เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
สุดสายปลายรุ้ง บทที่ 1

สวัสดีค่ะ

วันนี้ตัดสินใจแล้วหลังจากดองมาหลายเรื่องจะเดินหน้าต่อเรื่องนี้ละ ขอกำลังใจให้เขียนจบด้วยนะคะ

เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากคำพูดหนึ่งว่า จงยกตัวเองให้สูงเทียมคนอื่นแต่อย่ากดคนอื่นลงเพื่อตนจะสูงกว่า

ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือยอมรับหรือไม่ แต่ความจริงคือ เรามักใช้ชีวิตราวกับว่า “คนอื่น” เป็นเพียง “เครื่องมือ” ที่มีไว้ให้เราบรรลุเป้าหมาย มากกว่าจะเห็นพวกเขาเป็น “เพื่อนมนุษย์” หรือ “ผู้ร่วมทางชีวิต” ที่มีหัวจิตหัวใจ มีความฝัน ความหวัง ความรัก ความกลัว ฯลฯ ซึ่งควรค่าต่อการใส่ใจไม่น้อยไปกว่าของตัวเรา

เพราะเรามักหมกมุ่นแต่กับชีวิตตัวเอง สนใจแต่ความต้องการหรือเป้าหมายสารพัดของตัวเรา จนหลายครั้งละเลยหรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่น หรือไม่ก็เห็นพวกเขาเป็นเพียงอุปกรณ์ในการไขว่คว้าหาความสุขให้แก่ชีวิตเรา

ยิ่งพูดยิ่งฟุ้งไปอ่านกันดีกว่าค่ะ

ตอนที่ 1

ห้องทำงานอันสงบเงียบในยามเช้าแบบนี้ถูกใจเก็จถวาอย่างที่สุด เธอหวงแหนเวลาอันสงบที่จะได้นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย สะสางงานที่คั่งค้าง อ่านเมล์ที่ส่งมาถึงเธออย่างละเอียด เพราะหลังจากเก้านาฬิกาไป บรรยากาศที่สงบทั้งมวลจะสลายหายไป จะมีเสียงกริ่งโทรศัพท์ เสียงพูดคุย ตลอดจนทุ่มเถียงก็มี ดังนั้นห้องทำงานในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้จึงเป็นห้องพักเตรียมใจของเธอก่อนจะสู้กับวันหนักๆอีกวันกับเหล่าผู้บริหารชายคนอื่นๆทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันอันสำคัญต่ออนาคตหล่อนเช่นนี้


เก็จถวาพยายามดื่มด่ำกับความสงบเงียบนี้ให้เต็มที่ ก็แน่ละถ้าใครมาเป็นแบบเธอ ผู้บริหารหญิงคนเดียวในหมู่ผู้บริหารชายยกแผงคงต้องรู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ เก็จถวาต้องทำงานหนักกว่าวันละสิบห้าชั่วโมงในตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเพื่อให้งานโปรเจ็คต์ใหญ่ของเธอผ่าน หนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้จะผ่านไปแบบชั่วพริบตาที่เก็จถวาจะพลาดไม่ได้เลย


หล่อนรู้ว่างานครั้งนี้มีความเสี่ยง รู้ว่าไม่จำเป็นต้องผลักดันโครงการห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ประเทศเวียตนามก็ได้ เหมือนบรรดาผู้บริหารชายคนอื่นๆที่ทำงานไปแต่ละวันโดยมุ่งเพียงรักษาตำแหน่งของตนและอยู่ในสายตาประธานบริษัทฯให้มากที่สุดเท่านั้น แต่เก็จถวาทำแบบนั้นไม่ได้ หล่อนก้าวมาไกลเกินกว่าจะหยุดนิ่งอยู่กับที่แล้ว เธอหวังจะแสดงให้ท่านประธานและในที่ประชุมได้เห็นถึงความสามารถของเธอแม้จะเป็นเพียงผู้หญิง


ปีที่แล้วบริษัทฯเปิดสาขาห้างสรรพสินค้าในจีนสองแห่ง และโครงการที่เก็จถวาทำมากับมือก็ถูกถ่ายโอนไปให้กับผู้บริหารชายสองคนที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าพวกช่างประจบสอพลอแล้วขี้ขโมย พวกนั้นขโมยงานเก็จถวาไปหน้าตาเฉยเพียงเพราะหล่อนเป็นผู้หญิง


ส่วนประธานบริษัทฯของเธอก็เป็นชายชรา อายุสักล้านปีเห็นจะได้ ถ้าดูจากความยับย่นของริ้วรอยบนใบหน้าเขา เป็นเสมือนดาร์คเวเดอร์ที่ชั่วร้ายในภาพยนตร์สตาร์วอร์ พูดตามตรงนะไม่มีใครชอบเขาจริงๆหรอกนอกเสียจากว่าเขาเป็นประธานบริษัทฯจึงมีคนคอยเจ๊าะแจ๊ะเอาอกเอาใจ คำสั่งทุกคำของเขาคือประกาศิต และเขาก็เป็นพวกหัวโบราณทึมทึกที่คิดว่าผู้หญิงเป็นรองชายวันยังค่ำ


มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เก็จถวาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือซึ่งเป็นเรือนหรูฝังเพชรยี่ห้อโบเมแอนด์เมอร์ซิเออร์ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แปดโมงสี่สิบห้านาทีแล้ว “เชิญ”

อานนท์ ผู้ช่วยหนุ่มวัยยี่สิบกว่าของเธอซึ่งทำงานหนักพอๆกันก้าวเข้ามา ใบหน้าส่อแววตื่นเต้น

เก็จถวายิ้มอย่างสงบ “ว่าไง ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?”

“ครับ ท่านประธานมาถึงแล้วตอนนี้อยู่ในห้องทำงาน ส่วนคอมพิวเตอร์และแผนงานผมไปตรวจสอบมาแล้ว คุณนิพนธ์ ฝ่ายต่างประเทศสาขาเวียตนามก็มาถึงแล้ว”


เก็จถวาพยักหน้ารับ หล่อนเกลียดหน้านายนิพนธ์นี่ หมอนี่พยายามอย่างที่สุดที่จะเขี่ยเก็จถวาให้พ้นทาง ทั้งที่เขาเป็นคนชักชวนเธอเข้ามาทำงานที่นี่เองเมื่อห้าปีก่อน


“จัดที่นั่งให้เขานั่งอยู่มุมด้านหลังห่างจากท่านประธานไปสองแถว รีบทำระวังอย่าให้ใครเห็น” หล่อนสั่งทันควัน อานนท์รีบถลาออกไป เก็จถวาตั้งสติก่อนรวบรวมแฟ้มเอกสารเดินเยื้องย่างประหนึ่งกำลังลอยละล่องอย่างคนที่ฝึกฝนท่าเดินมาอย่างดีตรงไปยังห้องประชุมที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกระฟ้าแห่งนี้


ระหว่างทางหล่อนสวนกับนรีนารถเพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอในที่ทำงานแห่งนี้ นรีนารถเข้ามาทำงานในเวลาไล่เลี่ยกับเธอ แต่หล่อนมีความทะเยอทะยานน้อยกว่าและพอใจจะทำงานสบายๆอย่างสงบสุขจนกว่าจะเกษียณไปจึงพอใจเพียงตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางเท่านั้น ซึ่งเก็จถวาทำอย่างนั้นไม่ได้ มันสิ้นคิดน่าดูสำหรับเธอ แต่ดูเหมือนนรีนารถจะไม่เดือดร้อนเท่าไหร่


‘นารถไม่หวังสูงเท่าไหร่หรอก ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีเกินที่คิดไว้อีก ทุกวันนี้ความสุขคือถึงเวลากลับบ้านไปเล่นกับลูก มีเวลาทำกับข้าวให้ลูกให้สามีกินก็ดีพอแล้วว่าแต่เก็จเถอะมันคุ้มไหมที่ตัวต้องสละการแต่งงานแลกกับอาชีพการงานน่ะ’


เก็จถวาเคยหัวเราะเยาะกับประโยคนี้เสียงดัง ทำไมนะการที่ผู้หญิงประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแค่ไหนแต่ถ้าไม่แต่งงานมีลูกมีสามีก็ถือว่าล้มเหลวอยู่ดีงั้นหรือ นรีนารถจะรู้อะไรๆในชีวิตนักละในเมื่อหล่อนเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เพียบพร้อมด้วยฐานะและชาติตระกูล จบมาไม่นานพ่อหล่อนก็ใช้ความสนิทสนมส่วนตัวฝากนรีนารถเข้าทำงาน จากนั้นหล่อนก็แต่งงานกับชายหนุ่มที่เพียบพร้อมอีกคนที่พ่อแม่หาไว้ให้ คุณเธอจะไปรู้เรื่องชีวิตที่แสนโหดและการดิ้นรนสารพัดเพื่อมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่เป็นผู้บริหารหญิงอายุน้อยที่สุดและเป็นหนึ่งเดียวในบอร์ดบริหารชายล้วน จุดที่เธอประสบความสำเร็จเกินกว่าผู้หญิงคนใดในบริษัทฯจะทำได้ แต่เธอก็เอ่ยตัดบทกับนรีนารถด้วยเสียงอ่อนหวาน ป่วยการที่เธอจะสร้างศัตรูอีกคนในที่ทำงานและอีกอย่างหล่อนก็ชอบพอนิสัยหญิงสาวผู้นี้ไม่น้อย


‘ฉันชอบความเป็นอิสระและสนุกกับงานมากกว่าคอยตามรบกับลูกผัวที่คอยเรียกร้องนั่นนี่ไม่รู้จบ’ ดูเหมือนว่านรีนารถจะไม่รู้ตัวว่าถูกเธอเหน็บเอาหน่อยๆด้วยซ้ำเพราะหล่อนยังคงตั้งหน้าตั้งตาพูดถึงแง่ดีของการมีครอบครัวให้เธอฟังอยู่เสมอจนเก็จถวาต้องคอยตัดบทอยู่บ่อยไป


“เก็จ วันนี้เธอเสนอโปรเจคต์ใช่ไหมจ๊ะโชคดีนะจ๊ะ ฉันเชื่อว่าต้องผ่านฉลุยแน่” นรีนารถส่งยิ้มอ่อนใสมาให้ “แล้วเที่ยงนี้ไปกินข้าวกัน ฉันอยากรู้เรื่องทั้งหมดนะ”


“จ๊ะ หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” เธอพยักหน้าน้อยๆ อดใจเต้นแรงไม่ได้ ใครก็รู้ว่าเสือเฒ่าอย่างนายวิชิต มหาธนทรัพย์ ประธานบริษัทเอสพีอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปแห่งนี้เป็นคนอย่างไร เขามักทำท่าเป็นตาแก่หลงๆลืมๆเหมือนคนเสียสติ แล้วก็ทำอะไรเหนือความคาดหมายทุกครั้ง “ไว้ฉันประชุมเสร็จ ฉันโทรหาเธออีกที” เก็จถวาบอกเบาๆก่อนเดินตรงไปยังห้องประชุม


หล่อนเตือนตนเองว่าเป็นวันสำคัญยิ่งต่ออาชีพการงาน ตลอดเวลาสามเดือนที่วุ่นกับการวางแผนงานเปิดห้างสรรพสินค้าใหญ่ในเวียตนาม กิจการค้าปลีกเป็นหน่วยงานใหม่ของบริษัทฯที่ท่านประธานมีแผนจะขยายไปครอบครองทั่วโลก ดูเหมือนว่าจะสำเร็จเป็นอย่างดี และดูเหมือนว่าเก็จถวาจะเป็นคนเดียวในบริษัทฯที่จับงานนี้มาตั้งแต่แรกแต่จนแล้วจนรอดก็มีหล่อนคนเดียวในผู้บริหารที่ก้าวขึ้นมาพร้อมกันยังไม่เคยไปเป็นประธานของสาขาบริษัทฯใดๆเลย

บริษัทฯมีการแตกย่อยหน่วยงานออกไปทั้งหมดสามสิบสองหน่วยทั่วโลก ผู้บริหารชายได้รับมอบหมายงานข้ามหน้าข้ามตาหล่อนไป อย่างน้อยๆปีนี้ก็หกคนไปแล้ว แต่เก็จถวาจะไม่ยอมติดแหง็กอยู่กับที่หรอกกับแค่การได้เป็นผู้บริหารหญิงคนเดียวที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์หกสิบปีของบริษัทฯ ผู้บริหารแผนกวางแผนโครงการต่างประเทศที่หล่อนทำอยู่ก็เหมือนกับการกินอาหารเดิมซ้ำๆที่ไม่น่าตื่นเต้นเมื่อปีที่สามผ่านไป


ดังนั้นเก็จถวาจึงหมายมั่นจะเลื่อนขึ้นไปตำแหน่งสูงสุดคือกรรมการผู้จัดการใหญ่ของที่นี่เป็นรองเพียงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทฯซึ่งก็คือผู้สืบทอดกิจการของบริษัทฯเท่านั้น แต่การจะเป็นอย่างนั้นได้หล่อนคงต้องเป็นผู้จัดการโครงการใหญ่สักโครงการในต่างประเทศก่อนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ได้ ซึ่งก็มีตัวกีดขวางเดียวคือนายนิพนธ์ ซึ่งทีแรกนายนิพนธ์บอกปัดว่ามีงานสำคัญที่เวียตนาม ไม่อาจมาร่วมประชุมโครงการสำคัญประจำปีได้ แต่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาราวหมาป่าไฮยีน่า ที่พยายามแย่งเครดิตงานของหล่อนไป เก็จถวาคิดอย่างโกรธเกรี้ยวในใจ


แน่นอนว่าแม้นายนิพนธ์จะเป็นคนดึงหล่อนเขามาทำงานเมื่อห้าปีก่อนตอนที่หล่อนกำลังมีชื่อเสียงจากการบริหารโครงการบัตรเครดิตของธนาคารข้ามชาติได้สำเร็จงดงามที่สุด แน่นอนว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมา เก็จถวาได้ทำงานอย่างหนักส่งนายนิพนธ์ขึ้นสู่ตำแหน่งที่ต้องการได้สำเร็จ ถึงตอนนี้ก็เป็นทีของหล่อนบ้างละแม้จะไม่เคยมีผู้หญิงคนใดได้ตำแหน่งระดับนี้มาก่อน แน่ละทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอและเก็จถวานี่ละจะเป็นคนเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ


เก็จถวาก้าวเข้าห้องประชุมด้วยท่าทีมาดมั่น ไม่ปล่อยให้ความไม่เชื่อมั่นเล็ดรอดออกมา นายนิพนธ์เดินมาหาเธอด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง เขาคงรับรู้ถึงความโกรธของหล่อนที่คุกรุ่นภายในแต่ในองค์กรใหญ่เช่นนี้ ทุกสิ่งที่คุณแสดงออกไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือท่าทีล้วนถูกระบายสีไปได้ต่างนานา ถ้าหล่อนเสียงดังไปนิดก็จะถูกมองว่าเกรี้ยวกราดและก้าวร้าวถึงขั้นสติแตกไปเลยก็ได้ ดังนั้นพึงเก็บอารมณ์ไว้ก่อน


“สวัสดีค่ะคุณนิพนธ์ สงสัยว่าคงมีใครสับสนเป็นแน่ เมล์ที่คุณส่งมาบอกดิฉันว่ามาร่วมงานประชุมไม่ได้นี่คะ”


“หลังจากเราลงแรงร่วมกันเพื่อสร้างฐานธุรกิจที่เวียตนาม ผมเลยคิดว่าควรจะมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง” นิพนธ์เอ่ย จากนั้นเขาก็คงจะบอกท่านประธานว่าทั้งหมดเป็นความคิดของเขาด้วยแน่ๆ เก็จถวากัดฟันกรอดแสร้งพยักเพยิดด้วยอาการปกติ การช่วงชิงฉกฉวยทุกอย่างที่จะกระทำได้ดูจะเป็นเรื่องปกติวิสัยของผู้บริหารที่นี่


เก็จถวายิ้มอย่างอ่อนหวาน เอาซิอย่าคิดว่าเขาจะเล่นเกมเป็นคนเดียว นิพนธ์ไม่ใช่คนฉลาดในการทำงานนักแต่รู้วิธีแทรกตัวเข้าไปหาคนมีอำนาจคนอื่นๆและแสดงความจงรักภักดีจับมือเล่นกันเป็นทีมเพื่ออำนาจ เขาก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งประธานค้าปลีกเขตเวียตนามได้เพราะรู้ว่าควรประจบใคร และด้วยการเข้าถึงนายวิชิต ซึ่งหลงใหลพระเครื่องและของโบราณที่นิพนธ์เองก็เป็นนักเล่นของเก่าตัวยง


เมื่อสองปีก่อนตอนที่หล่อนเริ่มมองหาการขยายฐานธุรกิจออกไปในภูมิภาคใกล้เคียงเนื่องจากความต้องการภายในประเทศเริ่มอิ่มตัว เก็จถวาเสนอความคิดนี้ในงานประชุมบรรยายประจำปีบริษัทฯแล้วนิพนธ์ก็ทำเหมือนว่านี่คือความคิดของเขา ที่แย่กว่านั้นคือเขาตัดชื่อเธอออกจากทีมงานทำงานหลังจากที่เก็จถวาใสซื่อมอบแผนงานที่วางไว้ทั้งหมดให้เขาไป


แต่งานนี้...นายนิพนธ์...นายพลาดไปแล้วละ เก็จถวาจัดการลบเหลี่ยมเขาไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนก่อนหล่อนเข้าพบนายวิชิตเพื่อปรึกษาถึงโครงการใหม่โดยเปรียบเทียบโครงการที่นายนิพนธ์ดูแลอยู่ โดยอธิบายร่ายยาวความผิดพลาดของโครงการเดิมเนื่องจากการไม่รู้จักปรับแผนให้เข้ากับเขตพื้นที่ ซึ่งนายวิชิตเองก็ชมเชยเก็จถวาว่าเป็นผู้มีตาคมประดุจเหยี่ยวและฉลาดสุดยอด จากนั้นเขาก็สั่งปรับแผนโครงการเดิมตามที่เธอเสนอ นี่ถ้านายนิพนธ์ไม่ตัดชื่อหล่อนออกจากทีมและพยายามบดขยี้หล่อนเพื่อให้ออกจากงาน เก็จถวาก็คงไม่ทำอะไรลับหลังเขาแบบนี้หรอก


ในที่สุดก็ถึงเวลาประชุมเมื่อผู้บริหารเริ่มทยอยเข้ามา นายวิชิตกำลังเดินมาทางที่เก็จถวายืนอยู่


“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” หล่อนยกมือไหว้เขา ส่วนนายนิพนธ์ทำท่าราวจะคุกเข่าลงไปแสดงความภักดีให้ถึงที่สุดกระนั้นถ้าทำได้


“สวัสดี คุณเก็จถวา คุณนิพนธ์ วันนี้คงยอดเยี่ยมเช่นเคยนะ” เขาพูดยิ้มๆ เก็จถวาขัดเขินอยู่สักหนึ่งถึงสองวินาที เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้านายวิชิต หล่อนเหมือนกลับไปเป็นเด็กหญิงเล็กๆที่ยืนต่อหน้าพ่อ พ่อที่ลางเรือนในความทรงจำ พ่อของเธอทิ้งครอบครัวไปตอนที่เธออายุสิบขวบขณะที่น้องสาวของหล่อนอินถวาอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น


พ่อทิ้งเงินส่วนหนึ่งให้แม่พร้อมสัญญาจะส่งเสียเลี้ยงดูพวกหล่อนสองพี่น้องก่อนที่จะบินไปอเมริกาเพื่อเสวยสุขกับเมรัน เลขาสาวของพ่อ จากนั้นเก็จถวาก็ไม่เคยได้ข่าวคราวจากพ่ออีกเลยขณะที่แม่พาพวกเธอถลำลึกเข้าสู่ความจนอย่างเฉียบพลัน เพราะแม่เป็นเพียงแม่บ้านที่ไม่รู้จักการจัดการทรัพย์สินไม่รู้จักวิธีหาเงินเพราะชีวิตทั้งหมดของแม่ฝากไว้ที่พ่อเมื่อพ่อจากไปก็เหมือนว่าแม่เองก็ไม่มีตัวตนของตัวเองเช่นกัน


แม่ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อความสุขในช่วงระยะแรกเพื่อให้คลายความเศร้าที่ถูกทอดทิ้งจนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีเมื่อจู่ๆบ้านที่อาศัยอยู่ก็ถูกธนาคารยึดจากการที่แม่นำบ้านไปจดจำนองเพื่อลงทุนธุรกิจเล็กๆร่วมกับเพื่อน และธุรกิจนั้นก็พังอย่างไม่เป็นท่า

........เก็จถวาคิดถึงวันที่หล่อนไม่รู้ว่าจะหาเงินค่าข้าวกลางวันให้น้องสาวที่ร้องไห้กระซิกๆ นอกจากการแอบหยิบจานอาหารที่เด็กบางคนกินเหลือไปหลังอาคารเรียนเพื่อให้น้องกิน นับจากวันนั้นเก็จถวาสัญญากับตัวเองว่าหล่อนจะไม่ยอมเป็นแบบแม่ ผู้หญิงที่ต้องพึ่งพิงผู้ชาย


“คุณคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จรึเปล่า คุณเก็จถวา” วิชิตถามยิ้มๆ ด้วยท่าทีใจดีแต่นั่นยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวเข้าไปอีก เก็จถวาเขย่าตัวเองให้ตื่นจากภวังค์


“มันจะดังระเบิดในไซง่อนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยค่ะ”


“นั่นละที่ผมอยากได้ยินจากผู้บริหาร” เขาถูมือเหี่ยวย่นเหมือนตัวร้ายที่ในหนัง ก่อนจะเดินผ่านเก็จถวาเข้าไปนั่งในที่นั่งประธาน


หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาทีที่เก็จถวานำเสนอแผนงานอย่างไม่มีที่ติและตอบข้อซักถามทุกข้ออย่างฉะฉานและพรั่งพร้อมด้วยข้อมูล เมื่อไฟเปิดขึ้นอีกครั้งเสียงปรบมือดังขึ้น เก็จถวายิ้มรับแต่ท้องไส้เกิดปั่นป่วนขึ้นมาทันทีเมื่อนายวิชิตกล่าวขึ้น


“ดูเยี่ยมมาก รัดกุมและมีความเป็นไปได้สูง ยอด ยอดจริงๆ คุณว่าไงนิพนธ์”


นี่มันผลงานหล่อน ไม่ใช่ของนายนิพนธ์ เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆนอกเหนือจากการรับเมล์ที่บอกผ่านๆของหล่อนเท่านั้น แล้วตอนนี้นายนิพนธ์ยังลุกขึ้นตอบอย่างยิ้มย่องเสมือนเป็นผลงานตัวเองอีก ไอ้บ้าหัวสมองกลวงแถมยังพยายามเข้ามาขโมยเครดิตผลงานเธออีก


เก็จถวาเอียงคอแสร้งทำเป็นฟังนิพนธ์พูดอย่างสนใจ เขาพูดสอพลอว่า “นั่นเป็นเพราะความฉลาดเฉลียวของท่านที่มองการณ์ไกลที่ผลักดันเราในฐานะผู้นำแห่งภูมิภาค”


ดวงตาเล็กๆสีเทาฝ้าฟางของนายวิชิตเป็นประกายระยับ “ความฉลาดเดียวของผมคือจ้างคนเก่งๆอย่างพวกคุณมาทำงาน คุณสองคนทำงานได้ดีมาก”


เก็จถวายิ้มปรายตามองนายนิพนธ์ที่ฉีกยิ้มกว้างกว่า “คุณเก็จถวากับผมทุ่มเทอย่างหนักทีเดียว”


หล่อนเกือบจะอ้าปากคัดค้านแต่ชะงักค้างไว้ เดาว่านี่คือแผนของนิพนธ์ที่กำลังจะรวมโครงการที่เขาดูแลที่ทำท่าจะแย่เข้ามาไว้ในโครงการใหม่และตั้งตนเป็นเจ้านายหล่อนอีกครั้ง มันทุเรศมากที่เขากล้าทำแบบนี้เพราะตอนนี้เก็จถวากับเขาก็มีตำแหน่งที่เท่าเทียมกันแม้หล่อนจะยังไม่ได้บริหารโครงการใดโครงการหนึ่งเป็นจริงเป็นจังก็ตาม หล่อนต้องฝังเขาลงหลุมซะตอนนี้เลย


“คุณนิพนธ์ช่วยเหลือฉันได้มากเลยค่ะ เราติดต่อกันสองครั้งตลอดเวลาที่เริ่มวางแผน ครั้งแรกตอนที่ฉันขอข้อมูลผังเมืองเขตธุรกิจของไซง่อนและอีกครั้งตอนที่ขอให้เขาช่วยแนะนำฉันให้รู้จักกับประธานหอการค้าเวียตนามทางโทรศัพท์” เก็จถวายิ้มราวกับว่าการขอผังเมืองกับโทรศัพท์ครั้งเดียวของนิพนธ์ทำให้งานสำเร็จ “ซึ่งก็ทำให้ดิฉันได้ข้อมูลมากพอที่จะวางแผน”


ถ้านายนิพนธ์คิดว่าจะล้ำเส้นละก้ออย่าหวัง หล่อนแสดงเป็นนัยยะให้นายวิชิตเห็นว่าใครกันแน่คือตัวจริงผู้สร้างแผนโครงการพันล้านนี้ขึ้นมาและขณะเดียวกันก็ทำงานเป็นทีมได้เช่นเดียวกัน


นายวิชิตยิ้มกว้าง “ผมไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไมเราถึงเติบโตสวนทางกับจีดีพีของประเทศและภูมิภาค ผมไม่เคยสงสัยในความสามารถของผู้บริหารที่นี่เลย” เขาพูดก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องประชุมพร้อมผู้บริหารอื่นที่ทยอยเดินตาม

เก็จถวาเก็บรวบรวมแฟ้มเอกสารกับผุ้ช่วยของหล่อน

“สุดยอดมากเลยครับ คุณเก็จ” อานนท์เอ่ยปากเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว “คุณตอกเขาหน้าหงายไปเลย”

“ขอบใจมากจ๊ะอานนท์ เพราะความช่วยเหลือของเธอทีเดียว” หล่อนพูดอย่างจริงใจกับผู้ช่วยหนุ่มรุ่นน้อง

“ผมต่างหากที่ได้เรียนรู้งานจากคุณเก็จ” เขาพูดถ่อมตน

“ฉันไม่ลืมเธอแน่ อานนท์” หล่อนย้ำก่อนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “ฉันต้องไปก่อน นัดทานข้าวกับคุณนรีนารถไว้ ขอบใจมากๆนะจ๊ะ” เก็จถวาตบไหล่เขาเบาๆ

เก็จถวาชอบที่ผู้ช่วยหนุ่มของหล่อนอ่อนน้อม ตอนที่หล่อนเลือกผู้ช่วยขึ้นมาเก็จถวาแน่ใจว่าหล่อนต้องเลือกผู้ช่วยชาย การได้รู้สึกถึงอำนาจที่มีเหนือเพศชายทำให้สัญชาตญาณหล่อนตื่นตัวตลอดเวลาและเหมือนเป็นแรงขับดันลึกลับให้เก็จถวาทะยานไปข้างหน้าเร็วยิ่งขึ้น







Create Date : 13 กรกฎาคม 2552
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 17:43:21 น. 7 comments
Counter : 293 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ
พี่เตือนเข้ามารายงานตัว ( ยังคิดถึงคุณสาวช่างถามอยู่นะคะ) ความรู้สึกคล้ายกับอ่านนิยายแปลเลย ขนาดเรื่องค่อนข้างจริงจัง ยังแอบแทรกขำๆ เป็นระยะ 'อายุประมาณล้านปี' ชอบจัง สำนวนคมคายเหมือนเดิม

แนะนำ:ระหว่างประโยคบ้าง พี่ว่าน่าจะเว้นวรรคมากกว่านี้นะคะ จะทำให้อ่านง่ายขึ้นตัวหนังสือไม่ติดกันมากเกินไป

ช่วยดูคำตกหล่นให้ค่ะ
..หล่อนรุ้ว่างานครั้งนี้มีความเสี่ยง:รุ้=รู้
..ถ้าไม่แต่งงานมีลกมีสามีก็ถือว่าล้มเหลวอยู่ดีงั้นหรือ:ลก=ลูก
..และฑุรกิจนี้ก็พังอย่างไม่เป็นท่า :ฑุรกิจ=ธุรกิจ
..พ่อที่ลางเรือนในความทรงจำ:ลางเรือน=ลางเลือน


โดย: Tuan IP: 61.7.185.233 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:31:29 น.  

 
ขอบคุณค่ะ พี่เตือน

จะพยายามแก้ไขค่ะบางทีพิมพ์ไปมันตกหล่นผิดๆถูกๆ แต่จะพยายามระมัดระวังให้มากขึ้นค่ะ

แต่ไม่รู้จะแก้ไงที่จะให้เป็นนิยายไทยที่ไม่คล้ายนิยายแปลคงเป็นวิธีการเล่าเรื่องน่ะค่ะ จะเพิ่มการบรรยายให้เป็นนิยายไทยให้มากขึ้นค่ะ ขอสารภาพว่าเคยมีคนอ่านบอกให้ใช้คำว่า หญิงสาว ร่างบาง เสียงหวาน อะไรทำนองนี้บรรยายแต่ทำไม่ค่อยได้เลย ไม่ค่อยชอบ อ่านแล้วกระดากใจไงไม่รู้ 555

ยังไงจะพยายามฝึกไปเรื่อยๆนะคะ พี่เตือนอย่าเบื่อเตือนนะคะ 555 ขอบคุณค่ะ


โดย: สาวช่างถาม วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:49:22 น.  

 
ขึ้นต้นเรื่องก็น่าติดตามมากมาย แต่มีความเห็นนิดนึง ตรงที่ ไม่อยากให้ผู้เขียนแทรกเรื่องนาฬิกาหรู หรือความหรูหรา อื่น มากเกินไปค่ะ เพราะสังคมเราฟุ้งเฟ้อมากพอแล้วล่ะค่ะ


โดย: ขอแจม IP: 119.160.212.116 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:33:39 น.  

 
อยากเก่งๆ ได้เหมือนเก็จถวาจจังเลย


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 10.239.130.45, 203.170.231.233 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:20:41 น.  

 
ขอบคุณคุณที่ขอแจมค่ะ แจมเยอะๆดีค่ะ ข้าวของทั้งหลายนั้นเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความสำเร็จที่เก็จถวาคิดเอาเอง

หวัดดีค่ะ นุ่มนิ่ม ดีใจที่กลับมาอ่านค่ะ


โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.88.187 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:30:26 น.  

 
แวะมาอ่านอีกรอบ อิอิ สวัสดีค่ะพี่สาว


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 10.239.130.45, 203.170.231.233 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:20:07:38 น.  

 

มาอ่านแล้วนะคะพี่ริสา
ตามที่หนูได้สัญญาไว้ อิอิ
นี่แค่ตอนแรกยังสนุกยังงี้เลย
แล้วตอนต่อไปจะขนาดไหน

พี่ริสาเขียนแนวนี้ก็สนุกนะคะ
หนูชอบ อิอิ อัพไวๆ เน้อ


โดย: น้องพีน IP: 125.24.182.113 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:19:02:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.