|
เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
. 4 เดือนระทึกกับช่วงทดลองงาน!!
DESTINYHURTSME
เอ๊ย
ทำไมถึงเป็นคน มีตา
แต่หามีแววไม่ อย่างนี้น๊า
? นายผู้หญิงอุตสาห์มาทักทายถึงที่ แต่กลับมองเป็นอื่นแถมยังบังอาจคิดจะจับมาคบหาเป็นเพื่อนซะอีก! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย
จะไม่ให้ฉันคิดว่าเป็นพนักงานธรรมดาได้ไง ก็คุณนีน่าเธอไม่ได้แสดงทีท่าวางกล้ามหรือเชิดหยิ่งแต่ให้ฉันรู้สึกเลยนี่นา ตรงกันข้าม
เธอกลับพูดจานุ่มนวลออกไปทางสุภาพอ่อนน้อมเสียด้วยซ้ำ แถมยังยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความเป็นมิตรชวนให้หลงใหล และที่สำคัญการแต่งกายของเธอเรียบง่ายไม่มีแม้แต่สีลิปสติกบนริมฝีปาก ไม่มีเครื่องประดับอะไร หรือสัญญาณใด ๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นเศรษฐีนีพันล้านเลย!!!
พอรู้สึกตัวฉันก็ตอบ CEO ไปว่า อ๋อ
.พบกันแล้วค่ะ
ภรรยาคุณน่ารักมากเลยนะคะ! ฉันสังเกตเห็นสีหน้าของเขาแสดงความพึงพอใจกับคำตอบของฉัน จากนั้นฉันก็กล่าวคำอำลาพร้อมคำขอบคุณ และยืนยันความพร้อมในการเริ่มงานสัปดาห์ถัดไป
วันแรกของการทำงาน วันที่ 10 กันยายน
.. เป็นวันแรกที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันแต่งตัวไปทำงานด้วยเสื้อสูทสีแดงสด มีเสื้อยืดแนบตัวสีครีมลายลูกไม้อยู่ข้างใน ตัดกับกระโปรงสีดำดูเด่นมาแต่ไกลโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่เลือกสีแดงเพราะทำตามความเชื่อที่จะนำโชคลาภและความรุ่งเรืองมาให้ เนื่องจากกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะนับจากวันที่ฉันถูกไล่
เอ๊ย
บอกเลิกจ้าง โดยสำนักงานตัวแทนธนาคารต่างชาติจนถึงวันนี้ ฉันก็ยังไม่ได้ไปทำงานที่ไหนอีกเลยกว่าปีครึ่ง นอกจากเรียนหลักสูตรการทำแผนธุรกิจดังที่ได้เล่าไปแล้ว ทำให้เวลาของการขาดช่วงในการทำงานนานมากเพิ่มเข้าไปอีก
ฉันมาทราบจากเพื่อนร่วมงานในภายหลังว่า ฉันเป็นที่จับจ้องของเพื่อนร่วมงานในบริษัทฯ อย่างไม่กระพริบตา ในวันที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ เพราะเป็นเลขาฯ คนใหม่ของ CEO ที่เพิ่งเข้ามาใหม่และเริ่มงานก่อนเลขาฯ อีกคนหนึ่งถึงเดือนกว่า เพราะเธอยังต้องอยู่เคลียร์งานกับบริษัทเก่าและต้องใช้เวลาในการลาล่วงหน้า ส่วนฉันเป็นคนตกงานจึงสามารถเริ่มงานได้ทันที
จากการแต่งกายและรูปพรรณสันฐาน บวกกับบุคลิกที่นิ่งและสุภาพเรียบร้อย ฉันถูกมองว่ามาในมาดของ ไฮโซ ความเกร็งและประหม่าของฉันถูกมองเป็น
.ประมาณว่าสวยเลิศเชิดหยิ่ง ในขณะที่เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่รวมทั้งผู้บริหาร โดยเฉพาะ CEO และนายหญิงเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ และติดดินมาก จึงเป็นเหตุให้ฉันถูกจับตามองและแอบเม้าท์กันเป็นพิเศษ ว่าฉันจะสามารถอยู่ร่วมในสังคมและวัฒนธรรมขององค์กรแห่งนี้ไปได้สักกี่น้ำ?
นอกจากนั้นฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานในแผนกพูดเชิงเสียดสีเหมือนได้ยินได้ฟังอะไรมา และบ่นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของพนักงานใหม่ ๆ ในองค์กร ที่มักจะสูงกว่าคนเก่า ๆ ที่ทำมานานแล้วเสมอ จึงเป็นสาเหตุให้พนักงานรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจ เสียงตัดพ้อทำให้ฉันคิดถึงวันที่มากรอกใบสมัครและมีพนักงานคนหนึ่ง มารับใบสมัครของฉันที่มีข้อมูลเงินเดือนไปก่อนนายหญิง โอ้ว!
เธอนี่เองที่เป็นคนนำความลับเรื่องเงินเดือนของฉันมา เม้าท์ กันในแผนก ปัญหาที่เกิดตามมาซึ่งฉันมาวิเคราะห์เองภายหลังว่าเกิดจากสาเหตุเรื่องนี้ก็คือ พนักงานในแผนกนั้นที่คุยกันเรื่องเงินเดือนลาออกกันไป 2-3 คน รวมทั้งคนที่เป็นคนมารับใบสมัครของฉันไปด้วย ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของฉันแต่เป็นความหละหลวมในการทำงาน ในเรื่องเกี่ยวกับบุคลากรซึ่งในเวลาต่อมาฉันพยายามช่วยเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเท่าที่จะทำได้
มิน่า
.ในวันนั้นคุณนีน่าจึงมาตามเก็บใบสมัครจากฉันเอง โดยที่ไม่ทราบว่าพนักงานคนนั้นมาเก็บไปก่อนแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่และไม่ได้เป็นหน้าที่ของคุณนีน่าเลย และฉันก็เพิ่งฉุกคิดได้ว่าเหตุผลอีกประการหนึ่ง ที่คุณนีน่าไปขอรับใบสมัครจากฉันด้วยตนเองพร้อมนำสัญญาไปให้ฉันเซ็น ทั้งที่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเธออีกและเธอไม่เคยต้องทำเรื่องนี้เลย ซึ่งฉันทราบหลังจากได้เข้ามาสัมผัสพฤติกรรมการทำงานขององค์กรแล้ว จึงคาดเดาเอาเองว่าอาจจะเป็นเพราะเธอต้องการมาดูตัว เลขาฯ คนใหม่ ที่ CEO รับเข้ามาเพิ่มทั้งที่ได้รับอีกคนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว และเพื่อดูว่า เลขาฯ ตัวแสบ! คนนี้เป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง! เพราะจะมี CEO ที่ไหน บ้า ขนาดรับเลขาฯ คนหนึ่งแล้ว ยังจะมารับเพิ่มอีกคนแบบนี้!!!
วันที่สองของการทำงาน SEPTEMBER 11
.. เห็นวันที่แล้วคุณผู้อ่านรู้สึกคุ้น ๆ หรือคิดถึงอะไรได้ไหม? ท่านจำได้ไหมว่ามีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นในโลกใบนี้ในวันนั้น? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่มาของปัญหาและความกังวลที่เกิดขึ้นในใจฉันอีกครั้งหนึ่ง เพราะในคืนวันนั้นก่อนเข้านอนเพียงไม่กี่นาที ฉันและสมาชิกทุกคนในบ้านก็ต้อง ช๊อก ไปกับข่าวในจอทีวี
เหตุการณ์การระเบิดตึกแฝด WORLD TRADE CENTER โดยเครื่องบินที่ประเทศสหรัฐอเมริกา!!! นั่นเอง
ฉันเกิดอาการช๊อกและตกใจกับข่าวและความโชคร้ายของผู้อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมกับความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับงานใหม่ของฉัน เพราะฉันไม่แน่ใจว่าผลพวงจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะกระทบกับธุรกิจของบริษัท ที่ฉันเพิ่งเข้าไปทำงานได้เพียง 2 วันมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากยอดส่งออกของบริษัทไปยังอเมริกา มีมากถึงกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายรวมทั้งหมด ฉันจะตกงานอีกรอบไหมนี่? หรือว่าดวงของฉันจะต้องนอนกลิ้งอยู่กับบ้านตลอดไป?
วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการทำงานของฉัน เมื่อไปถึงบริษัทฯ ฉันพบว่ามีการประชุมเร่งด่วนระดับผู้บริหาร เพื่อประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผลกระทบที่บริษัทฯ จะได้รับ ฉันได้รับทราบภายหลังว่าบริษัทฯ จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ไม่รุนแรงขนาดต้องเจ๊ง ปิดกิจการ หรือเลิกจ้างพนักงานรวมทั้งตัวฉันด้วย เฮ้อ
.ค่อยโล่งอกหน่อย!!!
เพิ่งถอนหายใจเรื่องระเบิดตึกในอเมริกาได้ไม่กี่วัน
.. CEO ก็เชิญฉันเข้าไปพบในห้องทำงานด้วยสีหน้าเครียดพร้อมกับพูดว่า ภรรยาผมถามว่าทำไมคุณจึงเขียนจดหมายถึงครูของลูกผมเป็นภาษาไทย ทั้งที่จดหมายจะต้องส่งถึงครูที่เป็นฝรั่งในโรงเรียน Inter?? ฉันถึงกับอึ้งกับข้อซักถามของนาย! พอทบทวนเสร็จฉันก็ชี้แจงให้นายฟังถึงที่มาที่ไปว่า ฉันได้รับการไหว้วานจากผู้จัดการส่วนบริหาร ที่กำลังจะลาออกและได้โอนงานในส่วนบริหารของเธอ มาให้ฉันดูแลหลังจากเธอออกไปแล้วในเวลาต่อมา เธอให้ฉันช่วยทำจดหมายถึงโรงเรียนของลูกนาย โดยเธอบอกกับฉันว่าเธอ ไม่ถนัดพิมพ์ภาษาไทย พร้อมกับบอกเนื้อหาสำหรับพิมพ์ในจดหมายคร่าว ๆ เพื่อให้ฉันร่างและพิมพ์ให้ เหตุผลที่เธอเน้นว่าเธอพิมพ์ภาษาไทยไม่คล่องหรือไม่เป็น เพราะเธอเรียนจบจากต่างประเทศและไปใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่าอย่างไร เมื่อนายได้ฟังดังนั้นก็เริ่มเข้าใจฉัน และขอให้ฉันไปชี้แจงให้ภรรยานายด้วยเพื่อให้หายเข้าใจผิดในตัวฉัน
วันต่อมานายถามฉันว่าได้ไปอธิบายให้นายหญิงเข้าใจแล้วหรือยัง ฉันบอก ยังค่ะ ท่าทางนายไม่ค่อยชอบใจและแนะนำว่าฉันควรรีบไปชี้แจงให้กับนายหญิงเป็นการด่วน ฉันบอกนายว่าฉันขออนุญาตไม่ไปชี้แจงได้ไหม เพราะการไปชี้แจงให้ภรรยานายเข้าใจ ก็เหมือนเป็นการแก้ตัวให้ฉันพ้นผิด แล้วความผิดจะไปตกที่ใครถ้าไม่ใช่ผู้จัดการส่วนบริหารคนนั้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาแบบ Win-Lose ที่ฉันไม่เคยเห็นด้วย และฉันไม่ต้องการก่อศัตรูตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงาน ฉันคิดว่าการที่ฉันได้แก้จดหมายใหม่เป็นภาษาอังกฤษตามที่นายหญิงต้องการ ก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้จบไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉันมาก เพราะฉันรู้ว่าการที่นายหญิงเกิดความเข้าใจผิดเช่นนั้น คงเป็นเพราะคิดว่าฉันมีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ แต่ฉันถือสุภาษิต ระยะทางพิสูจน์ม้า
.กาลเวลาพิสูจน์คน ที่สำคัญขอให้นายเข้าใจฉันก็เพียงพอแล้ว CEO ฟังคำชี้แจงของฉันเสร็จก็ไม่ได้กดดันฉันต่อ คงเพราะเห็นว่าไม่สามารถทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดได้ และฉันคงได้ออกอาการ Stone Head ตามที่มีคนเคยตั้งฉายาให้ฉันมาก่อน (Stone Head หมายถึง หัวแข็ง นะ
ไม่ใช่ หัวหิน ที่ประจวบฯ !) ถ้ามีโอกาสแล้วฉันจะเล่าในตอนอื่น ๆ ว่าฉายานี้ฉันได้แต่ใดมา?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของนาย ในการสัมภาษณ์ฉันในวันที่สองได้ว่า การทำงานที่นี่
.นอกจากความรู้ความสามารถและการทุ่มเทให้กับงานแล้ว หากคุณสามารถทำให้ภรรยาซึ่งมีอำนาจสูงสุดรองจากผมยอมรับได้ ถือว่าคุณสอบผ่านและสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสบาย!!! เอาเข้าแล้วซิเรา! เจอตออีกแล้วหรือนี่? แล้วฉันจะรอดไหมเนี๊ยะ?
หลังจากทำงานไปได้ 2 สัปดาห์
.. ผู้จัดการบริษัทน้ำมันโทรมาแจ้งว่าเรื่องการจ้างงานของฉัน ได้รับการอนุมัติจากเมืองนอกเรียบร้อยแล้ว! และนัดให้ฉันไปรับมอบงานและเซ็นสัญญาในอีก 2 วัน เพื่อเริ่มทำงานต้นเดือนหน้าได้เลย!! เอาละซิ! แล้วฉันจะทำอย่างไรดีล่ะเนี๊ยะ คุณช่วยฉันคิดหน่อยซิ
ฉันเริ่มสับสน
. ใจหนึ่งฉันคิดอยากจะคุยกับนายจ้างใหม่ และขอให้เขาประเมินผลการทำงานของฉันตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อฉันจะได้พิจารณาว่าฉันควรจะวางแผนชีวิตการทำงานของฉันต่อไปอย่างไร เพราะฉันไม่อยากให้เหตุการณ์จบลงที่ว่า หลังจากฉันปฏิเสธบริษัทน้ำมันไปแล้ว นายจ้างใหม่อาจจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และเชิญฉันเข้าไปในห้อง และเรียกฉันปิดประตู
. เชิญฉันนั่งพร้อมกับเริ่มต้นประโยคว่า
I hate
. เหมือนกับที่นายฝรั่งคนก่อนพูดกับฉัน ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะทำอย่างไร? และคุณคิดว่าฉันควรตัดสินปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร? ฉันคิดวนไปเวียนมาอยู่ 2 วัน
ในที่สุด
ฉันตัดสินใจไม่นำเรื่องนี้ไปคุยกับ CEO และไม่ไปรับงานจากบริษัทน้ำมันแบบเผื่อเลือก เหตุผลคือฉันไม่ต้องการให้นายจ้างใหม่เห็นถึงความโลเลไม่มั่นใจในบริษัท คิดในแง่บวกหากเขารู้สึกพอใจกับการทำงานของฉันอยู่แล้ว การยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด อาจทำให้ภาพและความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีในตัวฉันหายไปทันที และเมื่อได้ประเมินผลจากความรู้สึกของตนเองในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันยอมรับว่ามีความรู้สึกดี ๆ กับองค์กรนี้ค่อนข้างมาก รวมทั้งกับเพื่อนร่วมงานโดยรวมและโดยเฉพาะกับนายใหญ่ท่านนี้ เพราะฉันรู้สึกว่า CEO ท่านนี้เป็นสุดยอดแห่งอัจฉริยะ ที่มีความสามารถในเชิงธุรกิจพร้อมแนวทางการแก้ปัญหาที่น่าทึ่ง มีคุณค่าแก่การเรียนรู้และตักตวงมาเป็นประสบการณ์ให้กับตัวเอง และที่สำคัญยิ่งกว่า
.ฉันรู้สึกต้องชะตากับนายคนนี้เป็นอย่างมาก ฉันชอบสไตล์การทำงานที่เป็นเหมือนฝรั่ง และถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ฉันก็รู้สึกว่าตัวนายเองก็พอใจกับการทำงานของฉันด้วย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะฉันยังเป็นของแปลกใหม่สำหรับที่นี่ จึงเหมือนยังอยู่ในช่วงเห่อของใหม่หรือเป็นช่วง Honeymoon อีกเหตุผลหนึ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับการตัดสินใจของฉัน ก็คือตลอดช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นายหญิงไม่เคยมายุ่งหรือเจ๊าะแจ๊ะกับงานของฉันเลย และฉันรู้สึกว่านายหญิงไม่ได้เป็นเหมือนที่ CEO เคยขู่ฉันเอาไว้ตั้งแต่แรก!! ดังนั้นหากฉันทิ้งที่นี่เพื่อไปรับงานใหม่กับบริษัทน้ำมัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องไปเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอะไรอีก
ฉันไม่อยากเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะ หนีเสือปะจรเข้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีความรู้สึกว่ากำลังเจอเสือที่นี่อยู่ก็ตาม แต่ฉันกลัวว่าฉันอาจจะไปปะกับจรเข้ในที่ใหม่ก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะคว้าน้ำเหลวทั้ง 2 ที่!!
รู้สึกเสียดายบริษัทน้ำมันเหมือนกัน แต่เมื่อตัดสินใจไม่เลือกแล้วฉันก็รีบติดต่อคุณสุนันทาที่บริษัทจัดหางาน เพื่อให้แจ้งให้ลูกค้าของเธอซึ่งก็คือบริษัทน้ำมันรับทราบ ขณะเดียวกันฉันได้ฝากจดหมายอีกฉบับหนึ่งถึงนายฝรั่ง เขียนขอบคุณสำหรับโอกาสและขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลา โดยให้เหตุผลว่าฉันได้งานอีกที่หนึ่งซึ่งใกล้บ้านและได้เริ่มงานไปก่อนแล้ว บริษัทจัดหางานแจ้งว่านายฝรั่งบ่นเสียดายฉันและขอให้ส่งรายชื่อผู้สมัคร เข้าไปให้พิจารณาใหม่อีกชุดหนึ่ง และเน้นว่าให้มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กับฉันด้วย ได้ฟังแล้วทำให้รู้สึกภูมิใจที่มีคนเห็นคุณค่า แต่ก็รู้สึกผิดและเสียใจที่ทำให้บริษัทต้องสูญเสียเวลากับฉันนานเป็นเดือน
ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละท่านผู้อ่าน
บทจะโชคร้ายก็ถูกเลิกจ้างแถมตกงานให้เสียเกียรติภูมิความเป็นเลขาฯ มืออาชีพ แต่บทจะโชคดีก็ได้งานดี ๆ เข้ามาพร้อมกันให้ต้องเครียดกับการตัดสินใจเลือก เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวฉัน
หากคุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบกับโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตพลิกผัน ไปในทางที่ทำให้เกิดทุกข์อยู่ละก็ อย่าเพิ่งท้อและหมดกำลังใจก่อนนะ เพราะหลังพายุฝน
.ฟ้าก็จะสว่างสดใส และหวังว่าจะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตของคุณเหมือนกับฉันเช่นกัน
หลังจากตัดสินใจทำงานต่อกับบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในวงการที่มียอดขายหลายพันล้านในตลาดหลักทรัพย์ โดยที่ฉันไม่เคยได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้กับนายจ้างใหม่ได้รับรู้เลย ฉันได้พยายามเรียนรู้งาน ทุ่มเทและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างต่อเนื่อง
4 เดือนผ่านไป
.. หลังจากพ้นช่วงระยะเวลาทดลองงาน ฉันได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัท และได้ขึ้นเงินเดือนตามข้อตกลงในสัญญาจ้างงาน ฉันมีความสุขกับการทำงานและมีความภาคภูมิใจในองค์กรเป็นอย่างมาก และได้เพิ่มความตั้งใจและความทุ่มเทให้กับการทำงานมากยิ่งขึ้น พร้อม ๆ กับการประพฤติปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของบุคลากรในองค์กร ในฐานะเลขาฯ ของ CEO อย่างต่อเนื่อง
จากวันนั้น
.September 11, 2001 มาถึงวันนี้
.. เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว ที่ฉันได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ฉันมั่นใจว่าการตัดสินใจของฉันในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เพราะฉันไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้นถ้าฉันคิดมาก เรื่องปัญหากับนายหญิงเกี่ยวกับจดหมายถึงครูของลูก ที่เกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทน้ำมันโทรตอบรับให้ไปเซ็นสัญญาและเริ่มงานได้ แล้วตัดสินใจเดินออกจากที่นี่เพื่อเข้าไปทำงานในบริษัทน้ำมัน วันนี้
.ฉันอาจจะกำลังตกงาน เพราะอาจจะเกิดการเลิกจ้างรอบสองก็เป็นได้ ลองจินตนาการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกปฏิเสธ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ปัจจุบันตำแหน่งของฉันในบริษัทแห่งนี้เปลี่ยนไปแล้ว
. จาก Personal Assistant/Secretary to CEO เป็น Department Manager Secretary to CEO เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ฉันมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง!!
การได้เลื่อนตำแหน่งของฉันภายในเวลา 3 ปีแรกของการทำงาน เป็นการเลื่อนตำแหน่งที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับผู้บริหารท่านอื่น ๆ ที่ต้องใช้เวลาร่วม 10 ปีในการสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับ แล้วสำหรับ เลขาฯ ตัวแสบ! คนนี้ล่ะ เธอมีอะไรดีหรือ? ทั้งที่เธอเรียนไม่จบมัธยมต้นด้วยซ้ำ! หรือเธอใช้อะไรไต่เต้ากันแน่???
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โปรดติดตาม เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
. เลขาฯ ตัวแสบ! กับ CEO เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! อ่านเฉลยวิธีการที่ เลขาฯ ตัวแสบ! ใช้ในการไต้เต้าจนได้รับการ Promote ภายในระยะเวลาอันสั้น และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอเจอกับนายหญิงและเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะกับ CEO ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหาร!!!
//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6136610/B6136610.html
ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:
(1) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!! //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6083075/B6083075.html
(2) เลขาฯตัวแสบ! ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!! //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6085280/B6085280.html
(3) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....พบทนายความเรื่อง "การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม" พร้อมกับการได้รับ "เงินชดเชย" เกือบแสน!!! //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6095870/B6095870.html
(4) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!! //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6105777/B6105777.html
(5) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....ชีวิตหลังการตกงาน //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6110725/B6110725.html
(6) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้
! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 1 //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6125583/B6125583.html
(7) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้
! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 2 //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6131814/B6131814.html
ตอนต่อไป:
เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
เลขาฯ ตัวแสบกับ CEO เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!!
Create Date : 16 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 31 ธันวาคม 2550 11:37:42 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1078 Pageviews. |
|
|
|
โดย: StarInDark วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:22:08:10 น. |
|
|
|
โดย: malangpor (por_ben ) วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:15:53:26 น. |
|
|
|
โดย: wbj วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:10:17:02 น. |
|
|
|
| |
|
|