|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
"เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน
..ชีวิตในต่างแดน
.สุขหรือเศร้า? (ภาค 4)
..โชคดีที่ฉันไม่เพียงแต่กลับมาได้ ทันดูใจ คุณแม่แต่ยังได้ นอนเฝ้าไข้คุณแม่อยู่ในโรงพยาบาลอีกเกือบ 2 เดือน นับเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าที่ฉันมีโอกาสได้ ปรนนิบัติ รับใช้ ผู้มีพระคุณ จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เป็นความรู้สึกที่ถ้าไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้คงจะรู้สึกเป็นบาป ไปตลอดชีวิต
.
ที่จริงคุณแม่ป่วยเป็นอัมพฤกต์มาแล้วปีแล้ว ฉันจึงได้ไป บนบาน ให้คุณแม่ปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรง ด้วยการ เลิก กินเนื้อ
. ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!
แม้จะเป็นอัมพฤกต์ถึง 4-5 ปีแต่คุณแม่มีสุขภาพจิตที่ดี และมีความสุขท่ามกลางการ ดูแลเอาใจใส่ อย่างดีจากลูก ๆ ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก น้องรอง ผู้ที่เสียสละมากที่สุด ด้วยการลาออกจากงานบ้านญาติเพื่อมาดูแลคุณแม่เพียงอย่างเดียว
ในที่สุดคุณแม่ของฉันก็จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าและอาลัยรักของลูก ๆ
.. ฉันเลิกกินเนื้อเพื่อคุณแม่ประมาณ 4 ปี
ในวันที่คุณแม่เสียชีวิตฉันรู้สึกเศร้าโศกและผิดหวังมาก ที่ทำไม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เมตตาช่วยยืดอายุคุณแม่ให้นานกว่านี้ วันนั้นฉัน ประชด และท้าทายเบื้องบน ด้วยการกลับไปกินเนื้อเหมือนเดิม
คำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! น่าจะสร้างอิทธิฤทธิ์ให้ฉันได้ประจักษ์เดี๋ยวนั้นเลย น้องรอง ซึ่งอดหลับอดนอนเพื่อดูแลคุณแม่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เกิดหน้ามืดและ ล้มตึง ต่อหน้าฉันขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทำให้ฉันต้องกลับไปบนบานต่อว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและดูแลน้องรองของฉันด้วย และฉันจะหยุดกินเนื้อ ตลอดชีวิต จากวันนั้นมาถึงวันนี้
ร่วม 20 ปีแล้วที่ฉันเลิกกินเนื้อโดยเด็ดขาด!
คืนที่ 6 ของการจัดงานศพของคุณแม่ ฉันต้องช๊อกระคนกับ ปลื้มปิติ กับการ ปรากฏกาย ของคุณด๋อง!
ไม่คิดว่าเขาจะ บินด่วน มางานศพคุณแม่ของฉัน จากที่เคยคิดว่าฉันจะไม่กลับไปหาเขาที่ซาอุฯ อีกแล้ว เพราะตลอดเวลา 2 เดือนที่ฉันอยู่เมืองไทยเราแทบไม่มีการสื่อสารกันเลย ฉันต้อง ยอมแพ้ ความดีของเขาในครั้งนี้และตัดสินใจ บินกลับไปพร้อมเขาหลังจากงานศพเสร็จสิ้น
มีเรื่อง ระทึกใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ในระหว่างบินกลับซาอุฯ พร้อมกับคุณด๋อง เครื่องบินแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งจะต้องมีการย้ายสัมภาระไปยังอีกสายการบินหนึ่ง เพื่อเดินทางต่อไปยังซาอุดิอาระเบีย
บางท่านอาจจะเคยทราบมาแล้วว่า ปกตินักการทูตจะมี Passport พิเศษ โดยในประเทศไทย Passport สำหรับนักการทูตจะเป็นเล่มสีแดง
ตามข้อตกลงของประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางด้านการทูต ผู้ถือ Passport นักการทูตซึ่งรวมทั้งสมาชิกในครอบครัว ที่ประกอบด้วยสามี/ภรรยา และบุตร จะได้รับ สิทธิ์พิเศษ ในระหว่างพิธีการทางกงศุล หรือด่านตรวจคนเข้าเมืองโดยได้รับการ ยกเว้น ในการตรวจสัมภาระ ยกเว้นกรณีที่มีการสงสัยว่าจะมีสิ่ง ผิดกฏหมาย ในครอบครอง จึงจะมีการตรวจค้นมิเช่นนั้นก็จะให้ ผ่านฉลุย ตลอดทาง
ในระหว่างที่สัมภาระของเราผ่านเครื่องตรวจ X-Ray ณ สนามบินของประเทศบาห์เรน เจ้าหน้าที่พบ สิ่งผิดปกติ และได้เชิญคุณด๋องเข้าพบ พร้อมกับแจ้งว่าได้พบ VDO จำนวนหลายม้วนในกระเป๋าใบหนึ่ง
คุณด๋องถามฉันว่าได้นำ VDO อะไรมาหรือ? ฉัน ปฏิเสธ ว่าไม่ได้นำอะไรมาเลยและยืนยันกับเจ้าหน้าที่เช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า เครื่องฟ้อง และขอเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจค้น แถมยังชี้ให้ดูหลักฐานจากเครื่องซึ่งเราก็เห็นเป็นรูปร่างของ VDO จริง ๆ
แต่ฉันยังไม่ยอมให้เปิดกระเป๋าตรวจเนื่องจากมั่นใจว่าไม่ได้ซื้อ หรือนำ VDO มาด้วยจริง ๆ ตามข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ งานนี้คุณด๋องปล่อยให้ฉัน ออกโรง เอง เนื่องจากการแพ็คกระเป๋าเป็นหน้าที่ของฉันซึ่งเขาไม่ได้รับรู้ ว่าฉันได้แอบนำอะไรติดกระเป๋ามาบ้าง
สาเหตุที่เจ้าหน้าที่เคร่งเครียดมากในเรื่องนี้ เนื่องจากประเทศในแถบอาหรับห้ามเรื่องการนำ เทปโป๊ เข้าประเทศ ดังนั้นถ้ามีการตรวจเจอจะยึด (เก็บไว้ดูเอง?) ทันที
เจ้าหน้าที่เริ่ม ลังเล ที่เห็นฉัน ยืนยัน ด้วยความขึงขัง แถมยังได้ ขู่ เจ้าหน้าที่ว่าถ้าเขาเปิดแล้วไม่พบอะไร เขาจะต้องรับผิดชอบที่มาทำการ ละเมิดสิทธิ์ ของฉันในครั้งนี้ เจอไม้นี้พร้อมอาการเอาจริงเอาจังของฉันเข้าเจ้าหน้าที่ทำท่า เซ็ง และปล่อยให้กระเป๋าผ่านไปโดย ไม่กล้า เปิด!
หลังจากกลับถึงบ้านคุณด๋องซึ่งแอบสงสัยว่าฉันเอาเทปอะไรมา แกล้งทำเป็นเดินโฉบเฉี่ยวไปมาช่วงที่ฉันเปิดกระเป๋า ฉันรู้สึกเคืองเล็กน้อยที่เขาเหมือน ไม่เชื่อใจ ฉันเลย แต่ฉันก็ไม่สามารถตอบคำถามให้กับเขาหรือตัวเองได้เหมือนกันว่า แล้วไอ้เจ้า หลักฐาน ที่เห็นโทนโท่ผ่านเครื่อง X-Ray คืออะไรกันแน่?
หลายวันต่อมาเรามีโอกาสได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ ที่บ้านเพื่อนข้าราชการคนหนึ่ง พี่ตั๊กขอบคุณที่ฉันช่วยหิ้วหนังสือและ VDO จากเมืองไทยมาให้
อะไรนะ! มี VDO อยู่ในกระเป๋าที่ญาติพี่ตั๊กฝากมาด้วยเหรอ? ก็ไหนตอนติดต่อขอฝากของเธอบอกว่าฝากแต่หนังสือมาไง?
เวรกรรม! แล้วนี่ถ้าเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองที่บาห์เรน บ้าจี้รับ คำท้า ของฉันด้วยการเปิดกระเป๋าตรวจแล้วเจอ VDO จริง ๆ ฉันมิเสียผู้เสียคนไปแล้วหรือเนี่ย? เพราะตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ฉุกใจคิดเรื่องของฝากจากพี่ตั๊กเล๊ย
เกือบ ซ...ย ไปแล้วไหมล่ะ Destinyhurtsme เอ๋ย!
วันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนนั้นฉันกำลังเตรียมและปรุงอาหารกลางวันให้คุณด๋อง อยู่ในอพาร์ทเมนท์ที่เราพักอยู่ พอได้ยินเสียงเคาะประตูฉัน แอบดู ผ่านช่องตาปลา เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนร้องไห้หน้าห้อง
ฉันจึงปรึกษากับคุณด๋องว่าจะทำอย่างไรดี เราตกลงกันว่า อย่าเปิด ประตูดีกว่า เพราะเด็ก ๆ เขาคงเล่นกันเองและโดนพี่น้องกลั่นแกล้ง ขืนเปิดประตูออกไปถ้าผู้ปกครองไม่เข้าใจ จะคิดว่าเราไปทำอะไรเด็กของเขาก็จะเป็นเรื่อง โดยเฉพาะเป็น เด็กผู้หญิง เสียด้วย เราจึงไม่ได้เปิดประตูออกไป
สักครู่ใหญ่ ๆ เราได้ กลิ่นควัน ฉันรีบวิ่งเข้าไปในครัว เพราะคิดว่าอาจจะลืมปิดเตาทำอาหาร แต่ไม่ใช่
จึงตรวจสอบที่มาของกลิ่นควันทั่วห้อง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ
ทันใดนั้นเราเห็นควันลอดผ่านประตูห้องเข้ามา คุณด๋องเปิดประตูออกไปแล้วต้องรีบปิดกลับเข้ามา เพราะพบควันไฟด้านนอกห้องลอยเข้ามาจึงรีบโทรถามประชาสัมพันธ์ ได้รับการบอกกล่าวว่ากำลังเกิด เพลิงไหม้ ห้องติดกับห้องของเรา
คุณด๋องจึงตะโกนบอกฉันว่า รีบหนีเร๊วววว...ไฟไหม้!! พร้อมกับวิ่งมา คว้า ข้อมือของฉันให้รีบออกจากห้องทันที ฉันบอกขอกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อเอากระเป๋า สมบัติ ซึ่งเป็นเครื่องเพชรและเงินทองก่อน
เขากระชากมือฉันเต็มแรงให้หนีเดี๋ยวนี้เลย แต่ฉัน สะบัด มือหลุดจากคุณด๋อง และเขาก็ห้ามฉันไม่ทันซะแล้ว
พอหยิบกระเป๋าได้ฉันรีบวิ่งออกจากห้อง คุณด๋องซึ่งกำลังยืนรอรีบคว้าข้อมือของฉัน และทันทีที่เปิดประตูห้องควันไฟพุ่งโชยเข้ามา ข้างนอกมืดสนิท
. คุณด๋อง กึ่งลากกึ่งกระชาก ฉันลงบันได ฉันกำลังจะ สำลัก ควันไฟ แต่พยายามกลั้นลมหายใจตามคำสั่งของคุณด๋อง สักครู่เราก็เริ่มเห็นแสงสว่างจากด้านนอกตึก
ใช่แล้ว
. เราวิ่งลงมาถึงชั้นล่างแล้ว
ควันเริ่มจางลง
. ฉันรู้สึกดีขึ้น
.
พอออกนอกอาคารฉันพบเพื่อนคนไทยที่อยู่ในตึกเดียวกัน แต่อยู่ชั้นสูงกว่าเราลงมากันหมดแล้ว รวมทั้งสมาชิกในอาคารเกือบทั้งหมด
เพื่อนแม่บ้านรวมทั้งบรรดาสมาชิกผู้หญิงคนอื่น ๆ บ้างก็อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทำให้รู้ว่ากำลังอยูในระหว่างการทำอาหาร แต่หญิงมุสลิมหรือชาวซาอุฯ รวมทั้งเพื่อนแม่บ้านคนไทยของฉัน ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดคลุมสีดำ ยกเว้นตัวฉัน
.ที่ไม่มีทั้งผ้ากันเปื้อนหรือชุด อบาย่า! (ไม่ได้อยู่ในชุดวันเกิดนะอย่าคิดมาก!) เพราะฉันและคุณด๋องกำลังอยู่ในระหว่าง การกินอาหารกลางวันในช่วงเกิดเหตุ และใจฉันไปอยู่ที่สมบัติตามที่ว่าไว้ จึงไม่มีชุดดำคลุมลงมาด้วย และที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือฉันไม่มีกระทั่ง รองเท้า
บนพื้นถนนในช่วงบ่ายและหน้าร้อนเช่นนี้ ถนนร้อนจัดฉันยืนแทบไม่ได้ เดือดร้อนคุณด๋องต้องวิ่งข้ามถนนไปหาซื้อรองเท้า แต่ปรากฏว่าร้านค้าปิดในตอนกลางวัน ฉันจึงต้องยืนแอบหลบแดดอยู่ข้างตึก
คิดแล้วยัง ใจหาย กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย นี่ดีว่าเราอยู่แค่ ชั้นสอง ถ้าอยู่ชั้นบน ๆ แล้วฉันยัง ห่วงสมบัติ มากกว่าชีวิตตนเองแบบนี้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะได้มานั่งเล่าเหตุการณ์ให้พวกเราฟังกันหรือไม่?
ตอนหลังมาทราบสาเหตุของเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ เพราะเด็กข้างห้องจุด ไม้ขีดไฟ เล่นกันและไฟลุกไหม้พรมในห้อง ซึ่งผู้ปกครองกำลังทำภาระกิจอยู่ชั้นล่างและโชคดีกลับขึ้นมาทันช่วยลูก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉันก็ได้เรียนรู้ เพิ่มขึ้นอีกอย่างว่าควันไฟจะ ลอยตัวสูง ดังนั้นหากเกิดเหตุไฟไหม้ และเพื่อให้เราสามารถหายใจได้นานที่สุด เราต้องพยายาม หมอบ ให้ต่ำไว้
สาเหตุหนึ่งที่ฉันและคุณด๋องลงและออกมาจากอาคารที่เกิดไฟไหม้ ช้าที่สุดทั้งที่เราอยู่ห้องติดกับห้องที่เกิดเหตุเพราะ ควันไฟลอยขึ้นข้างบนทำให้คนที่อยู่ชั้นสูงรู้ตัวก่อน และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือประชาสัมพันธ์แจ้งทุกห้อง ยกเว้นห้องของเราเพราะคิดว่าอยู่ติดจุดเกิดเหตุและน่าจะรู้ก่อนแล้ว
โชคดีที่เด็กคนที่มาเคาะประตูห้องปลอดภัย มิเช่นนั้นเราคงไม่ให้อภัยตัวเองเป็นแน่ ที่มัวแต่กลัวว่าผู้ปกครองจะเข้าใจผิดคิดว่าเราไปกลั่นแกล้งเด็ก ตอนมาเคาะประตูห้องร้องไห้
อีกหนึ่งบทเรียนที่เราได้จากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้ก็คือ มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้ห้องของเราเป็นทางเข้า-ออก ในการปฏิบัติการดับเพลิงในครั้งนี้ด้วย
เมื่อภาระกิจเสร็จสิ้นและเรากลับเข้าห้องได้ปกติ เราพบว่าแหวนหมั้นและนาฬิกาของคุณด๋อง ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะรับแขก ซึ่งเป็นทางผ่านของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังอยู่ครบ
ทำให้นึกถึงความซื่อสัตย์ของคนที่นี่ทั้งที่เป็นชาวต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่มาจากแถบประเทศฟิลิปปินส์ อินโดฯ อินเดีย และปากีสถาน หรือประเทศอื่น ๆ แถบตะวันออกกลางที่มาใช้แรงงานที่นี่ ซึ่งคนซาอุฯ เจ้าของประเทศส่วนมากจะไม่ทำงานที่ใช้แรงงานกันเลย
เราจะพบว่าคนซาอุฯ ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของกิจการ หรือไม่ก็ทำงานในส่วนราชการหรือบริษัทเอกชน แต่งานที่เป็นบริษัทตามห้างร้านต่าง ๆ จะเป็นต่างชาติเกือบทั้งสิ้น
เกี่ยวกับเรื่องความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่ฉันไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นที่อื่น ประเทศอื่นหรือแม้แต่เมืองไทยของเรา เราจะพบข้าวของมีค่าเหลืออยู่หลังจากกลับเข้าห้องหรือไม่
แต่เหตุผลที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องซื่อสัตย์ก็คือ ประเทศนี้มี กฏหมาย ที่เคร่งครัดมาก การขโมยของมีโทษโดน ตัดข้อมือขวา ก่อน สำหรับการขโมยครั้งแรกและ ข้อมือซ้าย สำหรับการขโมยครั้งต่อไป
หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นและเมื่อครบสัญญาเช่า 2 ปี เราได้ย้ายออกจาก Apartment แห่งนั้น และไปเช่าบ้านเป็นหลังขนาด 2 ชั้นมี 3 ห้องนอนและ 2 ห้องรับแขก ภายในบริเวณบ้านมีต้นอินทผาลัมอยู่ด้วย 1 ต้น มีผลให้รับประทานได้ด้วยแต่รสชาดไม่ดีเหมือนกับที่มีขายกัน
จากการที่คุณด๋องไปงานศพคุณแม่ก่อนหน้านี้ และเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เขาช่วยชีวิตของฉัน รวมทั้งการที่เขาปฏิบัติตนต่อฉันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ค่อย ๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและความรู้สึกดี ๆ ที่ฉันเริ่มมีให้เขาซึ่งได้ทำลาย ทิฐิ และความ จองหองถือดี ของฉันไปจนหมดสิ้น ความสัมพันธ์ของเราเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คุณแม่ผู้ล่วงลับไปแล้วของฉันมาเข้าฝันและพูดว่า ต้องให้ฉันตายไปก่อนแล้วจึงจะยอมใช่ไหม? จนบัดนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจความหมายของประโยคข้างต้น แต่จากนั้นไม่นานฉันก็ตั้งครรภ์ได้ลูกคนแรกเป็นโซ่ทองคล้องใจ
คุณด๋องพาฉันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล Dr. Abdul Rahman Al Mishari Hospital, Riyadh หมอที่ดูแลฉันเป็นชาวอียิปต์แต่พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งหมอที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอาหรับจากประเทศข้างเคียงเช่น อียิปต์, เลบานอน, ซีเรีย, เป็นต้น ส่วนพยาบาลจะมาจากประเทศฟิลิปปินส์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ดี
โรงพยาบาลแห่งนี้จึงเป็นโรงพยาบาลที่มีคนต่างชาติมาใช้บริการกันมาก และถ้าเป็นชาวพื้นเมืองก็จะต้องเป็นกลุ่มคนที่ สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย
ขอเล่าประสบการณ์การ คลอดบุตร ครั้งแรกสำหรับคุณผู้หญิงที่กำลัง คิดจะมีบุตรหรือกำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ และสำหรับคุณผู้ชายที่กำลังจะเป็นคุณพ่อ
ในระหว่างการตั้งครรภ์ฉันได้อ่านและปฏิบัติตนตามคำแนะนำในตำรา เป็นที่ทราบกันดีว่าการคลอดบุตรสามารถเลือกได้ว่า จะคลอดเองตามธรรมชาติหรือผ่าตัดก็ได้
ฉันเลือกที่จะ คลอดเอง ตามธรรมชาติเนื่องจากสุขภาพแข็งแรงพอ และคิดว่าไม่น่ากลัวเหมือนการผ่าตัดซึ่งฟื้นตัวได้ช้ากว่า ที่สำคัญฉันคิดว่าผู้หญิงตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สามารถคลอดบุตรได้เองโดยวิธีธรรมชาติ ฉันก็ควรที่จะทำได้เหมือนกับผู้หญิงทั้งโลก
แต่จากการอ่านตำราฉันพบว่าการฉีดยา Block ไขสันหลัง จะช่วยลดอาการเจ็บปวดก่อนและระหว่างการคลอดได้ ถึงแม้โอกาสที่หมอจะฉีดยาผิดพลาดทำให้พิการหรือมีปัญหาได้ จะมีเปอร์เซ็นต์น้อยนิดแต่ฉันก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้
แต่ความกลัวเรื่องความเจ็บปวดก่อนและระหว่างการคลอดมีมากกว่า เพราะภาพความเจ็บปวดแสนสาหัสระหว่างการคลอดลูก ที่ฉันเคยเห็นในหนังยังติดตาและอยู่ในความทรงจำตลอด ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจขอให้หมอฉีดยา Block ไขสันหลัง ในระหว่างคลอดให้ด้วย หมอจึงได้นำแบบฟอร์มาให้คุณด๋องเซ็นต์อนุญาตให้ฉีดยาได้ และเพื่อยืนยันไม่เอาผิดกับหมอหากเกิดปัญหาหรือความผิดพลาด
หมอกำหนดวันคลอดประมาณกลางถึงปลายเดือนกันยายน เราได้เตรียมชื่อลูกไว้แล้วเป็นชื่อของคนที่เกิดประจำเดือนนั้น จำได้ว่าหลังจากฝากครรภ์ได้ประมาณ 5 เดือน หมอได้ทำ Ultra Sound เพื่อตรวจความปกติของทารกในครรภ์ ซึ่งสามารถดู เพศ ของเด็กทารกได้แล้ว แต่ฉันตกลงกับคุณด๋องว่าเราจะไม่ให้หมอบอกเพศก่อน เพราะต้องการ ลุ้น หรือ Surprise ในวันคลอด
ใจฉันอยากได้ ลูกสาว แต่คุณด๋องอยากได้ ลูกชาย เรามาช่วยกัน ลุ้น ว่าเด็กคนนี้จะเป็นผู้หญิงสมใจฉัน หรือเป็นผู้ชายสมความปรารถนาของคุณด๋อง?
เช้าวันที่ 1 ของเดือนตุลาคมคุณด๋องต้อง งด การไปร่วมฉลองงานวันชาติของสถานทูตจีนในตอนเย็น เพราะในระหว่างที่ฉันกำลังทำภาระกิจในห้องน้ำ ฉันพบว่ามีเส้นเลือดเส้นบาง ๆ ไหลติดออกมากับเมือกใส ๆ ด้วย
ฉันได้โทรเล่าอาการให้เพื่อนสมาชิกชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่ง ซึ่งเธอมีประสบการณ์เกี่ยวกับการคลอดบุตรถึง 8 คน เธอบอกให้ฉันรีบไปโรงพยาบาลทันทีเพราะนี่คือสัญญาณ ที่เด็กกำลังจะออกมาดูโลก
ฉันรีบอาบน้ำชำระร่างกายและสระผมให้สะอาด เพราะหลังคลอดจะไม่ได้สระผมหลายวัน คุณด๋องพาฉันไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 8 โมงเช้า หลังจากนางพยาบาลสวนของเสียออกจากร่างกาย พร้อมทำความสะอาดชำระล้างเรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลาประมาณใกล้เที่ยงฉันเริ่มรู้สึกถึงการ บีบรัดตัว ของมดลูก
พอเริ่มมีอาการ ปวดหลัง ฉันขอให้นางพยาบาลเอาหมอนมาหนุนหลังให้ ซึ่งทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้น แต่พอหมอนหนุนหลังได้สักครู่ฉันเริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก และขอให้นางพยาบาลดึงหมอนออก
จากนั้นรู้สึกเย็นที่ปลายเท้าและขอถุงเท้าจากนางพยาบาลแต่ไม่มี สักครู่รู้สึกปวดหลังและขอหมอนหนุนอีก หนุนได้สักพักก็อึดอัดขอให้เอาหมอนออก ทำสลับกันเช่นนี้หลายรอบ
.
ในขณะที่ฉันกำลังอยู่ในอาการปวดหลังและอึดอัด จากการบีบรัดตัวของมดลูกอยู่นั้น ฉันได้ยินเสียงร้อง กรี๊ดดดดดดดด แสดงอาการเจ็บปวดแสนสาหัส เป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยเหมือนในหนังที่มีฉากการคลอดลูกไม่มีผิด เสียงกรี๊ดดังเป็น ระลอก หลายครั้ง
พยาบาลบอกฉันว่าเป็นเสียงของคุณแม่ในห้องคลอดข้าง ๆอีก 3-4 ราย ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกกลัวว่าเมื่อไรจะถึง คิว ของฉัน ที่จะต้องแผดเสียงร้องเสียงดังแบบนั้นบ้าง พยาบาลมองหน้าฉันและพูดด้วยรอยยิ้มว่า You are very quiet เพราะฉันไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาเลย มีแต่การแสดงความเจ็บปวดออกทางสีหน้าและร้องครางเบา ๆ เท่านั้น
สักครู่หมอทำคลอดมาถึงและถามพยาบาลว่าได้ฉีดยา Block ไขสันหลังให้ฉันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม พยาบาลตอบว่า ยังไม่ได้ฉีด หมอขมวดคิ้วถามว่า อ้าว
ทำไมล่ะ? พยาบาลตอบว่าเห็นว่าฉันยังไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดมาก และสามารถทนได้จึงยังไม่ได้ฉีดยา
หมอจึงบอกว่าถ้าเช่นนั้นก็ ไม่ต้อง ฉีดยาแล้ว เพราะเส้นกราฟแสดงว่าฉันได้ผ่านจุดที่มดลูกบีบตัวสูงสุด และผ่านอาการที่จะต้องเจ็บปวดสูงสุดไปแล้ว
ได้ฟังหมอพูดเช่นนั้นฉันรู้สึก โล่งอก เพราะใจจริงฉันก็รู้สึกหวั่น ๆ และกลัวความผิดพลาด จากการต้องฉีดยา Block ไขสันหลังอยู่เหมือนกัน หมอถามว่าหมอจะฉีดยาเร่งคลอดให้เอาไหม ฉันตอบตกลงเพราะรู้สึกอึดอัดมาตั้งแต่ก่อนเที่ยง
หลังจากฉีดยาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ประมาณบ่ายสามโมงยี่สิบสี่นาที หมอเห็นว่าปากช่องคลอดเปิดมากพอแล้ว จึงเริ่มปฏิบัติการและออกคำสั่งกับฉันว่า Pushhhhh
ตอนแรกคิดว่าหมอสั่งให้ฉัน ผลัก อะไร (หว่า?) แต่ด้วยสัญชาตญาณฉันก็เดาได้ว่าน่าจะหมายถึง เบ่ง ขออนุญาตใช้คำศัพท์ Rate R ในการบรรยายให้เห็นภาพ การ เบ่ง จะมีอาการเหมือนการเบ่งอุจจาะ แต่การเบ่งคลอดลูกเหมือนการเบ่งปัสสาวะที่ต้องการให้สุด ๆ ประมาณนั้น
หลังจากทำตามคำสั่งของหมอให้ Push 2-3 ครั้ง ก็เหมือนมีอะไร หลุด พลุ๊บ! ออกมาจากร่างกาย พร้อมกับความรู้สึก โล่ง และ หมดแรง จากนั้นสักครู่ใหญ่ก็ตามด้วยการคลอด รก ที่ห่อหุ้มตัวทารก แล้วตามด้วยการเย็บช่องคลอดให้เข้าที่ ในระหว่างที่เย็บไม่รู้สึกเจ็บเพราะคิดว่าหมอคงฉีดยาชาให้
อีกครู่ต่อมาจึงได้ยินเสียง อุ๊แว๊ ของเด็กทารก หลังจากพยาบาลชำระล้างตัวเด็กและห่อหุ้มด้วยผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงอุ้มมาให้ฉันดูหน้าในขณะที่ฉันกำลังรู้สึกอ่อนเพลีย ทันทีที่เห็นลูกน้อยฉันยิ้มด้วยความ ชื่นใจ และก่อนที่จะหมดแรง ฉันได้ยินพยาบาลพูดว่า Its a girl! She weighs 3,300 grams.
และพอได้คำตอบว่า มีอาการครบ 32 ประการ ฉันก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
.
เราได้ตั้งชื่อทารกน้อยคนนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงดินแดนแห่งนี้ว่า Sandy ซึ่งหมายถึงทะเลทรายนั่นเอง ส่วนชื่อจริงที่ตั้งตรงกับคนเกิดเดือนกันยายนเราก็ไม่ได้เปลี่ยนใหม่ ให้เป็นชื่อของคนเกิดเดือนตุลาคมเพราะรู้สึกหลงรักชื่อนั้นไปแล้ว
ช่วงอยู่เดือนคุณด๋องช่วยฉันทำงานบ้านทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ การดูดฝุ่นปัดกวาดเช็ดถูและซักรีดเสื้อผ้า ยกเว้นการทำอาหารเพราะเขาจะหิ้วอาหารมาจากร้าน
สิ่งที่เขาปฏิบัติยิ่งทำให้ฉันรู้สึกประทับใจในตัวเขาเป็นทวีคูณ ความสัมพันธ์ของเราเริ่มดีวันดีคืน ปีต่อมาฉันก็ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 (อุ๊ย
อะไรจะสามารถปานนั้น!!)
คราวนี้ฉันไม่ต้องการลุ้นหรือ surprise แล้วเพราะอยากได้ลูกผู้ชาย ดังนั้นในวันที่ไปทำ Ultra Sound หลังจากที่คุณหมอเดินออกจากห้องไปคุณด๋องก็เดินสวนเข้ามา ฉันบอกเขาว่าหมอบอกว่า Its a girl! again
เขาหัวเราะและพูดว่า ไม่ต้องมาหลอกผม
คุณหมอบอกผมแล้วว่า.. Its a boy! ไอ้หมอบ้า! ฉันคิดในใจ มาแอบขโมย Scene ฉันไปได้ยังไงเนี่ย?
จากประสบการณ์การคลอดลูกในครั้งแรก ทำให้ฉันไม่รุ้สึกเครียดหรือกลัวแล้วสำหรับครั้งนี้ ฉันจึงไม่คิดเรื่องการฉีด Block ไขสันหลัง เพื่อลดความเจ็บปวดเหมือนที่เคยคิดจะทำในครั้งแรก ส่วนอาการก่อนคลอดเหมือนกันคือ ตอนเข้าห้องน้ำมีเส้นเลือดบาง ๆ ติดออกมากับเมือกด้วย
หลังทำและรับประทานอาหารเย็นเสร็จคุณด๋องรีบพาฉันส่งโรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 6 โมงเย็นของวันกองทัพไทย หลังจากพยาบาลทำการสวนของเสียในร่างกายออกและทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันนอนอยู่บนเตียงคลอดได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงปากช่องคลอดก็เปิดเต็มที่ หมอบอกให้ Push เพียงครั้งเดียว ทารกน้อยน้ำหนักตัว 3,700 กรัมก็โผล่ออกมาลืมตาดูโลก!
เราตั้งชื่อลูกน้อยคนนี้เป็น ภาษาอาหรับ ที่หมายถึงเจ้าแห่งทะเลทราย แต่ตอนกลับมาเมืองไทยเขาได้ฉายาเพิ่มจนเรียกกันติดปากว่า ด๊อกเตอร์ เป็นด๊อกเตอร์ตั้งแต่ยังเป็นทารกและไม่ได้เรียนหนังสือเลยนะเนี่ย! แต่ตอนนี้น้องด๊อกเตอร์กำลังตั้งใจเรียนด้วยความคร่ำเคร่ง เพราะกลัวจะ ขายหน้า และเสีย ศักดิ์ศรี ลูกผู้ชายหากเรียนไม่เก่ง มาช่วยกันลุ้นต่อไปว่าโตขึ้นเด็กคนนี้จะได้เป็นด๊อกเตอร์ สมชื่อ หรือไม่?
หลังจากผจญภัยกับสงครามอ่าวเปอร์เซียและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในซาอุดิอาระเบียเป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน เราจึงเดินทางกลับเมืองไทยพร้อมลูกน้อย 2 คน ตอนนั้นน้องแซนดี้อายุเกือบ 2 ขวบ และน้องด๊อกเตอร์อายุ 6 เดือน เท่ากับเดินทางไป 2 คน แต่กลับ 4 คน กำไร เห็น ๆ เลยใช่ไหมท่านผู้อ่านที่รัก?
กลับมาเมืองไทยอยู่อีก 2 ปีซึ่งเป็นช่วงที่ฉันกลับไปทำงานกับเตี่ยสมัยที่ 2 จากนั้นฉันและลูก ๆ จึงได้เดินทางติดตามคุณด๋อง ซึ่งไปรับหน้าที่ในตำแหน่งเลขานุการเอก ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซ
..
โปรดติดตาม เลขาฯ ตัวแสบ! ตอนต่อไป ตอน
..ชีวิตในต่างแดน
.สุขหรือเศร้า? (ภาค 5)
อ่านต่อว่าเกิดเหตุการณ์อะไรกับ เลขาฯ ตัวแสบ! ในระหว่างการใช้ชีวิตในประเทศกรีซ ประเทศที่ทำให้เกิดมรสุมครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นกับชีวิตของเธอจนต้องหอบลูกน้อย 2 คน กลับเมืองไทยทันทีทั้งที่ยังไม่ครบระยะเวลา 4 ปีตามกำหนด? เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ของ เลขาฯ ตัวแสบ! คนนี้ ?
ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:
(1) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!! //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6083075/B6083075.html
(2) เลขาฯตัวแสบ! ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!! //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6085280/B6085280.html
(3) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....พบทนายความเรื่อง "การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม" พร้อมกับการได้รับ "เงินชดเชย" เกือบแสน!!! //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6095870/B6095870.html
(4) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!! //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6105777/B6105777.html
(5) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....ชีวิตหลังการตกงาน //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6110725/B6110725.html
(6) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้
! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 1 //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6125583/B6125583.html
(7) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....เย้
! ในที่สุดฉันได้งานใหม่แล้ว!!! ภาค 2 //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6131814/B6131814.html
(8) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... 4 เดือนระทึกกับช่วงทดลองงาน!!! //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6136610/B6136610.html
(9) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ CEO เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 1) //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6152716/B6152716.html
(10) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ CEO เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 2) //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6159240/B6159240.html
(11) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน..... เลขาฯ ตัวแสบกับ CEO เจ้าของธุรกิจ 5,000 ล้าน!!! (ภาค 3) //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6170648/B6170648.html
(12) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ เตี่ย!!! (ภาค 1) //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6174623/B6174623.html
(13) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
การปกครองพนักงานแบบพ่อปกครองลูกในสไตล์ของ เตี่ย!!! (ภาค 2) //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2007/12/B6181617/B6181617.html
(14) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
.กว่าจะเป็น เลขาฯ ตัวแสบ! //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2008/01/B6189644/B6189644.html
(15) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
.ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 1) //topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2008/01/B6202133/B6202133.html
(16) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
.ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 2) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6218284/B6218284.html
(17) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
.ความรู้แค่หางอึ่ง!!! (ภาค 3) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6224365/B6224365.html
(18) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
.บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 1) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6236460/B6236460.html
(19) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
.บังอาจทำธุรกิจส่วนตัว!!! (ภาค 2) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6245103/B6245103.html
(20) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 1) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6247789/B6247789.html
(21) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 2) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6255596/B6255596.html
(22) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 3) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6263517/B6263517.html
(23) เลขาฯ ตัวแสบ! ตอน
..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 4) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6280648/B6280648.html
(24) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน
..ชีวิตในต่างแดน
.สุขหรือเศร้า? (ภาค 1) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6289483/B6289483.html
(25) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน
..ชีวิตในต่างแดน
.สุขหรือเศร้า? (ภาค 2) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6300333/B6300333.html
(26) "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน
..ชีวิตในต่างแดน
.สุขหรือเศร้า? (ภาค 3) //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6306792/B6306792.html
***************************************************************************
*********ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านและเพื่อน ๆ ทุกท่าน**********
ที่กรุณา Click เก็บเข้าคลังกระทู้ทุกครั้งหลังการอ่านจึงทำให้ยังมีข้อมูล เก็บอยู่ในคลังกระทู้เก่าที่ท่านสามารถนำกลับมาอ่านและใช้ประโยชน์ได้อีก
ตอนสุดท้ายที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง:
******************************************************* **********D E S T I N Y H U R T S M E!!!********** (ตอนจบที่จะเฉลยทุกคำตอบที่ยังเป็นปริศนาในวัน Valentines?) *******************************************************
เรามีนัดกันเช้าตรู่วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551........
***กระทู้พิเศษหลังจากตอนจบ***
*********************************************** 20 คำถามกับเลขาฯ ตัวแสบ! ***********************************************
เพื่อตอบแทนท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับแรงบันดาลใจ และกำลังใจในการเขียนประสบการณ์ในครั้งนี้จนจบ ผู้ตอบคำถามถูกต้องและได้คะแนนสูงสุดจะได้รับบัตรเชิญ รับประทานอาหารเย็นกับ เลขาฯ ตัวแสบ! หรือเลือกรับบัตรกำนัลซื้อหนังสือจาก Thailand Book Tower มูลค่า 1,000.- บาท หรือบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ Major มูลค่า 1,000 บาท
โปรดติดตามกระทู้พร้อมกติกาหลังตอนจบ
..
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2551 13:27:03 น. |
|
8 comments
|
Counter : 612 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คนก่อน IP: 124.120.216.138 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:13:48 น. |
|
|
|
โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:14:38 น. |
|
|
|
โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:16:08 น. |
|
|
|
โดย: Muay Ja IP: 58.8.38.168 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:26:42 น. |
|
|
|
โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:26:11 น. |
|
|
|
โดย: หิ่งห้อยพราวแสง IP: 118.172.158.122 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:13:30:56 น. |
|
|
|
โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:11:51:17 น. |
|
|
|
| |
|
|