|
เบื้องหลังคอลเลกชันสปริง/ซัมเมอร์ 2009 ของ...เจ้าหญิงดีไซเนอร์
เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนที่ชาวไทยทั้งประเทศจะได้ร่วมกันชื่นชมในพระอัจฉริยภาพทางด้านการสร้างสรรค์และออกแบบเสื้อผ้าของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เจ้าหญิงดีไซเนอร์ ในเวทีแฟชั่นระดับโลกอย่าง ปารีส แฟชั่นวีก ที่ทรงนำผลงานที่รังสรรค์ขึ้นด้วยพระองค์เองในคอลเลกชัน สปริง/ซัมเมอร์ 2009 ไปแสดงยัง อินเตอร์คอนติเนลตัล เลอ กรองด์ โฮเต็ล ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันเสาร์ที่ 27 กันยายนที่จะถึงนี้
ครั้งนี้นับเป็นปีที่ 2 ที่พระองค์หญิงทรงร่วมแสดงผลงานในเวทีแฟชั่นระดับโลก ดังนั้น พระองค์หญิงจึงทรงทุ่มเทกำลังพระวรกายและใส่พระทัยในรายละเอียดต่างๆ ทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงรูปแบบการโชว์ ด้วยการประทานคำแนะนำให้กับทีมงานผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
แบบผมและการแต่งหน้าที่ทรงเลือก
เป็ด-อภิชาต นรเศรษฐาภรณ์ ผู้ถวายงานด้านการแต่งหน้าให้นางแบบ กล่าวว่า ในสปริง/ซัมเมอร์ 2009 นี้ โจทย์ที่พระองค์หญิงประทานมาให้กับทีมงานทุกคนคือ ความเป็น ร็อคผสมกับวัฒนธรรมชนเผ่า (Ethnic Rock)
การที่เรามีโอกาสได้ถวายงานพระองค์ท่านบ่อยครั้ง จึงทำให้เราเดาพระทัยออกว่า พระองค์หญิงโปรดให้งานมีความแตกต่างกันจากเดิม ดังนั้น ในสปริง/ซัมเมอร์ ซึ่งอยู่ในหน้าร้อน ใครหลายคนก็มักจะแต่งตัวและแต่งหน้าให้มีสีสันสดใสสอดรับกับฤดูอันร้อนแรง แต่เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับฤดูกาลแบบนี้ การแต่งหน้าของเราจึงเป็นรูปแบบร็อคที่เน้นสีเข้มอย่าง สีดำ เทา น้ำตาล เพื่อให้สอดรับกับโจทย์ที่พระองค์หญิงประทานมาให้ โดยส่วนตัวเราเชื่อว่าการแต่งหน้าแบบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน
เป็ด อธิบายต่อว่า รูปแบบการแต่งหน้าที่โดดเด่นของคอลเลกชันนี้ จะเป็นการแต่งหน้าที่ดูเบาบางอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะ แก้มและริมฝีปากจะมีความเนียนใสเป็นธรรมชาติที่สุด แต่จะไปเน้นความคมเข้มที่ดวงตา โดยเริ่มจากการลงสีให้เข้มที่บริเวณเปลือกตาและไล่สีอ่อนลงมาจนถึงขอบตาล่าง ซึ่งจะต่างกับการแต่งหน้าทั่วไปที่เน้นให้ขอบตาล่างคมเข้มและเปลือกตามีสีอ่อน
ส่วนเรื่องทรงผมนั้น ไก่-สมพร ธิรินทร์ หนึ่งในทีมงานผู้ถวายงานบอกว่า ปีนี้เขาได้ร่วมมือกับ โอลิวิเยร์ เดอ วรีนดท์ นักออกแบบทรงผมชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแชมป์ช่างผมอันดับ 1 ของโลกในปีนี้ โดยรังสรรค์ทรงผมถวายพระองค์หญิง 2 รูปแบบด้วยกัน สุดท้ายก็ทรงพอพระทัยกับทรงเกล้าผมสูงแล้วตวัดหางม้ามาด้านหน้า
โอลิวิเยร์ เดอ วรีนดท์, อภิชาต, สมพร
ความจริงแล้วเราทำผม 2 ทรงให้พระองค์ทรงตัดสินพระทัยคือ ทรงแรกเป็นแบบเปีย และทรงที่สองที่พระองค์ทรงพอพระทัยคือ เกล้าผมสูงแล้วตวัดหางม้ามาไว้ด้านหน้า เพราะเป็นทรงที่เข้ากับคอนเซ็ปต์มากที่สุด ที่สำคัญผมทรงนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุดคือ บริเวณที่เกล้าผมนั้นจะใส่โพรดักซ์ให้ผมมีความมันเงางามเหมือนผมมีสุขภาพดี แต่ขณะเดียวกันบริเวณปลายหางม้าที่เราตวัดมาด้านหน้าเราก็ยีให้ดูฟูๆ คล้ายกับผมเสีย ที่สำคัญสีผมของนางแบบที่เราทำนั้นจะไม่มีการทำสีเพิ่ม ผมจะต้องเป็นสีธรรมชาติมากที่สุด และในปีนี้มีนางแบบไทยที่จะไปร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้มี 3 คนด้วยกันคือ ซินดี้-สิรินยา เบอร์บริดจ์, ออร์แกน-ราศี วัชราพลเมฆ, พิชญ์สินี ตันวิบูลย์ ซึ่งพระองค์หญิงทรงคัดเลือกด้วยพระองค์เอง ที่เหลือก็จะเป็นนางแบบชาวต่างชาติทั้งหมด
ขณะที่ เก่ง-เอกพรรดิ นำนาผล หนึ่งในทีมงานที่ถวายงานด้านเพลงประกอบโชว์ เปิดเผยถึงความพร้อมในเรื่องเพลงที่จะใช้ประกอบการเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ว่า แล้วเสร็จไปกว่า 90 % แต่ก็มีอยู่บางเพลงที่ยังรอความชัดเจนในท่วงทำนองของบทเพลง
พระองค์หญิงประทานโจทย์มาพร้อมกับดำริว่า ดนตรีร็อค คือตัวหลักในการแสดงโชว์ชุดนี้ พอเราได้โจทย์มาหน้าที่ของเราคือรีบไปจัดหาเพลงร็อคส่งไปถวายให้ทรงตัดสินพระทัย โดยเพลงที่ส่งไปนั้นล้วนเป็นเพลงร็อคที่อยู่ในยุค 70 ไปจนถึงยุค 80 เพราะดนตรีร็อคในยุคนั้นมีอิทธิพลกับคนมากที่สุดเพราะเป็นยุคบุปผาชน เราถวายเพลงไปให้พระองค์ทรงคัดเลือกจำนวน 46 เพลง แต่สุดท้ายพระองค์หญิงทรงพอพระทัย 8 เพลง ซึ่งทั้ง 8 เพลงก็จะเป็นเพลงที่ใช้ประกอบโชว์ในครั้งนี้ทั้งหมด
เพื่อให้ผู้ชมที่นั่งดูอยู่รู้สึกเซอร์ไพรส์ในการโชว์ครั้งนี้ เก่งเล่าว่าได้นำการผสมผสานกันระหว่างเพลงเก่า 90% และเพลงที่นำมามิกซ์ใหม่อีก 10% ใช้ประกอบในโชว์ครั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ความเป็นแฟชั่นนั้นควรจะต้องเปิดเพลงที่ใหม่และต้องเป็นเพลงที่ดีจริงๆ เพราะเมื่อคนได้ฟังครั้งแรกแล้วจะต้องรู้สึกประทับใจและอยากที่จะฟังมันอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถทำเพลงได้ดีเท่ากับต้นฉบับของเขาได้ทั้งหมด ดังนั้น ผมจึงเอาเพลงเก่าที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่พอเปิดแล้วเชื่อว่าเพลงเหล่านั้นต้องติดหูคนฟัง ส่วนเพลงที่ใช้ประกอบการเดินในชุดฟิเนเล่นั้น เราได้มิกซ์ขึ้นมาใหม่ เก่งอธิบาย
ครรชิต, เอกพรรดิ และ ศักดิ์สิทธิ์
ด้าน ป๊อบ-ครรชิต ชาลีเครือ ผู้ถวายงานด้านการโชว์บนเวที บอกเล่าถึงภาพรวมของโชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า เนื่องจากสถานที่จัดโชว์อยู่ที่ อินเตอร์คอนติเนนตัล เลอ กรองด์ โฮเต็ล ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่มีความหรูหราสวยงามและมีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้น เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับโชว์ เราจึงได้จัดทำโชว์อย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทะมัดทะแมงดูดีอย่างมืออาชีพ โดยได้ทำรูปแบบเวทีให้เป็นรูปตัวยูและสเตจเป็นสีดำ
ในงานโชว์ครั้งนี้เราพยายามหาอะไรที่ดูเรียบโก้มากที่สุด เพราะห้องค่อนข้างหรูหรา เราจึงเอาอะไรที่มันเรียบๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นร็อคด้วย คราวนี้ท่านทรงใส่พระทัยในการทำงานทุกขั้นตอน
ที่สำคัญในการโชว์ครั้งนี้สิ่งที่คนไทยทุกคนจะได้พบกับความแปลกใหม่ก็คือ ปีนี้ได้เปลี่ยนโลโก้จากรูปนกยูง มาเป็นการใช้ชื่อของแบรนด์คือ SIRIVANNAVARI ด้วยเหตุผลที่ว่าคนจะได้จดจำแบรนด์ของพระองค์ได้ ป๊อบแจกแจง
เต้-ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ หนึ่งในทีมงานที่ถวายงานโชว์ กล่าวเสริมว่า รูปแบบการโชว์ในปีนี้ลดทอนความหรูหราของเวที เพื่อให้สายตาทุกคู่โฟกัสไปที่เสื้อผ้ามากกว่า และในคอลเลกชันนี้พระองค์ทรงตั้งโจทย์มาให้ทีมงานทุกคนว่า อยากจะเน้นความเป็นพระองค์มากที่สุด
การทำงานโชว์เราชอบความขัดแย้งอยู่แล้ว สถานที่หรูหราเราก็ไม่จำเป็นต้องทำโชว์ให้หรูตามไปด้วย อีกอย่างผมคิดว่าการทำโชว์ในรอบนี้จะสะท้อนถึงความเป็นพระองค์ได้มากที่สุด เพราะถึงแม้ว่าพระองค์หญิงจะเป็นเจ้าหญิง แต่อีกมุมหนึ่งพระองค์ท่านก็ยังทรงเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเข้มแข็ง มีวิถีการทรงงานที่เข้มแข็งอีกด้วย
จากการที่ทีมงานทุกคนมีโอกาสได้ถวายงาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ในงานปารีส แฟชั่น วีก ทั้ง 2 ครั้งนี้ สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้และซึมซับจากพระองค์หญิงมาโดยตลอดก็คือ
การเตรียมความพร้อมในการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน เพราะหลังจากที่งานแฟชั่น วีก ปีที่ผ่านมาจบสิ้นลง พระองค์ก็ทรงวางแผนงานทรงงานในปีต่อไปแล้วว่า สปริง-ซัมเมอร์ในปีหน้าจะทำอย่างไร และทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในสิ่งที่ทำอยู่ตลอดเวลา
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
| Create Date : 15 กันยายน 2551 |
|
0 comments |
| Last Update : 15 กันยายน 2551 21:12:06 น. |
| Counter : 2594 Pageviews. |
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [
