ทำสีผมด้วยสมุนไพร...ทางเลือกใหม่ของคนที่ต้องการปิดผมขาว (^_^)
อาเจ้ฯ เป็นคนมีผมเส้นใหญ่ และมีผมหนามากจะมีผมขาวนิดๆ หน่อยมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วทีนี้พอมาเรียน...มันก็เครียดซะจน.....ผมหงอกเกือบทั้งหัวเลย พอมีผมหงอกที....อาเจ้ฯ ก็ไปโกรกสีผมทีนึงทีนี้ก็มาเอะใจ....เอ๊...ทำไมกูโกรกผมถี่จังวะไม่ถึง 3 อาทิตย์ก็เหมือนสีผมที่โกรกไว้มันจะหลุดหมดแล้วอ่ะค่ะเห็นผมหงอกชัดเจนซะจน...ต้องโกรกใหม่อีกรอบนึงแถมผมก็สยองมาก.....กรอบหยั่งกะไม้กวาดรู้สึกทนไม่ได้แล้ว....ก็นึกออกว่า...เพื่อนสาวคนที่พึ่งจบดร.น่ะ มันก็เคยเจอปัญหาเรื่องผมเหมือนกันแต่คนละแบบกับอาเจ้ฯ ของมันน่ะ..เครียดแล้วผมร่วงแต่ของอาเจ้ฯ เครียดแล้วผมหงอก ประหลาดดีไม๊ ก็เลยโทรไปถามมันว่าทำไงดีอ่า...เพื่อนบอกว่ามึงทำสีผมด้วยสารเคมีมากไป ผมมึงมันทนไม่ไหวแล้ว ผมมึงถึงเสียขนาดนั้นน่ะมึงต้องลองเปลี่ยนไปทำด้วยสมุนไพรดูไม๊กูลองทำมาแล้วดีมากเลยนะเพื่อนสาวก็แนะนำให้ไปทำสีผมที่ "มะมาสมุนไพร"เพื่อนสาวทำที่สุขาภิบาล 1 ตอนที่อาเจ้ฯ เริ่มเข้าสู่วงการจะทำสีด้วยสมุนไพร ยังอยู่เชียงใหม่อยู่ก็เลยไปลองทำที่มะมาสมุนไพรที่เชียงใหม่ค่ะจริงๆ แล้วสมุนไพรที่ใช้หมักผม...ไม่ได้ใช้หมักสำหรับทำสีตรงๆ หรอกค่ะแต่คุณสมบัติของสมุนไพรมันปิดผมหงอกได้ดีเค้าก็เลยนิยมทำเพื่อปิดสีผมกันสำหรับอาเจ้ฯ ก็เลยเป็นเหตุผลอย่างหลังค่ะทำปิดผมหงอก และคุณสมบัติของสมุนไพรอีกอย่างที่สำคัญ ก็คือ ทำให้ผมขึ้นช่างเค้าเล่าไปเจื้อยแจ้ว....อาเจ้ฯ ฟังเค้าเล่าว่าผมของคุณพี่จะขึ้นเป็นต้นข้าวเลยค่ะอาเจ้ฯ ฟังแล้วก็เฉยๆ แต่พอหมักไปได้ซักครั้งที่ 3 อ่ะโหววว พอมัดผม...เท่านั้นแหล่ะตรงหน้าผาก....ผมชี้โด่ชี้เด่เลยมันขึ้นจริงๆ แฮะสมุนไพรที่ใช้หมักมี 2 แบบด้วยกันนะคะแบบแรก คือ ประคำดีควาย สีของประคำดีควายมันจะดำปริ๊ดเลยอ่ะค่ะ ก็เลยนิยมใส่เยอะๆ ตรงโคนผมเพื่อปิดผมหงอกแบบที่สอง คือ มะขามป้อมสีจะออกน้ำตาลอ่อน เหมือนทำสีผมแฟชั่นเลยค่ะแต่สีมันไม่ได้ออกมาจัดจ้านแบบทำสีด้วยเคมีนะคะคือ..แบบว่าพอด้ายยยอ่ะค่ะ ช่างถามว่า...คุณพี่เอาสมุนไพรแบบไหนดีคะอาเจ้ฯ บอกช่างว่า...อันไหนก็ได้แต่ขอให้ดูวัยรุ่น...ช่างก็เลยลงประคำดีควายปิดหงอกให้ตรงโคนผมและลงมะขามป้อมให้ตรงปลายผมให้ดูมีประกายธรรมชาติหน่อยพอลงสมุนไพรหมักเรียบร้อยแล้วช่างก็จะเอาผ้าขนหนูมาพันผมเอาไว้การหมักด้วยสมุนไพรนี่...ยิ่งหมักไว้นานยิ่งดีร้านเค้าจะแนะนำให้หมักเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไปแต่คุณเพื่อนของอาเจ้ฯ เธอแนะนำอาเจ้ฯ มาว่าให้หมักแล้วก็นอนไปเลยตื่นมาตอนเช้าค่อยมาล้างตอนหมักมองไม่เห็นค่ะเพราะมันอยู่ในห่อผ้าพอแกะออกมา...มันเป็นแบบนี้ค่ะ...แข็งเป็กเลยตรงที่ดำๆ น่ะช่างระดมประคำดีควายให้ซะเยอะเลยเพราะหงอกเยอะจัด...ด้านหลังค่ะเค้าจะหมักปลายผมด้วยค่ะแล้วช่างเค้าก็ม้วนไปเก็บไว้ข้างบนให้...แบบนี้แข็งปั๊กกกกกช่างถามว่า...คุณพี่จะล้างเองหรือจะมาล้างที่ร้านคะเพื่อนสาวอีกเหมือนกันแนะนำว่าให้ล้างเองที่บ้านก็ได้จะได้ไม่ต้องออกจากบ้านแต่เช้า...ในสภาพที่น่าสยอง แกะกระดาษทิชชู่ออกมาเป็นกองๆ แบบนี้เลยมันล้างยากพอสมควรนะคะแต่อาเจ้ฯ มีเทคนิคที่ค้นพบเองคือ เอาน้ำรดผมจนกระทั่งผมมันนิ่ม แล้วค่อยขยี้เพื่อล้างเอาสมุนไพรออกกว่าผมจะนิ่ม...ก็จะใช้เวลาประมาณนึงอ่ะคะ...เพราะมันแข็งถ้าไปล้างที่ร้าน...เค้าคิดราคาค่าล้าง 100 บาทค่ะกลิ่นของสมุนไพรก็ไม่ได้เหม็นนะคะเป็นกลิ่นปกติของสมุนไพรน่ะค่ะ...บอกไม่ถูกเอาเป็นว่าทนได้ละกันค่ะค่าทำสีผมด้วยสมุนไพร ครั้งละ 450 บาทไม่แพงเลยค่ะพอไดร์เสร็จก็มายืนดูสีผมที่ได้ก็โอวววววววววววววนะ ถ้าไปเริ่มทำครั้งแรก เค้าจะให้ทำทุกสัปดาห์ต่อนเนื่องกัน 4 สัปดาห์ของอาเจ้ฯ เอาแบบจำง่ายคือ ไปเริ่มทำวันศุกร์พอศุกร์ต่อมาก็ไปหมักอีก ทำแบบนี้ติดต่อกัน 4 อาทิตย์ค่ะ และหลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าผมของเราจะมีผมหงอกขึ้นหรือยังถ้าหงอกแล้ว...ก็ไปหมักแค่นั้นเองข้อดีของการทำสีผมด้วยสมุนไพร ก็คือผมที่เคยแข็ง...หยั่งกะไม้กวาด เริ่มนิ่มลงแล้วค่ะ(นี่ยังไม่ได้ทำสปาผมด้วยสมุนไพรเพิ่มเติมตามที่เค้าแนะนำนะคะ)และผมขึ้นมาใหม่....ตามที่ช่างเค้าบอกไว้เยอะมากกกกกกกกกกกกกก ช่างเค้าบอกแบบนี้ค่ะผมเดิมของเรา มันเสียด้วยการทำจากสารเคมีสมุนไพรจะเข้าไปกระตุ้นการผลัดเส้นผมเก่าให้หลุดร่วงลงและก็จะกระตุ้นให้มีผมงอกขึ้นมาใหม่ทดแทน อันที่ร่วงไปของเจ้ฯ มันเห็นผลทั้งสองแบบเลยค่ะผมร่วงเยอะเหมือนกัน....เห็นชัดตอนสระผมน่ะค่ะแต่ผมขึ้นใหม่....งอกเป็นต้นข้าวเต็มหัวอีกเหมือนกันอีกอย่างนึง...คือ ผมหนาอยู่แล้ว เลยไม่กังวลเท่าไหร่ถ้ามีปัญหาเรื่อง ต้องการปิดผมขาว และผมแข็งหยั่งกะไม้กวาดลองไปทำสีผมด้วยสมุนไพรดูนะคะทำแล้วจะติดใจเหมือนอาเจ้ฯ ค่ะ ตอนนี้เลิกทำเคมีไปเกือบครึ่งปีแล้วค่ะแล้วผมก็ดีขึ้นมากด้วย เลยติดใจ ลองดูน้า...
ถ้าเป็นน้อง น้องก็จะล้างที่บ้านเหมือนกันค่ะ