ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
4
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
น้ำ แ ก ง ห รื อ ซุ ป ส ไ ต ล์ ฮ่ อ ง ก ง



ปรกติป้าเดซี่ไม่ว่างอัพบล็อกช่วงกลางสัปดาห์หรอกค่ะ
ทำงานติดพัน แล้วมันไม่อยากทำอะไรแล้ว
นอกจากแปลงานให้เสร็จ ๆ ไป
แต่วันนี้ กำลังนั่งซดน้ำแกงซึ่งลองต้มกินเป็นครั้งแรก
แล้วมันอร่อยจนอยากบอกชาวบ้านชาวช่อง
เลยจับถ่ายรูป อัพโหลดบล็อกเป็นกิจจะลักษณะซะเลย


นึกย้อนไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
สมัยที่ยังเป็นละอ่อนน้อยอยู่เมืองไทย
อิชั้นชอบดูซีรี่ส์ฮ่องกงเป็นบ้าเป็นหลัง
ไม่เคยคิดเลยนะว่าจะได้มาอยู่ฮ่องกงกะเค้าได้
จำได้ว่าซีรี่ส์ฮ่องกงเรื่องต่าง ๆ
ทั้งแนวกำลังภายใน หรือแนวปัจจุบัน
อาซิ่ม อาแปะ อาตี๋ อาหมวย อาอึ้มทั้งหลาย
ต่างนิยมชมชอบซดน้ำแกงกันจังเลย


พอมาอยู่ฮ่องกงถึงได้รู้ได้เห็นว่า
น้ำแกงเป็นอาหารซึ่งคนที่นี่มักจะนำมาขึ้นโต๊ะเสมอ
ใครต้มน้ำแกงไม่เป็น ก็แค่ไปซูเปอร์มาร์เก็ต
เค้าจะมีวัตถุดิบในการต้มน้ำแกงชนิดต่าง ๆ แพ็คขายด้วย
สนนราคาก็ตั้งแต่ยี่สิบเหรียญปลาย ๆ ขึ้นไป


หรือถ้าขี้เกียจซื้อไปต้มเอง
ก็สามารถแวะร้านอาหารตามสั่ง
ซึ่งคนฮ่องกงเรียกว่า ชาช้านเท้ง
สั่งอาหารจานหลักสักจาน
ร้านส่วนใหญ่เค้าก็จะเสิร์ฟน้ำแกงมาคู่กัน
บางร้านตักน้ำแกงเปล่าใส่ถ้วยเสิร์ฟกันฟรี ๆ ค่ะ
บางร้านอาจต้องเพิ่มเงิน 2-5 เหรียญ ก็แล้วแต่


สำหรับอิชั้นเองเนี่ย ไม่เคยมาต้มน้ำแกงเองเลยค่ะ
อาศัยกินตามร้านอาหารตามสั่งอย่างที่บอก
หรือถ้าจะทำ ก็ทำเป็นแกงจืดแบบไทย
ไม่ว่าจะต้มมะระ แกงจืดเต้าหู้ แกงจืดผัก ฯลฯ
แต่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เกิดอยากกินข้าวหมูแดง
ก็ซื้อหมูแดง หมูกรอบที่เค้าทำสำเร็จแล้วมาจากร้าน
หมูแดงของฮ่องกงเค้าอร่อยเลิศอยู่แล้วอ่ะนะคะ
แค่ทำน้ำซอสราดอย่างเดียวก็พอ
เพราะหมูแดงที่นี่ไม่มีซอสเหมือนของเมืองไทย







ซึ่งการทำซอสก็ไม่ยากอีกนั่นแหละ
เครื่องปรุงต่าง ๆ ก็หาได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นซอสฮอยซิน ซอสหมูแดง ซอสหอยนางรม งาขาว แป้งมัน
ใส่ซอสทั้ง 3 ชนิดในอัตราส่วนเท่ากันเติมน้ำ แล้วตั้งไฟ
พอซอสเดือด เติมแป้งมันละลายน้ำในหม้อ
ใช้ทัพพีคนให้แป้งกับซอสเข้ากันและเหนียวตามต้องการ
พอซอสเดือดอีกครั้ง เติมงาขาว เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ









จะกินข้าวหมูแดงอย่างเดียวรึ
ก็ไม่ใช่แนวของยัยป้าเดซี่ที่เรื่องมากในการกิน
อยากหาน้ำแกงหรือน้ำซุปมากินด้วยกันให้มันคล่องคอ
แถมเริ่มเข้าหน้าหนาว น้ำแกงร้อน ๆ แก้เจ็บคอดีนักแล
ก็แวะซูเปอร์มาร์เก็ต ดูแพ็คน้ำแกงกึ่งสำเร็จรูปที่เล่าให้ฟังน่ะค่ะ
พินิจพิจารณาว่าน้ำแกงแบบไหน ใส่วัตถุดิบอะไรบ้าง
ไปเห็นน้ำแกงใส่ข้าวโพด ซึ่งที่บ้านมีวัตถุดิบครบเลย
เอาวะ ... น้ำแกงข้าวโพดนี่แหละ









เครื่องปรุงก็มีข้าวโพดดิบครึ่งฝัก (หม้อใหญ่) หรือ 1/4 ฝัก (หม้อเล็ก)
แครอทหนึ่งหัวหั่นท่อน พุทราจีนแห้ง (แบบที่ยังมีเมล็ดอยู่)
เนื้อสัตว์ อาจจะใช้ไก่ หมู หรือส่วนกระดูก ของอิชั้นใช้ซี่โครงหมู
อยากใส่ผักอะไรเพิ่มก็ได้ค่ะ อย่าให้รสชาติมันตีกันก็พอ
ที่แนะนำก็ หัวไชเท้า และแฟง (บ้านนี้บ้านฝรั่ง ไม่เรียก ฟัก ค่ะ )








เอาทุกอย่างใส่หม้อ เติมน้ำ ตั้งไฟ คอยช้อนฟองดำ ๆ ทิ้ง
สมมุติต้มหม้อใหญ่ อย่างอิชั้นก็ใส่น้ำเต็มหม้อ
แล้วต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวดเหลือครึ่งหม้อ
หรือถ้าใส่น้ำครึ่งหม้อ ก็ต้มจนน้ำเหลือ 1/4 หม้อ









ปรุงรสด้วยเกลือ พอให้รสจัดขึ้น
ไม่ใส่น้ำปลานะคะ มันจะมีรสและกลิ่นคาว
แถมจะทำให้น้ำแกงมีสีคล้ำมากขึ้นไปอีกด้วย
น้ำแกงแบบนี้จะมีสีคล้ำจากพุทราจีนอยู่แล้วอ่ะนะคะ










นี่ค่ะ ...น้ำแกงสไตล์ฮ่องกง
ซึ่งนอกจากจะมีรสหวานจากเนื้อสัตว์แล้ว
ยังหวานเพิ่มขึ้นจากพืชผักที่ใส่ลงไปด้วย
อย่างน้ำแกงของวันนี้เนี่ย ได้ความหวานจากข้าวโพดและพุทราจีน
อร่อยแบบเหลือเชื่อ อิชั้นนั่งซดแล้ว ซดอีกเลยล่ะค่ะ




พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ





Create Date : 07 ธันวาคม 2554
Last Update : 7 ธันวาคม 2554 20:08:06 น.
Counter : 1863 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ