RATCH เหมาะลงทุนระยะยาว ยีลด์ปันผล 5.6%-ผันผวนน้อย
บล.ธนชาตแนะนำนักลงทุนที่ไม่ชอบความหวือหวา แต่เน้นมั่นคงในระยะยาว “ซื้อ” RATCH โดยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
RATCH ลงนามเซ็นสัญญาร่วมทุนระหว่างผู้ถือหุ้นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 2 ขนาดกำลังผลิต 103.5 เมกะวัตต์ บนพื้นที่จ.นครราชสีมา โดย RATCH ถือหุ้น 20% ในโครงการนี้ และผู้ร่วมทุนคือ Aeolus Power และ Chubu Electricity Power Korat BV ซึ่งถือหุ้น 60% และ 20% ตามลำดับ
โดยโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุน 6.1 พันลบ. ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภท Non-Firm สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และยังได้รับเงินสนับสนุน (Adder) จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) จำนวน 3.50 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา10 ปี โดยโครงการนี้จะเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในปี 2013
ภายใต้สัดส่วนเงินทุนของโครงการนี้ที่เป็นส่วนหนี้สินต่อส่วนทุนที่ 70%:30% เงินลงทุนส่วนทุน 370 ลบ. จะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ ขณะที่เงินกู้สำหรับโครงการนี้จะจัดหาในเดือนถัดๆ ไป โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะพัฒนาและสร้างกำลังผลิตพลังงานทดแทนให้เติบโตให้ได้ 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2016 (RATCH ประสบความสำเร็จในการร่วมทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 3 และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเขาค้อ แลโครงการโซล่า รวมกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 72 เมกะวัตต์ แล้ว)
เรายังไม่รวมโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 2 ในประมาณการ และราคาเป้าหมายของเรา แต่เราไม่คาดว่าจะสร้างกำไรให้อย่างมีนัยสำคัญในปี 2013 เนื่องจากกำลังการผลิตที่น้อย และเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภท Non-Firm
เราชอบเรื่องราวการเติบโตในระยะยาวในปี 2015 ของ RATCH เมื่อโครงการหงสาลิกไนต์ ในประเทศลาว กำลังการผลิต 1,800MW ซึ่ง RATCH ถือหุ้น 40% เริ่มดำเนินงาน แต่อย่างไรก็ตาม RATCH มีโครงการใหม่ (เช่น การดำเนินงานอย่างเต็มปีของโครงการ Ratch-Australia ซึ่งถือหุ้น 80% และโครงการน้ำงึม 2 ในปี 2012, โครงการ Solarta, ห้วยบง 2, ห้วยลง 3, เขาค้อ ในปี 2013 และโครงการ RW Cogeneration ในปี 2014) ซึ่งช่วยให้กำไรเติบโตในระดับปกติ และทำให้สามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้มากขึ้นในระหว่างปี 2012-15 ถึงแม้ว่าการเติบโตของกำไรของบริษัทฯ จะไม่น่าตื่นเต้นมากนัก แต่ RATCH ซื้อขายที่ PE ที่ต่ำที่ 10 เท่าในปี 2012 และให้ dividend yield ที่ดีที่ 5.6% ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายที่ 47 บาท/หุ้น
Create Date : 07 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 7 ธันวาคม 2554 11:31:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 678 Pageviews. |
|
|
|
| |