|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
เจ้ามี่สามขา...1
เรื่องราวของปู่มี่เริ่มมาจากอีเหมียวสามสีตัวนึง ตอนแรกก็แค่แวะเวียนไปๆมาๆ แต่สุดท้ายก็ถึออภิสิทธิ์ เข้ามาอยู่ในบ้านฉันโดยไม่ได้เชิญแม้ว่ามาม้าจะพยายาม ไล่มันออกไปจากบ้านขนาดไหน มันก็ดื้อด้านไม่ยอมไป มันกำลังท้องแก่และมองหาที่คลอดลูกนั่นเอง อันที่จริงลูกครอกแรกของนางเหมียวตัวนี้ก็ ถือกำเนิดในบ้านของฉันนี่แหละ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมม้าจึงไม่อยากให้มันเข้าบ้าน เพราะลูกๆครอกแรกของมันทั้ง 4 ตัวซนสะบัดเลย บ้านที่เคยสงบเรียบร้อยก็กลายเป็นสมรภูมิให้พวกมัน ตะกุยตะกายจนยับเยินไปหมด แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากๆที่เราต้องทำตามคำสั่ง ให้นำพวกมันไปปล่อย และคงเพราะความน่ารักของมัน จึงมีคนอุ้มไปเลี้ยง ..แต่ มีเหลืออยู่ตัวที่หน้าตาผิวพรรณมันคงดำน่าเกลียดเกินไป จึงไม่มีใครสนใจ ฉันจึงเอามันกลับมาและขอเลี้ยงไว้ และตั้งชื่อว่ามัม ครอกแรก ฉายาเจ้าแมวลิ้นดำ ถึงตอนที่อีเหมียวสามสีตั้งท้องครอกทีี่สองนั้น เจ้ามัมอายุเกือบปีแล้ว เพราะตัวมันดำจึงมักถูก คนเดินเตะโดยไม่ตั้งใจเสมอ
ในที่สุดม้าก็ทนเสียงออดอ้อนของลูกๆทั้งสามตัว เอ้ย! สามคนไม่ไหวยอมให้มันเข้ามาคลอดลูกที่บ้าน เราจึงได้หากล่องทำเป็นโรงพยาบาลให้มันฝากท้อง นี่เป็นแมวตัวที่สามที่ได้เข้ามาอยู่ที่บ้าน.... แล้วก็ถึงวันที่ถือว่าตื่นเต้นสำหรับพวกเราอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันไม่ได้อยู่บ้านดูตอนที่มันคลอดลูก เหมือนตอนครอกแรก เพราะต้องไปเรียนหนังสือ พอกลับมาป๊าก็บอกว่าลูกมันเกิดแล้ว ทั้งหมด 4 ตัว (อีกแล้ว) ฉันเลยไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวไหนเกิดก่อน เกิดหลัง แต่คาดเดาเอาว่าปู่มี่คือลูกตัวแรกของครอก มี่มีลายเสือทั้งตัวเป็นผู้ชาย ตัวที่สองสีดำสนิททั้งตัว ชื่อโม่ง มันตายตังแต่เกิดได้ไม่นาน นี่คือเรื่องเศร้าเรื่องแรก ตัวที่สามสีขาวตัวผู้เช่นกันมีลายแต้มดำ ชื่อมอม ตัวสุดท้ายชื่อแมมเป็นผู้หญิง ซนที่สุดในกลุุ่ม ท่าทางแข็งแรงที่สุดด้วย คงเพราะอีเหมียวมันไม่ไว้ใจเรา จึงพยายามจะคาบลูก ไปไว้ที่อื่น แต่ฉันไม่อยากให้มันทำอย่างนี้น เลยหาแผ่นกระดาษลังไปวางปิดบนกล่องให้โดยที่ไม่ทัน คิดว่าเป็นการสร้างเรื่องเศร้าเรื่องที่สองขึ้นมา
ประมาณวันที่สามฉันแวะไปดูห้องของนางเหมียวแม่ลูกอ่อน สิ่งที่ได้เห็นคือเจ้ามี่มีแผลสาหัสที่ขาหน้าซ้าย จึงหายาทาให้ แต่วันต่อมาแผลยังคงไม่ดีขึ้น ซ้ำร้ายดูท่าทางเหมือน กระดูกมันขาดจากกันเสียด้วย เราจึงรีบพามันไปหาหมอ ปรากฏว่ากระดูกมันหักจริงๆ ฉันตั้งข้อสันนิษฐานว่า คงเป็นเพราะอีเหมียวกระโดดขึ้นกระโดดลงกล่อง ทำให้ฝากล่องที่ฉันนำไปปิดด้านบนไว้หล่นไปทับขามัน นี่เป็นเรื่องที่ฉันโทษตัวเองมาตลอด หมอวินิจฉัยว่าต้องผ่าตัดขาหน้าซ้ายของเจ้ามี่ทิ้ง ไม่อย่างนี้นแผลเน่าจะลามไปเรื่อยๆและมันอาจตายได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดหรือเปล่าเพราะตัวมี่มันเล็กมากๆ น้ำหนักน้อยเกินไปที่จะให้ยาสลบ แต่ก็ต้องทำ แล้วการผ่าตัดก็ผ่านไปด้วยดี เจ้ามี่ยังไม่ฟื้น แต่ลืมตากลมป๊อกทีเดียว คืนนั้นฉันไม่ได้นอนเลยนั่งเฝ้ามันทั้งคืน เวลาที่มันร้องขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่หมดฤทธิ์ยาสลบ ฉันร้องไห้ทุกครั้งและคอยอุ้มมันไว้ในฝ่ามือ หรือไม่ก็วางบนตัก บางทีก็พยายามป้อนนมให้ เพราะกลัวมันจะหิว... เสียงร้องของเจ้ามี่แสดงได้อย่างชัดเจนถึง ความเจ็บปวด ฉันอยากให้มันหลับตลอด จนกว่าแผลจะหายจะได้ไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะมันหลับๆตื่นๆ ทุกครั้งที่เจ้ามี่ผู้โชคร้ายตื่น มันจะร้องอย่างโหยหวน เสียงร้องในตอนนั้นของมัน ยังฝังอยู่ในความทรงจำของฉันจนบัดนี้ ....
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2548 |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 14:53:12 น. |
|
1 comments
|
Counter : 413 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:11:51:33 น. |
|
|
|
|
|
|
มี่คือชื่อของผม ตาโตดูน่ารัก...บ้องแบ๊ว แต่ผมดุจนใครๆไม่กล้าเข้าบ้าน แค่เห็นผมแยกเขี้ยวขู่... ก็กระเจิงกันหมด และแม้ว่าผมเป็นแมวพิการ มีเพียงสามขา..แต่ไม่มีใครวิ่งเร็ว กระโดดสูงเท่าผม! เวลากระโจนไล่กัดชาวบ้าน ไม่มีใครขวางผมทันหรอก .........
ผมเป็นแมวหง่าวที่น่ารัก... ดวงตากลมโตใสแจ๋ว ยุคสมัยของผม... คือความทรงจำในใจ.. ของหลายๆคน ผมคือตำนาน....
|
|
|
|
|
|
|
|
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาด
ที่เกิดจากความหวังดีโดยแท้
ป้าจาย (สมาชิกห้องแมวท่านหนึ่ง) เล่าว่า
น้องแมวของป้าจายตัวนึงชื่อน้องสาม ต้องตัดขา
ตั้งแต่เล็กๆ เหมือนกัน เพราะแม่แมวเค้าชอบ
เอาลูกย้ายที่ คาบไปคาบมาจนลูกตกลงมาขาหัก
คุณหมอเลยแนะนำว่าต้องตัดขาข้างที่อักเสบ
ไม่อย่างนั้นแผลจะลามไป และอาจตายได้
กรณีนี้ก็คล้ายๆ เจ้ามี่เลยนะคะ
ลูกแมวเล็กๆ นี่น่าสงสารมากจริงๆ