|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้นำทางการเมือง
กลุ่มชน ไม่ว่าจะมีขนาดใดก็ตามย่อมจะต้องมีความต้องการ ผู้นำ ในทุกสถานการณ์ ซึ่งหากปราศจากผู้นำแล้ว กลุ่มชนนั้นย่อมขาดการประสานงานซึ่งกันและกัน และไม่สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้ ดังนั้นจึงมีผู้ให้ความหมายไว้ว่า ผู้นำ คือผู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ผลสำเร็จที่ดี (กาญจน์ เรืองมนตรี, //www.edu.msu.ac.th) ผลจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นที่ชี้วัดผลของ ภาวะผู้นำ ทั้งนี้ผู้นำที่แท้จริงอาจจะไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่ง หรือมีชื่อเสียงที่เมื่อเอ่ยชื่อแล้วคนทั่วไปรู้จัก แต่เขาจะต้องเป็นผู้มีความสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ อย่างไรก็ตามอาจจะกล่าวได้ว่า ภาวะผู้นำนั้นสามารถวัดได้ด้วยผลที่เกิดจากการนำ ไม่ได้วัดด้วยตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงค่าของคนก็ต้องอยู่ที่ผลของงาน ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นคนของใคร ดังนั้น คนที่เป็นผู้นำ มีภาวะผู้นำจะต้องเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม มองกว้าง คิดไกล ใฝ่สูง และต้องแสดงบทบาทผู้นำอย่างถูกกาละเทศ เป็นที่เชื่อกันว่า ผู้นำ เป็นบุคลิกภาพที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ดังเช่น ฮันนิบาล เป็นผู้นำที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับในขณะที่มีอายุเพียง ๒๐ ปี หรือ นโปเลียนมหาราช ได้รับความสำเร็จสูงสุดจนถึงเป็นจักรพรรดิเมื่อพระชนมายุเพียง ๓๖ พระชันษา (ประมาณ อดิเรกสาร, ๒๕๓๙ : ๑)
ผู้นำทางการเมือง
ผู้นำทางการเมือง (Political Leaders) คือ บุคคลที่ถือครองตำแหน่งที่เด่นที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ในโครงสร้างอำนาจรัฐ เป็นบุคคลที่มีอำนาจ และอิทธิพลในกระบวนการตัดสินใจทางการเมืองอย่างแท้จริง
ความเป็นผู้นำย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ "สถานการณ์" เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความเป็นผู้นำของแต่ละคนเปลี่ยนไป ผู้นำได้รับการยอมรับต่างกันตามเวลา ดังนั้น ความเป็นผู้นำมิใช่จะดำรงอยู่ได้ตลอดกาล เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ผู้นำที่มีลักษณะอีกอย่างหนึ่งย่อมเป็นที่พึงประสงค์ พระธรรมปิฎก (๒๕๔๗) เสนอแนวคิดในเรื่องคุณสมบัติของผู้นำทางการเมืองที่ดี มีดังนี้ คือ ๑. รู้หลักการ ๒. รู้จุดหมาย ๓. รู้ตน ๔. รู้ประมาณ ๕. รู้กาล ๖. รู้ชุมชน ๗. รู้บุคคล
นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวมาแล้ว พระธรรมปิฎกยังมีความเห็นต่อว่า ผู้นำต้องมีพรหมวิหาร ๔ ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงพระราชนิพนธ์ ถึงผู้นำสำคัญคนหนึ่งของโลก คือ ติโต แห่งยูโกสลาเวีย ว่า
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คาดไม่ถึงในตัวเขา ความคิดเห็นที่กว้างขวางอย่างประหลาด ความอิสระในความคิดที่เห็นได้ชัด อารมณ์ที่เย็นอยู่เสมอ ความชื่นชมอย่างไม่อับอายในความสุขพื้น ๆ ของชีวิตตามธรรมชาติ เป็นคนขี้อายในการติดต่อกับผู้อื่น แต่ก็มีจิตใจเป็นมิตรและชอบสังสรรค์ครึกครื้น อารมณ์แรง บางครั้งก็โมโหขึงขัง บางครั้งชอบที่จะแสดงโอ้อวด ความเห็นใจผู้อื่นและใจกว้าง ซึ่งเขาแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ ความพร้อมอย่างน่าประหลาดที่จะมองปัญหาในด้านต่าง ๆ และท้ายที่สุดความภูมิใจในชาติที่รุนแรงอันฝังลึกอยู่ในสันดาน... (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. ๒๕๔๔:ก-ข)
ติโต เป็นผู้นำที่ทำให้ยูโกสลาเวีย ซึ่งประกอบด้วย คนชาติต่าง ๆ ที่แตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ กลับมารวมกันอย่างเป็นปึกแผ่น ในยามวิกฤต สามารถรักษาความสมบูรณ์ และเพิ่มพูนความเจริญตลอดชีวิตของเขา เมื่อสิ้นชีวิต (มีสิริรวมอายุได้ ๘๘ ปี) ในปี ๒๕๒๓ ประเทศยูโกสลาเวีย ก็ค่อย ๆ สลายลงจนกระทั่งมีสภาพแตกแยก สลายลงจนยากที่จะแก้ไขได้ดังที่เห็นในทุกวันนี้
จากพระราชนิพนธ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงบารมีอันแรงกล้าของผู้นำที่มีความเพียบพร้อมในการดึงดูดรวมศูนย์น้ำใจของประชาชน ทั้งประเทศ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้นำที่สำคัญของโลกในอดีตก็มีอยู่หลายท่านที่ควรนำมาศึกษาวิเคราะห์ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างเด่นชัดกับผู้นำในสังคมไทย เช่น จอมจักรพรรดินโปเลียน ประธานาธิบดีลินคอร์น เชอร์ชิลส์ ฮิตเลอร์ และผู้นำในเอเชีย เช่น เมาเซตุง เป็นต้น ส่วนผู้นำประเทศของไทย ในยุคสมัยการปกครองระบอบประชาธิปไตย และผู้นำสำคัญที่มาจากการเลือกตั้งที่ผ่านมามีหลายท่าน เช่น พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากรัฐสภา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำในการบริหารประเทศ
บุคลิกของความเป็นผู้นำที่สำคัญของโลกที่มีลักษณะดีเด่น เช่น นโปเลียน โบนาปาร์ต อดีตจักรพรรดิของฝรั่งเศส เป็นผู้นำที่เก่งกล้าสามารถที่สุดในหลายร้อยปีที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์การรบของนโปเลียน จะถูกศึกษาไปอีกนานแสนนาน แต่เรื่องของนโปเลียน ไม่ใช่มีเพียงแต่การรบเท่านั้น พระองค์ยังมีความสามารถและผลงานดีด้านอื่นอีกมาก ชีวิตของนโปเลียนและราชวงศ์ รวมทั้งหลานของพระองค์ท่านหนึ่ง ซึ่งก็ได้เป็นจักรพรรดิ นโปเลียนที่ ๓ เป็นเรื่องราวชีวิตที่ยิ่งใหญ่ การศึกษาความเป็นผู้นำของ นโปเลียน จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำความเข้าใจผู้นำการเมืองโดยทั่ว ๆ ไป
อับราฮัม ลินคอร์น ประธานาธิบดีคนที่ ๑๖ ของสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศสหรัฐอเมริกันเท่านั้น แต่รู้จักดีไปทั่วโลกแม้เขาจะถึงแก่อสัญกรรมไปกว่า ๑๐๐ ปี แล้วก็ตาม ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เป็นที่รู้จักกันดีมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักรบทั้งสิ้น เช่น นโปเลียน เจงกีสข่าน แต่อับราฮัม ลินคอร์น ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่เพราะคุณความดีของเขา ซึ่งคุณธรรมสูงส่งที่มีอยู่ในตัวเขานั้น ไม่ปรากฏว่าเขาได้รับการอบรมมาจากครอบครัว หรือโรงเรียนเป็นพิเศษกว่าคนอื่นแต่อย่างใด
เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ เป็นผู้นำคนหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศในเวลาที่ชาติของเขาประสบปัญหาหนักหน่วงแทบจะรักษาเอกราชของชาติไว้ไม่ได้ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ เป็นผู้นำคนหนึ่งที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษของศตวรรษที่ ๒๐ เพราะตัวเขาเองมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้อังกฤษรอดพ้นจากเงื้อมมือของฮิตเลอร์ และสามารถทำให้นาซีเยอรมัน ประสบความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงในที่สุด จึงถือว่า เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ เป็นผู้นำที่มีความสามารถที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของอังกฤษ
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ชีวิตของฮิตเลอร์ เป็นเรื่องราวที่น่าศึกษา เป็นเรื่องราวที่ตั้งแต่ต้นจนเขาจบชีวิตลงนั้นได้สร้างความสั่นสะเทือนแก่คนเยอรมันทั้งชาติ คนยุโรปทั้งหมด หรือจะรวมทุกชาติในโลกก็ว่าได้ ที่ต้องกระทบกระเทือนหรือได้รับความเดือดร้อน จากการเป็นผู้นำของเขา คนในโลกจำนวนหลายสิบล้านคนต้องสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน เกิดความอดอยากซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากการสู้รบ ผู้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตอย่างทารุณ โดยเฉพาะชาวยิว ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน ทรัพย์สินที่เสียหายในสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้นมากมายเกินกว่าที่จะประเมินออกมาเป็นตัวเลขถ้าจะสรุปสั้น ๆ ก็สามารถกล่าวว่า ฮิตเลอร์ เป็นผู้นำที่สามารถทำให้ชาวโลกต้องกระทบกระเทือนหรือพบกับความพินาศ ทนทุกข์ทรมาน มากกว่าผู้นำคนใดในประวัติศาสตร์
เมาเซตุง เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของจีน เป็นทั้งนักคิด นักรบ นักปกครอง กวี ที่มีความสามารถเป็นเยี่ยม เป็นผู้มีความรู้กว้างขวางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยศึกษาในต่างประเทศ จนกระทั่งถึงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชีวิตของเมาเซตุง เป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้อย่างแท้จริง บิดาเป็นชาวนา และเขาถูกบังคับให้ทำงานด้านการเกษตร ตั้งแต่อายุ ๖ ขวบ บิดาเป็นคนเข้มงวดกวดขัน โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัดจึงทำให้ในวัยเด็กเขาต้องมีปัญหากับบิดา ซึ่งชอบใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรม เป็นผู้นำที่มีความเก็บกดในวัยเด็ก และหากว่ามีคนนำเรื่องของเขาไปแต่งเป็นนวนิยาย โดยไม่ต่อเติมเสริมแต่งแล้วผู้ที่อ่านก็ยังคงจะบอกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
ผู้นำในสังคมไทย
แม้ว่าคนไทยและสังคมไทยมีลักษณะเป็นโครงสร้างแบบอุปถัมภ์ ผู้นำในความหมายของโครงสร้างแบบนี้จะหมายถึงผู้ที่สามารถให้ความช่วยเหลือ และความคุ้มครองได้ ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เวลามีภัย ความถูกผิดไม่ใช่สิ่งสำคัญระหว่างพวกเดียวกันเอง ผู้ที่มีกำลังมากกว่าย่อมเป็น ผู้ที่ได้เปรียบในการผลักดันการเมืองให้เป็นไปตามที่ต้องการ
สังคมทุกสังคมจะต้องมีความขัดแย้งเพราะการที่คนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก หลากหลายอาชีพย่อมมีความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกันออกไป เรื่องที่จะดำเนินการนั้นอาจเป็นที่พออกพอใจของคนกลุ่มหนึ่ง แต่อาจไม่เป็นที่พอใจของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ผู้นำหรือผู้ปกครองที่ดีจึงต้องเป็นผู้ที่สามารถจะรู้จักสานประโยชน์ของกลุ่มต่าง ๆ ด้วยการเป็นที่ยอมรับของประชาชนมีความเจนจัดในการโฆษณาชวนเชื่อเท่า ๆ กับการต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อ และเจนจัดในการใช้ภาษาให้ผู้อื่นคล้อยตาม
โดยสรุปแล้ว ในระบอบประชาธิปไตยนั้น ถือว่าอำนาจเป็นของประชาชน ผู้นำเป็นเพียงบุคคลที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
ผู้นำในสังคมไทย เป็นแกนกลางขององค์การทางสังคม การเมือง แทบทุกประเภทตั้งแต่กลุ่มผลประโยชน์เล็ก ๆ ไปจนถึงองค์กรการเมืองขนาดใหญ่ อำนาจภายในกลุ่มขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นำในการพิจารณาตนเอง ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า เป็นผู้นำที่มีศักยภาพในการนำ มีความรับผิดชอบต่อความเจริญก้าวหน้าของกลุ่ม ในทางตรงกันข้ามการเสื่อมสลายของการเป็นผู้นำไม่ว่าชราภาพ การตายหรือการหมดสิ้นอำนาจ ย่อมนำมาซึ่งความเสื่อมสลายของกลุ่ม นอกเสียจากว่าจะมีผู้นำคนใหม่ที่เหมาะสมขึ้นมาสืบแทนและสามารถสานต่อความสัมพันธ์ กลุ่มการเมืองในสังคมไทย มักไม่มีการจัดตั้งในรูปแบบขององค์การที่มีความถาวร มิได้เป็นระบบภายใต้การจัดตั้งกฎระเบียบ เส้นทางสำคัญสายหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำในสังคมไทย คือ การแสวงหาผู้อุปถัมภ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วยการแสดงความจงรักภักดี ซื่อสัตย์ เชื้อฟังและเป็นประโยชน์ต่อเจ้านาย ผู้หยิบยื่นความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ในชีวประวัติของผู้นำที่ประสบความสำเร็จทางการเมืองแทบทุกอย่าง การปรับเปลี่ยนผู้อุปถัมภ์ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสมจึงเป็นช่องทางสู่ความสำเร็จสำหรับนักการเมืองทุกคน
ความอ่อนแอแปรปรวนของโครงสร้างความสัมพันธ์ภายในกลุ่มย่อมนำมาซึ่งความอ่อนแอแปรปรวนของระบบการเมืองเช่นเดียวกัน โครงสร้างของกลุ่มและระบบการเมืองที่ยืดหยุ่นอ่อนไหวนี้เอง นำไปสู่ปัญหาวิกฤตเรื่องผู้นำและปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่เสมอมา
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผู้นำทางการเมืองมักให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศ อุตสาหกรรมส่งออก การท่องเที่ยว และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองและภาคอุตสาหกรรม แต่ไม่เคยมุ่งแก้ปัญหาความยากจนและภาวะการว่างงานในชนบท ดูเหมือนว่ารัฐบาลแทบทุกชุด ทำหน้าที่รับใช้ระบบราชการและภาคธุรกิจเอกชน อันเป็นพลังชั้นนำทางการเมืองที่มีอำนาจสูง มากกว่าที่จะมุ่งแก้ปัญหาประเทศที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ระบบรัฐสภาพซึ่งไม่เคยได้รับโอกาสนี้ให้พัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์ยังทำให้ระบบการเมืองไทย เป็นระบบที่ค่อนข้างยึดติด ถูกผูกขาดโดยพรรคราชการ
ระบบการเมืองไทยในปัจจุบัน เป็นการเมืองเรื่องความอยู่รอด ตราบใดที่นักการเมืองและผู้นำทางการเมืองมุ่งเอาตัวรอด และประชาชนถูกผลักให้อยู่นอกระบบ ตราบนั้นสังคมการเมืองก็ยังคงประสบปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาล และวิกฤตด้านผู้นำต่อไปอีกนาน
บุคลิกภาพและคุณลักษณะทางสังคมของผู้นำการเมืองไทย
การพิจารณาภาพรวมแห่งคุณลักษณะของความเป็นผู้นำในสังคมไทยเป็น สิ่งที่กระทำได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเพราะผู้นำแต่ละท่านมีบุคลิกลักษณะและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ผู้นำทุกท่าน มีความทะเยอทะยานและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูง มีความมุ่งมั่นและความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแสดงฝีมือของตนให้ผู้อื่นยอมรับ มีความขยันขันแข็งและความอดทนเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จของตน แต่ความสำเร็จยังหมายถึง ความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพอันใกล้ชิดกับเจ้านายที่มีอำนาจและทรัพยากรเหนือความสามารถในการทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อเจ้านาย ผู้นำย่อมจะต้องเป็นบุคคลที่มี พลังงาน สูง ไม่ชอบอยู่นิ่งเฉยหากแต่ใช้ชีวิตดิ้นรนแสวงหาโอกาสในการเลื่อนสถานภาพตำแหน่ง และฐานะอยู่ตลอดเวลา
การเป็นผู้นำในสังคมไทย ยังหมายถึงความพร้อมที่จะรับผิดชอบในชะตาชีวิตของผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ตามที่สถานภาพต่ำกว่าตน ความรู้สึกสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จึงเป็นคุณลักษณะที่ส่งเสริม ภาพลักษณ์ แห่งการเป็นผู้นำที่ดี (พล.อ.ต.มนัส รูปขจร. ๒๕๔๓:๔๖-๔๘)
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผู้นำประเทศในระดับนายกรัฐมนตรี ได้รับคำครหาในเรื่องการขาดคุณธรรมและจริยธรรมในการเป็นผู้นำ ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งรุนแรงที่สุดในรัฐบาลปัจจุบัน เป็นผลเนื่องมาจากการขาดภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ทั้งการใช้วาจาจาบจ้วงก้าวล่วงไปสู่องค์พระประมุขหลายครั้งหลายคราว การประชดประชันผู้ที่มีความเห็นขัดแย้ง การลุแก่อำนาจในการตัดสินพิจารณากำหนดนโยบายหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เล่ห์เหลี่ยมแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับตนเองและครอบครัว โดยการทำนิติกรรมอำพรางในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งแม้ว่าจะไม่สามารถแสดงความผิดชัดแจ้งทางกฎหมาย แต่ในด้านคุณธรรมนั้นสังคมบางส่วนไม่ให้การยอมรับอีกต่อไป
ผู้นำทางการเมืองที่พึงประสงค์ในสังคมไทย ได้มีปูชนียบุคคลแสดงทัศนะไว้แล้ว และเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป ดังคำกล่าวของ ฯพณฯ องคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานครบรอบ 50 ปี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เมื่อ 9 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมา ในหัวข้อ 'จริยธรรมของการบริหารภาครัฐ'ดังนี้ (www.nationwekend.com)
...หลักสำคัญของ Good Governance มี 5 ประการ คือ (๑) Accountability ความน่าเชื่อถือและมีกฎเกณฑ์ชัดเจน (๒) Transparency ความโปร่งใส (๓) Participation การมีส่วนร่วม (๔) Predictability ความสามารถคาดการณ์ได้ และ (๕) ความสอดคล้องของทั้ง 4 หลักการข้างต้น
ผมมีความเห็นว่า จะต้องพูดถึงคุณธรรมควบคู่กับจริยธรรม เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และเสริมซึ่งกันและกัน ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกายังให้ความสำคัญของจริยธรรม เพราะเชื่อว่า การบริหารที่ยึดหลักกฎหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการที่ดี หรือ Good Governance ได้ และจริยธรรมของการบริหารงานภาครัฐ ย่อมนำไปใช้ในการบริหารงานภาคเอกชนได้ด้วย การใช้จริยธรรมและคุณธรรมในการบริหารงานภาครัฐและภาคเอกชน ที่ผู้บริหารพึงนำไปใช้ และขจัดสิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป คือ
๑. ความซื่อสัตย์ ซึ่งมิใช่เป็นการประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องถูกต้องตามจริยธรรมและศีลธรรมด้วย มิได้หมายเฉพาะตนเองซื่อสัตย์เท่านั้น แต่ต้องควบคุมให้คนรอบตัวมีความซื่อสัตย์ องค์กร องค์การใด ผู้บริหารมีกิเลสต้องขจัดด้วยหิริโอตตัปปะ(ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป) ๒. กฎหมาย แม้กฎหมายไม่สามารถอุดช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะกฎหมายวางมาตรฐานขั้นต่ำของการประพฤติมิชอบไว้เท่านั้น แต่มาตรฐานทางจริยธรรมในเรื่องของการประพฤติชอบและความซื่อสัตย์นั้น สูงกว่ากฎหมาย บางเรื่องกฎหมายว่าไม่ผิด แต่เมื่อดูมาตรฐานทางจริยธรรม ก็ถือว่าผิดได้
๓. ความเป็นธรรม ข้อนี้ พล.อ.เปรมได้กล่าวว่า ยากที่จะบอกว่าความเป็นธรรมคืออะไร บ้างว่าความเป็นธรรมอยู่ที่กฎหมาย
ถ้าทำถูกกฎหมายก็ถือว่าเป็นธรรม บ้างว่าความเป็นธรรมอยู่ที่จิตสำนึกของผู้บริหาร ก็ไม่น่าจะถูกนัก เพราะผู้บริหารลำเอียงได้ บ้างก็ว่า ถ้าคนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์สูงสุด ถือว่าเป็นธรรม ผมเห็นว่า ความเป็นธรรมของการบริหาร น่าจะหมายถึง การให้โอกาสแก่คนยากจน คนด้อยโอกาส คนที่เสียเปรียบในสังคมให้พัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจและสภาพทางสังคมสูงขึ้น อย่างมีหลักการและเหตุผล ผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงและมีความได้เปรียบอยู่แล้ว ควรต้องยอมเสียประโยชน์บ้าง
ผมยังเห็นว่าในความเป็นธรรมต้องมีความยุติธรรมอยู่ด้วย ผู้บริหารจะต้องไม่ลุแก่อำนาจ ใช้อำนาจเบียดเบียนผู้อื่น ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพิ่มอำนาจให้ตนเอง ต้องมีมาตรฐานในการบริหารมาตรฐานเดียวไม่ใช่สองหรือหลายมาตรฐาน หรือไม่มีมาตรฐานเลย นึกจะทำอย่างไรก็ทำ เพราะมีอำนาจ"
๔. ประสิทธิภาพ ในการบริหารงานมักถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในตัวประสิทธิภาพเองอาจไม่สอดคล้องกับจริยธรรม กรณีนี้จะเลือกอะไร สำหรับผมเลือกจริยธรรม เพราะผมเชื่อว่า เราสามารถหาหนทางที่จะให้ประสิทธิภาพไปด้วยกันได้กับจริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส หรือความเป็นธรรม"
๕. ความโปร่งใส มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารให้รัฐเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชน การหลีกเลี่ยงไม่เปิดเผยข้อมูล ถือว่าขัดจริยธรรม
๖. ความมั่นคงของรัฐ การใช้จริยธรรมในการบริหารความมั่นคงอาจจะกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน จึงต้องหาสมดุลให้ได้ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีอยู่ และอาจมีต่อไป เพราะผู้บริหารอาจจะยังหาความสมดุลไม่พบ
๗. ค่านิยม คนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าความร่ำรวยสร้างชื่อเสียง เกียรติยศ และฐานะได้ จึงมีคนจำนวนไม่น้อยรีบสร้างความร่ำรวย โดยไม่แยแสต่อจริยธรรม และที่แปลกแต่จริง และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง คือ เรามักจะนิยมยกย่องคนร่ำรวยว่าเป็นคนดี น่าเคารพนับถือ โดยไม่ใส่ใจว่าร่ำรวยมาด้วยวิธีใด และดูหมิ่นคนจนต่างๆ นานา ว่าเหม็นสาบ มอซอ พูดไม่เพราะ มีความรู้น้อย ไม่อยากคบหาสมาคมด้วย ตราบใดที่เหม็นสาบคนยากคนจน ยังร้องเพลง 'กอดกับคนจน หน้ามนยังบ่นว่าเหม็น' ไม่มีทางแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จ..."
จากแนวความคิดของ ฯพณฯ พลเอกเปรมฯ จะเห็นได้ว่าสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และเป็นแนวทางที่ผู้นำทางการเมืองควรจะต้องนำมาเป็นหลักในการปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน ประชาชนก็จำเป็นจะต้องนำหลักนี้มาเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพและความเหมาะสมของผู้ที่เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้นำทางการเมืองของสังคมไทย เพื่อให้เกิดสอดคล้องกับขนบธรรมเนียม ประเพณีของไทย และสามารถนำพาประเทศชาติไปสู่ความวัฒนาถาวรอย่างยั่งยืน
บรรณานุกรม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. ติโต. กรุงเทพ:สำนักพิมพ์แพร่พิทยา. ๒๕๔๔.
กวี วงศ์พุฒ. ภาวะผู้นำ. พิมพ์ครั้งที่ ๕. กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมวิชาชีพบัญชี. ๒๕๔๒.
กาญจน์ เรืองมนตรี. ผู้นำ. //www.edu.msu.ac.th
ประมาณ อดิเรกสาร, พล.ต.อ. ผู้นำ. กรุงเทพฯ: เอกสารวิจัยส่วนบุคคล สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๓๙.
พล.อ.ต.มนัส รูปขจร. คุณลักษณะของผู้นำที่ต้องการในสังคมไทย. เอกสารวิจัยส่วนบุคคล วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร. ๒๕๔๓
Bernard M. Bass. Transformational Leadership: Industrial, Military, and Educational Impact. New York: Lawrence Erlbaum Associates. 1977.
Gardner, John William. (1964). AID and the Universities; a report from education and world affairs in cooperation with the Agency for International Development. New York: Educational and World Affairs
Blake Robert and Jame S. Mouton. The Managerial Grid. Houston :Gulf Publishing. 1964.
Create Date : 10 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 10 กรกฎาคม 2549 8:31:39 น. |
|
6 comments
|
Counter : 23673 Pageviews. |
|
|
|
โดย: zzz IP: 61.19.54.238 วันที่: 11 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:29:13 น. |
|
|
|
โดย: พ.อ.อนุชาติ บุนนาค IP: 58.9.97.101 วันที่: 11 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:33:14 น. |
|
|
|
โดย: พ.อ.อนุชาติ บุนนาค IP: 58.9.97.101 วันที่: 11 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:54:45 น. |
|
|
|
โดย: กะตั๊ก IP: 210.86.147.190 วันที่: 12 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:43:09 น. |
|
|
|
โดย: ขอความช่วยเหลือ IP: 58.9.64.71 วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:34:10 น. |
|
|
|
โดย: ดร.อนุชาติฯ (anuchartbunnag ) วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:17:07:52 น. |
|
|
|
| |
|
|
- ว่าเท่าที่ฟังดูมันเป็นไปไม่ได้ในการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย
เลือกตั้งขึ้นพรรคเดียว เบอร์เดียว ไม่ใช่ทั่วไป
อย่างมีคนที่สมัครเลือกตั้งคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้
มันไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย
- อีกข้อหนึ่งคือการที่จะบอกว่า จะมีการยุบสภาและต้องเลือกตั้งภายใน 30 วัน
ถูกต้องหรือไม่ ไม่พูดถึง ไม่พูดกันเลย ถ้าไม่ถูกต้องก็จะต้องแก้ไข
แล้วก็อาจจะให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่
- คือปกครองต้องมีสภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ทำงานไม่ได้
อาจจะหาวิธีที่จะตั้งสภาไม่ครบถ้วน ก็รู้สึกว่า มั่ว อยากจะขอโทษอีกที ใช้คำมั่ว
ไม่ทราบใครจะทำมั่ว จะปกครองประเทศมั่วไม่ได้ จะคิดอะไรแบบปัดๆ ไปให้เสร็จไป
** หลังจากนั้นมาศาลได้พิพากษาสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ..!!!!!
---------------------------------------------- ----------------------------------
++ และอ่านหลากหลายประโยคของทักสินที่พูดต่อหน้าข้าราชการที่ทำเนียบเมื่อ 29 ก.ค.49 ท้าชนกับสถาบันเบื้องสูงตรง ๆ โดยไม่เคยออกมาปฏิเสธด้วยตนเอง
- บางคนยังเข้าใจว่า ตัวเองมีความสำคัญมากกว่าคนจำนวนมาก เพราะฉะนั้น เสียงของตัวเอง ต้องดัง และมีความหมาย กว่าเสียงของคนอื่น ....
- คือบุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป....
- บางองค์กร หัวหน้าองค์กร ถึงขนาดยอมทำให้ระบบขององค์กรตัวเองเสีย เพื่อที่จะทำตามนโยบาย ผู้ที่ร้องขอบางราย...
- ใครมาแอบสั่งราชการ อย่าปฏิบัติ เพราะหน้าที่ของท่านทำตามนั้นแล้ว คนที่จะสั่งราชการของท่าน คือ ผู้บังคับบัญชาโดยตรง ....