พฤษภาคม 2555

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันที่ Lord Jim's @ Mandarin Oriental Hotel Bangkok




ชื่อร้าน
: Lord Jim's @ Mandarin Oriental Hotel Bangkok
รายการอาหาร : International Buffet
ที่ตั้งร้าน : สี่พระยา, กรุงเทพมหานคร บางรัก Thailand
พิกัด GPS : 13° 43' 25.88" N 100° 30' 50.68" E








บล็อกนี้ ป้าเดซี่ ดองเอาไว้เดือนกว่าแล้วคะ
ตั้งแต่ครั้งที่กลับไปเมืองไทยเมื่อต้นเดือนเมษายน
มีโอกาสได้ไปรับประทานบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันกับครอบครัว
เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของอิชั้นเอง
ที่ Lord Jim's ของ Mandarin Oriental Hotel










หะแรกชั่งใจอยู่ระหว่าง มื้อเที่ยง ที่ Lord Jim’s
กับ มื้อเย็น ที่ Marriott Café โรงแรม JW Marriott Sukhumvit
ซึ่งเทียบราคาของทั้ง 2 ที่ (แต่ต่างมื้อกันนะ) ราคาพอกันเลยค่ะ











ที่เลือกมื้อเที่ยงที่ Lord Jim’s ก็เพราะว่าโรงแรมอยู่ไกลจากบ้านมาก
ถ้าจะไปมื้อเย็นเนี่ย กว่าจะไปถึง กว่าจะกลับถึงบ้าน คงเหนื่อยแย่
ส่วน Marriott สามารถเลือกเป็นมื้อเย็นได้เพราะโรงแรมอยู่ใกล้บ้าน
เดินออกจากซอยข้ามถนนมาก็ถึงเลย










ทีนี้ .. อิชั้นเคยมีเหตุกับทาง Marriott Café เมื่อครั้งที่แล้ว
พนักงานต้อนรับในห้องอาหารบอกว่าที่นั่นห้ามถ่ายรูป











อิชั้นเป็นคนชอบถ่ายรูปอาหารค่ะ
แล้วก็ชอบเขียนบล็อกรีวิวร้านอาหาร
เวลาไปรับประทานอาหารที่ไหน
ก็หวังจะได้ฝึกฝนฝีมือการถ่ายรูปที่มีอยู่น้อยนิด
แล้วก็เก็บเอาเรื่องราวมาเขียนบันทึก
 หรืออัพบล็อกเล่าเอามันส์ได้อีก
(ถึงแม้จะมันส์อยู่คนเดียวก็ตามอ่ะนะ)









มาห้ามถ่ายรูปกันแบบนี้ หมดกัน !!

หมดความสนุก หมดความอยากใช้บริการน่ะ
อิชั้นมาเพราะอยากมาชมบรรยากาศ มาถ่ายรูปเล่นค่ะ
ไม่ได้ตั้งใจจะมารับประทานเลยนะ
จะมีคนเชื่อมั้ยเนี่ย ??

 









แถมอิชั้นไปเห็นที่ห้องก้นครัว พันทิป
เค้าก็ถ่ายรูปมารีวิวกันโครม ๆ เลยนะ
แสดงว่าคนอื่นเค้าก็ถ่ายรูปกันได้

เอ .. พูดไปพูดมา รู้สึกว่าตัวเองเหมือน..เหมือน.. 
อีตาฝรั่งจูงลูกสาวถือลูกโป่งขึ้นบีทีเอสยังไงไม่รู้นะ









อ่ะ .. ไม่ให้ถ่าย ก็ไม่ไปอีกค่ะ
สรุปว่า .. เมื่อโอน้อยออกระหว่าง 2 ที่ดังกล่าวข้างต้น
Lord Jim's ก็ลอยลำเข้ารอบมาแต่ผู้เดียว









เผอิญเมื่อวันอาทิตย์ก่อนหน้าที่จะไป ลอร์ดจิมส์
อิชั้นมีมีตติ้งกับเพื่อนเก่าสมัยมหาวิทยาลัย
ก็นัดเพื่อนมาหม่ำบุฟเฟ่ต์กันที่ห้องอาหารศาลาริมน้ำ
เลยขอให้พนักงานที่นั่นโทรฯมาจองที่นี่ให้ด้วยเลย











ด้วยความที่เคยอ่านรีวิวของที่นี่มาเยอะ ก็ทำใจมาแล้วล่ะค่ะว่า
ไลน์อาหารที่นี่ไม่อลังการ เลยไม่ผิดหวังอะไรเท่าไหร่











แต่ที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยก็คือ นั่ง ๆ คุยกับครอบครัวอยู่ดี ๆ
แขกที่จองโต๊ะข้างโต๊ะอิชั้นก็มาปรากฏตัว
เมื่ออิชั้นเห็นหน้าท่านเท่านั้น ก็รีบกระซิบบอกคุณสามี
"He's former PM Chatchai’s son" เธอก็ "Ahhhhhh"
อาห์รู้จัก หรืออาห์ไม่รู้จัก ก็ไม่รู้อ่ะนะ











ตื่นเต้นกับเซเลบโต๊ะข้าง ๆ กันพอหอมปากหอมคอ
แล้วก็ลุกไปจัดอาหารจานโปรดมาให้เจ้าลูกชายเสร็จ
หลังจากนั้นอิชั้นก็คว้ากล้องออกปฏิบัติการถ่ายรูปทันทีค่ะ









ด้วยความที่ห้องอาหาร Lord Jim’s มีขนาดไม่ใหญ่
ห้องอาหารเปิดได้ไม่นาน แขกมากันไม่เท่าไหร่ ที่นั่งก็เต็มแล้วค่ะ










ถ้าจะถามว่าอิชั้นประทับใจอะไรที่ Lord Jim's บ้าง
อิชั้นคงจะต้องตอบว่าชอบบรรยากาศ
แล้วก็ผู้คนภายในห้องอาหารนี่แหละ
ความรู้สึกมันไม่เหมือนตอนไปรับประทานบุฟเฟ่ต์ที่อื่นน่ะ








แขกที่มาใช้บริการที่นี่ เค้าดูดีมีมารยาท ถ้อยทีถ้อยอาศัย
อิชั้นไปยืนแอบรอจังหวะถ่ายรูปไลน์อาหารตอนแขกไปหมดแล้ว
บางครั้งต้องยืนรอนาน หลายท่านก็ส่งยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู (อีกแล้ว)
"เอ็นดู" ในที่นี้คือเค้าไม่ได้มองด้วยความเกลียดชังอ่ะนะคะ
ไม่ได้หมายความว่าอิชั้นน่าเอ็นดูแต่อย่างใด









รูปในบล็อกนี้ อิชั้นคัดมาลงเพียงส่วนหนึ่งนะคะ
ถ่ายมาเยอะมาก ไม่สามารถเอามาลงหมด
เพราะคงจะเสียเวลาโหลดรูปกันเงกเปล่า ๆ







ระหว่างที่ถ่ายรูปไปก็เหล่ไปด้วยว่ามีอะไรน่าหม่ำบ้าง
ออกจะเสียดายกับไลน์ซีฟู๊ดเย็นนิดหน่อย
เพราะเห็นมีแต่กุ้ง กั้ง หอยแมลงภู่
ซึ่งอิชั้นไม่ได้แตะเลยค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เฉย ๆ
อิชั้นจะชอบหอยนางรมกับปูมากกว่า









พวกยำ ๆ เนี่ย ตอนไปศาลาริมน้ำเมื่อ 4-5 วันก่อน
ก็ตักมาหลายอย่าง อย่างละหลายรอบอยู่
ที่นี่เห็นมียำไทย ๆ อยู่ 2-3 อย่างค่ะ










นี่ก็เป็นยำมะม่วงแบบไทย ๆ ใส่มะพร้าวคั่ว ถั่วคั่วบุบ









ส้มตำไทยใส่อะไรซักอย่างค่ะเหมือนของทอด









ไม่แน่ใจว่าเป็นยำปลาหมึกแบบไทย
หรือสลัดปลาหมึกสไตล์ฝรั่งนะ ส้มสีสวยดี










เดือนเมษายนที่ผ่านมา โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ลมีข้าวแช่ไว้ให้บริการทุกวัน
ของ Lord Jim's นี่มีกับข้าวแช่เยอะกว่าทางของศาลาริมน้ำหน่อยนึงค่ะ
ได้แต่มองกับถ่ายรูปอีกเหมือนกัน ไม่อยากแล้ว เมื่อวันก่อนทานไปแล้ว









ไลน์อาหารประเภทเนื้ออบ เนื้อย่างประเภทต่าง ๆ
ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเป็นธรรมเนียมหรือไร
ที่ต้องใช้ไฟสีนี้กับอาหารประเภทนี้
เห็นไปโรงแรมไหนก็ตาม ไลน์อาหารอบย่างปุ๊บ ไฟสีนี้ทันที








มันฝรั่งอบ อาหารหลักของคุณฝรั่งที่บ้าน









ผักเครื่องเคียงต่าง ๆ สำหรับอาหารจานสเต็ก









อิชั้นมาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ ฟัวกราส์
เค้าจะทยอยทำมาทีละกระทะแบบนี้
ลงปุ๊บ ไม่นานก็หมด แต่เค้าทำร้อน ๆ เติมตลอดนะคะ
คุณเชฟที่คุมไลน์นี้อยู่ก็น่ารักมาก อิชั้นมาตอนหมด
เธอก็ขอเบอร์โต๊ะ บอกจะยกมาให้ภายหลัง
ก็ขอบคุณเธอไป "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอิชั้นเดินมาเอง"








บาร์บีคิวก็น่ารับประทาน








กั้งย่างไข่ตู๊มเลย ไม่ได้ลองอีกเหมือนกัน








มาเสร็จกับหม้อนี้น่ะสิ กรี๊ดดด ขาหมูพะโล้
ไม่ได้หม่ำมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ??









กับหม้อนี้ค่ะ สะตอผัดกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เบ้ง
อิชั้นไม่ได้ตื่นเต้นกับกุ้งนะ แต่ตื่นเต้นกับสะตอ
หลังจากวันนั้นก็เดินทางไปภูเก็ตกับครอบครัว
ก็ยังมีผัดสะตอขึ้นโต๊ะมื้อเย็นอีกหลายมื้อ









นอกจากนี้ก็มีไลน์สลัด ไลน์เทปปันยากิ ซึ่งใกล้ ๆ กันมีเทมปุระด้วย
ถ่ายรูปมาอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ตัดทิ้ง ด้วยเหตุผลที่เกริ่นไปแล้วข้างต้น









ไลน์ขนมของที่นี่ละลานตาดีจริง ๆ
แต่อิชั้นเป็นพวกถนัดของคาวค่ะ
ของหวานเนี่ยชอบรับประทานอยู่แค่ไม่กี่ประเภท









แต่ขาของคาวชาวไกลบ้านอย่างอิชั้นนั้น
ประทับใจกับขนมไทยต่าง ๆ ของที่นี่มาก
อิชั้นเคยอัพบล็อกรีวิวห้องอาหารศาลาริมน้ำ
คราวที่ไปคนเดียวครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน








แล้วเขียนบรรยายในบล็อกว่า ทางโรงแรมคงไม่มาเสียเวลา
ทำขนมหรือมูลข้าวเหนียวเหล่านี้เองหรอก
คงไปหาซื้อมาจากเจ้าดังที่ไหนซักแห่ง








ก็มีน้องนักเรียน OHAP ท่านหนึ่ง เข้ามาชมบล็อก
แล้วก็สละเวลาทิ้งคอมเม้นท์ บอกให้ป้าเดซี่ทราบว่า
ทางโรงแรมทำเองทั้งหมด
ขอบคุณที่มาให้ความกระจ่างนะคะ









หะแรกหมายตาว่าจะขอเค้กช็อกโกแลตซักชิ้น
แต่ก็เสียท่าไปกับขนมไทยจนพุงปลิ้นซะก่อน









ที่อิชั้นไม่พลาดเด็ดขาดคือข้าวเหนียวมะม่วงค่ะ
ข้าวเหนียวอร่อย มะม่วงก็อร่อย
(บรรยายแบบมักง่ายไปมั้ย ฮ่าฮ่า)









เจ้าลูกชายมาเล่นน้ำพุช็อกโกแลตกับเค้าอยู่เหมือนกัน









อ่ะ .. หลังจากเดินถ่ายรูปอยู่นาน ก็เริ่มไปตักแล้วค่ะ
ของที่ตักเป็นสิ่งแรก ๆ เนี่ย เป็นของโปรดที่สุด
คุณ ๆ เป็นเหมือนกันหรือเปล่า ??









จานนี้ก็รวมพระเอกนางเอกในดวงใจของอิชั้นไว้ทั้งหมด
อันได้แก่ซาซิมิต่าง ๆ ยำสาหร่าย คาปรีเซ่สลัด
และฟัวกราส์ 2 ชิ้นรวด เค้าทอดมาได้กำลังดีเลยค่ะ
ข้างนอกเกรียมหน่อย ๆ ข้างในยังนุ่มอยู่
ซอสที่ราดมาด้วยก็เข้ากันเป็นอย่างดี เลิศมาก
แต่หม่ำไปก็กังวลไปนะ สี่สิบต้น ๆ แล้ว กลัวไขมันจุกอกตาย









ซูมให้เห็นกันชัด ๆ หน่อย ข้างนอกเกรียมกำลังงามเลยค่ะ









จานที่ 2 มีสเต็กเนื้อซึ่งบอกเชฟว่า ขอชิ้นบางที่สุดค่ะ
เนื้ออบมากำลังดี ไม่สุก ไม่ดิบ
ความหวานของเนื้อฉ่ำอยู่ในปาก
ตักฟัวกราส์มาอีก 1 ชิ้น ตั้งใจให้เป็นชิ้นสุดท้าย
ก็ค่อย ๆ ละเลียดชิ้นนี้อยู่นานมาก









ระหว่างนั้น ก็ไปสั่งให้เชฟผัดยากิโซบะให้เจ้าลูกชาย









เห็นในรีวิวเก่า ๆ คนเค้าพูดถึงปลานึ่งซีอิ้วกันจัง
เลยขอลองซักหน่อยค่ะ รสชาติสู้ปลานึ่งของฮ่องกงได้สบาย
คือปลาสดเด้ง น้ำราดรสชาติกลมกล่อมกำลังดี








อีกจานนึงก็ไปตักอาหารไทยมาบ้าง ยำทะเลมานิดนึง
ขาหมูพะโล้มาหน่อย แล้วก็ผัดสะตอ
ตักกุ้งตัวเบ้งมาประดับเพื่อความสวยงาม
แต่ด้วยความที่กุ้งตัวใหญ่มาก
แล้วทางเชฟคงไม่อยากผัดให้กุ้งสุกมาก
เลยกลายเป็นว่า กุ้งข้างนอกสุก ข้างในยังดิบ ๆ อยู่










หม่ำของคาวไปทั้งหมด 3 จานดังกล่าวค่ะ
มาต่อของหวานกันบ้าง บางคนเห็นแล้วอาจจะยี้
ต๊ายย ยายนี่เชย เลือกมาแต่ขนมไทย
ก็ขอออกตัวนิดนึงนะคะว่า อิชั้นอยู่บ้านนอก
ขนมไทยแบบนี้หายาก ถึงมีเงิน ก็ไม่มีให้ซื้อค่ะ
พอมาเห็นแบบนี้ ไม่กว้านมาไม่ได้แล้วอ่ะ







ราคาอาหารรวมน้ำเปล่าแบบ table water ฟรี
แล้วก็ชาหรือกาแฟด้วยนะคะ


สรุปแล้ว พอใจกับการมารับประทานอาหารที่นี่ในระดับหนึ่งค่ะ
ไลน์อาหารถึงแม้ว่าจะจุ๋มจิ๋มไปสักนิด แต่ก็เป็นของดีมีคุณภาพ
ที่เด่นก็คงเป็นขนมหวานรสชาติเยี่ยมหลากหลายรายการ
การบริการของพนักงานที่นี่เป็นเลิศอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดมาก
สุดท้าย ที่อิชั้นประทับใจก็คงจะเป็นแขกในห้องอาหาร
ที่มาร่วมสร้างบรรยากาศการรับประทานอาหารอันอบอุ่น
ในมื้อพิเศษของตัวเองและครอบครัว

พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ






Create Date : 11 พฤษภาคม 2555
Last Update : 11 พฤษภาคม 2555 15:28:36 น.
Counter : 28510 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ