ใช้ชีวิตและเรียนรู้ชีวิต
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
25 มิถุนายน 2548

โรงเรียนของหนู(ฉบับหัวอกคนเปนแม่)



โรงเรียนของหนู อยู่ไกล ไกล้ ไกล
ตอนนี้หนูอายุขวบครึ่ง ๑๘ ย่าง ๑๙ เดือนแล้ว
ตามกำหนดการณ์แม่คิดว่าปีหน้า (พค. ๔๙)
ลูกน่าจะได้เข้าโรงเรียน เสียที

ฮือออออออออออออ

ตอนนี้แม่กะพ่อเริ่มเก็บเงินแล้ว
เดือนละสามพันบาท (แสนลำเค็ญ) เพื่อเปนทุนการศึกษาลูก
๑๒ เดือนข้างหน้า เราจะมีเงินค่าหน่วยกิตอนุบาล
๓๖,๐๐๐ บาท แน่ะ
แม่อ่านหนังสือมา มีลูกคนนึงใช้เงินตั้ง ๑๐ ล้าน !!!!
ผ่าง และตึ่งโป้ะ


ไม่เว่อ ไม่เว่อ ถ้าคุณไม่เว่อ
(กุคงไม่ได้เว่อ เพราะไม่มีปัญญาหามาได้ถึง ๑๐ ล้าน)
อย่างน้อยก็เฉียดๆ ฉิวๆ ไปทั้งนั้น
เฮ้อ

ดังนั้นเป้าหมายระยะสั้นของพ่อกะแม่ที่ต้องวางแผน
หลังจากที่เราทั้งคู่อยู่อย่างไร้การวางแผนมาชั่วชีวิต
ทีนี้เราจะวางแผนเพื่อลูก
คือค่อยเก็บซะแต่วันนี้ เทอมหน้าอย่างน้อยจะได้ไม่หนักหน่วงจนเกินไป
เฮ้อ

(ถอนหายใจรอบที่ร้อยสามสิบ)

เพราะถึงเทอมหน้า ก็หามาเพิ่มอีก เจ็ดแปดหมื่น
จ๊ากกกกกกกกกกกกก
จะไปหามาจากที่ไหน ลูกไม่ได้ไปอนุบาลที่ ลั้นดั้น นะยะ
แม่กะพ่อพึ่งเข้าใจตอนมีลูกนี่เองลูกเอ๋ย
ว่าหัวอกคนเปนพ่อเปนแม่น่ะ รักใครสักคนมันมากๆ
เปนยังไง

ทั้งพ่อทั้งแม่อยากให้แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก
ถ้าเราสองคนทำได้ - - ย้ำ - - เท่าที่เราสองคนทำได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือให้โอกาสทางการศึกษาแก่หนู
แม่พ่อทุกคนก็อยากให้ลูกได้เรียนที่ที่คิดเอาเองว่าดีที่สุด
ก่อนนี้แม่ไม่เคยเข้าใจ ว่า พ่อแม่สมัยนี้จะปวดหัวอะไร
กะอิแค่ลูกจะเข้าอนุบาล

..

แต่พอมาเปนแม่คนเอง
ถึงได้รู้ ว่า กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
เราต่างผ่านช่วงวัยที่เรียกว่าได้รู้ ได้เรียนมาแล้วทั้งคู่
และอยากให้หนูได้รู้ได้เรียนด้วย
สิ่งที่ตัวเองขาด ก็อยากให้ลูกได้รับ (จนอาจถึงขั้นเกิน)
แม่เข้าใจว่าทำไมคุณตาคุณยาย ถึง ภูมิใจ ที่แม่ได้เรียน
แม้ไม่ได้ดีที่สุด แต่ได้เรียนเท่าที่เค้าทำให้แม่ได้
แม่รู้ว่า อย่างน้อย แม่ทำให้เค้าได้ภูมิใจ

นิดนึงก็ยังก็ยังดีวะ

แว่บนึงแม่ก็อยากให้ลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุด
เท่าที่แม่กะพ่อจะสรรหาให้หนูได้
อีกแว่บนึงแม่เองก้รู้ว่ามันไม่ได้เปนตัวชี้ หรือวัดระดับทั้งหมด
แต่แม่อยากให้โอกาสที่ดีที่สุดเท่าที่แม่คนนึงพึงทำให้ลูก
แม่รู้ว่าคนเก่งไม่จำเปนต้องเปนคนดี
แต่แม่ก็อยากให้ลูกแม่ได้เปนทั้งคนดี และ ถ้าเก่งด้วยก็ยิ่งดี(ไปใหญ่)
แต่ทั้งนี้ที่สุดแล้ว แม่กะพ่อแค่แอบหวังเล็กๆ
ให้หนูเติบโตและมีชีวิตที่ดูแลตัวเองได้
ก็เพียงพอแล้ว
แม่กับพ่อไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
อย่างเดียวที่จะดูแลลูกได้ คือ วิชาความรู้

(ดูสิ นี่แค่ลูกจะเข้าอนุบาลนะค๊า)

เฮ้อ

จริงอยู่ว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน
แต่ใครก็อยากให้หนูได้เรียนที่ที่ดีทั้งนั้น แหละน่า
แต่แม่มีกฎของแม่คือ
๑. ไม่ไปเรียนในกรุงเทพฯ
๒. เรียนที่เชียงใหม่เท่านั้น
๓. ถ้าพ่อมีปัญหากลับไปอ่านข้อ ๑. ใหม่

ล้อเล่นน่า

เชียงใหม่มีที่เรียนเยอะแยะลูก
แม่เองก็เรียนที่นี่มาแต่เล็กแต่น้อยแน่ะ
และโรงเรียนดีดี ก็มีถมไป
เพราะว่ามีถมไปนี่แหละ
ปัญหาของแม่
ทำให้แม่ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี

เฮ้อ

(รอบที่ร้อยสามสิบสาม)

โรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน
หรือโรงเรียนอนุบาลในเมือง
เรื่องเดินทางไม่มีปัญหาสำหรับเรา
เพราะยังไงเราก็ไปได้ไม่ลำบาก
แถมรถราก้ไม่ได้ติดสาหัสแบบกรุงเทพฯแน่ๆ
และแม่มีกฎของแม่อีกข้อคือ

๑. เราจะไปโรงเรียนเมื่อเราพร้อม
คือไม่รีบร้อนไปแต่ไก่โห่ แม่ถือคติ ถึงสายตอนไหนก็ได้
ตราบใดที่เรายังไป ช้าช้า ก็ไม่เปนไรหรอก
อีกหน่อยเราอาจจะย้ายไปอยู่ในเมืองก็ได้
(แต่นี่เดินทาง ๒๐ นาทีนะคะ ก็ไม่ได้ลำบากนี่หว่า)

และที่แม่ต้องปวดหัวคืออนุบาล มีเยอะแยะเลย
อนุบาลในดวงใจตอนนี้มี สองสามที่ แต่ยังไม่เคยไปดูเองสักที
ได้แต่ฟังจากเพื่อนมา มีสวนน้อย คิดดี้แบร์ สาธิต ลิตเติ้ลสตาร์
๔ ที่นี่แม่คงต้องไปดู ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ
คือต้องดูสัดส่วนครูกับนักเรียนเปนหลัก
ครูมากๆ หรือครูน้อยๆ แต่มีพี่เลี้ยงช่วยดูแลเด็กๆ ทั่วถึงแม่ก็ว่าดี
ไม่รวมถึง ความสะอาด แบบแผนการเรียน
(ทั้งแบบเตรียมความพร้อม แบบไม่พร้อม)
สถานที่ ห้องเรียน ครู นักเรียน รวมถึงค่าใช้จ่ายอีก
(หยุดปาดเหงื่อ)


นี่แม่ทำวิจัยเรื่องอนุบาลในดวงใจอยู่เรอะป่าววะคะเนี่ย


จะนานาชาติหน้า หรือชาติไหน ก็ต้องเลือกเอาแล้ว
ใกล้เข้ามาแล้ว เนอะ
ตื่นเต้นจัง เดี๋ยวก็ย้ายไปเรียน ฮาวายซะเลยนี่
แม่ชอบโรงเรียนน้องเสตฟานี่ โฮ่ๆๆ

ครั้นแม่จะโฮมสคูล แม่ก็ไปต่อแบบไร้ทิศทาง
แถมแม่ก็อ่อนล้ามากๆ ช่วงวันสองวันมานี่
แม่ทะเลาะกับหนูบ่อยจริงๆ
บ่อยจนรู้สึกว่าแม่คงไม่เหมาะต่อไปแล้วแน่ๆ
บางทีโรงเรียนอาจจะดีกว่าก็ได้ แล้วแม่ก็คอยเสริม
เปนกองหนุนอยู่ข้างหลัง
แม้ว่าแม่เองจะอยาก สอน และเล่นกับลูกที่บ้านก็ตามที
แต่แถวๆ นี้ ไม่มีหลักประกันอะไรเลย ว่าถ้าโฮมสคูลไปจนถึงไหน
แล้วต่อจากนี้จะเปนยังไงต่อ
ถ้าตามหลักสูตรกันไปเรื่อยๆ แม่ว่าก็ไม่ต่างอะไรกับที่ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี
ตอนนี้แม่คงต้องกอบโกยสอนเอาเอง เล่นกันเองไปก่อน
เตรียมลูกให้พร้อมที่จะเข้าโรงเรียน ให้หนูดูแลตัวเองได้


ความรัก*
...

สำคัญอย่างไร
ก่อนส่งหนูเข้าศูนย์เด็กหรือโรงเรียนอนุบาล
คุณพ่อคุณแม่มักห่วงว่าโรงเรียนมีคุณภาพแค่ไหน
และมองไปไกลถึงการเรียนในชั้นสูงๆ
(แม่เองก็คิดแบบนี้แหละลูก)

ที่จริงแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ
ความรู้สึกมั่นคงในใจของหนู
เพราะจะช่วยให้หนูสบายใจเมื่อต้องจากบ้านไปโรงเรียน
...

(หนูยังห่างแม่ไม่ได้เลย แถมยังหย่านมไม่ได้อีก - โอ้วไม่นะ)

ถ้าหนูเชื่อมั่นในความรักของคุณแม่
รู้แน่ว่าคุณแม่รักหนูและจะไม่ทอดทิ้งหนู
หนูก็ไม่กลัวเมื่อต้องอยู่ห่างจากคุณแม่

ความรักของคุณแม่
ยังช่วยให้หนูเห็นคุณค่าในตัวเอง
เปรียบเหมือนแสงสว่างในชีวิต
ที่ช่วยให้หนูทำสิ่งต่างๆ ได้ดี*

...

แม่เชื่อว่าหนูจะรู้ว่าแม่ - และพ่อ รักหนูมากพอ
ความรักของแม่จะเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ให้หนูเข้มแข็ง พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป
หัวใจที่เข้มแข็งของลูก จะช่วยหล่อหลอม
ให้หนูอยู่ในสังคมได้
ความรักของพ่อและแม่ จะช่วยให้หนู
มั่นคงมากพอที่จะไม่ทำร้ายคนอื่นและรักคนอื่นได้ด้วย

แม่เชื่อว่าความรักของแม่
ไม่ทำร้ายลูก และลูกจะไม่ทำร้ายคนอื่น
ถ้าทุกบ้าน มีครอบครัวที่เข้มแข็ง
ก็คงไม่มีใครทำร้ายกัน

แม่เชื่อว่ายังมีอนุบาลในฝัน
มีสังคมในฝัน
ของคนเปนพ่อเปนแม่

สู้ต่อไป ทาเคชิ
สู้ต่อไป ภูผาของแม่จ๋า
หนูคงไม่ลืมว่าหนูคือภูผาของแม่
หนักแน่นดังหินผา แต่ไม่หยาบกระด้างนะครับ

เราจะเดินเข้าอนุบาลไปพร้อมกัน

(ฮา) หรือไม่ฮา วะเนี่ย







 

Create Date : 25 มิถุนายน 2548
0 comments
Last Update : 25 มิถุนายน 2548 1:44:51 น.
Counter : 597 Pageviews.


ดช.ภูผา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใช้ชีวิตละเรียนรู้ชีวิต
[Add ดช.ภูผา's blog to your web]