Sugababes Overloaded The Singles Collection อัดแน่นไปด้วย 14 ซิงเกิลฮิตทั้งสิ้น เริ่มจาก Freak Like Me ซิงเกิลนัมเบอร์วันตัวแรกบนยูเคชาร์ตของพวกเธอ ซึ่งเป็นเสมือนแลนด์มาร์กประกาศที่ตั้งบนพื้นฐานป๊อปของ Sugababes พร้อมทั้งแนะนำให้เรารู้จักกับ ริชาร์ด เอ็กซ์ โปรดิวเซอร์เพลงป๊อปที่เจ๋งที่สุดคนหนึ่ง มิหนำซ้ำยังมีรางวัลการันตีในฐานะ Best Single จากเวที Q Awards อีกหนึ่งรางวัล ที่สำคัญ แม้จะผ่านมาหลายปี แต่ฟังกี่ทีซิงเกิลนี้ก็ยังโดดเด้งโดนใจไม่เสื่อมคลาย เรียกว่าเป็นหนึ่งในซิงเกิลยุคแรกๆ ของ Sugababes ที่ฟังเมื่อไหร่ก็ไม่เชย ต่อเนื่องมาที่ Round Round ซิงเกิลนัมเบอร์วันบนยูเคชาร์ตตัวที่ 2 ต่อจาก Freak Like Me ในบ้านเราเองก็เปิดซิงเกิลนี้กระหน่ำตามสถานบันเทิงยามราตรีกันครึกโครมอยู่ช่วงนึง กระทั่งมาดังสุดๆ ก็ตอนที่หนัง The Guru เอาซิงเกิลนี้มาใช้เป็นเพลงประกอบนั่นแหละ และถ้าใครยังพอมีเวลาล่ะก็ อยากให้ลองหาหนัง The Guru มาดูประกอบด้วย รับรองได้เลยว่าคุณจะรัก Round Round ที่ใส่ไว้ถูกที่ถูกทางถูกอารมณ์มากขึ้นไปอีก
มาถึง Red Dress จากอัลบั้ม Taller In More Ways ต่อเนื่องอารมณ์ Round Round ได้ดี ตัวเพลงดีไซน์มาเพื่อความทันสมัยโดยเฉพาะ แต่ก็ยังไม่ทิ้งรากฐานเดิมของ Sugababes จึงกลายเป็นส่วนผสมของ ริฟฟ์กีตาร์และไลน์เบสแบบร็อกกับลูปกลองแบบดิสโก้ พูดถึงศักดิ์ศรีของเพลงก็ไม่ได้ต่ำต้อยกว่า 2 ซิงเกิลแรกเท่าไรนัก อย่างน้อยๆ ก็ได้ครองอันดับ 4 บนยูเคชาร์ตไปแบบลอยลำในช่วงต้นปี 2006 ต่อด้วย In The Middle ซิงเกิลแนวอิเล็กโทรแดนซ์ที่โดนนักวิจารณ์จวกแหลก เหตุเพราะดนตรีที่ 'อ่อนแอ' เกินไป จนไม่น่าจะแยกออกมาเป็นซิงเกิลแม้แต่น้อย แต่ขอบอกว่าเมื่อเอามาใส่รวมกับซิงเกิลอื่นๆ ใน The Singles Collection แล้ว กลับกลายเป็นซิงเกิลที่เพิ่มและเติมเต็มสีสันให้อัลบั้มนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ก่อนจะลดความเร็วลงสู่ Stronger หนึ่งในบัลลาดที่เพราะที่สุดของ Sugababes เสน่ห์ที่ลืมไม่ลงของซิงเกิลนี้ก็คือซินธ์บรรยากาศขมขื่นผสมกลิ่นอายทริปฮ็อปนิดๆ กลายเป็นบัลลาดที่มีกลิ่นอายและเอกลักษณ์แบบเพลงจากเกาะอังกฤษแท้ๆ
Shape แทร็กที่ 6 ยังคงเป็นบัลลาด แต่เปลี่ยนเป็นกลิ่นอายอาร์แอนด์บี ก่อนจะกลับมามันส์กับ Overload ซิงเกิลแรกสุดจาก Sugababes เสียงร้องของ Sugababes (ซึ่งตอนนั้นเพิ่งจะอายุ 15-16) ทำได้ยั่วยวนเซ็กซี่ติดหูมากๆ เรียกว่าปล่อยออกมาปุ๊บก็ติดอกติดใจ กลายเป็นไฮไลต์ของพวกเธอไปโดยปริยาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังกลายเป็นไฮไลต์ของวงการเพลงป๊อปปี 2000 ชนิดที่ไร้คู่แข่ง Train comes I don't know its destination It's a one way ticket to a mad man's situation. (ยังจำกันได้หรือเปล่า?) แทร็กที่ 8 Good To Be Gone เป็นซิงเกิลใหม่ล่าสุดเพื่ออัลบั้มรวมฮิตนี้โดยเฉพาะ โดยตัวดนตรีเป็นร็อก แต่เสียงร้องของสาวๆ ยังคงวางอยู่บนพื้นฐานของป๊อป ว่ากันง่ายๆ ก็คือเป็นเพลงป๊อปร็อก ผสมซาวด์แบบอัลเทอร์เนทีฟเข้าไปเล็กน้อย กลายเป็นเพลงใหม่อีกเพลงที่น่าจับตามองของ Sugababes ปี 2006
ต่อกันที่ Caught In A Moment หนึ่งในบัลลาดที่โรแมนติกที่สุดของ Sugababes ซึ่งยังคงสูตรที่ทำให้ Stronger ดังกระหึ่มไปทั่วเกาะอังกฤษ โดยผสมกลิ่นอายทริปฮ็อปที่จะพาเราก้าวพ้นออกไปจากโลกจริง สู่ความนุ่มนวลดุจแพรไหมและบางเบาแบบที่หาไม่ได้ในโลกที่เราเหยียบยืน แทร็กที่ 10 เป็น Ugly ที่สลัดความเป็นป๊อปแดนซ์แบบ Sugababes ที่คุ้นเคย ไปสู่สไตล์ป๊อปร็อกความหมายดีๆ เกี่ยวกับเชื้อชาติ, ผิวพรรณ และความงามที่ซ่อนอยู่ภายใน เรียกว่าเป็นซิงเกิลแทนตัวตนของ Sugababes ที่ผสมผสานหลากหลายสีผิวได้ดีทีเดียว มาถึง Easy แทร็กที่ 11 เป็นซิงเกิลใหม่สำหรับอัลบั้มนี้โดยเฉพาะ เนื้อหาก็เรท R เล็กน้อย แบบว่าเชิญชวนผู้ชายมาใช้บริการ...อยากได้อะไร แบบไหน บอกเลย
ถัดมาเป็นบัลลาดสุดโปรดของใครหลายๆ คน Too Lost In You เพราะหรือไม่ก็ดูได้ที่อัลบั้มรวมฮิตเพลงหวานต่างๆ ที่มักจะมีซิงเกิลนี้รวมอยู่ด้วย อาจจะเพราะศักยภาพของเนื้อร้องที่ได้เจ้าแม่เพลงรักอย่าง ไดแอน วอเรน มาปรุงแต่ง รวมไปถึงการนำไปใช้ประกอบหนังสุดแสนจะโรแมนติกอย่าง Love Actually ชนิดที่ได้ยินเพลงนี้ทีไรต้องนึกถึงฉากผู้ชายยกป้ายบอกรักผู้หญิงในวันคริสมาสต์ซะทุกทีไป กลับมาแดนซ์กันต่อที่ Hole In The Head อีกหนึ่งซิงเกิลนัมเบอร์วันบนยูเคชาร์ต โดยโค่นตำแหน่งนัมเบอร์วัน 6 สัปดาห์ของ Where Is The Love? จาก BEP ลงได้ ทำนองที่ใช้ก็คล้ายๆ จะเอา Round Round มามิกซ์เข้ากับส่วนประกอบที่เป็นอคูสติกและสกา ก่อนจะปิดท้ายอัลบั้มรวมฮิต Sugababes กันที่ Push The Button ซิงเกิลนัมเบอร์วันตัวล่าสุดบนยูเคชาร์ตจากอัลบั้ม Taller In More Ways ในปี 2005 เป็นอันครบทั้ง 14 ซิงเกิลสุดยอดแห่งความฮิตของ Sugababes ซึ่งแฟนๆ ของวงนี้ ต้องอยากจับจองเป็นเจ้าของกันจนตัวสั่นทีเดียวเชียว