก!
ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย…
จะไม่ให้ฉันคิดว่าเป็นพนักงานธรรมดาได้ไง
ก็คุณนีน่าเธอไม่ได้แสดงทีท่าวางกล้ามหรือเชิดหยิ่งแต่ให้ฉันรู้สึกเลยนี่นา
ตรงกันข้าม…เธอกลับพูดจานุ่มนวลออกไปทางสุภาพอ่อนน้อมเสียด้วยซ้ำ
แถมยังยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความเป็นมิตรชวนให้หลงใหล
และที่สำคัญการแต่งกายของเธอเรียบง่ายไม่มีแม้แต่สีลิปสติกบนริมฝีปาก
ไม่มีเครื่องประดับอะไร
หรือสัญญาณใด ๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นเศรษฐีนีพันล้านเลย!!!

พอรู้สึกตัวฉันก็ตอบ CEO ไปว่า
“อ๋อ….พบกันแล้วค่ะ…ภรรยาคุณน่ารักมากเลยนะคะ!”
ฉันสังเกตเห็นสีหน้าของเขาแสดงความพึงพอใจกับคำตอบของฉัน
จากนั้นฉันก็กล่าวคำอำลาพร้อมคำขอบคุณ
และยืนยันความพร้อมในการเริ่มงานสัปดาห์ถัดไป

วันแรกของการทำงาน
วันที่ 10 กันยายน…..
เป็นวันแรกที่ฉันเริ่มทำงาน
ฉันแต่งตัวไปทำงานด้วยเสื้อสูทสีแดงสด
มีเสื้อยืดแนบตัวสีครีมลายลูกไม้อยู่ข้างใน
ตัดกับกระโปรงสีดำดูเด่นมาแต่ไกลโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ
แต่ที่เลือกสีแดงเพราะทำตามความเชื่อที่จะนำโชคลาภและความรุ่งเรืองมาให้
เนื่องจากกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
เพราะนับจากวันที่ฉันถูกไล่…เอ๊ย…บอกเลิกจ้าง
โดยสำนักงานตัวแทนธนาคารต่างชาติจนถึงวันนี้
ฉันก็ยังไม่ได้ไปทำงานที่ไหนอีกเลยกว่าปีครึ่ง
นอกจากเรียนหลักสูตรการทำแผนธุรกิจดังที่ได้เล่าไปแล้ว
ทำให้เวลาของการขาดช่วงในการทำงานนานมากเพิ่มเข้าไปอีก

ฉันมาทราบจากเพื่อนร่วมงานในภายหลังว่า
ฉันเป็นที่จับจ้องของเพื่อนร่วมงานในบริษัทฯ อย่างไม่กระพริบตา
ในวันที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ
เพราะเป็นเลขาฯ คนใหม่ของ CEO
ที่เพิ่งเข้ามาใหม่และเริ่มงานก่อนเลขาฯ อีกคนหนึ่งถึงเดือนกว่า
เพราะเธอยังต้องอยู่เคลียร์งานกับบริษัทเก่าและต้องใช้เวลาในการลาล่วงหน้า
ส่วนฉันเป็นคนตกงานจึงสามารถเริ่มงานได้ทันที

จากการแต่งกายและรูปพรรณสันฐาน
บวกกับบุคลิกที่นิ่งและสุภาพเรียบร้อย
ฉันถูกมองว่ามาในมาดของ “ไฮโซ”
ความเกร็งและประหม่าของฉันถูกมองเป็น….ประมาณว่าสวยเลิศเชิดหยิ่ง
ในขณะที่เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่รวมทั้งผู้บริหาร
โดยเฉพาะ CEO และนายหญิงเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ และติดดินมาก
จึงเป็นเหตุให้ฉันถูกจับตามองและแอบเม้าท์กันเป็นพิเศษ
ว่าฉันจะสามารถอยู่ร่วมในสังคมและวัฒนธรรมขององค์กรแห่งนี้ไปได้สักกี่น้ำ?

นอกจากนั้นฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานในแผนกพูดเชิงเสียดสีเหมือนได้ยินได้ฟังอะไรมา
และบ่นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของพนักงานใหม่ ๆ ในองค์กร
ที่มักจะสูงกว่าคนเก่า ๆ ที่ทำมานานแล้วเสมอ
จึงเป็นสาเหตุให้พนักงานรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจ
เสียงตัดพ้อทำให้ฉันคิดถึงวันที่มากรอกใบสมัครและมีพนักงานคนหนึ่ง
มารับใบสมัครของฉันที่มีข้อมูลเงินเดือนไปก่อนนายหญิง
โอ้ว!…เธอนี่เองที่เป็นคนนำความลับเรื่องเงินเดือนของฉันมา “เม้าท์” กันในแผนก
ปัญหาที่เกิดตามมาซึ่งฉันมาวิเคราะห์เองภายหลังว่าเกิดจากสาเหตุเรื่องนี้ก็คือ
พนักงานในแผนกนั้นที่คุยกันเรื่องเงินเดือนลาออกกันไป 2-3 คน
รวมทั้งคนที่เป็นคนมารับใบสมัครของฉันไปด้วย
ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของฉันแต่เป็นความหละหลวมในการทำงาน
ในเรื่องเกี่ยวกับบุคลากรซึ่งในเวลาต่อมาฉันพยายามช่วยเพิ่มความระมัดระวัง
ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเท่าที่จะทำได้

มิน่า….ในวันนั้นคุณนีน่าจึงมาตามเก็บใบสมัครจากฉันเอง
โดยที่ไม่ทราบว่าพนักงานคนนั้นมาเก็บไปก่อนแล้ว
ทั้งที่ไม่ใช่และไม่ได้เป็นหน้าที่ของคุณนีน่าเลย
และฉันก็เพิ่งฉุกคิดได้ว่าเหตุผลอีกประการหนึ่ง
ที่คุณนีน่าไปขอรับใบสมัครจากฉันด้วยตนเองพร้อมนำสัญญาไปให้ฉันเซ็น
ทั้งที่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเธออีกและเธอไม่เคยต้องทำเรื่องนี้เลย
ซึ่งฉันทราบหลังจากได้เข้ามาสัมผัสพฤติกรรมการทำงานขององค์กรแล้ว
จึงคาดเดาเอาเองว่าอาจจะเป็นเพราะเธอต้องการมาดูตัว “เลขาฯ คนใหม่”
ที่ CEO รับเข้ามาเพิ่มทั้งที่ได้รับอีกคนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
และเพื่อดูว่า “เลขาฯ ตัวแสบ!” คนนี้เป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง!
เพราะจะมี CEO ที่ไหน “บ้า” ขนาดรับเลขาฯ คนหนึ่งแล้ว
ยังจะมารับเพิ่มอีกคนแบบนี้!!!

วันที่สองของการทำงาน
SEPTEMBER 11…..
เห็นวันที่แล้วคุณผู้อ่านรู้สึกคุ้น ๆ หรือคิดถึงอะไรได้ไหม?
ท่านจำได้ไหมว่ามีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นในโลกใบนี้ในวันนั้น?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่มาของปัญหาและความกังวลที่เกิดขึ้นในใจฉันอีกครั้งหนึ่ง
เพราะในคืนวันนั้นก่อนเข้านอนเพียงไม่กี่นาที
ฉันและสมาชิกทุกคนในบ้านก็ต้อง
“ช๊อก” ไปกับข่าวในจอทีวี

“เหตุการณ์การระเบิดตึกแฝด WORLD TRADE CENTER
โดยเครื่องบินที่ประเทศสหรัฐอเมริกา!!!” นั่นเอง…

ฉันเกิดอาการช๊อกและตกใจกับข่าวและความโชคร้ายของผู้อยู่ในเหตุการณ์
พร้อมกับความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับงานใหม่ของฉัน
เพราะฉันไม่แน่ใจว่าผลพวงจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะกระทบกับธุรกิจของบริษัท
ที่ฉันเพิ่งเข้าไปทำงานได้เพียง 2 วันมากน้อยแค่ไหน
เนื่องจากยอดส่งออกของบริษัทไปยังอเมริกา
มีมากถึงกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายรวมทั้งหมด
ฉันจะตกงานอีกรอบไหมนี่?
หรือว่าดวงของฉันจะต้องนอนกลิ้งอยู่กับบ้านตลอดไป?

วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการทำงานของฉัน
เมื่อไปถึงบริษัทฯ ฉันพบว่ามีการประชุมเร่งด่วนระดับผู้บริหาร
เพื่อประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และผลกระทบที่บริษัทฯ จะได้รับ
ฉันได้รับทราบภายหลังว่าบริษัทฯ จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
แต่ไม่รุนแรงขนาดต้องเจ๊ง ปิดกิจการ หรือเลิกจ้างพนักงานรวมทั้งตัวฉันด้วย
เฮ้อ….ค่อยโล่งอกหน่อย!!!

เพิ่งถอนหายใจเรื่องระเบิดตึกในอเมริกาได้ไม่กี่วัน…..
CEO ก็เชิญฉันเข้าไปพบในห้องทำงานด้วยสีหน้าเครียดพร้อมกับพูดว่า
“ภรรยาผมถามว่าทำไมคุณจึงเขียนจดหมายถึงครูของลูกผมเป็นภาษาไทย
ทั้งที่จดหมายจะต้องส่งถึงครูที่เป็นฝรั่งในโรงเรียน Inter??”
ฉันถึงกับอึ้งกับข้อซักถามของนาย!
พอทบทวนเสร็จฉันก็ชี้แจงให้นายฟังถึงที่มาที่ไปว่า
ฉันได้รับการไหว้วานจากผู้จัดการส่วนบริหาร
ที่กำลังจะลาออกและได้โอนงานในส่วนบริหารของเธอ
มาให้ฉันดูแลหลังจากเธอออกไปแล้วในเวลาต่อมา
เธอให้ฉันช่วยทำจดหมายถึงโรงเรียนของลูกนาย
โดยเธอบอกกับฉันว่าเธอ “ไม่ถนัดพิมพ์ภาษาไทย”
พร้อมกับบอกเนื้อหาสำหรับพิมพ์ในจดหมายคร่าว ๆ เพื่อให้ฉันร่างและพิมพ์ให้
เหตุผลที่เธอเน้นว่าเธอพิมพ์ภาษาไทยไม่คล่องหรือไม่เป็น
เพราะเธอเรียนจบจากต่างประเทศและไปใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่เด็ก
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่าอย่างไร
เมื่อนายได้ฟังดังนั้นก็เริ่มเข้าใจฉัน
และขอให้ฉันไปชี้แจงให้ภรรยานายด้วยเพื่อให้หายเข้าใจผิดในตัวฉัน…

วันต่อมานายถามฉันว่าได้ไปอธิบายให้นายหญิงเข้าใจแล้วหรือยัง
ฉันบอก “ยังค่ะ”
ท่าทางนายไม่ค่อยชอบใจและแนะนำว่าฉันควรรีบไปชี้แจงให้กับนายหญิงเป็นการด่วน
ฉันบอกนายว่าฉันขออนุญาตไม่ไปชี้แจงได้ไหม
เพราะการไปชี้แจงให้ภรรยานายเข้าใจ
ก็เหมือนเป็นการแก้ตัวให้ฉันพ้นผิด
แล้วความผิดจะไปตกที่ใครถ้าไม่ใช่ผู้จัดการส่วนบริหารคนนั้น
ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาแบบ Win-Lose ที่ฉันไม่เคยเห็นด้วย
และฉันไม่ต้องการก่อศัตรูตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงาน
ฉันคิดว่าการที่ฉันได้แก้จดหมายใหม่เป็นภาษาอังกฤษตามที่นายหญิงต้องการ
ก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้จบไปเรียบร้อยแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉันมาก
เพราะฉันรู้ว่าการที่นายหญิงเกิดความเข้าใจผิดเช่นนั้น
คงเป็นเพราะคิดว่าฉันมีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ
แต่ฉันถือสุภาษิต “ระยะทางพิสูจน์ม้า….กาลเวลาพิสูจน์คน”
ที่สำคัญขอให้นายเข้าใจฉันก็เพียงพอแล้ว
CEO ฟังคำชี้แจงของฉันเสร็จก็ไม่ได้กดดันฉันต่อ
คงเพราะเห็นว่าไม่สามารถทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดได้
และฉันคงได้ออกอาการ Stone Head ตามที่มีคนเคยตั้งฉายาให้ฉันมาก่อน
(Stone Head หมายถึง “หัวแข็ง” นะ…ไม่ใช่ “หัวหิน” ที่ประจวบฯ !)
ถ้ามีโอกาสแล้วฉันจะเล่าในตอนอื่น ๆ ว่าฉายานี้ฉันได้แต่ใดมา?

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของนาย
ในการสัมภาษณ์ฉันในวันที่สองได้ว่า
“การทำงานที่นี่….นอกจากความรู้ความสามารถและการทุ่มเทให้กับงานแล้ว
หากคุณสามารถทำให้ภรรยาซึ่งมีอำนาจสูงสุดรองจากผมยอมรับได้
ถือว่าคุณสอบผ่านและสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบาย!!!”
เอาเข้าแล้วซิเรา! เจอตออีกแล้วหรือนี่?
แล้วฉันจะรอดไหมเนี๊ยะ?

หลังจากทำงานไปได้ 2 สัปดาห์…..
ผู้จัดการบริษัทน้ำมันโทรมาแจ้งว่าเรื่องการจ้างงานของฉัน
ได้รับการอนุมัติจากเมืองนอกเรียบร้อยแล้ว!
และนัดให้ฉันไปรับมอบงานและเซ็นสัญญาในอีก 2 วัน
เพื่อเริ่มทำงานต้นเดือนหน้าได้เลย!!
เอาละซิ!
แล้วฉันจะทำอย่างไรดีล่ะเนี๊ยะ
คุณช่วยฉันคิดหน่อยซิ…
ฉันเริ่มสับสน….
ใจหนึ่งฉันคิดอยากจะคุยกับนายจ้างใหม่
และขอให้เขาประเมินผลการทำงานของฉันตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
เพื่อฉันจะได้พิจารณาว่าฉันควรจะวางแผนชีวิตการทำงานของฉันต่อไปอย่างไร
เพราะฉันไม่อยากให้เหตุการณ์จบลงที่ว่า
หลังจากฉันปฏิเสธบริษัทน้ำมันไปแล้ว
นายจ้างใหม่อาจจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และเชิญฉันเข้าไปในห้อง
และเรียกฉันปิดประตู….
เชิญฉันนั่งพร้อมกับเริ่มต้นประโยคว่า…
“I hate….”
เหมือนกับที่นายฝรั่งคนก่อนพูดกับฉัน
ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะทำอย่างไร?
และคุณคิดว่าฉันควรตัดสินปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร?

ฉันคิดวนไปเวียนมาอยู่ 2 วัน…
ในที่สุด…
ฉันตัดสินใจไม่นำเรื่องนี้ไปคุยกับ CEO
และไม่ไปรับงานจากบริษัทน้ำมันแบบเผื่อเลือก
เหตุผลคือฉันไม่ต้องการให้นายจ้างใหม่เห็นถึงความโลเลไม่มั่นใจในบริษัท
คิดในแง่บวกหากเขารู้สึกพอใจกับการทำงานของฉันอยู่แล้ว
การยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด อาจทำให้ภาพและความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีในตัวฉันหายไปทันที
และเมื่อได้ประเมินผลจากความรู้สึกของตนเองในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ฉันยอมรับว่ามีความรู้สึกดี ๆ กับองค์กรนี้ค่อนข้างมาก
รวมทั้งกับเพื่อนร่วมงานโดยรวมและโดยเฉพาะกับนายใหญ่ท่านนี้
เพราะฉันรู้สึกว่า CEO ท่านนี้เป็นสุดยอดแห่งอัจฉริยะ
ที่มีความสามารถในเชิงธุรกิจพร้อมแนวทางการแก้ปัญหาที่น่าทึ่ง
มีคุณค่าแก่การเรียนรู้และตักตวงมาเป็นประสบการณ์ให้กับตัวเอง
และที่สำคัญยิ่งกว่า….ฉันรู้สึกต้องชะตากับนายคนนี้เป็นอย่างมาก
ฉันชอบสไตล์การทำงานที่เป็นเหมือนฝรั่ง
และถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป
ฉันก็รู้สึกว่าตัวนายเองก็พอใจกับการทำงานของฉันด้วย
แต่ก็อาจจะเป็นเพราะฉันยังเป็นของแปลกใหม่สำหรับที่นี่
จึงเหมือนยังอยู่ในช่วงเห่อของใหม่หรือเป็นช่วง Honeymoon
อีกเหตุผลหนึ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับการตัดสินใจของฉัน
ก็คือตลอดช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายหญิงไม่เคยมายุ่งหรือเจ๊าะแจ๊ะกับงานของฉันเลย
และฉันรู้สึกว่านายหญิงไม่ได้เป็นเหมือนที่ CEO เคยขู่ฉันเอาไว้ตั้งแต่แรก!!

ดังนั้นหากฉันทิ้งที่นี่เพื่อไปรับงานใหม่กับบริษัทน้ำมัน
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องไปเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอะไรอีก…
ฉันไม่อยากเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะ
“หนีเสือปะจรเข้”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีความรู้สึกว่ากำลังเจอเสือที่นี่อยู่ก็ตาม
แต่ฉันกลัวว่าฉันอาจจะไปปะกับจรเข้ในที่ใหม่ก็ได้
และเมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะคว้าน้ำเหลวทั้ง 2 ที่!!

รู้สึกเสียดายบริษัทน้ำมันเหมือนกัน
แต่เมื่อตัดสินใจไม่เลือกแล้วฉันก็รีบติดต่อคุณสุนันทาที่บริษัทจัดหางาน
เพื่อให้แจ้งให้ลูกค้าของเธอซึ่งก็คือบริษัทน้ำมันรับทราบ
ขณะเดียวกันฉันได้ฝากจดหมายอีกฉบับหนึ่งถึงนายฝรั่ง
เขียนขอบคุณสำหรับโอกาสและขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลา
โดยให้เหตุผลว่าฉันได้งานอีกที่หนึ่งซึ่งใกล้บ้านและได้เริ่มงานไปก่อนแล้ว
บริษัทจัดหางานแจ้งว่านายฝรั่งบ่นเสียดายฉันและขอให้ส่งรายชื่อผู้สมัคร
เข้าไปให้พิจารณาใหม่อีกชุดหนึ่ง
และเน้นว่าให้มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กับฉันด้วย
ได้ฟังแล้วทำให้รู้สึกภูมิใจที่มีคนเห็นคุณค่า
แต่ก็รู้สึกผิดและเสียใจที่ทำให้บริษัทต้องสูญเสียเวลากับฉันนานเป็นเดือน

ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละท่านผู้อ่าน…
บทจะโชคร้ายก็ถูกเลิกจ้างแถมตกงานให้เสียเกียรติภูมิความเป็นเลขาฯ มืออาชีพ
แต่บทจะโชคดีก็ได้งานดี ๆ เข้ามาพร้อมกันให้ต้องเครียดกับการตัดสินใจเลือก
เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวฉัน

หากคุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบกับโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตพลิกผัน
ไปในทางที่ทำให้เกิดทุกข์อยู่ละก็
อย่าเพิ่งท้อและหมดกำลังใจก่อนนะ
เพราะหลังพายุฝน….ฟ้าก็จะสว่างสดใส
และหวังว่าจะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตของคุณเหมือนกับฉันเช่นกัน

หลังจากตัดสินใจทำงานต่อกับบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็ง
ซึ่งเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในวงการที่มียอดขายหลายพันล้านในตลาดหลักทรัพย์
โดยที่ฉันไม่เคยได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้กับนายจ้างใหม่ได้รับรู้เลย
ฉันได้พยายามเรียนรู้งาน ทุ่มเทและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างต่อเนื่อง

4 เดือนผ่านไป…..
หลังจากพ้นช่วงระยะเวลาทดลองงาน
ฉันได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัท
และได้ขึ้นเงินเดือนตามข้อตกลงในสัญญาจ้างงาน
ฉันมีความสุขกับการทำงานและมีความภาคภูมิใจในองค์กรเป็นอย่างมาก
และได้เพิ่มความตั้งใจและความทุ่มเทให้กับการทำงานมากยิ่งขึ้น
พร้อม ๆ กับการประพฤติปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของบุคลากรในองค์กร
ในฐานะเลขาฯ ของ CEO อย่างต่อเนื่อง

จากวันนั้น….September 11, 2001
มาถึงวันนี้…..
เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว
ที่ฉันได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
ฉันมั่นใจว่าการตัดสินใจของฉันในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด
เพราะฉันไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้นถ้าฉันคิดมาก
เรื่องปัญหากับนายหญิงเกี่ยวกับจดหมายถึงครูของลูก
ที่เกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทน้ำมันโทรตอบรับให้ไปเซ็นสัญญาและเริ่มงานได้
แล้วตัดสินใจเดินออกจากที่นี่เพื่อเข้าไปทำงานในบริษัทน้ำมัน
วันนี้….ฉันอาจจะกำลังตกงาน
เพราะอาจจะเกิดการเลิกจ้างรอบสองก็เป็นได้
ลองจินตนาการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกปฏิเสธ
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?

ปัจจุบันตำแหน่งของฉันในบริษัทแห่งนี้เปลี่ยนไปแล้ว….
จาก “Personal Assistant/Secretary to CEO” เป็น
“Department Manager Secretary to CEO”
เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ฉันมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง!!

การได้เลื่อนตำแหน่งของฉันภายในเวลา 3 ปีแรกของการทำงาน
เป็นการเลื่อนตำแหน่งที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับผู้บริหารท่านอื่น ๆ
ที่ต้องใช้เวลาร่วม 10 ปีในการสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับ
แล้วสำหรับ “เลขาฯ ตัวแสบ!” คนนี้ล่ะ
เธอมีอะไรดีหรือ?
ทั้งที่เธอเรียนไม่จบมัธยมต้นด้วยซ้ำ!
หรือเธอใช้อะไรไต่เต้ากันแน่???


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

โปรดติดตาม “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…. เลขาฯ ตัวแสบ!” กับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!!
อ่านเฉลยวิธีการที่ “เลขาฯ ตัวแสบ!” ใช้ในการไต้เต้าจนได้รับการ Promote
ภายในระยะเวลาอันสั้น
และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอเจอกับนายหญิงและเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะกับ CEO ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหาร!!!

//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6136610/B6136610.html


ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:

(1) “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!!
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6083075/B6083075.html

(2) “เลขาฯตัวแสบ!” ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!!
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6085280/B6085280.html

(3) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....พบทนายความเรื่อง "การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม" พร้อมกับการได้รับ "เงินชดเชย" เกือบแสน!!!
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6095870/B6095870.html

(4) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!!
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6105777/B6105777.html

(5) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....ชีวิตหลังการตกงาน
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6110725/B6110725.html

(6) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 1
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6125583/B6125583.html

(7) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้…! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 2
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6131814/B6131814.html

ตอนต่อไป:

“เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…เลขาฯ ตัวแสบกับ “CEO” เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!!



Create Date : 16 ธันวาคม 2550
Last Update : 31 ธันวาคม 2550 11:37:42 น. 3 comments
Counter : 1078 Pageviews.

 
แวะมาอ่านจ้า

mycutegraphics.com


โดย: StarInDark วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:22:08:10 น.  

 
เข้ามาอ่านอีกแล้ว วันนี้ของพี่เป็นวันดีๆ จังเลยนะคะ คนเราต้องผ่านอะไรมามากมายถึงมายืนจุดนี้ได้ใช่ไหมคะ หนูว่าพี่ก็คงเป็นคนนึงทีสู้ชีวิตคะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ของพี่อีกครั้งคะ


โดย: malangpor (por_ben ) วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:15:53:26 น.  

 


โดย: wbj วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:10:17:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Destinyhurtsme
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Destinyhurtsme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.