[ TravelHolic TBA 2014-2015 ] " Makka มรรคา เชียงใหม่ " โรงแรมที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน

วันนี้ TravelHolic ตอนที่ 10 จะพาไปรู้จักโรงแรมเล็กๆน่ารักอีกแห่งที่เข้าร่วมประกวดในโครงการ Thailand Boutique Awards Season 3 (2014-2015) ของบริษัทบัตรเครดิตกรุงไทยซึ่งผมและเพื่อนๆบล็อกเกอร์อีกหลายๆคนได้ร่วมเป็นบล็อกเกอร์ในโครงการฯที่มีหน้าทีไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพมาให้เพื่อนๆได้รับชมกันครับ



สำหรับโรงแรมแห่งที่ 2 ที่อยู่ในหน้าที่รับผิดชอบของผมมีชื่อว่า " มรรคา " เป็นโรงแรมเล็กๆในตัวเมืองเชียงใหม่ที่น่าสนใจและสร้างความประทับใจในการเข้าพักกับผมมากๆ ตามไปชมกันดีกว่าครับว่าโรงแรมนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ..

สำหรับการขึ้นไปเชียงใหม่ในทริปนี้ผมใช้เวลาอยู่อาทิตย์นึงเต็มๆครับ การไปพักตามโรงแรมต่างๆถึง 3 แห่งในทริปเดียวรถที่ใช้เดินทางจึงมีความจำเป็นมากๆฮะ ผมใช้บริการจาก Thai Rent A Car ซึ่งเค้าเตอร์บริการหาง่ายมากคืออยู่ตรงทางออก 1 ของสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เลยฮะ 



เซ็นต์เอกสารรับรถและใช้บัตรเครดิตการันตีไว้ด้วย



ใช้เวลาไม่นานก็ออกไปตรวจรับรถกันได้ฮะ การตรวจรับนอกจากตรงจดูระดับน้ำมัน ยางอะไหล่ ลมยางรถแล้ว สิ่งที่ห้ามขี้เกียจตรวจโดยเด็ดขาดในการรับคือบริเวณรอบๆรถ สำหรับผมรอยเล็กน้อยแค่ไหนผมก็จะชี้ให้พนักงานรับทราบ เป็นไปได้ถ่ายรูปรอบๆคันไว้ด้วยก็ดีจะได้ไม่มีปัญหาในการคืนรถตอนหลังฮะ







หลังจากเช็คและเซ็นต์ชื่อรับรถเสร็จก็พร้อมที่จะออกเดินทางกันต่อแล้วครับ ที่สาขาเชียงใหม่มีน้ำดื่มเย็นๆไว้บริการในรถซะด้วย



ก่อนจะเข้าโรงแรมแวะหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า วันนี้แวะร้านมาลี ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยกันครับ ร้านนี้อยู่ถนนคูเมืองด้านในใกล้กับประตูสวนดอกครับ ร้านนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังอีกร้านของเชียงใหม่เลยฮะ



ก๋วยเตี๋ยวแห้งยำ



ก๋วยเตี๋ยวกระดูกอ่อน



บะหมี่หมูนุ่ม สะเต๊ะหมู และเกี๊ยวทอด 



ร้านอยู่ติดริมถนนเลยครับ หาไม่ยากมีที่นั่งเยอะแต่ในร้านร้อนไปนิดไม่มีห้องแอร์ให้นั่งฮะ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยดีฮะส่วนสะเต๊ะผมว่าไม่ค่อยอร่อยอ่ะ

อิ่มแล้วเราก็ขับรถเข้าที่พักกันครับ อย่างที่บอกว่าโรงแรมมรรคาอยู่ในตัวคูเมืองเชียงใหม่เลยเพราะฉะนั้นจากร้านก๋วยเตี๋ยวเราใช้เวลาขับรถไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้ว

มรรคา ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ซอย 8 หรือถ้าเอาแบบจำง่ายที่สุดคือซอยตรงข้ามวัดเจดีย์หลวงฮะ



ทางเข้าเป็นซอยเล็กๆฮะ ขับไปกลางซอยก็ถึงโรงแรมแล้ว บอกตรงๆตอนแรกที่เห็นด้านหน้าคิดว่าเป็นวัด ฮ่าๆๆ (ทางโรงแรมก็บอกว่ามีคนคิดแบบนี้เยอะมาก)

เมื่อก้าวผ่านประตูทางเข้าโรงแรมเข้ามาจะรู้สึกถึงความสงบอย่างแปลกประหลาดครับ เหมือนเราได้เข้ามาอยู่อีกส่วนนึงที่สงบร่มเย็นแบบที่ไม่คิดว่าใจกลางคูเมืองเชียงใหม่จะมีโรงแรมแบบนี้ 





ส่วนต้อนรับเป็นศาลาตั้งอยู่ด้านหน้าครับ การตกแต่งค่อนข้างเป็นศิลปร่วมสมัยซึ่งก็ยังคงสัมผัสได้ถึงศิลปะทางภาคเหนืออยู่พอสมควร 







ด้านหลังถัดไปเป็นอาคาร 2 ชั้นด้านล่างเป็นห้องอาหารซึ่งโรงแรมนี้จะเสิร์ฟเฉพาะอาหารเช้านะครับ ไม่มีบริการอาหารมื้ออื่นๆนอกจากเป็นโรงแรมเล็กๆ











ด้านบนเป็นห้องสมุดและสามารถปรับเป็นห้องประชุมขนาดเล็กได้ฮะ ก่อสร้างเป็นอาคารที่มีหลังคาทรงสูง บนนี้อากาศดีมากครับลมพัดผ่านตลอดเวลา









บรรยากาศภายในห้องสมุด .. จะมีหนังสือที่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับธรรมะและปรัชญาทั้งภาษาไทยและต่างชาติอยู่พอสมควรฮะ นอกจากนี้ยังมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการฟรี ซึ่งตรงส่วนของห้องสมุดนี้ทางโรงแรมยินดีเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆนะครับ

















ทีนี้ขึ้นไปชมห้องพักกันบ้างนะครับ

อาคารที่เป็นห้องพักจะอยู่ด้านข้างของ 2 อาคารที่กล่าวมาข้างต้นนะครับ ก่อนอื่นและมั่นใจว่าที่นี่ไม่เหมือนที่ใดแน่ๆคือก่อนเข้าอาคารที่พักเราต้องถอดรองเท้าของเราออกก่อนเพื่อที่จะใส่รองเท้าที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้เท่านั้น ส่วนทำไมต้องทำแบบนี้นั้นเดี๋ยวผมจะมาอธิบายเพิ่มเติมต่อไปครับ



มาดูห้องที่เราพักบ้างดีกว่าครับ ห้องนี้เป็นห้อง Suite พื้นที่ขนาด 42 ตร.ม. เตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมโซฟาและโต๊ะทานอาหาร มีโทรทัศน์ ตู้เย็นและ Wi-Fi อินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรี ห้องค่อนข้างกว้างทีเดียวครับ 


















ทีนี้จะมาไขข้อข้องใจที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องถอดรองเท้าของตัวเองแล้วใส่รองเท้าที่ทางโรงแรมเตรียมเอาไว้ให้ด้วย

เนื่องจากพื้นของอาคารทั้งหมดเป็นไม้ขัดมันอย่างที่เห็นและทางโรงแรมก็ทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและสวยงามทางโรงแรมจึงขอให้ผู้เข้าพักใส่รองเท้าที่เตรียมไว้ให้ครับ หรือว่าจะเดินเท้าเปล่าทางโรงแรมก็ยินดีซึ่งผมก็เดินเท้าเปล่าเอาในอาคารเหมือนกันฮะ



ทีนี้มาทำความรู้จักกับโรงแรมมรรคาแบบเจาะลึกเข้าไปอีกหน่อยดีกว่า ..

โรงแรมแห่งนี้เดิมทีเป็นหอพักให้เช่าครับ เจ้าของเองมีครอบครัวที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและตกแต่งภายในมีความคิดอยากที่จะเปลี่ยนจากหอพักธรรมดาๆมาเป็นโรงแรมเล็กๆในสไตล์บูทิคโฮเทล จึงได้คิดคอนเซปของโรงแรมขึ้นมาจากความเป็นคนชอบทำบุญ (ผมมาทริปนี้ได้ทราบว่าเจ้าของโรงแรมเป็นคนชอบทำบุญ 2 แห่งแล้ว) จึงตั้งชื่อของโรงแรมนี้ขึ้นมาว่า " มรรคา " ซึ่งแปลว่า " หนทางดับทุกข์ " นั่นเอง และได้ปรับปรุงอาคารที่เป็นห้องพักโดยยังคงโครงสร้างเดิมเอาไว้ และสร้างอาคารใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 2 หลังนั่นก็คือตรงล็อบบี้และอาคารที่เป็นห้องอาหารและห้องสมุด

ทุกๆอย่างในโรงแรมตั้งแต่ที่เราได้เข้ามาสัมผัส และที่ทุกคนเห็นผ่านตามาตั้งแต่ต้นรีวิวที่จริงแล้วมีความหมายซ่อนอยู่ทั้งนั้นเลยครับ

อย่างเช่น ..

โถงอาคารที่พักจะเป็นรูปคล้ายๆดวงประทีป และมีช่องให้แสงสว่างอยู่เปรียบเสมือนแสงเทียนที่นำทางไปสู่หนทางแห่งการตรัสรู้ 







ต้องบอกตามตรงว่าคนได้เกรด 1 วิชาพระพุทธศาสนาแบบผมไม่ใช่คนที่อินในเรื่องของพระพุทธศาสนาเท่าไหร่นัก แต่ก็รู้สึกทึ่งที่ได้รู้แนวคิดของโรงแรมซึ่งเริ่มตั้งแต่เดินผ่านประตูเข้ามา



ศาลาด้านหน้าที่เป็นส่วนของการต้อนรับถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าเป็นอาคารสีดำ เปรียบเสมือนโลกมนุษย์ที่เผชิญสิ่งต่างๆวุ่นวายมากมาย เมื่อเดินเข้ามาในที่แห่งนี้ก็เพื่อหาหนทางดับทุกข์







ภาพคนนุ่งขาวห่มขาวที่กำลังจะบวชก็เหมือนคนที่กำลังจะเดินทางเข้าสู่ทางสายกลาง ภาพวาดในโรงแรมเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือของศิลปินท้องถิ่นคนเดียวเป็นผู้วาดครับ



จะเห็นได้ถึงความสวยงามและร่มรื่นฮะ ที่จริงโรงแรมนี้มีพื้นที่ไม่มากเลยครับ แต่ก็จัดสรรค์พื้นที่ส่วนต่างๆได้อย่างลงตัวและสวยงาม





อาคารด้านหลังจะเป็นอาคารสีขาวครับ สื่อให้เห็นว่าเมื่อเข้ามาแล้วก็จะพบกับหนทางดับทุกข์ จากดำกลายเป็นขาว









ขึ้นมาดูบนชั้นที่สองที่เป็นห้องสมุดกันบ้าง







ภาพวาดที่อยู่ในห้องโถงเป็นภาพของพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ถึงจะมีมารมาผจญก็ไม่สามารถทำอะไรพระพุทธองค์ได้ เป็นการพบหนทางดับทุกข์อย่างแท้จริง







ทีนี้ไปดูห้องพักแบบอื่นๆกันบ้างดีกว่าครับ ห้องพักทั้งหมดของโรงแรมมรรคามี 26 ห้องครับ





ห้องแบบแรกเป็นห้องพักแบบ Garden Superior เป็นห้องพักขนาดเล็กที่สุดของโรงแรมอยู่ชั้นล่างของอาคาร ห้องกว้าง 20 ตร.ม. มีสวนเล็กๆอยู่ด้านนอกให้พักผ่อนสายตา





ห้องแบบที่สองเป็นห้องแบบ Deluxe เป็นห้องที่อยู่ชั้น 2 ของอาคารมีความกว้าง 30 ตร.ม. มีโต๊ะนั่งเล่นให้ในห้อง





ห้องแบบที่สามเป็นห้อง Superior อีกแบบที่มีเตียงทวินห้องอยู่บนชั้นที่ 2 ของอาคารครับ





จะเห็นว่าบนหัวเตียงของทุกห้องจะมีภาพวาดรูปดอกบัวอยู่ทุกห้องซึ่งแต่ละห้องภาพก็จะไม่เหมือนกันเลยครับ แน่นอนว่าภาพทุกภาพเป็นฝีมือศิลปินคนเดียวกันกับที่วาดภาพใหญ่สองภาพที่ศาลาและห้องห้องสมุดครับ

เมื่อโรงแรมไม่มีห้องอาหารที่ให้บริการช่วงเย็น ช่วงค่ำๆเราก็เลยออกไปเดินเล่นที่หน้าวัดเจดีย์หลวงฮะ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีงานประเพณีใส่ขันดอก บูชาเสาอินทขิล งานสำคัญงานใหญ่ของวัดอยู่พอดี ได้ของกินติดไม้ติดมืออิ่มท้อง แถมได้ดูรถไต่ถังด้วยอีกตะหาก










ตื่นเช้าขึ้นมาอีกวัน .. ช่วงที่ไปเชียงใหม่เช้าๆอากาศดีมากทุกวันครับ ผิดกับตอนเย็นที่ฝนตกแทบจะทุกวันเหมือนกัน



อาหารเช้าของที่นี่ทำเอาเป็นปลื้มอีกแล้ว ที่นี่เสิร์ฟอาหารเช้าถึงเที่ยงวันครับ จะลงมาทานตอนไหนก็ได้ อาหารก็เป็นแบบ a la carte สั่งได้ตามเมนูมีให้เลือกหลากหลายชนิดและแนะนำว่าอร่อยทุกอย่างจริงๆ





สลัดจานใหญ่ๆ



ABF



ข้าวเนื้อตุ๋น จานนี้เจ้าของโรงแรมบอกว่าเป็นสูตรของคุณยายเลยฮะ ทานกันมาแต่เด็กๆเลยเอามาเป็นอาหารเช้าของโรงแรมซึ่งบอกเลยว่ามันใช่อ่ะ



อาหารมาเต็มโต๊ะเลย ..



นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารให้เลือกอีกหลายอย่างเลยครับ เช่น บะหมี่เนื้อตุ๋น หรือหมูตุ๋นก็มีครับ



ข้าวต้มหมูหรือไก่



ยังมีอีกอย่างที่น่าสนใจฮะ บริเวณรอบๆโรงแรมจะมี Quote บทกวีหรือคำคมต่างๆอยู่ตามทางเดิน ผนังอาคาร เดินเจอตรงไหนก็แวะอ่านเอาก็เพลินๆดีเหมือนกันครับ





ค่อนข้างชัดเจนมากในเรื่องของคอมเซปของโรงแรมที่ให้ความสำคัญในหลักของพระพุทธศาสนาครับ





ไหนๆก็มาใกล้ๆวัดเจดีย์หลวงที่กำลังมีงานประจำปีอยู่ก็ออกไปทำบุญไหว้พระกันซะหน่อย

อย่างที่บอกว่างานนี้ชื่องานว่า " งานประเพณีใส่ขันดอก บูชาเสาอินทขิล " เป็นงานที่จัดขึ้นปีละแค่ครั้งเดียวในวันแรม 12 ค่ำ เดือน 8 เหนือ ไปแล้วเสร็จเอาในวันขึ้น 3 ค่ำเดือน 9 เหนือ ทั้งหมดเป็นเวลา 7 วัน ประชาชนชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงจะพากันนำข้าวตอกดอกไม้มาบูชาเสาอินทขิล หรือเสาหลักเมืองเชียงใหม่ สำหรับเราก็หาซื้อกันเอาที่หน้าวัดครับ



สำหรับหออินทขิลจะอยู่ในวัดเจดีย์หลวงเลยครับ สิ่งต้องห้ามสำหรับหออินทขีลนี้คือห้ามผู้หญิงเข้าโดยเด็ดขาด



ภายในหอก็จะมีเสาอินทขิลตั้งอยู่ตรงกลางซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยข้าวตอกดอกไม้ที่ประชาชนนำมาบูชา





ไปทำบุญกันต่อที่พระอุโบสถฮะ ช่วงเย็นๆคนเริ่มทยอยกันเข้ามาในวัดกันเยอะครับ ยิ่งตอนกลางคืนไม่ต้องพูดถึง แทบจะแทรกตัวกันเข้าไปไม่ได้เลยฮะถือว่าเป็นงานบุญที่ใหญ่มากๆงานนึงเลย



ในพระอุโบสถประดิษฐาน พระอัฏฐารส พระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติขนาดใหญ่เป็นองค์ประธานอยู่ ด้านในมีการทำบุญหลากหลายชนิด ทั้งใส่บาตรเหรียญ และที่แปลกตาคือธงรูปนักษัตรที่ใช้แขวนไว้เพื่อสะเดาะเคราะห์






ตอนแรกว่าจะเดินไปด้านหลังที่เป็นเจดีย์หลวงแต่ฝนดันตกมาซะก่อนทำให้ต้องรีบกลับโรงแรมกันครับ

ในเรื่องของประวัติวัดเจดีย์หลวง องค์เจดีย์ เสาอินทขิลผมไม่ขอกล่าวในรีวิวนี้นะครับ ถ้าสนใจก็หาข้อมูลกันได้ใน google เลยฮะ

ได้เวลาที่จะจากลากันแล้วครับ อ้อ.. มีอีกอย่างที่ผมลืมบอกไป หนังสือธรรมะในห้องพัก ทางโรงแรมบอกว่ายินดีเป็นอย่างมากถ้าผู้เข้าพักสนใจและอยากได้กลับบ้านก็สามารถหยิบติดไม้ติดมือกลับไปได้เลยนะครับ 




บทสรุป ..

โรงแรม " มรรคา " เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างเด่นชัดในเรื่องของการอิงพระพุทธศาสนามาเป็นคอนเซปให้โรงแรม สำหรับคนที่ศึกษาและมีความรู้ด้านพระพุทธศาสนาคงปลื้มกับโรงแรมนี้ในด้านการออกแบบและสื่อความหมายได้ตรงตัว

แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยสนใจในพระพุทธศาสนาแบบผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ หลบหลีกความวุ่นวายต่างๆเมื่อเข้ามาพักที่นี่ และค่อนข้างเป็นปลื้มกับโรงแรมแห่งนี้ในความรู้สึกที่ว่านี่มันไม่ใช่โรงแรม แต่นี่คือบ้าน ได้กลับมาพักผ่อน ได้เดินไปมาในบ้านแบบเท้าเปล่า ได้กินอาหารอร่อยๆรสชาติคุ้นเคย ได้เจอพนักงานที่เปรียบเสมือนคนในบ้านที่คอยดูแลและไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบต่างๆ

ถ้าถามว่าโรงแรมนี้ตอบโจทย์ได้ตามคอนเซปที่โรงแรมได้ตั้งไว้มั๊ย บอกได้เลยว่าที่นี่ผ่านฮะ บอกตามตรงว่าผมค่อนข้างเชียร์มากๆกับโรงแรมแห่งนี้ไม่ว่าโรงแรมนี้จะได้รับรางวัลหรือไม่ในการประกวด TBA ครั้งนี้ นี่คือ List แรกในครั้งต่อไปที่ผมจะกลับมาพักที่เชียงใหม่แน่นอน

ขอบคุณสำหรับการดูแลตลอดการเข้าพักซึ่งผมว่าการปฎิบัติดีมากไม่ต่างจากแขกทั่วไปเลย ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ และความประทับใจที่มิอาจลืม ขอบคุณทุกๆ+ ทุกๆคอมเม้นท์ และทุกการแสดงความรู้สึกที่มอบให้เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อๆไป

ผมยังคงมีโรงแรมอีกหนึ่งที่ในทริปเชียงใหม่ที่ต้องไปเยือน ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นติดตามได้ในโอกาสหน้านะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณมากๆครับ




ฝากติดตามแฟนเพจผมได้ที่ https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ


Create Date : 24 กรกฎาคม 2557
Last Update : 28 กรกฎาคม 2557 19:18:55 น. 5 comments
Counter : 3778 Pageviews.

 
ชอบห้อง Suite ค่ะ อยากตกแต่งคอนโดแบบนี้ รู้สึกเหมือนห้องนอนเรา รีแลกซ์ พักทุกๆอย่าง ในพื้นที่ส่วนตัวเรา ชอบจริงๆ ❤️❤️❤️
ตกแต่งสวยมาก อยากไปพักสักครั้ง 117 ค่ะ


โดย: Affpui IP: 14.207.125.192 วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:12:08:34 น.  

 
สวยมากแล้วจะไปลองคะ


โดย: Tomtam IP: 58.11.225.128 วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:14:38 น.  

 
สวยมากแล้วจะไปลองคะ 449


โดย: Tomtam IP: 58.11.225.128 วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:17:20 น.  

 
ห้องพักสวยมาก บรรยากาศโดยรวมแปลกตา ซึ่งน่าเข้าไปพักชื่นชมกับห้องพักสวยๆในวันหยุด


โดย: สีฟ้า มงคลแพทย์ IP: 171.7.136.178 วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:23:27:09 น.  

 
สวยมากครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลดีๆ และที่สำคัญทำให้ผมตัดสินใจง่ายขึ้นกับการจะไปพักที่นี่ครับ


โดย: Bee Bie IP: 1.10.195.182 วันที่: 5 กันยายน 2557 เวลา:22:44:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biGbOySalaDbAr
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add biGbOySalaDbAr's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.