ทานข้าวกับเพื่อน
อาเจ้ฯ มีเพื่อนหลากหลายเพื่อนกระเทย..ตุ๊ด...เกย์...ก็เยอะหญิงมากๆ ไม่ค่อยคบ...เพราะรำคาญต้องเดินเป็นเพื่อนไปเข้าห้องน้ำ..ไปแต่งหน้า พล่ามเรื่องผู้ชายเป็นวันๆ โอ๊ยสารพัด....เลยเบื่อไม่ค่อยคบเพื่อนที่คุยกันง่าย..และคบกันนาน...ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายเพื่อนกลุ่มนี้มีหน้าที่การงานในฝันของสาวๆ สาวรุมกรี๊ด..รุมจิก...อยากได้..ตั้งแต่ตอนพวกมันยังโสดเลยไม่มีใครเหลือรอดซักคนแต่งงาน..ลูก 1 กันแล้วล่ะที่มาคบกันได้เพราะนิสัยเหมือนกันอีเพื่อนบางตัว...ดูภายนอกนิสัยก้าวร้าว..ปากหมาแต่จิตใจอ่อนไหว...แตะตัวนิดเดียว..ร้องไห้งากกกกกส่วนชั้นก็เป็นผู้หญิงนิสัยผู้ชายไม่เรื่องมาก...ไม่ชอบอะไรจุกจิกภาษาเมืองเปิ้นฮ้องว่า "ย่อย"อาเจ้ฯ บ่ย่อย...ชอบฟันธง....เวลาพวกมันทะเลาะกันเองก็เป็นคนประสานให้...เพราะว่าบางทีพวกแม่งเข้าใจผิดกันนิดเดียวเองทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว....ชั้นเลยต้องเข้าไปจัดการมันไม่ได้กลัวเรานะ แต่พวกมันเกรงใจเมื่อไหร่ที่ชั้นจิตตก...ร้องไห้เพราะผู้ชายอีพวกนี้...ลน....โทรมาถามบ่อยๆ ว่าแกเป็นไงบ้างวะ...(ทำน้ำเสียงนุ่มประกอบ...)...กูยังไหวอยู่......มีไรมึงโทรมาเลยนะ......ขอบใจวะ.....ใกล้ๆ เที่ยง..อีเพื่อนแก๊งค์นี้โทรมาจิกบอกว่า..มาทานข้าวกันเหอะพอดีพวกมันมีประชุมตอนบ่ายและเพื่อนอีกคนนึงกลับมาจากอเมริกาแล้ววันนี้โอกาสดี...ไป..ไปกินข้าวกันว่ะเคยนัดกับอีเพื่อนคนที่โทรมานี่แหล่ะ...ว่า...ถ้าอาเจ้ฯ กลับมากรุงเทพฯ แล้ว จะเลี้ยงเพื่อนคนสุดท้ายด้วยกันเพื่อแสดงความยินดีที่มันจบด็อกเตอร์แล้ว..เพราะยังไม่กลับบ้านไง..ก็เลยผลัดผ่อนพวกมันมาครึ่งปีวันนี้เพื่อนแกนนำ..โทรไปเจอว่าคนที่จบด็อกเตอร์กลับมาจากอเมริกาพอดีคือ พอหลังจากที่มันจบด็อกเตอร์แล้ว..ก็มีโอกาสได้ไปเทรนที่ต่างประเทศบ่อยๆ อาทิตย์ที่แล้ว เจอรุ่นน้องคนนึงบอกว่า..เพื่อนคนนี้ไปเทรนที่อเมริกาและตอนนี้กลับมาแล้ว....จังหวะดีมาก...เพื่อนด็อกเตอร์กลับมาอาเจ้ฯ กลับมาพวกมัน 2 ตัว ว่าง2 ชั่วโมงก่อนจะประชุมตอนบ่ายก็เลยนัดทานข้าวกันไอ้เราก็นึกว่า...พวกแม่งจะมารับ...เพราะร้านอาหารใกล้บ้านอาเจ้ฯ แต่ปรากฏว่าพวกมันให้เจ้ฯ ไปรับมันแทนเพราะเอารถไปทำโช๊ค...ชั้นก็เก่งมาก...เส้นทางในดอนเมืองเนี่ย...ขับงงตลอด...อาเจ้ฯ ก็เลยต้องขับรถวนไปรับพวกมันที่สนามบินดอนเมืองพลพรรค..ไปยืนรออยู่ชั้น 2ส่วนชั้นวนไปรับพวกมันชั้นล่างวนใหม่เว้ย...กว่าจะเจอกัน.....ก็เที่ยง 15 เข้าไปแล้ววนเข้าท้ายสนามบิน...จะมาทานร้านแถวกองทัพฯ อยู่ดีๆ รถก็ติดนรก...นั่งกันอยู่ในรถนั่นแหล่ะ...หิวกันโฮก....เอาไงดีวะแก...อีเพื่อนคนนั่งหลัง...เลยรวบรัดไปกินที่การบินไทยกันดีกว่าวนรถใหม่...กลับไปการบินไทย ตรงหัวสนามบินพอไปถึง...เอ๊า...แม่งงงงง เค้าปิดไปแล้ว มีแต่ร้านขนมที่ยังเปิดขายอยู่พวกมันหิวกันโฮกแล้ว.....จอดรถไว้นี่แหล่ะ...ไปกินที่เจ้ฯ เล้งกันดีกว่าอีเพื่อนคนนั่งหลังบอกกูไม่ไหวแล้ว....โคตรหิวเลยผลสุดท้ายกินข้าวแกงใต้...ที่ร้านเจ้เล้ง ไม่ได้มีบรรยากาศอะไรเล้ยยยย....แค่กินๆ แล้วจบไปไอ้ที่ว่าจะคุยกัน...ก็ได้คุยกันเฉพาะในรถ..อีตอนรถติดนั่นแหล่ะ...เพื่อนด็อกเตอร์มีโทรศัพท์ตามให้กลับไปประชุมด่วนอีนี่..ก็เร่งยิกๆ เฮ้ยกลับได้แล้วกูมีประชุมว่ะ...เลยได้แค่ถามสารทุกข์สุขดิบกันคร่าวๆ ...นั่งทานข้าวกันเบาๆ เรา 4 คน 3 ช. 1 ญ.คบกันได้..เพราะคนละมุมมอง..คนละนิสัยเพื่อนคนนั่งหลังพึ่งกลับมาจากจีนเมื่อเช้าพอรู้ว่าจะมากินข้าวเที่ยงกันก่อนประชุมบ่าย..ก็อยู่รอ......แถมยังมาปากหวาน...บอกว่าแกสวยขึ้นนะ ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกชั้นนะ...แล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์ของแม่งเหมือนเดิมอาเจ้ฯ ยิ้มหวาน...แล้วตอบไปว่า...ไอ้เวรรรรรรรรร...เพราะมันโรคจิต..ชอบฟังเวลาอาเจ้ฯ ด่ามันคือ..มันมีความหลังอยู่ว่าเพื่อนคนนึงโทรมาเล่าให้ฟังว่าน้องที่ทำงานมันไปโชว์ให้คนที่รู้จักในเฟซบุ๊คดูใน SKYPE แล้วไอ้คนนั้นมันอัดเป็นคลิปไว้สุดท้ายมันก็เอามาแบล็คเมล์...คือ..เจอหน้าก็ไม่เคยเจอนะ..แต่น้องเค้าเหงา..อยากมีแฟน คิดว่ารักแท้ในเน็ตมีอยู่จริงเลยเชื่อผู้ชายคนนี้ว่าชอบเค้าจริง .. รักเค้าจริงพอมันแบล็คเมล์ก็อาย...กลัวเสียชื่อโอนเงินไปให้มันเป็นแสนแล้ว...โดยที่ไม่บอกใครเลยทีนี้มันไม่พอ...ก็โทรมาข่มขู่อีกน้องเค้าไม่ไหว...ก็เลยมาขอความช่วยเหลือเพื่อนอาเจ้ฯ บังเอิ๊ญญญญญ...วันนั้นไอ้เพื่อนคนนี้โทรมาพอดีเลยก็เลยถามมันว่า...เอาไงดีวะ แอบสงสารน้องเค้านิดนึงว่ะมันก็แนะนำมาว่าให้ทำไงบ้างและมันก็ตบท้ายว่า....แกอ่ะนะถ้าจะไปทำอะไรแบบนี้อย่าไปทำนะ....ถ้าเหงา..ว้าเหว่...บอกชั้นนะ ชั้นจัดการให้ได้....เงียบกริบ...ไม่บอกใคร โอเคไม๊....เจ้ฯ ก็เลยตบท้ายบอกมันไปว่า.....ชั้นคาดว่า....แกคงรอจนแก่ตายนั่นแหล่ะ....เพราะรู้ไง...ว่ามันปากหมา..พูดเล่น..ชอบให้ด่า...ฟังเพื่อนด่าแล้ว มันสบายใจ มันโรคจิตน่ะ...มันแซวมุขนี้แล้วได้ผล....บางทีเจ้ฯ ก็หน้าแดง อายมันมันก็จะเก็บมุขนี้ไว้แซวเจ้ฯ ตลอดวันนี้มันมีจังหวะก็เลยตบมุขนี้ซักหน่อยแกสวยขึ้นนะ...ถ้าแกเปลี่ยนใจ...แกบอกชั้นได้นะ เอาเหอะมึ๊งงงง...นอนหลับแล้วใช่ไม๊วันนี้...ได้แซวชั้นเนี่ยมันก็หัวเราะชอบใจนานหลายเดือน...ถึงได้เจอกัน....หรือได้คุยกันบ้างก็รู้สึกดี....ที่เราเจอเพื่อนที่ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันคุยกันเรื่องไร้สาระ...แซวกันไปมาแค่นี้ก็ต่อชีวิตของแต่ละคน...ในสภาวะที่พวกมันเครียดๆ ไปได้แล้วล่ะ