หลวงพระบาง

ครั้งแรกที่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวหลวงพระบาง ประเทศลาว บอกตามตรงว่ายังไม่ใคร่จะสนใจ แบบว่าไกลมากจากบ้านที่ภาคใต้สุดประเทศเดินทางไปถึงเหนือประเทศไทยและพ้นเหนือประเทศไทยขึ้นไปอีก นั่งรถกันเป็นวันเป็นคืนกว่าจะถึงจุดหมาย แต่สำหรับเรื่องเที่ยวแล้ว ที่ไหนก็ได้ที่จะได้พบสิ่งแปลกใหม่และจะได้หามุมถ่ายรูป ที่ตกลงไปก็เพื่อจะได้ไปถ่ายรูป เพื่อเก็บไว้ในสต็อกธนาคารภาพถ่ายของตนเองนั้นเอง

ความที่ไม่ตั้งใจไปนี้เอง ในที่สุดแล้วสุดท้ายกลายเป็นสิ่งน่าเจ็บใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สนใจจะหาข้อมูลล่วงหน้า ไม่อ่านจุดหมายที่จะไป ซ้ำหนังสือคู่มือเที่ยวหลวงพระบางเล่มบางเล็กแต่เน้นด้วยข้อมูล ก็ยังไม่หยิบฉวยเอามาใส่กระเป๋าเดินทาง เพียงเพราะคิดว่าหลวงพระบางไม่น่ามีอะไรมากนัก

ขึ้นรถที่กรุงเทพตอนค่ำถึงเชียงของ จังหวัดเชียงรายเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เวลา 8 โมงครึ่งหลังจากที่ผ่านด่านตรวจคนเข้า-ออกเมืองที่ชายแดนฝั่งเชียงของแล้ว เบื้องหน้าคือลำนำโขงที่จะต้องขึ้นเรือข้ามฝากไปขึ้นฝั่งที่ด่านห้วยทราย ประเทศลาว นี้เองที่ทำให้เริ่มจุดประกายความตื่นเต้นที่ได้เห็นลำน้ำโขงในฝัน ที่อ่านและรับรับรู้มานาน ในที่สุดก็ได้มาอยู่ตรงหน้า เพราะตั้งแต่นี้ไป สิ่งที่ตั้งใจและต้องการได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คือ ภาพถ่ายทุกแง่มุมของแม่น้ำโขงและแผ่นดินลาว







การเดินทางด้วยรถตู้ที่ตกลงเหมาในราคาหมื่นกว่าบาทเพื่อนำไปถึงหลวงพระบาง ดินแดนลาวเหนือ รวม 500 กว่า กม.จากห้วยทราย –-นาเตย 232 กม. นาเตย-อุดมไซ 90 กม. อุดมไซ-ปากมอง 77 กม. ปากมอง-หลวงพระบาง 112 กม. ที่ตลอดเส้นทางผ่านหมู่บ้านแบบชนบท ต้นไม้ที่แห้งจากการเผ่าป่า ผ่านภูเขาที่โล้นเลี้ยนตียน เต็มไปด้วยควันเผาไหม้ไปตลอด แต่อย่างนั้นก็ยังมีภูเขาที่ยังสมบูรณ์ป่าไม่เขียวรกทึบอยู่อีกมาก







บนเส้นทางที่ไปวิ่งอยู่บนเขาลูกแล้วลูกเล่า ไต่ไปตามไหล่เขาจนน่าจะมากกว่าพันโค้ง นี้ยังไม่เท่าไรถนนช่วงแรกยังดี แต่เข้าอีกช่วงจากนาเตย-ปากมอง ถนนขรุขระเป็นลุ่มเป็นบ่อตลอดทาง ฝุ่นนี้ฟุ้งกระจาย ความจริงน่าจะเรียกว่าถนน อบต.เมืองไทยน่าจะได้ เพราะถนนลาดยางที่กะเทาะออกกลายเป็นลุ่มเป็นบ่อ หน้าหายไปกลายเป็นดินทรายขึ้นมาแทน นักท่องเที่ยวที่พอจะรู้ มักเปลี่ยนไปทางเรือแทน

แต่กระนั้นการเดินทางด้วยรถครั้งนี้ แม้จะทรมานกับการกระดอนกระเด้งบนรถยาวนานครึ่งค่อนวัน แต่ก็แลกมากับได้เห็นทิวทัศน์เทือกเขาที่สวยงาม โดยเฉพาะจุดที่วิ่งผ่านหมู่บ้านชาวเขา ที่เรียกว่าชาวลาวสูง อยากบอกให้คนขับให้จอดลงไปบันทึกภาพเสียเหลือเกิน แต่ก็เกรงว่าจะเสียเวลาการเดินทาง จึงได้แต่บันทึกด้วยสายตาแทนด้วยความเสียดาย ยอดเขาเส้นทางช่วงนี้แหละ เป็นมุมสุดยอด ที่จะได้ภาพในฝันที่ช่างภาพอยากได้ภาพโชว์ฝีมือ การตั้งหมู่บ้านตามชายเขาสูง ลดลั่นของเบื้องหลังทิวเขาฉากหลัง เพราะหลังจากลงสู่ที่ราบในเวลาพลบค่ำเข้าสู่จุดหมายหลวงพระบางแล้ว คงจะไม่มีใครกลับไปอีก เพราะเส้นทางโหดเหลือเกิน ทุกครั้งที่คิดก็ยังให้นึกเสียดายว่าไหนๆมาเห็นก็น่าจะได้ลงไปบันทึกภาพไว้เสียเลย


หมู่บ้านชาวเขาถ่ายจากรถกำลังวิ่ง ช่วงถนนยังดี ถ่ายรัวติดๆกัน เผื่อฟลุ๊กติดภาพดี มุมที่ดีที่สุดอยู่ช่วงบนเส้นทางไต่ยอดเขาสุง
แต่ถนนแย่มาก กระเทือนซ้ำยังฝุ่นจับข้างกระจกเต็มไปหมด ถ่ายรูปไม่ได้เลย


ถึงหลวงพระบางมืดค่ำ คนขับรถตู้นำทางพาไปพักยังเกสต์เฮาส์หลังหนึ่ง พบพนักงานที่คิดว่าเป็นคนใต้ที่มาทำงานที่นี้ เพราะพูดออกเสียงเป็นสำเนียงคนใต้จนแปลกใจ ทำเอาต้องส่งเสียงแหลงใต้ไปทักทาย เป็นงง.ซิ... เพราะจริงแล้วสาวคนนั้นสำเนียงภาษาทางหลวงพระบาง ซึ่งมีใครบอกว่าสำเนียงทางนี้คล้ายเหนอสุพรรณ และบ้างก็ว่าคล้ายสำเนียงเสียงใต้ก็มี

ตื่นเช้าวันแรกที่หลวงพระบาง ว่าจะออกมาเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่ภาพที่เห็นทำเอารีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องคว้ากล้อง วิ่งกลับลงมาที่หน้าโรงแรม ทันที่ได้บันทึกภาพที่ตรงนั้น แถวพระภิกษุเดินเป็นแถวรับบิณฑบาตที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของหลวงพระบาง





หลังจากนั้นพร้อมกันออกเดินทางไปทานอาหารเช้าที่ริมฝั่งโขง และไปเช็คอินที่โรงแรมอีกแห่งอยู่ใกล้กับพระราชวังเก่าที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หลังการปฎิวัติประเทศมาเป็นสาธารณะประชาธิปไตยประชาชนลาว









ครึ่งวันกว่าๆวันกับการนั่งรถเที่ยวลงไปชมตลาดเช้า 1 แห่ง แวะวัดวิชุน วัดโพนไซชะนะสงคราม และไปน้ำตกกวางซีระยะทาง 28 กม. 1 แห่ง

































เหลือเวลาตอนบ่ายมากแล้วหลังกลับเข้าพักกันที่โรงแรม มีเวลาเหลือให้ออกมาตระเวนถ่ายรูปได้อย่างตั้งใจไม่มากนัก ยิ่งต้องการถ่ายสถานที่ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะวัด จึงรีบเดินและเดินแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ถ่ายอย่างเดียวจริงๆ จนไม่รู้ภาพนี้เป็นสถานที่อะไรที่ไหน แบบว่าขอให้ภาพมาก่อน เลยงงๆเมื่อมาดูภาพภายหลัง เรื่องของเรื่องคือ ถ้าได้คู่มือเล่มนั้น ก็คงจะดีไม่น้อย มาดูแผนที่ภายหลัง หลวงพระบางมีลักษณะเป็นแหลมเรียวขนานด้วยถนน 3 สาย เดินไปสุดทั้ง 3 สายก็คงไม่หลง


















ชาวต่างประเทศสนใจซื้อของที่ตลาดค่ำหลวงพระบาง


ตลาดค่ำหลวงพระบางเป็นชาวเขาหรือลาวสูงมาเปิดตั้งขายของตรงหน้าพิพิธภัณฑ์ยาวไปตลอดแนวถนน


แม่ค้าชาวม้งคนนี้พูดไทยชัดมาก เธอบอกว่าดูละครไทยจากคอมฯประจำ


ยิ่งสาวแม่ค้าชาวม้งคนนี้พูดไทยชัดยิงกว่า สำเนียงไม่เพี้ยนสักคำ
บอกว่าหัดพูดภาษาไทยกับลูกพี่ลูกน้องคนที่กำลังนั่งดูคอมพิวเตอร์คนนั้น


ขากลับตกลงกันว่ากลับทางเรือช้า 8 โมงเช้ารถพาไปที่ท่าเรือ เพื่อเดินทางไปพักค้างคืนที่ปากแบ่ง แม้จะใช้เวลา 8 ชั่วโมง ซึ่งนี้คือเส้นทางที่ประทับ จากสองฝั่งเป็นวิวทิวทัศน์ที่เปี่ยมความงามของธรรมชาติแบบลำน้ำโขงที่แท้จริง ด้วยความตื่นตาด้วยโขดแก่งหิน ต้นไม้ สายน้ำและทิวเขา ทำให้ถ่ายไปจนสมใจที่ได้ถ่ายภาพมาเป็นจำนวนมากที่สุด 300 กว่าภาพ แบบการ์ดแมมเมอรีขนาดความจุ 8 GB หมดไปเลยทีเดียว















เรือช้าที่ออกเช้าไปถึงปากแบ่งราว 5 โมงเย็น นอนค้างคืนที่ปากแบ่งอีก 1 คืน









รุ่งขึ้นเลือกเรือเร็วที่ปากแบ่ง เพื่อไปด่านห้วยทราย เรือเร็วใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่า เร็วจนมองอะไรไม่ถนัดถ่ายรูปยิ่งไม่ได้ เพราะต้องสวมหมวกกันน็อกและสวมเสื้อชูชีพ ก้มหน้าจับหมวกหลบจากแรงลมและกระแสน้ำกระเซ็นใส่ รวมแล้วท่องลำน้าโขงจากหลวงพระบางมาที่ห้วยทรายรวมระยะทาง 300 กว่า กม.ทีเดียว











ทริปนี้บอกได้ว่าครบกระบวนการเดินทาง ทั้งทางรถไต่เทือกเขา ขากลับล่องเรือทวนลำน้ำโขง ในตัวเมืองหลวงพระบางเองคนขับรถตู้นำไปเที่ยวได้อย่างน่าจะครบได้พอควรในเวลาวันเดียว ทั้งวัดวาอาราม น้ำตกและตลาดซึ่งเป็นจุดขายของหลวงพระบางที่ไม่เหมือนที่ไหน อย่างที่ใครกล่าวขานไว้ในข้อเขียนต่างวาระต่างเวลา ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ยังคงสภาพเอาไว้อย่างกาลเวลาไม่สามารถทำลายภาพนี่ลงได้

นี้เป็นเพราะชาวหลวงพระบางเป็นส่วนสำคัญ การอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องการความทันสมัย ตึกไม่ต้องสูงโอ่อ่าดีไซต์ออกแบบสร้างให้เลิศหรู ภาพอาคารเก่าอนุลักษณ์มาเป็นโรงแรม ร้านค้า ผสานไปกับวัดและวิถีชีวิตผู้คน ยังยึดมั่นในศาสนาและประเพณีวันธรรม เหล่านี้คงเพียงพอให้น่าภูมิใจ ทั้งยังคงเป็นภาพอดีตที่ยังฉายให้เห็นในปัจจุบันเอาไว้อย่างมั่นคง สมฐานะเมืองที่ประทับตราสัญญลักษณ์เมืองมรดกของโลก

แม้จะมีเวลาเดินเที่ยวน้อยนิด ก็คงจะไม่พอที่จะได้ซึมทราบความเป็นหลวงพระบางได้มาก อะไรนะที่เคยคิดว่าลาวคงจะไม่มีอะไร จนคิดว่าถ้าจะเที่ยวแล้วคงเลือกลาวไว้หลังท้าย แต่เสียใจกับความคิดนี้ เมื่อได้มาเห็น เพียงเวลาแค่นี้ ยังอาลัยว่าอยากจะอยู่ให้มากกว่านี้สักหน่อย จะได้ชดเชยลบล้างกับความคิดผิดๆนั้น แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เข้าใจลาวและหลวงพระบางนั้นอย่างสิ้นเชิง จึงเหลือแต่ว่าเมื่อไร จะได้กลับมาที่นี้อีก พลาดวัดเชียงทอง พลาดการขึ้นบนเขาที่ตั้งพระธาตุพูสี เพื่อถ่ายภาพเบื้องล่างของหลวงพระบาง ดูจะยิ่งน่าเจ็บใจ ที่พักอยู่ติดเชิงเขาแท้ ยังไม่ยอมเดินขึ้นบันไป 320 ขั้นแค่นั้น ที่มากกว่านี้ยังขึ้นได้

ความน่าเสียดายต่างๆ ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้น และสุดท้ายแล้วก็ยังพลาดอะไรไปหลายอย่างนี้ บอกตัวเองจะต้องกลับมาหลวงพระบางให้ได้อีกครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะสำหรับหลวงพระบางแล้ว ยิ่งกว่าที่เคยอ่านและดูรูปภาพของคนอื่นมานานมาก ในฐานะลาวประเทศเล็กๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นหรือเกินกว่าที่จินตนาการไว้มาก่อนอย่างมากมหาศาลทีเดียว




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2556
4 comments
Last Update : 8 พฤษภาคม 2556 17:35:52 น.
Counter : 3088 Pageviews.

 

แวะมาหลิ้น หลวงพระบาง ด้วยคนค่ะ
ไปมาช่วงสงกราณ์ คนเยอะ จิงๆ
แต่ ชอบ นะคะ อยู่ สปป.ลาว มาจะปีนึงแล้ว
ลาว สงบ มากๆค่ะ
วัดพระธาตุพูสี วิว สวยมากๆจริงๆ
ไว้มาเที่ยว อีกนะคะ

 

โดย: kwan_3023 7 พฤษภาคม 2556 19:46:30 น.  

 

Thank you very much

 

โดย: Kai (nookookai8 ) 8 พฤษภาคม 2556 15:09:12 น.  

 

สุดยอดค่ะ ^_^

 

โดย: andrex09 30 กรกฎาคม 2556 12:12:22 น.  

 

แวะมาเที่ยวหลวงพระบางด้วยคนค่ะ ดูภาพแล้วอยากไปจัง

 

โดย: น้องจิ น้องวิว IP: 180.183.128.175 2 มีนาคม 2557 0:03:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปางนู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปางนู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.