*~กายกระทบ ใจไม่กระเทือน~*
 
พฤศจิกายน 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 พฤศจิกายน 2555
 
 
ย้อนวันวาน กับการเมืองไทย ๕

(หมายเหตุ: ตาม blog ๑ ค่ะ ....พอมาถึงอันนี้ก็เริ่มนึกได้ว่า ชื่อ blog กับเนื้อเรื่องมันไม่ได้เป็นประเด็นเดียวกันเลยเน๊าะ ชื่อแบบนี้เนื้อน่าจะเป็นวิวัฒนาการการเมืองการปกครอง แต่เอาเถอะ ไม่ทันแระ แหะๆๆ)

วันจันทร์ที่๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖

๐๐.๐๕ น. ศูนย์ปวงชนชาวไทยที่ชุมนุม ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพยายามวิงวอนให้ทางตำรวจ ส่งผู้แทน มาเจรจาเพื่อหยุดยิง นางสาวจิระนันท์ พิตรปรีชา จากจุฬาฯ ประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบว่ากำลังติดต่อกับฝ่ายตำรวจอยู่ และพูดขอร้องให้ผุ้ชุมนุมอยู่ในความสงบเพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสาย

ส่วนกลุ่มผู้ก่อการจลาจล ก็ขยายวงกว้างออกไปทั่วกรุงเทพฯ มีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ เช่น เผาป้อมตำรวจทุกแห่ง ทำลาย ป้อมไฟสัญญาณจราจร ถังขยะเทศบาล เป็นต้น ตามถนนทุกสายไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์อยู่เลย เป็นภาวะบ้านเมืองที่อยู่ในช่วงการจลาจล อย่างแท้จริง ทุกคนต้องรับผิดชอบในสวัสดิภาพของตนเอง เนื่องจากหน่วยกล้าตายของกลุ่มก่อจลาจลจะบุกเข้า ทำร้ายตำรวจทุกคนที่พบเห็น

๐๖.๐๐ น. เหตุการณ์ยังตึงเครียดอยู่การจลาจลนองเลือดยังไม่มีทีท่าว่าสงบลงแต่กลับมีเค้าว่าจะเพิ่มความรุนแรง ยิ่งขึ้น เพราะทหารส่งกำลังเข้ามาเสริมตามจุดต่าง ๆ ที่มีการจลาจล ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วกรุงเทพฯ ได้หายไปหมด หลายโรงพักปล่อยให้เป็นโรงพักร้าง ยังคงมีจุดเดียวที่สะพานผ่านฟ้าฯ เท่านั้นที่หน่วยกล้าตาย ยังคงเสี่ยงชีวิตจะบุกเข้ายึดทำลายกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ได้ด้วยพลังแค้นที่เพื่อน ๆ ต้องเสียชีวิตจากกระสุนปืนของตำรวจผ่านฟ้ามากที่สุด

รัฐบาลได้ประกาศผ่านทางวิทยุให้หยุดราชการเป็นเวลาสามวัน และโรงเรียนทุกแห่งได้ประกาศปิด โดยไม่มีกำหนดจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายลง บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ก็ได้ประกาศหยุดเช่นเดียวกัน ส่วนบรรดาผู้ที่จำเป็นต้องไปธุระหรือออกนอกบ้าน ต่างประสบกับปัญหาเรื่องพาหนะ เพราะรถเมล์ที่ออกวิ่งถูกพวกก่อการยึดไปหลายคัน ในที่สุดก็ไม่มีรถเมล์กล้าออกมาวิ่ง รวมทั้งรถบรรทุกของเอกชนด้วย ถนนหนทางว่างเปล่า ประชาชนจำนวนมาก ออกเดินไปตามบาทวิถี

๑๑.๒๐ น. สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ได้กระจายเสียง ประกาศของกองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งใส่ร้าย ประชาชนว่าเป็นพวกก่อการจลาจลยึดป้อมมหากาฬเป็นฐานยิงปืนของเครื่องยิงระเบิด M 79 ทำลายกองบัญชาการ ตำรวจนครบาลผ่านฟ้า และยังได้ใส่ร้ายประชาชนที่ก่อการจลาจลอีกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

๑๒.๐๐ น. ประชาชนหลายหมื่นคนได้เดินทางมาชุมนุมกันบริเวณถนนราชดำเนินกลางอย่างแน่นขนัดเพื่อมา ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คณะกรรมการศูนย์ปวงชนชาวไทยได้หยุดกระจายเสียงเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ประชาชน ที่ชุมนุมกันอยู่รอบ ๆบริเวณนั้นสลายตัวแต่ไม่ได้ผล ประชาชนยังคงมาชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

๑๓.๓๐ น. ตึกกองบัญชาการตำรวจนครบาลผ่านฟ้า และอาคารสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งถูกไฟไหม้อย่างหนัก ในขณะเดียวกัน นักเรียนนักศึกษาและประชาชนกลุ่มหนึ่งสามารถดับไฟที่กำลังไหม้สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งไว้ได้ โดยใช้รถดับเพลิงของสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านเรือนของ ประชาชนที่อยู่ใกล้กับ สถานีตำรวจ

๑๔.๑๐ น. สถานีวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ทุกแห่งได้กระจายเสียงประกาศของกองบัญชาทหารสูงสุด ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา ๒๒.๐๐ -๐๕.๓๐ น. ของวันรุ่งขึ้นมิฉะนั้นกองบัญชาการทหารสูงสุดก็จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการปราบปรามจลาจล

๑๗.๓๐ น. นับแต่เวลานี้เป็นต้นไปนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมกันอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้เริ่มทยอยกัน กลับโดยรถโดยสารประจำทางที่วิ่งออกมารับประชาชนกลับบ้าน ซึ่งไม่คิดค่าโดยสาร แต่นักเรียนนักศึกษาประชาชน บางส่วนยังคงชุมนุมกันอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อไป

๑๘.๔๐ น. สถานีวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ได้ประกาศข่าวการหนีออกนอกประเทศของจอมพล ถนอม กิตติขจร จอมพล ประภาส จารุเสถียร และ พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปประชาชน ในย่านชุมชนต่าง ๆ ต่างก็ไชโยโห่ร้อง "มันหนีเราแล้ว เราชนะแล้ว" และปรบมือด้วยความยินดี เริ่มทยอยกันกลับบ้าน คำประกาศนี้ สามารถยุติสภาวการณ์จลาจลได้อย่างฉับพลัน

๑๙.๐๐ น. สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ได้ประกาศขอร้องไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านหลัง ๒๐.๐๐ น.

๒๐.๓๐ น. สถานีวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ทุกแห่งประกาศยกเลิกคำประกาศห้ามประชาชนออกนอก บ้านหลัง ๒๐.๐๐ น. ตามที่ได้ประกาศเมื่อเวลา ๑๙.๐๐ น. เมื่อสงบได้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย

๒๑.๔๗ น. จอมพล ประภาส จารุเสถียร พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร และครอบครัวรวมทั้งผู้ติดตามรวมทั้งสิ้น ๓๐ คน อันประกอบด้วยบุคคลที่มาจากครอบครัวของจอมพลประภาสจำนวน ๒๕ คน และลูกน้องที่ให้ความคุ้มครอง อีกจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางลี้การเมืองออกนอกประเทศโดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด เดินทางมุ่งหน้าไป กรุงไทเปกระเป๋าเดินทางของผู้ลี้ภัยทั้งหมดมีจำนวน ๕๖ ใบมีน้ำหนัก ๑,๓๓๖ กิโลกรัม

วันอังคารที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๖

กรุงเทพฯ เริ่มกลับสู่ภาวะปรกติ ตามถนนแม้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ ตามถนนแม้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ออกปฏิบัติการ แต่ก็มีลูกเสือและนักศึกษาออกทำหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านจราจรแทนเป็นอย่างดี รถเมล์ทุกสาย เริ่มวิ่งตามปกติในตอนเช้าผู้คนจำนวนนับแสนต่างพากันเดินไปตามถนนราชดำเนินเพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้การจราจร ในบริเวณนั้นติดขัดมาก

ตอนสายที่ถนนราชดำเนินกลาง นักเรียน นิสิตนักศึกษาพากันมาช่วยเก็บกวาดสิ่งหักพัง ตลอดจนทำ ความสะอาดเพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาพปรกติ ตามจุดต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ มีหน่วยอาสาสมัครแพทย์และพยาบาล เปิดศูนย์บริจาคโลหิต ชั่วคราวขึ้นเพื่อรับบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์

นอกจากนี้ประชาชนได้ร่วมบริจาคเงิน และสิ่งของมายังศูนย์ ฯ อย่างคับคั่งเพื่อจะได้นำไปช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บต่อไปพร้อมกับจะได้ร่วมเป็นทุนในการก่อสร้างอนุสาวรีย์แก่วีรชนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย

ทางต่างจังหวัด นักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนตามจังหวัดต่าง ๆ ได้ร่วมบริจาคทรัพย์สิ่งของส่งมาสมทบ กับศูนย์ฯ ตลอดเวลา พร้อมกับโทรเลขและส่งสารแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต คณะนักเรียนไทยในต่างประเทศ ก็ได้ส่งเงินบริจาคมาช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย

๒๑.๐๐-๒๑.๔๐ น. จอมพล ถนอม กิตติขจร พร้อมครอบครัวได้เดินทางไปท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางลี้ภัยการเมืองไปอยู่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตต์ สหรัฐอเมริกา

ข่าวการปฏิบัติการของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนชาวไทยในครั้งนี้ ได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกมุมโลก แสดงให้เห็นพลังของประชาชนคนไทยที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่าจนสามารถขจัดผู้เผด็จการได้

เครดิต:

เนื้อหาและรูปภาพจาก blog ชุดนี้ (ย้อนวันวาน การเมืองไทย) ได้จาก

- //atcloud.com/stories/20006//atcloud.com/stories/20006

- //www.oknation.net/blog/print.php?id=334179//www.oknation.net/blog/print.php?id=334179

จบลงอย่าง Happy Ending อ่านแล้วก็นึกถึงความรู้สึกของวีรชนในยุคนั้น ความพยายาม มิตรภาพ การต่อสู้ เลือด และน้ำตา ทุกอย่างกลายเป็นน้ำตาและรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ เมื่อขับไล่โจรออกจากบ้านได้ .....เป็นบล็อคที่อัพไป น้ำตาไหลไป และปลาบปลื้มเมื่ออัพเสร็จจริงๆค่ะ ^^

ปล. อีกความรู้สึกนึงที่ซาบซึ้งอยู่เต็มหัวใจตอนนี้คือ "เราจะรักรัฐบาลไหนๆ มากไปกว่า รักในหลวง ได้ยังไงกัน" ...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ




Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 18:48:56 น. 4 comments
Counter : 2949 Pageviews.

 
Thank you


โดย: KAI (nookookai8 ) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:16:16 น.  

 
thank you as well
จะมีกี่คนที่อ่านมาได้จนถึงตรงนี้ ขอบคุณค่ะ


โดย: bonazz วันที่: 10 พฤศจิกายน 2555 เวลา:5:18:05 น.  

 
แวะมาเยี่ยมในวันหยุด ...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 10 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:33:28 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจไปให้จขบ.ครับ


โดย: **mp5** วันที่: 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:58:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

ทางช้างเผือกมีดาวสีชมพู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ทางช้างเผือกมีดาวสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com