ที่พักของผมในคืนแรกนี้คือ พาราไดซ์ เกาะยาว บูติค รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวเพียงไม่กี่แห่งบนเกาะยาวน้อย การเดินทางไปยังรีสอร์ทนี้ต้องนั่งเรืออ้อมเกาะไปอีกฝั่งของเกาะครับ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมรีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะรู้ดีว่าบริเวณรอบๆเกาะรวมไปถึงหน้ารีสอร์ทมีอะไรดีๆให้ดู ซึ่งก็ไม่ผิดหวังที่ตื่นมาแต้เช้า
หน้ารีสอร์ทเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดอีกจุดนึงของเกาะยาวน้อยครับ
รอบๆเกาะยาวน้อยขึ้นชื่อเรื่องของวิวทิวทัศน์ฮะ เราสามารถมองเห็นเกาะแก่งต่างๆที่อยู่ในทะเลได้มากมายจนหลายๆคนเรียกมันว่าป่าเกาะ มองเห็นชายฝั่งจังหวัดกระบี่ได้ไกลๆในวันที่อากาศดีๆ
มองดีๆรูปด้านบนมันยิ่งกว่าหินตาอีกนะ น่าจะเรียกว่าเป็นหินปู่ทวดได้เลย เอิ๊กๆๆๆ
อีกอย่างที่โดดเด่นของเกาะยาวน้อยคือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สังเกตได้จากที่เกาะยาวน้อยเรามักจะพบเห็นนกเงือกได้บ่อยๆ ซึ่งนกเงือกเป็นนกที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นสัตว์แห่งรักแท้ เพราะนิสัยความเป็นอยู่ที่ใช้ชีวิตคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว เมื่ออยู่กินกันแล้วและมีลูกตัวเมียจะเฝ้าลูกอยู่แต่ในโพรงต้นไม้ให้ตัวผู้ออกหาอาหาร ถ้าเกิดตัวผู้เป็นอะไรไปตัวเมียก็มักจะตายตามไปด้วยเสมอ และนกเงือกก็เป็นสัตว์ที่รักความสงบชอบอยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งผมก็ได้พบนกเงือกนี้ด้วย แถมเป็นการพบในบริเวณรีสอร์ทเลยด้วยครับ
เดินขึ้นไปดูห้องที่แพงที่สุดของรีสอร์ทกันบ้าง เป็นมุมที่สูงที่สุดของรีสอร์ทเลยครับ
เป็นห้องที่วิวสวยมากๆ ถ้าได้เล่นน้ำมองวิวสวยๆแบบนี้ทั้งวันคงดี ฮ่าๆๆ
ลงไปทานอาหารเช้ากันครับ
มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าของรีสอร์ทครับ นั่นคือการเดินป่างศึกษาธรรมชาติและดูนกครับซึ่งกิจกรรมนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทเป็นผู้นำทางและใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินครับ
ซึ่งแน่นอนว่ากิจกรรมแบบนี้กับบิ๊กบอยค่อนข้างสวนทางกันเลยปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นๆได้เดินกันไปครับ ส่วนผมขอนั่งเรือไปรอยังจุดหมายปลายทางดีกว่า
เส้นทางการเดินเพื่อนที่ไปบอกว่าไม่ลำบากมากนักครับ มีทางชันบ้างเล็กน้อยพอได้เหงื่อ เส้นทางก็เดินผ่านตามไหล่เขาที่เห็นไปนี่ล่ะฮะ
ส่วนผมกับคนข้างตัวก็สวยๆหล่อๆถ่ายรูปอัพเฟสกันไปบนเรือ ฮ่าๆๆ
เค้าเดินกันร่วมๆ 2 ชั่วโมง แต่ผมนั่งเรือ 15 นาทีก็ถึงปลายทางที่จะได้เจอกันครับ
ตรงที่เรือจอดเรียกว่าอ่าวเคียนครับ ตรงนี้ผมลงจากเรือเพื่อเดินเท้าเข้าป่าไปซัก 200 ร้อยเมตรเพื่อไปยัง Unseen อีกแห่งบนเกาะยาวน้อยครับ
Unseen ที่ว่าคือต้นไม้ใหญ่ขนาด 20 คนโอบฮะ ว๊าววววว ใหญ่มากกก
เมื่อเจอเพื่อนๆที่ไปเดินป่ามาพร้อมกันที่ต้นไม้ใหญ่เราก็จะนั่งเรือไปเที่ยวกันต่อครับ
จุดหมายต่อไปคือเกาะโรยครับ เกาะนี้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชอบกิจกรรมปีนผาครับ
เกาะนี้มีลักษณะเป็นช่องเขาอยู่ด้านใน มีทางเดินลอดเข้าไปด้านในได้ในช่วงที่น้ำลด หรือถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้นก็สามารถพายเรือคายัคเข้าไปได้เช่นกัน
ด้านในก็จะเป็นป่าโกงกางครับ
เข้ามาด้านในนี้เราจะได้ยินเสียงร้องของสัตว์ชนิดนึงดังก้องอยู่ เมื่อเงยหน้ามองดูเราถึงจะรู้ครับว่ามันคือค้างคาวแม่ไก่หลายพันตัวที่ห้อยหัวพักผ่อนอยู่บนต้นไม้
ไปยังที่หมายต่อไปกันต่อ ทะเลพังงาดูจะเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาตินะครับ เห็นได้จากเรือยอร์ชที่วิ่งไปวิ่งมาเยอะแยะไปหมด
หลังจากนั้นเรามาแวะกันที่เกาะกูดูกันครับ เกาะนี้เป็นเกาะที่เคยจัดงานเทศกาลภาพยนต์บนเกาะยาวน้อย (Film on the Rocks) หรือโรงหนังลอยน้ำที่โด่งดังไปทั่วโลกมาแล้วด้วยฮะ
หินสามพี่น้อง
นั่งเรือชมวิวกันซักพักเราก็ได้เวลาออกจากเกาะยาวน้อยเพื่อไปยังสถานที่ต่อไปกันแล้วครับ
จุดหมายต่อไปคือการนั่งเรือกลับไปที่เกาะยาวใหญ่ครับ ระหว่าง 2 เกาะนี้อยู่ไม่ไกลกันมากฮะ การเดินทางจะมีเรือโดยสารเล็กๆให้บริการอยู่
รถโดยสารก็เหมือนๆกับที่เกาะยาวน้อยครับ แต่ที่เกาะยาวใหญ่นี่ชาวบ้านเค้าบอกความเจริญจะน้อยกว่าเกาะยาวน้อย เจอแม่ลูก 3 คนบนเรือที่จะมาเกาะยาวใหญ่เค้าบอกพาลูกมาเที่ยว เที่ยว 7-11 บนเกาะยาวน้อย ฟังแล้วก็นั่งอมยิ้ม
คนบนเกาะน่าจะนิสัยน่ารักเหมือนพี่ที่คุยด้วย ดูเป็นกันเองและจิตใจดี
เราแวะถ่ายรูปนิดหน่อยกันระหว่างการเดินทาง ถนนบนเกาะดีเหมือนเกาะยาวน้อย แต่ดูเหมือนคนที่อยู่อาศัยจะมากกว่า
จุดหมายแรกบนเกาะยาวอยู่ที่อ่าวปากคลอง แหลมล้านครับ
ที่นี่เป็นเหมือนที่จอดเรือของชาวบ้านที่มีอาชีพทำการประมง แต่ก็มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน กิจกรรมแรกคือการนั่งเรือออกไปปากอ่าว
ที่นี่มีอีกหนึ่ง Unseen ที่ไม่มีใครเหมือนนั่นคือการไปดูปลาดาวบนสันดอนปากอ่าวเวลาน้ำลง รูปที่เห็นเป็นปากอ่าวถ้าเวลาน้ำลดเราจะสามารถเดินไปดูพวกปลาดาวมากมายอยู่บริเวณน้ำตื้นรอบๆสันดอน เสียดายช่วงที่ไปเค้าเรียกว่าช่วงน้ำตาย คือจะขึ้นก็ขึ้นไม่สุด ลงก็ลงไม่สุดทำให้สันดอนไม่โผล่ครับ ถ้าจะไปตวรเช็คข้อมูลให้ดีๆว่าช่วงที่เราไปสามารถที่จะไปดูปลาดาวได้มั้ย
ส่วนอีกกิจกรรมที่เราสามารถทำได้คือการพายเรือคายัคเที่ยวชมป่าไม้โกงกางที่ยังสมบูรณ์ถึงแม้จะเคยถูกคลื่นยักษ์สึนามิถล่มเมื่อ 10 ปีก่อน
ต่อไปเราจะไปยังชายหาดที่ยาวที่สุดและขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดบนเกาะยาวใหญ่ครับ
หาดแห่งนี้ชื่อว่า " หาดโล๊ะปาเหรด " ครับ เป็นชายหาดที่ดูเงียบสงบสามารถลงเล่นน้ำได้ และน่าจะเป็นอีกจุดที่เรานั่งชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามครับ
อาหารเย็นเราไปทานกันที่ร้านริมเลซีฟู้ดครับ ร้านตั้งอยู่บริเวณสะพานปลา เป็นร้านอาหารเล็กๆ แต่วิวสวยครับ ไปถึงพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดีเลย
มาดูหน้าตาอาหารกันดีกว่า
ผัดผักเหลียง ปลากะพงทอดราดสมุนไพร ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
ปูม้านึ่ง กะพงสามรส กุ้งราดซอส หอยชักตีน แกงส้มกุ้ง
อาหารอร่อยดีครับ
ทานเสร็จก็เข้าที่พักกันฮะ คืนนี้เราพักกันที่ เกาะยาวใหญ่ วิลเลจ ครับ เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดอันดับต้นๆของเกาะยาวใหญ่ แบ่งวิลล่าเป็นหลังๆห้องใหญ่มากเหมือนกันครับ
เช้ามารีบตื่นมาแต่เช้าอีกแล้วหลังจากที่ถามพนักงานว่าหน้าหาดเราจะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้มั้ย
บรรยากาศหน้าหาดของโรงแรมเงียบสงบ เห็นวิวป่าเกาะสวยๆ
ใกล้เวลาที่พระอาทิตย์จะขึ้น ก็ยังลุ้นว่าจะขึ้นตรงไหน จนพระอาทิตย์โผล่พ้นทิวเขาขึ้นมา
ชีวิตของคนเราก็เริ่มเดินตามพระอาทิตย์ด้วยเช่นกัน
สายๆเราก็ออกจากเกาะยาวใหญ่กันครับ ต้องมารอขึ้นเรือเร็วเหมือนเดิม จุดหมายต่อไปอยู่ที่น้ำตกโตนปริวรรตฮะ
มาที่นี่เพื่อจะมาทำอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆกันนั่นก็คือการล่องแก่งซึ่งบนนถนนก่อนที่จะถึงน้ำตกจะมีเอกชนหลายเจ้าที่ให้บริการอยู่ครับ
ก่อนที่จะถึงรอบการเล่นซึ่งวันนึงน่าจะมีประมาณ 3 รอบเราก็จะได้รับการเทรนจากเจ้าหน้าที่ถึงความปลอดภัยในการเล่นกันก่อน
จะเห็นในรูปบนว่าน้ำในลำธารค่อนข้างแห้งแล้วจะเล่นได้ยังไง เค้ามีวิธีครับล่องแก่งที่นี่สามารถเล่นได้ทั้งปีโดยเอกชนแต่ละเจ้าจะมีบ่อกักเก็บน้ำเอาไว้ด้วย เมื่อถึงรอบการเล่นเค้าก็จะทยอยปล่อยน้ำที่เก็บไว้ออกมาในลำธารครับ
เท่านี้ก็จะมีน้ำในลำธารให้เล่นแล้ว เท่าที่เห็นจะมีแต่คนต่างชาติมาเล่นนะครับคงอยู่ในโปรแกรมทัวร์ อยากให้คนไทยได้รู้จักและมาเล่นกันเยอะๆครับ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรเท่าที่เห็นก็มีจุดที่สนุกๆอยู่หายจุดเลยทีเดียว
คนเล่นเยอะมากมีบางช่วงที่อาจจะมีการจราจรติดขัดหน่อยนะฮะ
ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทริปนี้ยังไม่มีรูปเลยขอซักแชะ ทีมวิดีโอเพจของผมเองครับ ฮ่าๆๆๆ
หลังจากกิจกรรมทางน้ำแล้วก็ได้เวลามื้อเที่ยงครับ เราไปแวะทานอาหารเที่ยงกันที่ไอดิน บูติค รีสอร์ท ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นจากเรือมากนัก
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องพักราคาไม่แพงให้บริการอีกด้วยนะครับ
หลังจากนี้เราจะไปยังอำเภอทับปุดกันครับ จุดหมายอยู่ที่วัดบางเหรียง ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานพระมหาธาตุเจดีย์พุทธรรมบันลือที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามอยู่บนยอดเขาฮะ
นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่และพระพุทธรูปปางนาคปรกอยู่บนเนินเขา และบนนี้ยังสามารถชมวิวอันสวยงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนของจังหวัดพังงา รวมไปถึงความเขียวขจีของพันธุ์ได้ต่างๆรวมไปถึงสวนปาล์มและสวนยางที่ชาวบ้านปลูกกันไว้ด้านล่างอีกด้วย
ใช้เวลาชมความสวยงามซักพักก็ได้เวลาเดินทางต่อครับ เรานั่งรถต่อไปซักพักเพื่อมาที่บ้านบางพัฒน์เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวบ้านและทานอาหารค่ำกันครับ
สะพานซีเมนต์เล็กๆขนาดแค่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนกันได้นี้เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างบ้านบางพัฒน์กับโลกภายนอกเพราะฉะนั้น ... ถ่ายรูปไว้หน่อย (ออกแนวแวนซ์ไปนะ อิอิ)
แน่นอนว่าชาวบ้านบางพัฒน์เป็นชุมชนอิสลามที่อยู่บริเวณริมทะเล ลักษณะก็จะคล้ายๆเกาะปันหยีแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก ชาวบ้านทั่วไปก็ทำประมงครับ
ที่บ้านบางพัฒน์นี้มีร้านอาหารหลายร้านฮะ วันนี้เราจะทานกันที่ร้านอารีย์-บังหมาดที่เห็นสุดนู่นล่ะครับ
ที่นี่เรามาทานอาหารแบบคิดเหมาเป็นหัวกันครับ ราคาหัวละ 250 บาทเอง มีอาหาร 6 อย่างแต่จะไม่สามารถเติมได้
เย็นนี้ทานปูม้านึ่ง ต้มยำรวมมิตร กั้งทอดกระเทียม หอยตลัดผัด
กะพงทอดน้ำปลา
แล้วก็กุ้งอบเกลือ
ทานไปชมวิวบ้านบางพัฒน์กับอ่าวพังงาไปได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะ
ทานกันเสร็จก็เดินทางไปยังที่พักครับ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในทริป เรามานอนกันที่ชายหาดอำเภอท้ายเหมือง ที่โรงแรมเปิดใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเลยครับที่นี่มีชื่อว่า " Le Coral Hideaway Beyond Phuket " ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวฮะ
เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่มีดีไซน์สวยและห้องพักดูหรูทีเดียวครับ มีโอกาสคงได้กลับไปทำรีวิวโรงแรมแบบเต็มๆอีกครั้ง
หน้าห้องที่ผมพักมี Pool Access น้ำอุ่นให้แช่ด้วยครับ จริงๆผมลงไปแช่กันตั้งกะเมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว
โรงแรมตั้งอยู่ริมหาดโดยมีคำคลองเล็กๆกั้นอยู่ครับ ตัวโรงแรมไม่ใหญ่มาก ห้องพักมีแค่ 4 ชั้นแค่นั้นเอง
เราออกไปทานมื้อกลางวันกันที่ร้านไอทะเล เพื่อชิมเมนูสุขภาพนั่นก็คือ " สาหร่ายเม็ดพริกไทย " ซึ่งร้านนี้ถือเป็นต้นตำรับส้มตำสาหร่ายเม็ดพริกไทยเลยครับ
สาหร่ายเม็ดพริกไทย หรือ Green Caviar เป็นสาหร่ายสีเขียวลักษณะเป็นเม็ดอยู่ติดกันเป็นพวกขนาดเท่าเม็ดพริกไทย มีคุณค่าทางอาหารอย่างมากเช่น วิตามิน เอ บี ซี ดี อี และเค แคลเซียม เหล็ก ไอโอดีน ฯลฯ ที่นี่นิยมทำเป็นส้มตำ สลัด หรือทานเล่นๆก็ได้ โดยตัวของมันจะมีความกรุบกรอบและมีรสชาติเค็มเล็กน้อย
ทีนี้มาดูเมนูกันบ้าง
ส้มตำสาหร่ายเม็ดพริกไทย และสาหร่ายเม็ดพริกไทยทรงเครื่อง
หรือจะทานกับน้ำยำก็อร่อยนะครับ
นอกจากนี้นังมีอาหารอีกหลายอย่าง ที่แปลกๆก็มีจั๊กจั่นทะเลทอด แกงคั่วหอยชักตีน ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ กุ้งราดซอสมะขาม
กิจกรรมสุดท้ายของทริปที่เรามาทำกันคือการมาเยี่ยม " ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา " ซึ่งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมืองนี่ล่ะครับ
ที่นี่เป็นเหมือนสถานอนุบาลเต่า มีเต่าที่อยู่ในการดูแลมีพ่อแม่พันธุ์ที่สามารถฟักไข่ในบ่อฟักเอง มีการเก็บไข่ที่เต่าขึ้นมาวางไข่เอามาดูแลและทำให้เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดเพิ่มขึ้น อนุบาลเต่าตั้งแต่แรกเกิดจนพร้อมที่จะปล่อยกลับสู่ท้องทะเลได้
นอกจากเต่าทะเลแล้วยังมีการเพาะพันธุ์หอยมือเสือ และปลาอีกหลายๆสายพันธุ์ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เที่ยวชมอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเม็ดพริกไทยเพื่อเป็นต้นแบบให้กับชาวบ้านที่สนใจอีกด้วย
ทางศูนย์มีการสาธิตการนำสาหร่ายเม็ดพริกไทยมาทำเมนูส้มตำด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายผมนางอบแห้ง ที่สามารถเอามาทำอาหารเช่นเมี่ยงสาหร่ายได้อีกด้วยครับ
สุดท้ายมีกิจกรรมพิเศษจากทางศูนย์ฯซึ่งส่วนใหญ่จะทำกันในโอกาสพิเศษหรือมีการติดต่อมาก่อนเท่านั้น นั่นคือการปล่อยเต่าซึ่งเป็นเต่าที่ทางศูนย์ฝังชิพเอาไว้เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเต่าตัวนั้นๆไปตลอดชีวิต โดยจะมีการฝังชิพเอาไว้หลังขาหน้าของเต่าทุกตัวที่ปล่อย
เมื่อได้เวลาก็เดินกันมาที่ชายหาดท้ายเหมืองที่เงียบสงบด้านหน้าศูนย์ฯ เพื่อปล่อยเต่าฝังชิพ 2 ตัวของคณะของพวกเรากันฮะ ตอนนี้เต่าพวกนี้จะมีชื่อเรียกเรียบร้อยตามที่เราตั้งให้มัน พวกเราซึ่งเป็นผู้ปล่อยก็จะเปรียบเสมือนพ่อแม่ของเต่า 2 ตัวนี้ฮะ เราจะได้รับข้อมูลและความเคลื่อนไหวของเต่า 2 ตัวนี้ไปตลอดชีวิตเต่า นับเป็นหารช่วยอนุรักษ์เต่าทะเลและเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทะเลไทยอีกด้วยครับ
ได้เวลาปล่อยกันแล้ว รูปทางซ้ายเป็นผอ.ศูนย์ฯที่กำลังอธิบายว่าเมื่อปล่อยเต่าแล้วเต่าจะเป็นยังไง ส่วนทางขวาดูหน้าคนปล่อย ฮ่าๆๆๆ
เมื่อเต่าถูกปล่อยลงไปจากมือมันจะไม่รีบเดินหนีลงทะเลไปนะครับ แต่มันจะค่อยๆเดิน ค่อยๆซึมซับบรรยากาศของชายหาดที่นี่ไว้ เพราะผอ.บอกว่าเต่าจะจำที่นี่ไว้แล้วเมื่อโตขึ้นจนวางไข่ได้มันจะกลับมาวางไข่ที่หาดท้ายเหมืองนี้ล่ะ แต่เมื่อมันลงน้ำไปแล้วมันก็จะว่ายออกไปแบบสุดชีวิตจนกว่ามันจะเหนื่อย ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
เป็นการปิดทริปด้วยด้วยความประทับใจกับความน่ารักของเต่าทะเลที่เราปล่อยลงไป
ขอบคุณททท.พังงาที่จัดทริปเดินทางในครั้งนี้ ทำให้ผมได้พบกับความประทับใจในหลายๆที่ที่เดินทางไป หลายๆที่เคยอยากไปแต่ก็ยังไม่ได้โอกาสจะไปซักที และได้รู้ว่าจังหวัดพังงายังมีที่เที่ยวที่สวยๆอยู่อีกเยอะแยะที่ผมไม่รู้จัก และมั่นใจว่าเพื่อนๆอีกหลายๆคนก็ไม่รู้จักเช่นกัน อีกไม่กี่วันผมจะกลับไปเที่ยวพังงาอีกครั้ง คราวนี้เป็นการไปในรูปแบบของคู่รักไปกันสองคน หวังว่าจะได้เอาภาพสวยๆกลับมาแชร์กันอีกในโอกาสต่อไป
ฝากติดตามแฟนเพจผมได้ที่
https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ