กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
บุฟเฟต์อาหารเช้าที่ Hotel Keihan Kyoto


ชื่อร้าน : Breakfast Room, Hotel Keihan Kyoto
รายการอาหาร : Japanese and Western Breakfast
เวลาเปิดบริการ : 07:00-10:00
ที่ตั้งร้าน : Hotel Keihan Kyoto, Japan
พิกัด GPS : 34° 58' 59.24" N 135° 45' 37.58" E






ปรกติ ป้าเดซี่ ไม่เคยรับประทานอาหารเช้า เพราะกว่าจะตื่น กว่าจะออกกำลังกาย กว่าจะอาบน้ำอาบท่า กว่าจะเอาผ้าเข้าเครื่อง กว่าจะตากผ้า กว่าจะไปตลาด กว่าจะทำอาหารเสร็จ กว่าจะได้รับประทานก็ปาเข้าไปบ่ายสองบ่ายสาม ได้เริ่มทำงานก็บ่ายแก่ ๆ ทุกที

มาเมื่อ 6-7 เดือนหลัง ที่ได้งานใหม่อีกงานนึง ต้องออกไปทำงานนอกบ้านสัปดาห์ละ 2-3 วัน หะแรกก็ยังคงกิจวัตรเดิม แต่ตื่นเร็วกว่าเดิมหน่อย ออกกำลังกาย อาบน้ำแต่งตัว ไปถึงที่ทำงานสิบโมง นั่งทำงานได้แป๊บเดียวก็หิวซะแล้ว แถมเดี๋ยวนี้พอหิวปุ๊บ ท้องร้องส่งเสียงครวญครางเลยนะ อายชาวบ้านเค้าด้วย เลยต้องเริ่มกลับมารับประทานอาหารเช้าอีกครั้ง แต่ก็เฉพาะวันทำงานนอกบ้านค่ะ วันอื่นยังงดอาหารเช้าเหมือนเดิม

พอถึงเวลาหยุดยาวไปเที่ยว ครอบครัวอิชั้นจะรับประทานอาหารเช้ากันเป็นล่ำเป็นสันเลยค่ะ เพราะเราไม่แน่ใจว่าหลังจากอาหารเช้ามื้อนี้แล้ว เราจะต้องใช้พลังงานและเวลาในการเดินเที่ยวและหลงทางไปเท่าไหร่ จะได้รับประทานกันอีกตอนกี่โมง ดังนั้นมื้อแรกนี้เลยเน้นปริมาณไว้ก่อนเลย





ทริปไปญี่ปุ่นครั้งล่าสุด อิชั้นพักที่เกียวโต 3 คืน แล้วก็โอซาก้า 3 คืน โรงแรมที่พักในเกียวโตชื่อว่า Hotel Keihan Kyoto ก็เป็นโรงแรมระดับนักท่องเที่ยว ด้วยความที่เจ้าลูกชายโตเกินกว่าจะใช้เตียงเสริมแล้ว ก็ต้องหาห้อง Triple แบบสามเตียง ซึ่งห้องของที่นี่เค้าค่อนข้างใหญ่พอสมควร เทียบกับโรงแรมทั่วไปในญี่ปุ่นและฮ่องกงนะคะ






ห้องน้ำก็เป็นสุขภัณฑ์สำเร็จรูปตามสไตล์ญี่ปุ่น แค่เอามาติดตั้งในห้องเท่านั้น อิชั้นติดใจผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำของเค้ามาก ยี่ห้อ Pola ค่ะ หอมดี แชมพูกับยาสระผมก็ใช้ดี เข้ากับผมเห่ย ๆ ของอิชั้นมาก อยากหาซื้อกลับบ้านกันเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าต้องไปปักกิ่งต่ออีกอาทิตย์กว่านะ






ครอบครัวอิชั้นเที่ยวแบบสบาย ๆ นะคะ และเนื่องจากเที่ยวนี้เป็นการไปเกียวโตกับโอซาก้าเป็นครั้งที่สองแล้ว เป็นนัดล้างตาที่คราวที่แล้วสอบตกเอาไว้ วันนึงก็ไปเที่ยวกันแค่ที่สองที่ แล้วก็กลับมานอนเล่นที่โรงแรมต่อ






ดังนั้นตื่นกันสายโด่งเหมือนอยู่บ้านในวันหยุดค่ะ คือ 9 โมงเช้า ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวเสร็จก็ลงไปห้องอาหารเช้าทันที กว่าจะไปถึงห้องอาหารก็เกือบเก้าโมงครึ่ง (ห้องอาหารปิดบริการอาหารเช้าตอน 10 โมง) และครอบครัวอิชั้นมักจะเป็นกลุ่มที่ออกจากห้องอาหารนี้ช้าที่สุด รั้งอันดับบ๊วยเกือบทุกครั้ง






วันแรกที่เข้าไปในห้องอาหาร ก็แอบกรี๊ดในใจ บุฟเฟต์อาหารเช้าละลานตามาก คือไม่คาดหวังว่าจะเยอะขนาดนี้ เสียดายใจไม่ด้านพอในการถ่ายรูปไลน์อาหารมาด้วย เพราะคนญี่ปุ่นเค้าผู้ดี๊ ผู้ดีเนอะ นั่งรับประทานกันเงียบเชียบเรียบร้อย ช่างแตกต่างกับคนฮ่องกงราวฟ้ากับเหว







แอบสังเกตวิธีการตักอาหารของคนที่นี่ หะแรกเค้าจะเดินไปหยิบถาดส่วนตัวของใครของมัน หยิบช้อนส้อมมีดตะเกียบวางใส่ แล้วก็เดินไปที่ไลน์อาหาร ตักอาหารใส่ถ้วย ใส่จาน แล้วใส่ถาดถือมาที่โต๊ะ วันแรกอิชั้นไม่ได้ทำอย่างนั้นค่ะ ก็ตัก ๆ เอามาวางเรียงกันเต็มโต๊ะเลย วันต่อ ๆ มาถึงได้ทำตามอย่างชาวบ้านเค้า






โรงแรมจะมีซุปมิโซะหนึ่งหม้อใหญ่เป็นหลักเลย นอกจากนั้นก็ยังมีซุปกะหล่ำปลีห่อแบบนี้ใส่ถาดใหญ่ อากาศเย็น ๆ แบบนี้ ได้ซดซุปร้อน ๆ คลายหนาว แถมรสชาติดีมาก







นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ไข่ออนเซน เห็นเค้าฮิตกันในห้องก้นครัวอยู่พักนึงนะ ตอนนั้นก็ไม่รู้จักหรอก ไม่เคยเปิดกระทู้เข้าไปดูหน้าตาด้วย เห็นแต่หัวข้อกระทู้ผ่าน ๆ ตาว่าเค้าส่งการบ้านไข่ออนเซนอะไรเนี่ย พอมาเจอของจริง อ๋อ มันต้องไอ้นี่แน่ ๆ เลยที่เค้าฮิตทำกันอ่ะ







ไข่ออนเซนชัด ๆ (เอ๊ะ หรือว่าไม่ชัด) ได้ลองแล้วก็ติดใจในความนุ่มเนียนของไข่ขาว และความเหนียวหนืดของไข่แดง (เสียดายไม่ได้เจาะไข่แดงให้ดูเนอะ) ปรกติฝรั่งสองหน่อที่บ้านจะรับประทาน Poached Egg เป็นประจำอยู่แล้ว พอได้มาลองไข่ออนเซนของเค้า ถึงกับเพ้อ อิชั้นซึ่งเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการทำ Poached Egg ถึงกับต้องสัญญาว่าเดี๋ยวจะไปหัดทำให้หม่ำกันนะจ๊ะ (นี่ถ้าไม่ได้อัพบล็อกนี้ก็ลืมไปแล้วนะ ว่าสัญญาอะไรไว้)







กับข้าวแบบญี่ปุ่นก็จะเป็นเหมือนกับข้าวต้มบ้านเรานะ อย่างอันนี้เป็นปลาตัวเล็กตัวน้อย รสชาติหวาน ๆ อร่อยดีค่ะ






เค้าเน้นผักดองซึ่งรสชาติไม่จัด เหมาะสำหรับรับประทานเปล่า ๆ หรือกับข้าว มีไข่หวานของโปรดด้วย







เห็นสาวญี่ปุ่นโต๊ะข้าง ๆ เค้าตักกับมาวางโปะบนถ้วยข้าว อิชั้นเลยเลียนแบบบ้าง เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม







นอกจากอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นแล้ว เค้าก็มีอาหารเช้าแบบตะวันตกด้วย ไส้กรอกคุณภาพดี เบคอนแบบไม่กรอบ ออมเล็ตแบบนี้ค่ะ แล้วก็ไข่ดาว (ซึ่งอิชั้นไม่ได้ตักมา)







ก็จะตักไข่ดาวมาทำไมล่ะ มีไข่ออนเซนของเด็ดทั้งที ก็เทไข่ออนเซนจากถ้วยใส่จานเดียวกันไปเลย








เจ้าลูกชายชอบขนมปังแบบไม่ปิ้งทาเนยกับแยม พอมาเจอเนยกับแยมในห่อเดียวกัน บีบทีเดียวทะลักมาผสมผสานกันให้เสร็จก็กรี๊ดมาก มีจิ๊กกลับมาฮ่องกงเป็นของที่ระลึกจากญี่ปุ่นด้วย เมื่อสัปดาห์ก่อนแวะไปร้านขนมปัง Panash แถวบ้าน เห็นเค้ามีมาขายแล้วนะ






เห็นสาวญี่ปุ่นที่นั่งข้าง ๆ เค้ากำลังรับประทานนัตโตะ (อิชั้นจำมาจากรายการทีวีแชมเปี้ยน ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ เค้าเรียกว่าอะไรนะคะ) อิชั้นก็ไปหยิบมาลองกะเค้ามั้ง รสชาติแบบ ........ อืมมมมมมม นะ (แปลว่าอะไรหว่า??)







สลัดผักสดของเค้าดีจริง ๆ ค่ะ ผักสดเด้งหวานกรอบ เดรสซิ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบฝรั่งและแบบญี่ปุ่น อิชั้นก็เลือกแต่เดรสซิ่งน้ำมันงาของญี่ปุ่นตลอด







เกือบอิ่มแล้ว ขอผลไม้สักชิ้นสองชิ้น หวานฉ่ำสไตล์ผลไม้ญี่ปุ่น อิชั้นหยิบโมจิมาลองด้วย อร่อยอีกนั่นแหละ โอ้ย กลุ้มใจ นอกจากนี้เค้าก็ยังมี ชา กาแฟ น้ำผลไม้ นม แบบเติมได้ไม่อั้น






ลากันไปด้วยป้ายรายการอาหาร (หรือเปล่า) และราคาที่ตั้งไว้หน้าห้องอาหาร สำหรับผู้ที่จองห้องพักแบบไม่รวมอาหารเช้าแล้วต้องการมารับประทานที่นี่ แต่ของอิชั้นค่าห้องพักรวมอาหารเช้ามาแล้วค่ะ เป็นอาหารเช้าที่คุ้มค่า น่ารับประทาน และอร่อยไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ ขออภัยที่บล็อกนี้ใช้คำว่า อร่อย ซ้ำซากไปหน่อยนะคะ

พบกับความอร่อยกันใหม่ในบล็อกหน้า บล็อกนี้ สวัสดีค่ะ







Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 10:55:05 น.
Counter : 6220 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ