www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

หน้าแรก (Rebirth)

ประกาศขอความช่วยเหลือ : ขอเชิญชวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผู้อ่านทุกท่าน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของผม ด้วยการเขียนคำนิยมพร้อมทดลองอ่านบางส่วนของหนังสือ และ ลุ้นรับรางวัลได้ตามรายละเอียดที่นี่เลยครับ --> คลิก

สวัสดีครับ


ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่เข้ามาอวยพรวันเกิดในหน้าที่แล้วนะครับ แม้จะโชคดีได้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งปี (ฟังดูดีกว่าแก่ไปอีก 1 ปีเนอะ) ผมก็ยังยึดถือต้นแบบอย่าง อัล ปาชิโน่ กับ ฌอน คอนเนอรี่ ที่เป็นตัวอย่างอันดีว่า คนที่ยิ่งแก่ยิ่งดูดีมากกว่าตอนหนุ่มๆยังพอมีบ้างและเราเองนี่ละจะเป็นคนถัดไป555

ปีนี้เป็นความบังเอิญเหลือเกินที่มีคนถามกันตรงกันถึงสามคน ว่าตอนเย็นไปฉลองวันเกิดที่ไหน ผมตอบได้ทันใดว่า ซื้อกับข้าวมาในกินในห้องคนเดียวหงิมๆ ตอนแรกก็นึกคึกจะออกไปหาข้าวเย็นริมทะเลพร้อมซื้อเค้กให้ตัวเองชิ้นเล็กๆ คิดไปคิดมา กลับมาห้องพักนั่งกินข้าวสบายๆดูทีวีดูหนังไป มันก็สุขใจไม่ต่างกัน

ช่วงนี้รู้สึกโล่งตัวขึ้นเยอะ หลังจากตรากตำทำหนังสือเล่มใหม่มาแรมปี ตอนนี้ส่งต้นฉบับทั้งหมดให้บก.แล้ว ขอฝากเพื่อนๆล่วงหน้าในอีกสองสามเดือนข้างหน้าด้วยเลยนะครับ กับ หนังสือที่ชื่อว่า องศาที่361 พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่สองถัดจาก หนังสือรัก ซึ่ง ถ้าการภาพยนตร์ใน หนังสือรัก จะช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้น ผมก็หวังว่า องศาที่361 จะเป็นอีกมุมหนึ่งที่ช่วยให้เข้าใจตัวเองและโลกภายนอกได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ทิ้งท้ายว่า เพื่อนๆหลายคนบ่นมาตรงไม่ค่อยมี blog ใหม่ๆให้อ่าน เพราะ ตั้งหน้าแรกของ บล็อกนี้ไว้ที่หมวด ดูแล้วมาคุยกัน ซึ่งทำให้เรื่องสุดท้ายที่เห็นคือ Next ผมแนะนำว่า ให้เลือกอ่านบทความจาก หน้าสารบัญ ที่เขียนไว้ฝั่งขวามือนะครับ เพราะ หน้า ดูแล้วมาคุยกัน ผมปิดไปชั่วคราว ดังนั้นบทความใหม่ๆจะโยกไปอยู่ที่หมวด บทความพิเศษ

ถ้าจะเซฟบล็อกนี้ไว้ที่ favorites หรือจดเก็บไว้ แนะนำให้เซฟจากชื่อ //aorta.bloggang.com จะเวิร์คมอร์กว่าครับ




ขอบคุณครับ...สำหรับทุกๆครั้งที่ท่านแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชม

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
i_behind_you@yahoo.com



ป.ล. เอารูปที่ไปทำตัวเป็น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ มาฝากครับ






เลือกอ่านบทความใน blog นี้ เริ่มต้นได้ที่นี่ครับ --> คลิก
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 07 สิงหาคม 2550
Last Update : 7 สิงหาคม 2550 10:17:33 น. 65 comments
Counter : 1390 Pageviews.

 
แวะมาเจิมหน้าใหม่ ^^


โดย: nanoguy วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:12:14:17 น.  

 
แวะมาลงชื่อเป็นคนที่สอง emo


โดย: หอมกร วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:14:24:03 น.  

 
มา HBD ย้อนหลังค่ะมีความสุขมากๆนะคะ
แอบมาโปรโมตอีกรอบ กับ คลิป สัมภาษณ์เจ้าของบล็อกนี้ นี้

ฮรี่ๆ


โดย: vodca วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:14:50:09 น.  

 
น้องปีก้าบอล สุดน่ารัก เข้ามาอ่านเเล้วครับ


โดย: pikaball วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:19:17:49 น.  

 

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังครับ


โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:19:20:48 น.  

 
แวะมาเป็นคนที่ 6 จ้า ...

ปล. แล้วคุณเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อยู่ตรงไหนของรูปครับเนี่ย หรือว่ามันต้องใช้จิตวิทยาขั้นสูงถึงจะมองเห็นได้... (ป้าบ!!? ไอ้ซื่อ เขาอยู่ข้างหลังรูป ถือกล้องถ่ายภาพเฟ้ย)


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:19:25:14 น.  

 
จากหน้าที่แล้ว

ขอบคุณทุกๆคำอวยพรของเพื่อนๆอีกครั้งนะครับ

ขอบคุณน้องกุ้งสำหรับข้อมูลทั้งหลายที่เกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้ จนทำให้ พี่ไม่ต้องไปติดเกาะแบบไร้ที่อยู่ จะทยอยเอารูปมาลงในไม่ช้า

ตอบคุณ คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก ... ผมเพิ่งสั่ง 24 ซีซั่น 6 ไปสดๆร้อนๆวันนี้เองครับ แต่ที่สั่งคู่กันและกำลังอยากดูมากกว่าคือ Prison Break 2 เพราะ 24 ดูไปนานๆก็ชักจะเริ่มเดาทางได้แล้ว

ยังรู้สึกเหนื่อยๆเพลียๆ ขอพักดูหนังต่อก่อนนะครับ ตอนนี้ได้มาแล้วหนังแพ็คคู่ของปู่คลินท์กำลังจะเริ่มดู เรื่องที่เขาว่าดีน้อยกว่าก่อนละกัน

สุดสัปดาห์นี้เจอกันแน่ แฮร์สเปรย์ , Planet terror , บอร์น อัลติเมตุ้ม และ การ์ตูนที่ผมชอบมากๆในความบ้าบอของครอบครัวตัวเหลือง


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:20:49:24 น.  

 
เข้ามาอ่านแล้วนะคะ (แต่ไม่หมดอ่ะ) ขอให้หนังสือขายดี


โดย: mam (mamminnie ) วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:22:19:40 น.  

 
เหอๆ มาบอกว่า....

"นอกคุก มันส์กว่าในคุกเย้อ
แต่ก็เริ่มเว่อร์ เหมือน 24 แล้วครับ
หึๆ ตอนจบปี2 แอบเหมือน Lost ซะด้วย(อันนี้น้องมันบอกครับ ส่วนผมไม่เห็นว่ามันเหมือนกันตรงไหน)...."

คงไม่สปอยล์เกินไปมั๊งเนี่ยหึๆ
ขอให้หนุกหนานกับการดูซีรี่ส์ครับ
อ้อ... บล็อกผมเปิดแล้ว ว่างๆ ไปอ่านบ้างเน้อ


โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:0:18:01 น.  

 
แจ้งข่าวร้ายของเจ้าของบล็อก เนื่องด้วย โน้ตบุ้ค เดี้ยง จึงจำเป็นต้องหายห่างไปเป็นพักๆ และ เล่นได้จากร้านเน็ต เมื่อ โน้ตบุ้คตัวดี หายป่วย จะกลับมาป่วนอีกครั้ง (ขอติดภาพเซี่ยงไฮ้ไว้ก่อนเน้อ)

ส่วน ตัวอย่างหนังสือเล่มใหม่ เพื่อขอ คำนิยม จะทะยอยส่งไปให้เพื่อนๆทุกคนแน่นอนครับ ขอแค่ทิ้งอีเมลล์ไว้ที่หน้านั้นก็พอ

ป.ล. ชอบ Deathproof มากกว่า Planet terror แฮะ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:18:59:02 น.  

 
+ [คุยกับน้องกุ้ง - ต่อจากหน้าที่แล้ว] Little Children เป็นอีกเรื่องในช่วงนี้ที่พี่ดูแล้วชอบอ่ะครับ ช่วงนี้ดูเรื่องไหนก็ชอบไปหมดเลยวุ้ยตรู เหอะๆ ... และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับ DVD ที่อนุญาตให้พี่เซ้ง เอ๊ย! ยืมดูต่อจากน้องนาโนนะครับ คงไม่ใช่แค่เรื่อง Irreversible หรอก เพราะรู้สึกน้องกุ้งจะมีหนังดีๆ หายากเยอะเหมือนกัน คงจะต้องยื้มดูหลายเรื่องเลยล่ะครับ
+ ขอขอบคุณพี่ SNS/NS ด้วยครับ สำหรับกลอนวันเกิดทั้งของผมย้อนหลัง และของคุณจขบ. ... พี่เซียนกลอนเจงๆ อ่ะครับ นับถือเลย

+ เอ่อ ... เมื่อวานพอดีเดินผ่านร้านบูมเมอแรง แล้วไปคุ้ยๆ กระบะ DVD ลดราคาดู ปรากฎว่าเหมือนที่น้องนาโนว่าไว้แฮะ ดันไปเจอของดีเข้า ก็เลยซื้อ Y tu mama tambian กับ Secretary (ที่ผมยังไม่ได้ดู) มาได้ จริงๆ ว่าจะเอา I am Sam กับ Monsoon wedding มาด้วย แต่พอดีจะซื้อนิตยสารอีก 2-3 เล่มด้วย ก็เลยต้องชะลอๆ ไว้ก่อนอ่า

+ ได้เวลากระผมเจิมบ้าง อุๆ ... อัพเดทหนังที่ได้ดูต่อจากคราวก่อน ไปดูเพิ่มมาอีก 4 เรื่อง 4 รสอ่ะครับ ...
* [Films Buffet - II @ House] Pride and prejudice - เรื่องนี้เป็นอีก 1 หนังที่เข้าทางผม (พีเรียด สังคมผู้ดีอังกฤษยุคโบราณ) แถมยังมีน้องไคร่า ไนท์ลี ที่ได้เข้าชิงออสการ์นำหญิงปีที่ผ่านมาอีกด้วย (จะได้เลิกเห็นเธอแอ๊บแบ๊วจากหนังชุดโจรสลัดซะที) ... จริงๆ หนังเรื่องนี้ที่สร้างจากวรรณกรรมอมตะของเจน ออสเต็น ก็มีการสร้างเป็นหนัง - รายการทีวีมาหลายเวอร์ชันแล้ว และพล็อตเรื่องก็เป็นเมโลดราม่า (น้ำเน่า) ได้ใจเหลือเกิน (และอาจเป็นต้นแบบละครน้ำเน่าของละครทีวีไทยในยุคปัจจุบัน)
... ครอบครัวนางเอกที่อยู่ในชนบทยากจน มีพ่อ (โดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์) ที่แม้จะรักลูก แต่ส่วนใหญ่ก็จะถูกแม่ (เบรนดา เบลธิน) ผู้ไม่สวยไม่ใสและไร้สติข่มอยู่ตลอดเวลา (ยกเว้นเวลาที่ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อลูกจริงๆ) ... พยายามจะยัดเยียดลูกสาวทั้ง 5 คนให้กับผู้ชายรวยๆ ที่เป็นขุนนางหรือลูกหลานเศรษฐี ... ขำตรงที่บ้านนี้เลี้ยงลูกสาวได้แตกต่างกันเหลือเกิน พี่สาวคนโต (โรซามุนด์ ไปค์) เรียบร้อย ไม่มีปากมีเสียง, พี่สาวคนรอง (นางเอก) ห้าวหาญ ฉลาด ชอบอ่านหนังสือ ออกแนวเฟมินิสต์, น้องสาวส่วนใหญ่จะไร้สติ บ้าผู้ชาย และ ... เอ่อ 'แร่ด!'
... ในที่สุดเพื่อนพระเอก ปิ๊งพี่สาวนางเอก ... ส่วนพระเอก (แมทธิว แม็คแฟดเด็น) กับนางเอกเป็นคู่กัดกันตั้งแต่ช่วงแรกๆ ด้วยนางเอกและทุกคนเข้าใจว่าพระเอกเป็นพวกยิ้มไม่เป็น ซีเครียดไปวันๆ (แต่พระเอกกลับปิ๊งนางเอกที่ดูดีมีสมองกว่าผู้หญิงในยุคนั้น ... แต่ติดขัดที่ครอบครัวของเธอดู 'โลว์' ในขณะที่พระเอกมีทั้งยศศักดิ์และเป็นลูกขุนนางร่ำรวย) ... และก็ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ จนกว่าจะลงเอยกันได้ก็ตอนจบ ... เรื่องนี้มีบุคคลเซอร์ไพรซ์ที่ผมไม่รู้มาก่อนว่าเธอเล่นเรื่องนี้ด้วยคือ จูดี้ เดนช์ (อีก 1 ขวัญใจวัย ส.ว. ของผม) ที่มาเล่นเป็นท่านผู้หญิงน้าของพระเอก ... แล้วขอโทษ ตอนแรกนึกว่าจะสนับสนุนคู่พระคู่นาง ที่ไหนได้ ... เหอะๆ (แต่เธอก็ยังเล่นได้เจ๋งเหมือนเดิม)

+ Grind house : Death proof - ได้ดูรอบสุดท้ายพอดีครับ ก่อนจะถูกถอดรอบออกหมด ... เป็น 'หนังเควนติน' จริงๆ (ซึ่งไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่) ... การพูดพล่ามมากมาย ที่ฟังและอ่านตามแทบไม่ทัน แต่ยอมรับว่าฉากในบาร์ช่วงต้นของ 'เหยื่อกลุ่มแรก' (โดยเฉพาะนู๋นักเต้น) ทำได้เร้าอารมณ์ ... ส่วนฉากขับรถไล่ล่า และฉาก 'เอาคืน' ในช่วงหลังของกลุ่มสตันท์สาว ก็ทำได้มันส์สะใจดีเหลือเกิน

+ Ratatouille - เป็นอนิเมชั่นเรื่องที่ 2 ของปีนี้ที่ผมชอบมากๆ ถัดจาก Flushed away (ซึ่งออกแนวฮามากกว่า) ... บทดูดี มีสาระ ... ภาพอาหารและวิวกรุงปารีสสวยงามราวกับภาพถ่าย ... มีคติสอนใจสำหรับเด็ก (โตหน่อย) ว่าจงพยายามเดินไปให้ถึงความฝัน ... มีกลิ่นอายเกี่ยวกับประเด็นการแบ่งชนชั้น ('หนู' ก็คือคนนอก หรือ nobody ในสายตาของมนุษย์) ... มีประเด็นการไถ่บาปของนักวิจารณ์อาหารผู้หยิ่งผยอง อังตวน อีโก้ (ที่ให้เสียงพากย์อย่างน่าเกรงขามโดยปีเตอร์ โอ'ทูล) ที่ทำให้ร้านของเชฟกุสโตเกือบเจ๊งและเชฟต้องตรอมใจตายทั้งๆ ที่พื้นเพของตัวเองก็มาจากชนบทเช่นกัน (ช่วงย้อนกลับไปคิดถึงรสชาติอันแสนอร่อยของอาหารพื้นๆ อย่างชื่อเรื่องนี้)

+ Hairspray - เห็นว่าภาพยนตร์เวอร์ชันนี้ สร้างจากฉบับที่เป็นละครบรอดเวย์อีกที (ซึ่งคงลดความแรงและประเด็นทางการเมืองของกลิ่นอายที่เป็นต้นฉบับของ จอห์น วอลเตอร์ส ลงไปพอสมควรแล้ว) ... และเนื่องจากหนังเพลงเรื่องนี้เปิดตัวในแนวทาง 'เน้นฮา' ตั้งแต่แรก ... ดังนั้นความอ่อนในเชิงดราม่าหรือประเด็นทางสังคมจึงไม่ใช่จุดใหญ่สำหรับผม ... และถ้านับเฉพาะความบันเทิงและความฮา เรื่องนี้น่าจะเป็นหนังเพลงในยุคหลัง (นับตั้งแต่เมอแรง รูค) ที่ผมดูแล้วสนุกและขำที่สุด ฮากระจายเลยอ่ะครับ
... ที่ชอบอื่นๆ อีกก็คือ คอสตูม / การออกแบบท่าเต้น / และโดยเฉพาะการแคสติ้ง
* จอห์น ทราโวลตา เธอกลับมา grease (in) Saturday night fever ได้เจ๋งเจงๆ ... แถมแปลงร่างเป็นคุณแม่ร่างอ้วนผู้ห่วงแต่ก็เข้าใจลูกได้ฮาซะ
* มิเชลล์ ไฟเฟอร์ หลังจากหายหน้าไปนาน เธอก็กลับมาร้ายได้สมศักดิ์ศรี (เร็วๆ นี้จะไปร้ายต่อใน Stardust)
* คริสโตเฟอร์ วอลเคน ... ชอบอ่ะครับ ทั้งกำลังใจที่มีให้ลูก, ความฮา, ท่าตอนเต้นกับเมีย ฯลฯ (คิดแล้วยังขำว่านี่หรือคือ คนขี่ม้าหัวขาดใน Sleepy hollow)
* นิคกี้ บลอนสกี้ แจ้งเกิดได้สมศักดิ์ศรีที่สอบผ่านจากการคัดเลือกนับพันคน ... ตอนไคลแม็กซ์บนเวทีช่วงท้ายหนัง (เลิกตีโป่งผม) ดูน่ารักขึ้นมาโดยพลัน
* อแมนด้า ไบนส์ ... ถึงจะดูเขินๆ ขำๆ แต่ก็เซอร์ไพรซ์ที่เธอร้องเพลง & เต้นได้เยี่ยงนั้นนะ
* แซค แอฟรอน ... พ่อหนุ่มดีสนีย์ เริ่มโตขึ้นอีกหน่อยแว้ว
* ควีน ลาติฟาห์ ... ไม่แปลกใจที่เธอได้บทนี้ เพราะเสียงอันทรงพลังและดีไม่มีตก ของเธอนั่นเอง
* เจมส์ มาร์สเดน ... หลังจากหายไปเป็นหลินฮุ่ย (ช่วงๆ) .... ก็ถึงเวลากลับมาซะที
... ช่วงไคลแม็กซ์สุดท้ายบนเวที (+เพลง You can't stop the beat) ทำได้อลังมากๆ ... ตอนยัยตัวร้ายถูกจัดการทั้งแม่ทั้งลูกก็ฮาโคตร

+ แหะๆ ขนาดวิ่งไล่ดูหนังแทบหูดับตับไหม้ (ว่าจะแบ่งเวลาไปเก็บหนังเก่ายังไม่ได้ดูที่ House เพิ่มด้วย) ... ผมก็ยังคงเหลือหนังตกค้างว่าจะดูอีก 3 เรื่องอยู่ดี Grind house : Planet terror , บอร์น อัลติเมตุ้ม และครอบครัวตัวเหลือง ... เด๋วสัปดาห์หน้าจะมาเล่าต่อนะครับว่าไปดูอะไรมาบ้าง
+ ปล. ภาพเซี่ยงไฮ้ by Night สวยเชียวครับ และขอให้น้องโน้ตบุ้คของคุณ จขบ. หายเกเรเร็วๆ นะคร้าบบบ เด๋วเพื่อนๆ ไม่มีบทความดีๆ อ่านกันอ่ะเน้อ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:11:53:18 น.  

 
แว๊บมาบอกว่า...
Bourne มันส์มากๆๆๆ พอล กรีนกลาส เจ๋ง ชอบภาคนี้ที่สุด และจะยกให้ติดอันดับ 1 ใน 10 แห่งปีด้วย
และ
Simpsons ตลกมากๆๆๆ ขนาดที่ผมไม่เคยดูทีวี ไม่ได้ผูกพันกับครอบครัวนี้มาก่อนนะเนี่ย


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:11:53:51 น.  

 
ชอบ Death Proof มากกว่า Planet Terror เหมือนกันครับ
ชอบจนขนาดว่า หนังมันดีเกินกว่าจะเรียกตัวเองว่า "เกรดบี" เลยล่ะ (แต่ Kill Bill นั่นขอขึ้นหิ้งไปแล้วนะครับ 55)

วันนี้เพิ่งดู All About Lily Chou-Chou ดูแล้วโคตรจะกดดัน แม้จะไม่รู้เรื่องอะไรมากมายนักแต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้เอามากๆ หนังมันกดดัน เครียด โศก และเฮี้ยนสุดๆ โดยที่ไม่ต้องมีอะไรมากเลย
การดูมากกว่าสามรอบจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดประหลาดอะไรสำหรับเรื่องนี้

ส่วน Hostel กลายเป็นหนังที่น่าผิดหวังมาก เพราะไม่ได้เลือดสาดสดสยองอะไรมากมายสมกับที่อยากดูเสียมากเสียมาย (ถึงขนาดแอบเสียดายเงินตั้ง 40 บาทที่เฮาส์เชียวนะเนี่ย) และหนังยังอุดมไปด้วยฉาก "มักง่าย" หลายต่อหลายครั้งที่พยายามนำไปสู่การ "หลั่งเลือด"
อีกประการที่รู้ก็คือ Eli Roth มีอคติต่อคนที่ไม่ใช่อเมริกันสูงมาก

ส่วนเทศกาลหนังคลาสสิกที่ลิโด้นั้นผมได้ดูมาทั้งหมด 4 เรื่องดังนี้ แม้ว่าบางเรื่องอาจจะไม่ถูกใจนัก แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ดูหนังเหล่านี้ในโรง

Casablanca - เรื่องนี้ผมรำคาญเสียง Humphrey Bogart มันแปร่งๆงึมงำๆ (55+) ทั้งเรื่องแทบจะฟังออกประโยคเดียวคือ "We'll always have Paris" + Ingrid Bergman สวยมาก

Doctor Zhivago - หนังที่คอนเสปต์แปลกๆ คือให้คนอเมริกันมาเล่นเป็นรัสเซีย แล้วพูดภาษาอังกฤษ (ในขณะที่วิวต่างๆ มีแต่ภาษารัสเซีย) แต่เมื่อดูๆไป ผมกลับชอบเรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลซะอย่างงั้น (Geraldine Page ในบทเมียของหมอชิวาโก้ สวยมากๆ อีกคนแล้ว)

พูดถึงหนังของ David Lean ผมก็เพิ่งได้ดู The Bridge on the River Kwai มาที่สถาบันปรีดีฯ ช่วงแรกๆ ผมเกลียดหนังเรื่องนี้มากพลางก่นด่าในใจว่า 7 ออสการ์เป็นหนังระดับแค่นี้น่ะหรือ ลำเอียงสุดๆ ชาตินิยมเกินเหตุ ดนตรีประกอบสะเหร่อ ฯลฯ แต่เมื่อหนังดำเนินมาถึงไคลแมกซ์ช่วง 15 นาทีสุดท้ายและทุกอย่างจบลงด้วยความหายนะ เมื่อดนตรีประกอบสะเหร่อๆ (ที่เป็นท่วงทำนองแห่งชัยชนะ) มาดังอีกครั้งในตอนจบ กลับทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาทันที เพราะมัน irony มาตลอดทั้งเรื่องถึงความไร้สาระของสงครามที่ทำเพื่อศักดิ์ศรีที่เป็นนามธรรมโดยไม่มีใครได้อะไรไปอย่างแท้จริง

ต่อกันที่หนังในตำนานอย่าง Gone with the Wind ที่ทำให้ผมชอบ Vivien Leigh มากๆ การแสดงของเธอยังดูดีจับตาจับใจแม้หนังเรื่องนี้จะมีอายุเกือบ 70 ปีแล้วก็ตาม รวมถึงตัวบทลักษณะคาแรคเตอร์ของ Scarlett O'Hara ก็ควรค่าแก่การเรียกว่า "อมตะ" แม้ว่าทั้งเรื่องผมแทบจะฟังออกประโยคเดียวก็คือ "Frankly, my dear. I don't give a damn."

The Good, the Bad and the Ugly - เป็นหนังคาวบอยที่เท่มากๆ โดยเฉพาะปู่คลินต์ เพลงธีมที่คุ้นหูก็มีที่มาจากเรื่องนี้นี่เอง และทำให้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าที่เควนตินล้อหนังคาวบอยคือตรงไหน คือไอ้เพลงประกอบที่มันหวีดๆนิดๆนี่เอง


ส่วน Pride and Prejudice ผมชอบในรายละเอียดมากนะครับกับการจิกกัดสังคมอังกฤษยุคผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ แต่ที่ทำให้ผมรำคาญหนังเรื่องนี้มากก็คือ ผมไม่เชื่อในความรักของพระเอกกับนางเอกเอาเสียเลย


โดย: nanoguy วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:3:11:16 น.  

 
รออ่าน บอร์น อัลติเมตุ้ม และ 361 องศาค้าบ


โดย: น้ำแข็งเคลือบน้ำตาล IP: 203.153.170.13 วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:22:05:56 น.  

 
สวัสดีวันแม่ค่ะ
จขบ งานยุ่งแต่คงพอมีเวลาฉลองวันแม่นะคะ
หยุดหลายวัน สาวใต้ได้ดูหนังฟังเพลงอิ่มใจหลังจากโทรอวยพรแม่แล้วค่ะ


โดย: สาวใต้ใจงาม IP: 124.121.243.250 วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:14:36:15 น.  

 
เห็นด้วยกับคนที่บอกว่า Bourn มันส์ครับได้ใจผมไปเต็มๆ


โดย: พ่อข้าวปั้น (takechio ) วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:0:02:14 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ
หลังจากที่แอบอ่านแต่ได้ทิ้งรองรอยไปนานเต็มที

คุณเก่งนะคะ


โดย: เช้านี้ยังมีเธอ วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:15:38:01 น.  

 
หลายๆเรื่องนำมาทำหนังแล้วทำได้ไม่ดี แต่ยังไงก็ยังชอบดูหนังอยู่นะ ทำๆมาให้ดูเถอะ
เห็นไปเป้นนักเขียนที่ นิตยสารFilmax ยังไงก้สู้ๆนะคะ :) Pocket book ก็ขายดีดีค่ะ


โดย: dark side วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:22:28:58 น.  

 
เข้ามาแอบมอง =''=


โดย: Iceclover วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:45:55 น.  

 
มาด้วยเรื่องคำนิยมค่ะ
สนใจมากเลย แต่...

ชื่อนามสกุลจริงเป็นความลึกลับของทางราชการค่ะ 555

เอาเป็นความนิยมส่วนตัวต่อบทวิจารณ์หนังของคุณหมอ
ฝากไว้ให้คุณหมออ่านในนี้แทนก็แล้วกันนะคะ ^^
บทวิจารณ์และตัวหนังสือของคุณหมอทำให้รู้สึกสบายและร่มรื่น
อ่านแล้วรู้สึกถึงความถ่อมตน ความเป็นมิตร และการไม่ทำร้ายใคร
อันเป็นลักษณะนิสัยอันน่ารักอย่างหนึ่งที่เพื่อนมนุษย์จะมีต่อกันได้
ด้วยแสนจะเบื่อนักวิจารณ์ชนิดที่ตั้งตนอยู่เหนือคนทำหนัง คนดู คนอ่าน
ความเห็นของข้าพเจ้าถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว ใครมองไม่เห็นอย่างนี้..."โง่"

สำหรับเรา การเป็นนักวิจารณ์ไม่ใช่กูรู หรือกูรู้ที่จะมาชี้ "ทางสว่าง"
แต่เป็นคนที่จะมาแบ่งปันมุมมองที่อาจคล้ายคลึงหรือแตกต่างออกไป
โดยเฉพาะจากคนที่อยู่ในแวดวงอื่นที่ต่างไปจากตัวเราและเพื่อนเรา
อาจให้ความรู้ในมุมที่เราไม่รู้ อาจให้ข้อคิดในมุมที่เราไม่ค่อยคิด
หรือบางทีก็อาจทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย รู้สึกเหมือนเราเลยนะเนี่ย

คิดว่าบทวิจารณ์ของคุณหมอตอบโจทก์ทางเลือกการอ่านบทวิจารณ์ในใจเรา
และก็จึงติดตามอ่าน (แม้ว่าไม่ค่อยจะลงชื่อ กร๊ากกกกก) มาตลอดค่ะ



โดย: ด้วยความนิยม (=p o o k p u i= ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:17:10:58 น.  

 
เอ่อ ... พอดีเปิดหน้าไว้สองหน้า
หน้าคำนิยมกับหน้านี้ ^^"
ขอโทษที่แปะผิดหน้านะคะ แหะ แหะ


โดย: pookpui IP: 203.153.163.178 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:18:00:03 น.  

 
ผมแวะมาเจิมด้วยคนครับ

ผมคิดว่าบทความคุณหมอทำให้ผมดูหนังสนุกขึ้นเยอะเลย



โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:20:49:01 น.  

 
... โน้ตบุ้ค ซ่อมเสร็จแล้วคร้าบ ต้องขอปรบมือเสียงดังๆให้กับศูนย์ Benq สะพานควาย ที่ซ่อมให้อยางรวดเร็วแถมเปลี่ยนหน้าจอใหม่เสียใสกิ๊งงงง

ตอนนี้กำลังนั่งดู 24 season 6 อยู่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มาถึงภาคนี้ ยังมีตัวละครที่ไม่เชื่อคำแนะนำของ แจ๊ค บาวเออร์ อีก

...ขอบคุณคุณ pookpuiที่แวะมาให้คำนิยมที่หน้าแรกครับ และ ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทายพูดคุยกันคร้าบ ขอตัวไปนอนก่อนเน้อ แล้วจะมาคุยเรื่องหนังที่ได้ดูไปอีกรอบ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:0:52:44 น.  

 
jskjkjakjfksjkf


โดย: jl;ajfjkd IP: 24.229.71.174 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:9:59:54 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะดีใจที่โน๊ตบุ๊คซ่อมเสร็จจะได้อ่านข้อเขียนจขบ. บ่อยขึ้นนะคะ


โดย: สาวใต้ใจงาม IP: 124.120.72.157 วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:20:18:40 น.  

 
รออ่านบทวิจารณ์หนังตามสไตล์จขบ.อยู่เน้อ


โดย: daisy IP: 125.25.203.138 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:1:14:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ ว่างต้องเข้ามาแวบๆกยังดีค่ะ


โดย: SNS/NS IP: 124.120.72.157 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:10:05:24 น.  

 
+ ช่วงนี้บล็อกแก๊งไม่ค่อยเสถียรเลยอ่ะคับ เมื่อวานว่าจะโพสต์ แต่ผมโพสต์ไม่ได้เลยทั้งวัน เพิ่งเห็นมาดีเอาช่วงสายๆ เกือบกลางวัน วันนี้เองครับ
+ สัปดาห์ที่แล้ววันเสาร์ผมไปงานสัปดาห์วิทย์ฯ (เหมือนเช่นเคย) ที่ไบเทคมา .... ปีนี้ไม่ค่อยมีอะไรโชว์ที่โดดเด่น ไม่ค่อยมีของแปลกๆ เหมือนปีที่แล้ว หุ่นยนต์ก็ดูธรรมดาๆ ... ที่ดูมีเนื้อหาเยอะขึ้นก็เห็นจะมีเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (ในอนาคตบ้านเราอาจมีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ... ถามมาเห็นบอกว่าอาจตั้งแถวประจวบฯ หรือชุมพร ยังไม่ได้สรุป) แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับ Global warming ... อ้อ แล้วก็มีอันนึงที่สนุกดี เป็นของท้องฟ้าจำลอง เค้าทำเป็นเต๊นท์ แล้วข้างในเค้าเอาเครื่องฉายดาวมาฉายให้ดูอ่ะครับ

+ เคือง EGV เมโทรโปลิสสุดๆ เพราะวันพุธที่ผ่านมาผมกะจะไปดู Planet terror รอบสุดท้าย (4 ทุ่ม มันเหลืออยู่รอบเดียวของวัน) พี่แกดันตัดรอบฉายทิ้ง เซ็งเป็ดเลย อุตส่าห์ดั้นด้นเข้าไป ... ก็คงต้องจำไว้เป็นบทเรียนสำหรับตัวผมเอง เกี่ยวกับค่าย EGV และ Major (ที่ทำเอาชาวบ้านเสีย'รมณ์มานักต่อนักแล้ว ในที่สุด ผมก็เจอเข้ากับตัวเองจนได้สิน่า
+ หนังใหม่สัปดาห์นี้ คิดว่าผมสนใจ Midnight sun เรื่องเดียว และเก็บของเก่า ครอบครัวตัวเหลือง ที่ยังไม่ได้ดู และของเก่ากว่า คือ หนังเก่าๆ ที่เฮาส์เอากลับมาฉายบางเรื่องอ่ะครับ

+ เล่าถึงหนังที่ได้ดูไปแล้วบ้าง : บอร์นไปเขียนไว้ที่หน้าบอร์นแว้ว
* Serenity [UBC] - ตอนแรกกะจะดูที่เฮาส์เหมือนกัน ฉายวันอังคารหน้า ... แต่พอดีผมดันไปเห็นโปรแกรมใน UBC ที่หอซะก่อน ว่าฉายเมื่อวานนี้ตอน 2 ทุ่ม ก็เลยรีบกลับไปดูเลย (ยังอุตส่าห์พลาด 5 นาทีแรกจนได้ มัวแต่ซื้อของอยู่) ... ก็จัดว่าเป็นหนัง Sci-Fi / Action /Thriller ที่ดูสนุกสมกับที่คุณ จขบ. เคยเขียนให้เครดิตไว้อ่ะครับ ... สำหรับรายละเอียดผมไปเขียนไว้ที่หน้า Serenity แล้วอ่ะครับผม (ดันเผลอสปอยล์ไปหน่อยนึงด้วยจิ)

* [Films Buffet-II @ House] The day I became a women - เห็นมีคนเคยถึงหนังอิหร่านเรื่องนี้ไว้ พอดีตามตารางฉาย ผมพอจะว่างพอดี ก็เลยลองไปดู ... หนังแบ่งออกเป็น 3 องก์ย่อย ของผู้หญิง 3 วัย คือวัยเด็ก กำลังจะก้าวเข้าสู่สาวรุ่น, วัยสาวสะพรั่ง และวัยสาวเหลือน้อย และตอนสุดท้ายก็โยงทั้ง 3 ตอนเข้ามาอยู่ในเฟรม(เกือบ)ร่วมกัน
... หนังแสดงให้เห็นวัฒนธรรม รวมทั้งความรู้สึกนึกคิดของสตรีชาวมุสลิม ซึ่งโลกภายนอกไม่ค่อยได้รับรู้มากนัก และทำออกมาเป็นอารมณ์เซอร์เรียลหน่อยๆ (เรื่องของคุณยายอยากเป็นเจ้าสาวตอนสุดท้ายเลยดูเหวอๆ ไปนิด) ... ส่วนเรื่องแรกตอนเด็กผู้หญิงที่กำลังจะโตเป็นสาวน่ารักดี (แบ่งกันดูดอมยิ้มซะ ) ส่วนเรื่องผู้หญิงปั่นจักรยาน แล้วมีผู้ชายขี่ม้าเป็นพรวนไล่ตาม นั่นก็แปลกๆ ปนเศร้าๆ (ตอนสุดท้าย) อ่ะครับ

* * [Films Buffet-II @ House] Dear Frankie - นี่เป็น 1 ในหนังของโปรแกรมนี้ที่ผมตั้งตารอชม เพราะตอนที่เข้าที่เฮาส์รอบปกติ ผมไม่ได้ดู (ทั้งๆ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นหนัง 'แนวผม' - ซึ่งก็ใช่จริงๆ) และนี่เป็นอีก 1 ใน 25(+1) เรื่อง ของหนังใน "หนังสือรัก" ของคุณ จขบ. อ่ะครับ (กะว่าจะไปไล่ตามดูให้ครบ แต่ตอนนี้เพิ่งดูเพิ่มได้แค่ In her shoes กับเรื่องนี้เองอ่า)
... อารมณ์หนังเป็นแนวอังกฤษ เนิบๆ (แต่ไม่ถึงกับเนือย) อบอุ่น ซาบซึ้ง ... เอมิลี่ มอร์ติเมอร์ แสดงเป็นคุณแม่ single mom ได้ดี ส่วนเจอร์ราด บัตเลอร์ ก็ดูอบอุ่น รวมทั้งเจ้าหนูคนที่เล่นเป็น Freankie ด้วยครับ ที่เล่นได้ดูน่าสงสาร (เพราะทั้งพูดไม่ได้และต้องใช้เครื่องช่วยฟัง) แต่ก็ฉลาด ... ดูจบ ผมก็อิ่มอุ่น ซาบซึ้งตรึงอารมณ์ สมกับเป็นหนังที่ถูกเลือกใส่ไว้ในลิสต์ "หนังสือรัก" อ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:17:16:40 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ บล๊อกนี้คึกคักตลอดเวลาเลยนะคะ


โดย: ban_ri IP: 125.25.74.116 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:18:13:36 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ


โดย: pormy IP: 203.209.99.171 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:21:51:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ ตามมาจากอะเดย์ค่ะ


โดย: ซาตานซานต้า วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:0:44:40 น.  

 
แอบติดตามห่างๆอย่างห่วงๆ
อิอิ


โดย: เลดี้มาเฟีย วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:18:30:24 น.  

 
แวะมาแปะหนังที่ได้ดูไปแล้วมั่งดีกว่า แง่มๆ...

All About Lily Chou-Chou เรื่องนี้ดูแล้วแทบเสียสติกันเลยทีเดียว ตอนนี้เอาดีวีดีมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว (ไหนบอกไม่มีเงิน!!!)

Hostel - เสียดายเงิน 40 บาทมาก มันแหวะแต่ดูงี่เง่าและไม่น่ากลัวเลย

Kung Fu Hustle - หนังทำมาดีแล้วตามแนวของมัน แต่ว่าแผ่วปลายตอนจบแรงมาก เปรียบได้กับการเอาพุงกระแทกน้ำ - -* (คืออยู่ดีดีก็เกิดจะจริงจังซะงั้น)

Hotel (Mike Figgis) - หนังติสต์แตก กล้องวิดีโอเกรนแตก การเล่าเรื่องแบ่งสี่จอ และซัลม่า ฮาเย็ค แอ๊บแบ๊ว!!

The Day I Became a Woman - เรื่องนี้ผมชอบตอนที่สองที่เป็นผู้หญิงขี่จักรยานมากๆครับ สัญลักษณ์เยอะแต่ตีความไม่ยาก และชวนให้เศร้าในชะตากรรมของตัวเอกเหลือเกิน

My Life without Me - หลงรัก Sarah Polley ซะแล้ว ดูสวย สง่า และน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

The Simpsons Movie - ฮามุข An Inconvenient Truth มากมาย

The Bourne Ultimatum - บทดีเลิศ การแสดงเยี่ยม และเมากล้องมากมาย จนเริ่มกลัวภาคสองแล้ว เพราะตากรีนกราสแกชอบเหลือเกิน เหวี่ยงคนดูเล่นเนี่ย 555+ (ใน United 93 นั่นกำลังดี)

Bear Cub - เมื่อเกย์คนหนึ่ง งัดข้อกับย่าหัวโบราณ เรื่องสิทธิในการเลี้ยงหลาน ที่แม่ดันไปติดคุกอยู่อินเดีย (ตอนจบง่ายไปหน่อย)

Mysterious Skin - การตามหา "ความทรงจำ" ของตัวละครเอกทั้งสองมันช่างน่าเจ็บปวดนัก ฉากจบตอนที่ทุกอย่างเปิดเผยออกมา บรรยากาศอบอวลด้วยความเศร้า... Gregg Araki ทำถึงจริงๆ

You I Love - เรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ไปตกหลุมรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง!!! นี่คือหนังไบเซกช่วลที่ "เสียสติ" แต่ "ได้ใจ" มากๆ

Clean - เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอะไรนอกจาก "กราบเท้าน้าจางงามๆ ซักสามที"

My Summer of Love - เรื่องนี้เอมิลี่ บลันต์ "แมน" มาก... ตอนแรกเนื้อเรื่องเป็นโรแมนติกกุ๊กกิ๊กหน่อยๆ ตอนหลังดันกลายเป็นทริลเลอร์ซะงั้น แต่ว่าทำได้ถึงดี ยิ่งมีเพลงประกอบเป็นเพลงของ "สตรีศรีปารีส Edith Piaf" ก็ยิ่งเสริมบรรยากาศหลอนของหนังได้ชะงัดนักแล~~


โดย: nanoguy วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:2:26:11 น.  

 
ขออนุญาติ แอดไว้ใน Friends' blogs จะได้แวะมาทักง่ายๆ

อิอิ ถือสนิท


โดย: วา (ส้มแกง ) วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:11:53:01 น.  

 
" ดูละครแล้วย้อนมาดูตัว" บทความเกี่ยวกับภาพยนตร์ของคุณ " ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ทำให้ผมคิดถึงประโยคนี้ขึ้นมา บทความของเขาทำให้ผมรู้สึกว่า..เรื่องราวต่างๆ ในภาพยนตร์ทั้งหลาย แท้จริงมันก็คือชีวิตของเราดีๆ นี่เอง
บทความของเขา ตีแผ่ปมปัญหาต่างๆ พื้นเพจิตใจ ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร รวมทั้งแง่คิดจากภาพยนตร์ให้เราเข้าใจได้อย่างแยบคาย ทุกครั้งที่อ่านผมรู้สึกเหมือนได้นั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งกำลังนั่งถกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องราวรอบๆ ตัวอย่างออกรส แถมเพื่อนคนนี้ ยังเป็นคนที่มีมุมมองน่าสนใจ และเป็นคอหนังเหมือนกันซะด้วยสิ
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบค้นหาตัวเอง เรียนรู้คนอื่น และที่สำคัญ... คือ ชื่นชอบภาพยนตร์ เหมือนกัน ผมขอแนะนำว่า..ไม่ควรพลาด ครับ

ส่งให้ทางอีเมลแล้วนะครับ


โดย: zum_bodie IP: 58.8.171.202 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:18:49:34 น.  

 
+ โห! น้องนาโน เฮาส์มีโปรแกรมฟิล์มบุฟเฟ่ต์แบบนี้ ดูกระจายเลยนะครับ
* Chou Chou - เรื่องนี้หลังจากเอากลับมาฉายอีกครั้ง ไปอ่านที่บล็อกน้องเมอร์ฯ ถึงเพิ่งจะรู้ว่าคนดูจะมีปฏิกิริยาเป็น 2 ประเภท คือถ้าไม่เก็ทอารมณ์หนัง ก็จะ 'จิตหลุด' ไปเลย ซึ่งพี่ก็เป็นคนนึงในประเภทหลังแฮะ ... หนังบ้าอะไรก็มะรุ นี่เป็นหนังเพียงไม่กี่เรื่องที่พี่ดูจบออกมาจากโรงแล้ว อารมณ์เหงา เศร้า หดหู่ ยังตามหลอนได้อยู่อีกเป็นอาทิตย์ๆ อ่า

* My life without me - พี่ชอบไอเดียของหนังมากๆ นะครับ (จริงๆ ตกหลุมรักตั้งแต่ชื่อหนังแล้วล่ะ) ... เสียแต่ว่าพอดูจบ ทำไมรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองมันไปไม่ค่อยสุดก็ไม่รู้สำหรับเรื่องนี้ (คงต้องไปหา Time to leave หนังของฟรังซัว โอซอง ที่ไอเดียคล้ายๆ กันนี้มาดูอีกซักเรื่อง) ... แต่ที่แน่ๆ คือชอบ ซาร่า พอลลี่มากๆ เช่นกันครับ สวย เศร้า ดูน่าสงสาร ได้ใจสุดๆ ... และล่าสุดเธอไปกำกับหนังเรื่อง Away from her (เกี่ยวกับคู่สามีภรรยาที่มีฝั่งนึงเป็นอัลไซเมอร์ พล็อตคงคล้ายๆ Iris) ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามเลยนี่ครับ ทั้งสวย ทั้งเก่งเลยเนอะ
* ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ว่ามา ก็ดูไปแล้วมั่ง ยังไม่ได้ดูมั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็โอเชอ่ะครับ

+ ว่ากันถึงหนังที่กระผมไปดูมาเองบ้าง
* Midnight sun - พล็อตมันเป็นสูตรของหนังแนวนี้ไปหน่อย แต่ก็ดูได้เพลินๆ ซึ้งๆ ดี ... พระเอกคือคนที่เล่นใน About love ตอนที่ 3 (ตอนเตีย เกโร่) ส่วนนางเอกก็เป็นนักร้องตัวจริงอยู่แล้ว ในหนังเธอเลยทั้งร้อง ทั้งดีดกีต้าร์ซะ ฟังเพลินไปเลย

* [Films Buffet-II @ House] Noi Albinoi - เนื่องจากรู้แค่ว่ามันเป็นหนังของประเทศไอซ์แลนด์ มีพระเอกหัวล้านโจ๊งเหม่ง กำลังวิ่งทำอะไรสักอย่าง (ในโปสเตอร์) ... ดังนั้นช่วงท้ายๆ จนถึงฉากจบ ก็เลยทำเอาผมอึ้ง เซอร์ไพรซ์ไปเลย ไม่นึกว่าหนังมันจะออกมาเป็นแบบนั้น ... พระเอกก็แสดงได้ทั้งกวนทีนส์ ทั้งแสบสันต์ซะจริงๆ

+ โปรแกรมหนังใหม่สัปดาห์ที่จะถึงนี่ ผมคิดว่า The invasion ผมคงต้องฟังเสียงวิจารณ์ก่อนว่าจะดูดีมั้ย (พล็อตมันดูซ้ำๆ และคะแนนวิจารณ์จากเมืองนอกก็ก้ำกึ่ง) ... และส่วนตัวผมเองสนใจ Fly, daddy, fly กับ Cashback (ตกลงมันเข้าป่าวฟระเนี่ย?) มากกว่า ... แต่ที่ตั้งตารอดูจริงๆ คงจะเป็น 1408 (อาทิตย์หน้า), Disturbia (ต้นเดือนกันยา) และ Surf's up (ปลายเดือนตุลา) อ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:16:29:47 น.  

 
Dirturbia ... ท่าทางจะแห้วสนิทแล้วนะครับ หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ตอนนี้หลุดโปรแกรมฉายในตารางของพันทิปเรียบร้อย น่าเสียดายมากๆ หนังดูสนุกน่าจะขายได้ แถมยังมีพระเอกจาก Transformer เป็นจุดขายอีก ถ้าเอาเข้าฉายตั้งแต่ตอนนั้นก็เกาะกระแสหุ่นยักษ์ไปด้วยแล้วแท้ๆ ดันเลื่อนซะงั้น

ดู 24 Season 6 จบแล้วครับ ติดงอมแงม ดูจบแล้วรีบเขียนทันทีเพราะภาคนี้ทำให้มองเห็นซีรี่ส์ชุดนี้ใหม่ว่านอกจากจะเป็นซีรี่ส์ระทึกขวัญมันส์สุดขีด ยังเป็นสารคดีชีวิตในชื่อ ชีวิตบัดซบของแจ๊ค บาวเออร์ โดยแท้ ไว้จะตามเอามาลงบล็อกเร็วๆนี้

หนังแผ่นที่ได้ดูไป

Black book / 300 ... เอามาดูอีกรอบกับที่บ้าน แม่ชอบเรื่องแรกมาก ส่วนเรื่องหลังบ่นใหญ่ว่าไม่เห็นจะมีอะไรเลย

Dead silence ... หนังสยองขวัญโดยผู้กำกับ saw มีตัวหุ่นประหลาดๆหน้าตาน่ากลัวเป็นผีที่มากระชาก ช่องปากคน หนังตั้งท่าเหมือนจะดี แต่ดูๆไปก็งั้นๆ มีฉากหักมุมชวนช็อคตอนท้ายนิดหน่อยที่ดีเข้าท่าดี

Captivity ... หนังจะเข้าบ้านเราเดือนหน้า เป็นหนังเขย่าขวัญที่ หนูอลิเชีย คุชเบิร์ตถูกจับตัวโดยฆาตกรโรคจิตแล้วจับไปทำวิปริตต่างๆนานา เป็นหนังที่น่าผิดหวังมากๆ เพราะไม่ใช่แค่ซ้ำซากกับหนังที่ผ่านมาหลายเรื่อง ยังน่าเบื่อเป็นอย่างยิ่ง มีดีก็ตรง หนูอลิเชียนี่หละ

Paprika ... งานชิ้นล่าสุดของเจ้าพ่อแอนิเมชั่นที่ถนัดเหลือเกินกับจิตวิทยา ซาโตชิ คอน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปวดสมองมากที่สุดในบรรดาสามเรื่องของเขาที่ได้ดูมา จินตนาการในแต่ละฉากเพริศแพร้วไฉไลมากๆ

Rush hour 3 ... เฉยๆ เขียนไว้ในบล้อกแล้วจ้า

Kontroll ... หนังของผู้กำกับที่กำลังจะมีผลงาน Vacancy หนังเขย่าขวัญที่ว่ากันว่า เข้าท่าเข้าที เป็นเรื่องราวของ กลุ่มคนทำงานรถไฟใต้ดิน ที่พระเอกเป็นตัวละครที่ไม่เคยโผล่ขึ้นไปบนดินเลย แล้วก็ตามมาด้วยเรื่องราวลึกลับของ ฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่าคนในสถานี เรื่องของสาวที่ชอบสวมชุดตุ๊กตาหมีปริศนา เรื่องราวความขัดแย้งของเจ้าหน้าที่เป็นกลุ่มเป็นก๊วน หนังเต็มไปด้วยเรื่องราวหลากหลายหลากอารมณ์ แต่ผู้กำกับก็ชงมันเข้ากันได้ดี

... ตอนนี้กำลังหนักใจว่าเดือนหน้า จะส่งต้นฉบับเรื่องอะไรให้กับ Cream ดีหนอ เพราะหนังโรงตอนนี้ไม่มีคาแรกเตอร์ไหนน่าสนใจเลย(อีกสองเล่มคิดออกเรียบร้อยแล้ว)


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:23:17:03 น.  

 
ช่วงนี้เงินหมดครับ
ดูเทศกาลหนังสั้นไปนิดหน่อย
ได้เวลาพักการจ่ายเงินแล้ว 55+


โดย: nanoguy วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:2:10:00 น.  

 
มะเอาคาแรกเตอร์ "ฮันนะซัง" จาก 200 Pounds Beauty ล่ะพี่ผมฯ

ผมว่ามีบางอย่างน่าพูดถึงเหมือนกัน
(คิดว่างั้นนะ เพราะยังไม่ได้ดูเหมือนกัน) แต่เป็นหนังที่น่าสนใจดี


โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:2:16:27 น.  

 
เห็นด้วยกับความเห็นบน ครับ...

ผมดูมาแล้ว ...ฮันนะซัง มีแง่มุมให้พูดถึงเยอะ ไม่ว่าจะเรื่องของการศัลยกรรมที่กะลังฮิต หรือเรื่องของคนอ้วน ถ้าลึกกว่านั้นอีกก็ว่าไปถึงวงการเพลงที่ทุกวันนี้ นักร้องหน้าตาดีมักจะมีแต้มต่อกว่าคนเสียงดีซะงั้น ...ผมคิดว่าเนื้อหาของมัน เหมาะจะลง Cream ให้วัยรุ้นวัยรุ่นได้อ่านและคิดกันนะ

ส่วนตัวชอบนะ ...หนังตลกขำขำดี (เพราะพันธมิตรด้วยแหละ) ช่วงซึ้งก็ทำเอาน้ำตาไหล
เรื่องประเด็นที่ว่าข้างบน ก็เล่นกับบทหนังได้โดนดี ส่วนนางเอกก็โคตะระน่ารักจับจิตเลย (ยังไม่ถึงกับสวย เพราะรูปหน้าออกจะผิดส่วนไปนิด ...แต่การแสดงแบ๊วๆ ออกเต็มร้อยเลย) พระเอกก็หล่อเทพซะ สาวๆดูแล้วไม่เบื่อแน่นอน (เพราะมัวแต่นั่งมองพระเอกจนตาเยิ้ม)


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:23:09:33 น.  

 
^
^
... เสนอไปแล้วเหมือนกันครับว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้ เพียงแต่ ผมออกจะผิดแผกกับคนส่วนใหญ่ไปหน่อยครับ คือ ผมไม่ค่อยอินกับหนังเรื่อง 200 pounds beauty เท่าใดนัก ยิ่งประเด็นที่พูดถึง คุณค่าที่แท้จริงในตัวคน เพราะผมรู้สึกว่าหนังยังทำได้ไม่น่าเชื่อถือ หนังยังมีความแอบเชิดชูคุณค่าที่ภายนอกอยู่โดยไม่รู้ตัว รวมไปถึงฉากจบที่เล่นมุกเพื่อนนางเอก

หนังไม่ทำให้ผมเชื่อว่า พระเอกรักนางเอกจากตัวตนจริงๆ และ โอกาสที่เกิดขึ้นของเธอก็มาจากความงาม ผมยังรู้สึกว่าพระเอกชื่นชมในเสียงของเธอ แต่ถ้าเธอไม่ผ่าตัดจนสวยแบบนี้ เขาก็คงไม่สนใจอยู่ดี

เพียงแต่ ข้อคิดที่ดีคือ เมื่อเราได้ความงามภายนอกมาแล้ว เราสูญเสียความงามภายในไปด้วยหรือเปล่า และนั่นก็เป็นบทเรียนที่นางเอกได้เจอ

...หนังมีดีตรง นางเอกที่น่ารัก พระเอกที่ชนะใจสาวๆ เพลงที่เพราะมาก และ เนื้อเรื่องที่มีจุดจี๊ดๆอยู่เป็นระยะ ถ้าเทียบประเด็นนี้ในหนัง ผมกลับชอบ เรื่อง Time หนังเกาหลีของคิมคีดุค ที่พูดถึง ศัลยกรรมพลาสติกเหมือนๆกัน มากกว่า แม้ว่ามันจะคนละแนวกันเลยก็ตาม

...อย่างไรก็ดี มันก็ทำให้ผมไปขวนขวายหาซื้อการ์ตูน ฮันนะมายกชุดเรียบร้อยแล้น แต่ประเด็นที่เพื่อนๆว่ามา ก็เป็นประเด็นที่คิดๆไว้แล้วว่าถ้าหาหนังตรงคอนเซ็ปท์หนังสือที่จะออกไม่ได้ ก็คงหยิบมาเขียนถึงคับ

หมายเหตุ : เพิ่งดูหนังเรื่องนึงจบตะกี้ เป็น หนังตลกที่ สนุกมากกกกกกก

มีครบรสทั้งยิ้มๆขำๆ ล้อเลียนหนังใหญ่ ตื่นเต้นลุ้นระทึกในฉากแอคชั่น และ เรื่องราวลึกลับซ่อนเงื่อนหาตัวฆาตกร

เห็นหลากหลายแนวแบบนี้ แต่หนังทำได้ ถึง ในทุกๆด้าน จนไม่น่าเชื่อว่า มันเป็นเพียง หนังคอมิดี้

หนังไม่เข้าโรงแน่ๆเพราะเห็นโปรแกรมจะออกแผ่นแล้ว ถ้าแผ่นออกห้ามพลาดเด็ดขาดครับ กับ

Hot Fuzz

หนังจากฝั่งอังกฤษโดยผู้กำกับ Shaun of the dead

ป.ล. OST.ของหนังเรื่องนี้ ก็ทั้งมันส์ทั้งเปรี้ยวทั้งอัลบั้มเช่นกัน


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:23:23:19 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5719486/A5719486.html ฝากช่วยโหวตให้ด้วยค่ะ วงที่ 35 เพลงลูกกรุงค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วจาแวะมาเยี่ยมใหม่นะคะ



โดย: lamduanjazz IP: 203.152.33.77 วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:10:43:52 น.  

 
Hot Fuzz น่าดูมาก
คำวิจารณ์ระดับ A-


โดย: nanoguy วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:15:58:17 น.  

 
เชื่อไหมจ้ะ ปีหนึ่งดูหนังโรง ประมาณ 3 เรื่อง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหนัง ฝรั่ง ที่มาแรง เพราะว่า
ที่บ้าน รับสัญาณ ubc จริงแล้ว ก็ชอบนะจ้ะ แต่ไม่รู้ว่า จะดูเรื่องอะไร ไม่มีไกด์ แนะนำ ก็เพิ่งเข้ามาบล็อกนี้แหละ เลยถึงบางอ้อ ดีจ้ะ แล้วจะเข้ามา
อัพเดรด บ่อยๆ จ้ะ


โดย: p IP: 222.123.65.179 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:22:52:52 น.  

 
โถ่ วันเกิดเมื่อไหร่ครับ ไม่รู้เรื่องเลย
(ห่างหายไปนาน เพราะสอบ)

โถๆ กินข้าวคนเดียว ตอนวันเกิด...เหมือนกันเลย


โดย: โกโต้ เคนสุเกะ IP: 125.24.149.178 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:16:51:34 น.  

 
อ่าว ลืมอวย(ย้อนหลัง)

ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ


โดย: โกโต้ เคนสุเกะ IP: 125.24.149.178 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:16:54:35 น.  

 
- ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูอะไรในโรงเลยค่ะ เรื่องล่าสุดที่ดูก็ "ฮันนะซัง" ไปดูเพราะอ่านการ์ตูนเรื่องนี้มาอยู่ก่อนแล้วค่ะ พอดูจบก็อยากไปรื้อการ์ตูนมาอ่านอีกรอบเลย นางเอกน่ารักดี (มีบางแวบรู้สึกว่าแอบคล้ายซูฉี+วิเวียนแฮะ) ส่วนพระเอกก็คือพระเอกสุดเลิฟของกุ้งจาก "Wanee & Junah" แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยเลิฟแกเท่าไหร่แล้ว เพราะเรื่องนั้นแกน่ารักกว่ามากๆๆๆ ประมาณว่าอยากได้คนแบบ Junah มาเป็นพระเอกในชีวิตจริง

- แล้วก็เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปดู "คอนเสิร์ต 25 ปี นิติพงษ์ ห่อนาค" มาค่ะ สนุกและมันส์มาก ไม่อยากบอกเลยว่าทุกเพลงที่ร้องในคอนเสิร์ต กุ้งร้องตามได้หมดเลย (ก็รู้วัยกันเลยสิเนี่ย) นั่งดูไปก็รำลึกความหลังครั้งยังเป็นวัยรุ่น (กว่านี้) ใหญ่เลยค่ะ ประมาณว่าเพลงนี้แต่ก่อนดังมากเลยนะ ตอนเราอยู่ปี 1 อะไรเงี้ย

- ช่วงนี้หลังจากลาออกจากงานเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มมีเวลาดูซีรีส์ที่ค้างๆไว้ค่ะ ตอนนี้กำลังดู Lost season 3 อยู่ ไม่ติดหนุบหนับแบบ 2 ซีซันก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีอะไรให้ติดตามอยู่

- สุดท้ายก่อนชะแวบไปดูเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนใหม่ ตอนนี้กุ้งกำลังแพลนว่าอยากเปิดร้านขายเสื้อผ้าและของกระจุกกระจิกที่สยาม ใครมีคำแนะนำอะไรก็วานบอกทีนะคะ ไปล่ะค่า


โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 161.200.255.162 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:17:52:04 น.  

 
วันนี้เพิ่งดู Welcome to Dongmakgol (คุยกับ จขบ. ในเอ็มไปแล้ว มาโพสบอกคนอื่นเฉยๆ อิอิ)

ชอบเนื้อเรื่องมันนะ โดนเฉพาะคอนเซปต์ที่วางให้หมู่บ้านนี้เป็นตัวแทนของสังคม Utopia ที่ทุกคนอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ (ต่างจากสังคม marxist ที่แม้จะคอนเซปต์คล้ายกัน แต่ว่าสังคมมาร์กซิสต์จะไม่มีแม้แต่ผู้นำชุมชน) ไม่ว่าจะต่างชาติ ต่างภาษา ต่างความคิด ต่างฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อทหารฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้เริ่มปรับตัวเข้าหากันได้

อีกประเด็นที่ชอบคือความฉิบหายที่ปรากฏในเรื่อง หนังนำเสนอออกมาอย่างเด่นชัดว่าความฉิบหายทั้งหลายของประเทศในเอเชียหลายประเทศล้วนมาจาก "ไอ้กัน" ทั้งสิ้น (ทั้งเกาหลี, เวียดนาม ลามมาถึงอิรัก) เพราะความคิดแบบคับแคบและเหมารวมของมันตัวเดียว

เสียดายที่ตอนจบเรื่องนี้ feel good ไปหน่อย.. ผมคงจะชอบมากถ้าเรื่องนี้กล้าทำตัว dark สุดขั้วไปเลยน่ะครับ (แต่แค่นี้ก็ถือว่าถูกใจแล้วล่ะ)


โดย: nanoguy วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:1:32:32 น.  

 
มาลงชื่อ แวะเยี่ยมด้วยคนครับ...

ขอให้หนังสือขายดิบขายดีนะครับ


โดย: St. Lover IP: 125.24.37.114 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:14:56:10 น.  

 
+ แหะๆ ไม่ได้แวะมาเขียนที่ 'หน้าแรก' ซะนาน คงเป็นเพราะช่วงนี้เซ็งๆ ค่ายหนังมั้งครับ ... หนังที่จัดเข้าฉาย ก็ไม่ยักกะอยากดู ส่วนหนังที่ผมอยากดูก็กลับถอดโปรแกรมหรือเลื่อนไปดื้อๆ ซะงั้น (ยังงงกับ Disturbia ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนตกโปรแกรมของเหลิมไทยไปแล้ว แต่กลับยังติดโปสเตอร์แผ่นเบ้อเริ่มอยู่บน SFW เซ็น'พร้าว ... ส่วน 1408 ก็ถูกเลื่อนอีกครั้งจากสัปดาห์นี้ไปเป็นกลางเดือนกันยา )

+ หนังที่ได้ไปดูมาช่วงนี้
* The Simpsons movies - ฮาบ้าบอคอแตก หลุดโลกดี ผมไปเขียนไว้ที่หน้าซิมป์สันของคุณ จขบ. แล้ว
[หมายเหตุ : ขอขอบคุณ และขอช่วยโปรโมต โรงหนัง (ค่อนข้าง) ใหม่ ค่าย Major (ที่ไม่ใช่เมเจอร์ฮอลลีวูด) สาขาแจ้งวัฒนะ ที่ตั้ง The Avenue ชั้น 3 ข้างๆ บิ๊กซี ถ.แจ้งวัฒนะ ... ที่อุตส่าห์ฉายเรื่องนี้ให้ผมได้ดูคนเดียวทั้งโรง! (ปกติเห็นว่าถ้ามีคนเดียว จะโดนขอให้เปลี่ยนเรื่องหรือเปลี่ยนรอบ) ... แถมพนักงานทุกท่านทั้งที่ขายตั๋ว และคนต้อนรับข้างบน ก็ใจดี มี service mind สุดๆ ไม่มีใครทำท่าหงุดหงิดอารมณ์เสียแม้แต่น้อย แม้จะมีลูกค้าแค่คนเดียว ดูจบออกมาก็โค้งแล้วโค้งอีก (มารยาทดีกว่าโรงแถวๆ กลางเมืองหลายๆ โรงอีกอ่ะครับ) ... อยู่ใกล้ที่ทำงานผมซะล่วย ไว้ต่อไปถ้าจะดูหนังฝั่ง Main ผมคงต้องพิจารณารอบที่โรงนี้ก่อนซะแล้วแฮะ )]

* [Films Buffet-II @ House] Audition - ผมเพิ่งเคยได้ดูหนังของ ผกก.ทาคาชิ มิอิเกะ ที่ได้ยินกิติศัพท์ความเฮี้ยนมานาน เต็มๆ ตาในโรงเป็นเรื่องแหลก ... และก็ได้รู้ซึ้งแล้วว่า เฮียแกคัลท์แตกขนาดไหน ... ผมชอบอารมณ์หนังเรื่องนี้ (ซึ่งเป็นแนว psycho / thriller ที่ผมชอบซะด้วย) ตรงที่มันรู้สึกได้ 'ลุ่มลึก' กว่าหนังทริลเลอร์โฉ่งฉ่างของฝั่งอเมริกา หรือหนังจิตนัวร์ นิ่งๆ เรียบๆ แถบยุโรป ... แต่พอบทจะเชือดก็ ... เหอๆๆ ... ฉากโหดๆ มีให้เห็นไม่มากนัก แต่ก็ทำให้สะดุ้ง และเกิดอาการ 'สะพรึง' ได้แทบทุกครั้ง ... และช่วงไคลแม็กซ์ทำได้ทรมานความรู้สึกคนดูเอามากๆ (ว่ามันจะรอดไปได้ยังไงเนี่ย!) ... เสียงหลอนประสาทของ 'เธอ' ก็ช่างเสียดแทงบาดลึกเข้าไปในความรู้สึก แถมใกล้จบยังมีตลบหลังคนดูซะอีกแน่ะ!
... จัดว่าเป็นหนังทริลเลอร์เรื่องนึงที่ก่อความ 'สะพรึง' แก่คนดูอย่างผมได้ในระดับสูง(เกือบ)สุด เจ๋งอ่ะครับ เหอๆๆ

[ช่วงสนทนา]
+ คุณ จขบ. :
* Hot Fuzz - ผมอ่านข้อมูลมาพักใหญ่ๆ ซึ่งก็รู้สึกอยากดูตั้งแต่ตอนอ่านแล้วครับ ยิ่งมาเห็นคุณ จขบ. เชียร์ ยิ่งอยากดูใหญ่เลยอ่า
* Captivity - ที่อ่านบทวิจารณ์มา ก็เป็นเช่นนั้นครับ ... นู๋อีไลชา คุชเบิร์ต เธอท่าทางจะชอบหนังแนวนี้เนาะ ผมดูเธอไปเรื่องนึงจาก House of Wax (UBC)
* Kontroll - ผมเคยตั้งใจจะดูเรื่องนี้ ตอนที่มันมาเข้าฉายในเทศกาลไหนซักอัน (ไม่ World Films ก็ BBK. IFF.) เมื่อ 2-3 ปีก่อน เพราะชอบพล็อตหนัง แต่สุดท้ายก็ดันพลาดไปอ่า

+ น้องกุ้ง : ร้านอยู่โซนไหนของสยาม ถ้าเปิดแล้วช่วยแจ้งด้วยนะจ๊ะ ... เผื่อพี่และคนอื่นๆ ในบล็อกที่สนใจ จะได้แวะเวียนไปช่วยอุดหนุนอ่า ... อ้อ! และบล็อกหน้าล่าสุดของพี่ เขียนถึงหนังญี่ปุ่นเก่าๆ 3 เรื่อง (Audition ที่เพิ่งดูมาก็เป็น 1 ในนั้น) ถ้าว่างเชิญไปอ่านได้นะฮับ

+ น้องนาโน : Dongmakgol ตอนดูพี่กลับรู้สึกว่าโทนหนังโดยรวมมันไม่ dark นะครับ เป็นหนังสงครามที่ดูแล้วออกจะรื่นรมย์ด้วยซ้ำ ... และเนื่องจากพี่ชอบการจบแบบมีความหวังด้วยมั้ง ก็เลยชอบที่หนังจบแบบที่เป็นอยู่อ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:18:08:44 น.  

 
...ในระหว่างที่ผมนั่งคิดๆว่าปีนี้ยังไม่เจอหนังความรักความสัมพันธ์ที่มันกัดกินใจ ว่าแล้วก็หยิบหนังแผ่นของ แองโธนี่ มิงเกลล่า มาดูฆ่าเวลา แล้วผมก็พบหนังอีกเรื่องเสียงวิจารณ์ย่ำแย่จนน่าใจหาย แต่สำหรับเรากลับกลายเป็นว่ามันคือหนังที่โดนใจเพราะมีอะไรสะกิดใจเราอยู่

สำหรับหลายคนคือหนังที่น่าเบื่อ แต่สำหรับผมนี่คือหนังที่พูดถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางพร้อมจะแตกสลายได้อย่าง อบอุ่น นุ่มนวล เศร้าซึม และเลือกจบได้ดี จนอยากจะเขียนถึงทันทีที่มีเวลามากพอกับ Breaking and Entering หนังรักอีกเรื่องที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัวสูงจนอาจชวนให้หาวหวอดได้

...กำลังไล่ดูหนังของฮิตช์คอคที่เขาเอากลับมารีมาสเตอร์ใหม่ครับ ล่าสุดดู Frenzy ไปแล้วสนุกดีกับการไล่ล่าฆาตกรเน็คไท (เป็นโครงการรีมาสเตอร์ที่ดีมากๆให้แฟนๆรุ่นใหม่ได้มีโอกาสรู้จักฮิตช์คอคมากไปกว่า Psycho)

ลิปดา-พิลิปดา ... เปิดร้านแถวสยามคงได้ไปเยี่ยมบ่อยๆครับ เพราะตอนพันทิพนั่นไม่มีโอกาสได้แวะไปเลย ขอให้ได้ทำเลใหม่ไวไวเน้อ

p ... ที่บ้านผมกลับเพิ่งถอด UBC ออกไปครับ เศร้าชะมัดอดดูลิเวอร์พูลเลยปีนี้ แถมที่พักพวกคอนโดแมนชั่นก็ดันมีแต่ช่องกีฬาที่ไม่มีบอลซะด้วยซิ / แล้วแวะมาเยี่ยมอีกนะคับ

โกโต้ เคนสุเกะ ... ขอบคุณค้าบ

St. Lover ... ขอบคุณค้าบ

nanoguy ... ว่างๆมาเล็คเชอร์เรื่องสังคมมากซิสต์ ให้กับคนอ่อนสังคมหน่อยนะครับ อยากรู้แต่ขี้เกียจอ่านแบบวิชาการหนักๆอะ

บลูยอชท์ ... Disturbia ก็หนุกคับแต่รอแผ่นก็ไม่ถึงกับน่าเสียดายมากคับ อาทิตย์นี้ผมก็เตรียมจัดการ ไข่เค็มไชยากับหนังตลกเพื่อนซี้ที่แกล้งแต่งงานกัน และถ้าเวลาเหลือก็อยากไปดูชีวิตรักในปารีสที่ลิโด้


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:22:54:31 น.  

 
ถึงพี่บลู...
- เพราะบรรยากาศรื่นรมย์แบบนั้นแหละครับ มันเลยดูเหมือน "ชวนฝัน" มากๆ ว่าโลกนี้จะมีที่แบบนั้นจริงๆ แต่ถ้าหนังกล้าหาญพอที่จะ "ทำลาย" มันทิ้งไป มันคงกระชากใจสุดๆ... เหอๆๆ

พี่ จขบ.
- ผมเลคเชอร์ไม่ค่อยเก่งด้วยสิครับ เหะๆๆๆ เอาเป็นว่า มาร์กซิสต์ คือสังคมที่ต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม เพราะแต่เดิมพวกกรรมาชีพจะถูกพวกชนชั้นสูงกดขี่ คนทุกคนในสังคมมาร์กซิสต์จะมีฐานะเท่าเทียมกัน และท้ายที่สุดแล้วการที่ทุกคนเท่ากันหมดจะนำไปสู่การไม่มีรัฐ เพราะการมีรัฐก็คือการทำให้เกิดชนชั้นสูง (เหมือนกับที่เขาต่อต้านศาสนาครับ เพราะพวกนักบวชอะไรพวกนั้นก็เปรียบเป็นชนชั้นสูง และไม่ต้องพูดถึงสถาบันกษัตริย์)

แต่ว่ามาร์กซิสต์ กับ คอมมิวนิสต์ นี่ผมขอแยกมันออกจากกันนะครับ เพราะคอมมิวนิสต์มันเป็นแนวคิดที่เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ หากแต่เอาแนวคิดมาร์กซิสต์มาบังหน้ามากกว่า เพราะมาร์กซิสต์ของแท้จะไม่ใช่เผด็จการครับ แต่ว่ามันมีช่องให้เกิดเผด็จการอยู่มาก จึงเกิดคนอย่างเลนินและสตาลิน ที่ขึ้นมาด้วยการอ้างตนเป็นมาร์กซิสต์ แต่ท้ายที่สุดเขาก็มากดขี่ชาวไร่ชาวนาเหมือนเดิม

(วิชาการไปมั้ยหว่า....)


โดย: nanoguy วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:2:37:51 น.  

 
แวะมาอ่านที่คุณจขบ. เม้นท์ค่ะ ดีใจที่ยังมีเวลาอัพบล็อกไม่ว่างเว้นนานเกิน ชอบอ่านค่ะ


โดย: สาวใต้ใจงาม IP: 124.120.75.249 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:13:35:48 น.  

 


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:10:16:30 น.  

 
รู้จักจาก Dr's Room
ดีใจที่มีที่ทางสำหรับคนรักหนังได้เข้ามาเยี่ยม ป้าดูหนังมาตั้งแต่เด็กจนใกล้แก่ ตอนสาวๆ นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพเดือนละครั้ง ลงจากรถดูหนังรวดเดียว ๕ เรื่อง แล้วนั่งรถกลับ
เวลานี้มีความจำเป็นต้องดูแลคนที่ป้ารักมากป่วย ยังออกไปดูหนังที่โรงไม่ได้สักพักยาวๆ แต่ก็หาหนังมานั่งดูในเธียรเตอร์ที่บ้าน ก็มีความสุขไปอีกแบบ
จะแวะเข้ามาทุกวันจ๊ะ


โดย: ป้า IP: 125.27.221.77 วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:18:19:38 น.  

 
+ จริงๆ แล้วสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมชั่งใจอยู่ว่าจะดู Hwang Jin-yi ที่โรงสยามดี หรือจะไปดูหนังควบที่เฮาส์ดี ... แต่สุดท้ายก็เลือกหนังควบอ่ะครับ (ส่วน ไชยา เนื่องจากไม่ใช่หนังแนวผม จึงคิดว่าจะรอเสียงวิจารณ์จากเหล่าบล็อกเกอร์ในวันจันทร์ - ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้ว )

+ 2 Days in Paris - เนื่องจากผมยังไม่เคยดูทั้ง Before sunrise และ Before sunset มาก่อน แต่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ความโด่งดังอยู่เนืองๆ เลยพอรู้แนวอยู่บ้างว่า 2 เรื่องนั้น รวมทั้งเรื่องนี้ที่ทั้งเขียนบทและกำกับโดย จูลี่ เดลปี้ จะหน้าตาออกมาเป็นยังไง ... ซึ่งพอได้ดูจริงๆ ก็ยอมรับว่า ประเด็นของหนังเกี่ยวกับอุปสรรคของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน (ในความแตกต่าง) ของผู้ชายและผู้หญิงจัดว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ... แต่กับมุกเยอะๆ ในบทสนทนาระหว่างทางเนี่ยสิ ที่ผมเก็ทได้ไม่หมด ก็เลยทำให้ไม่อินเท่าที่ควร อีกอย่างช่วงท้ายๆ เรื่อง ผมรู้สึกเหวอไปหน่อย กับพฤติกรรม(จิต)หลุดๆ ของนางเอกอ่า
... อดัม โกลด์เบิร์ก (หลังจากเล่นเป็นตัวประกอบมาหลายเรื่อง เพิ่งจะมาได้รับบทเด่นฝ่ายชายก็เรื่องนี้) เล่นได้ลื่นไหลดี ส่วนจูลี่ เดลปี้ ทำเซอไพรซ์ด้วยการขนคุณพ่อคุณแม่ตัวเองมาเล่นในหนังด้วย ซึ่งก็ขโมยซีนได้ดีทีเดียว ทำให้หนังเรื่องนี้อุดมไปด้วยคาแรคเตอร์ที่เพี้ยนๆ อยู่เยอะแยะมากมาย
... สำหรับคู่รักที่ชีวิตคู่กำลังเริ่มมีปัญหา ลองไปศึกษาจากหนังเรื่องนี้ก่อนก็ดีครับ

+ Spider Lilies (ฉายที่เฮาส์โรงเดียว) - เป็นหนังเลส ที่ดูดีมีประเด็น เกี่ยวกับความรักที่คนนึงอยากจำ แต่อีกคนพยายามจะลืม โดยมีเส้นกั้นกลางที่แน่นหนาเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในไต้หวันเมื่อไม่กี่ปีก่อน ... ชื่อหนังมาจากลายสักรูปดอก Spider Lily (แปลกันทื่อๆ ว่า "พลับพลึงแมงมุม!" ) ซึ่งที่นั่นเชื่อกันว่าดอกไม้ชนิดนี้มักจะขึ้นไปตามรายทางที่จะต้องเดินผ่านเพื่อจะไปยังนรกภูมิ (คงเหมือนการนั่งเรือแจวข้ามแม่น้ำสติกซ์ ของฝรั่งนั่นแล) ที่นางเอกสักอยู่บนแขน ... ทำไมถึงต้องสักลายนี้ ไปหาคำตอบได้ในหนัง แต่ที่แน่ๆ คือ อิซาเบลลา เหลียง เป็นทอมที่สวยที่สุดในโลก! (ตอนแสดงเป็นทอมบอยจริงๆ ตอนวัยรุ่น เธอก็เท่ห์ซะ) และฉากเข้านางเข้านาง ... เอ๊ย เข้าพระเข้านาง (แหะๆ ) กับเรนนี หยางในเรื่อง (ไม่แน่ใจว่าถูกกองเซ็นเซ่อหั่นบ้างรึเปล่านะ) ก็แสดงกันได้ร้อนแรงทีเดียว

+ หนังใหม่สัปดาห์ที่จะถึง ผมเล็งไว้ถึง 3 เรื่อง แต่ก็ออกอาการลังเลเล็กน้อย กับ ...
* สายลับจับกิ๊ก ... เอ๊ย จับบ้านเล็ก - (ถึงจะอยากเชื่อมือ ผกก. แต่ดูจากหนังตัวอย่าง กลัวจังเลยว่ามันจะออกมาเน่ามากกว่าซึ้ง และมุกตลกเป็นมุกดาดๆ ทั่วไปอ่า ... ยังงี้ต้องฟังเสียงวิจารณ์ก่อนดีฝ่าแฮะ) ,
* Ensemble, c'est tout - อยากไปดูน้องออเดรย์ ตาโต เอ๊ย โตตู อีกนะครับ ... แต่พล็อตเรื่องนี้แทบไม่มีอะไรต้องสปอยล์เลย แถมเป็นหนังฝรั่งเศสด้วย คงจะเนิบๆ เนือยๆ เอาการอยู่

* Bug - หลังจาก 1408 โดนเลื่อน ... Bug กลับเข้าเฉยเลย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เป็น 'หนังแนวผม' (Psycho/Thriller) แถมยังไม่เห็น แอชลี่ จัดด์ บนจอตั้งนานแว้ว ... แต่พออ่านบทวิจารณ์เลยออกอาการลังเลเล็กน้อย เพราะถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย (แต่คะแนนฝั่งนักวิจารณ์สูงกว่าคนดู ... แสดงว่าหนังคงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่)
... ก็คงต้องตัดสินใจอีกทีอ่ะครับ ว่าจะดูเรื่องอะไรดี และกี่เรื่องดีอ่า ...


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:19:25:59 น.  

 
แอบเข้ามาอ่านหนังหลายเรื่องเลยครับ แต่ไม่เคยโพสสักที
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่มอบให้กันนะครับ


โดย: olivine วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:3:44:00 น.  

 
ผมกลับไม่ค่อยปลื้ม Hwang Jin Yi เท่าไหร่ครับ เลยมาแปะป้ายเตือนเอาไว้ก่อนว่าถ้าใครคิดจะดู อย่าหวังที่จะเห็นอะไรเลิศๆแบบขั้น King and the Clown หรือแดจังกึม หรืออะไรเทือกนั้น หวังแค่ไปดูการแสดงที่อยู่ในระดับน่าชื่นชมของซองเฮเคียว พร้อมกับหน้าตาสวยๆ และตาใสๆ ของเธอจะดีกว่า

เพราะในความคิดผม Hwang Jin Yi พยายามยัดประเด็นและเรื่องราวเข้ามามากมายจนผู้กำกับคุมไม่อยู่ ทั้งเรื่องชนชั้นในสังคม เฟมินิสต์ ระบบยุติธรรม ลามไปถึงความรักของพระเอกนางเอกที่ทำออกมาได้ไม่อินเอาเสียเลย แถมจุดที่น่าจะเป็นจุดหักเหของเรื่องก็ไม่ทำให้คนดูรู้สึกตามอารมณ์ที่ควรจะเป็นได้เสียอีก ทั้งๆที่หนังให้เวลาตัวเองตั้งสองชั่วโมงครึ่ง!!!

ส่วนอีกเรื่องที่เพิ่งไปตามเก็บมาก็คือ Midnight Sun ที่ผมชอบเพลง Good-Bye Days มากกว่าหนังทั้งเรื่อง แต่ก็พอเข้าใจว่ามันเป็นความปกติของหนังญี่ปุ่นที่จะมีตัวแสดงหลายตัวที่เล่นกัน "ใหญ่" ราวกับหลุดมาจากหนังสือการ์ตูน และรักกันง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ


โดย: nanoguy วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:3:45:20 น.  

 
Spider Liliy เขาเรียกว่า พลับพลึงตีนเป็ด
ดูเรื่องนี้ เพราะชอบนักแสดงแท้ๆ
(ยามเป็น)นางเอกก็สวย
(ยามเป็น)พระเอกก็เท่ ไม่ไหวแล้ว


โดย: initial A IP: 161.200.255.162 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:17:32:55 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยคนค่ะ


โดย: ยัยตัวร้าย (Minny N ) วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:21:57:22 น.  

 
สายลับจับบ้านเล็ก กลายเป็นหนึ่งในหนังไทยที่น่าผิดหวังที่สุดของผมในปีนี้ไปแล้วครับ ไม่น่าเชื่อว่าจีทีเอชจะทำหนังออกมา "คาเฟ่" ได้ขนาดนี้เลย...

ส่วนอีกสองเรื่องนั้น เรื่องแรกคือ The Corporation สารคดีแฉความเห็นแก่ตัวของบรรษัทในรูปแบบการเล่าแบบจิกกัดและเสียดสีเหมือนสารคดีแบบไมเคิล มัวร์ ที่ต้องดูเพราะว่าอาจารย์จะเอาไปออกข้อสอบวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่หนังสนุกดีครับ ยาวสองชั่วโมงครึ่งแต่ไม่น่าเบื่อ (เอ่อ... สำหรับเพื่อนคนอื่นก็บ่นกันระนาว ใช่สิ มันเป็นสารคดี 555+)

อีกเรื่องคือ The Truth be Told ของคุณพิมพกา โตวิระ ได้ดูในงาน Digital Forum ที่แกรนด์อีจีวี (งานยังมีวันที่ 7-8-9 โดยเฉพาะวันที่ 9 น่าสนใจสุดๆ เพราะฉายหนังฟิลิปปินส์ความยาว 9 ชั่วโมง!!) เป็นสารคดีตามติดชีวิตของคุณสุภิญญา กลางณรงค์ ซึ่งเน้นตามติดชีวิตจริงๆหลังที่ถูกทักษิณฟ้อง 400 ล้าน โดยไม่ได้เน้นที่คดีมากจนกลายเป็น courtroom drama แต่มาเน้นที่ชีวิตของเธอในช่วงสามปีที่ต้องสู้คดี ลากยาวมาจนถึงคราวรัฐประหาร ทำให้ออกมาดูดีว่าไม่เน้นการเมืองมากเกินไปจนดู bias (เพราะคุณพิมพกาก็เกลียดทักษิณ) แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนจบ irony มากๆ


โดย: nanoguy วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:2:42:45 น.  

 
อ้าวมาช้า ขอโทษที :P อวยพรวันเกิดย้อนหลังครับ เกิดเดือนเดียวกันเลย


โดย: น้ำใส IP: 203.113.50.13 วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:5:03:39 น.  

 
+ [น้องนาโน] อ่านที่มาเขียนถึง 2 เรื่องนั้นแล้ว ... อืม ... Hwang Jin-Yi นี่จากที่ลังเลว่าจะดูดีมั้ย ก็คงตัดไปได้แล้ว ... ส่วน สายลับจับกิ๊ก นี่เหมือนที่สังหรณ์ไว้จากที่ได้ดูหนังตัวอย่างเลยอ่ะครับ ว่ามุกตลกมันดู "คาเฟ่ๆ" ไงมะรุ ... อย่างงี้คงต้องคิดหนักหน่อยแว้ว คงต้องให้ ไชยา เป็นเมนหลัก ส่วนที่เหลือตัดสินใจอีกที
+ The corporation กับ The truth be told เคยได้ยินชื่อมาบ้างเหมือนกันอ่ะครับ ... แต่พี่คงหาโอกาสดูไม่ได้แหงมๆ

+ สัปดาห์แรกของช่วง Falls (หนังล่ารางวัล) ฮอลลีวูด ก็มีหนังเด็ดมาเปิดฤดูกาลฉายเลย คือ 3:10 to Yuma หนังคาวบอยย้อนยุค - นำแสดงโดย คริสเตียน เบล (ซึ่งเป็น 1 ในดาราชายที่ผมชอบฝีมือ) และรัสเซล โครว์ และกำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ (Walk the line; Girl, interrupted) ซึ่งนำหนังเก่ามา remake ... ได้คะแนนสูงทีเดียวทั้งฝั่งนักวิจารณ์ (~7/10) และฟากคนดู (>8/10) ... ไม่ได้ดูหนังคาวบอยดีๆ มานานแว้ว น่าดูอ่ะครับ ... แต่เมืองไทยจะมีค่ายไหนซื้อเข้ามาฉายรึป่าวหว่าเนี่ย?!?

+ มีอีกเรื่องที่เห็นโปสเตอร์ติดตามโรงหนังว่าจะเข้าฉายเมืองไทยช่วงปลายเดือนนี้ด้วยก็คือ Shoot 'Em Up (แปลชื่อไทยได้ใจโคตรๆ ว่า ... ยิงแมร่งเลย!!!) นำแสดงโดย ไคลฟ์ โอเวน, โมนิกา เบลุคชี, พอล จิอาแมตติ .... ได้คะแนนปานกลางถึงค่อนข้างดีอ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:10:59:11 น.  

 
เขียนไรอ่ะ ไม่เก่งอ่ะ เอาเป็นขอให้ขายดีละกัน


โดย: คนที่เลือกแล้ว IP: 58.10.65.235 วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:16:24:09 น.  

 
ยอดมาก


//www.globalrichonline.com/index.php?step=MQ==&userid=acts2035


โดย: Acts IP: 124.121.28.254 วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:1:52:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.