ในการเสด็จฯออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทั้งในและต่างประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงบันทึกเหตุการณ์ต่างๆด้วยกล้องถ่ายรูปส่วนพระองค์ และทรงรวบรวมภาพส่วนหนึ่งมาจัดนิทรรศการ โดยล่าสุดได้พระราชทานภาพถ่ายส่วนพระองค์ในรอบ 1 ปี (ระหว่างตุลา 55-ตุลา 56) มาจัดเป็นนิทรรศการ รูปยาตรา ภาพทัศนาจร เพื่อให้ประชาชน ได้ชื่นชมระหว่างนี้ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ปี หน้า ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมกับได้เสด็จฯเปิดนิทรรศการฯด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา และทรงจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ประจำปี 2556 แก่ผู้ที่มาร่วมงานด้วย
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้รับสั่งเล่าถึงรูปภาพต่างๆที่ทรงบันทึกไว้ว่า เป็นที่ระลึกและประสบการณ์ในรอบปีที่นำมาจัดแสดงเพียงส่วนหนึ่ง เพื่อให้ผู้ได้พบเห็นภาพชื่นชมร่วมกัน ใครที่ไม่ได้ไปเห็นก็จะได้ดูร่วมกัน เสมือนได้ไปท่องเที่ยวด้วยกัน หรือเรียกอีกอย่างว่า นักท่องเที่ยวโซฟา กินของไปพลางดูภาพไปพลาง โดยทรงเริ่มเล่าเรื่องราวภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ตั้งแต่ภาพแท่นขุดเจาะก๊าซ ซึ่งทุกครั้งที่การปิโตรเลียมมีอะไรใหม่ๆ ก็จะกราบบังคม ทูลเชิญให้พระองค์เสด็จฯ ทำให้ทรงมีความรู้เกี่ยวกับการปิโตรเลียมที่สร้างพลังงานให้แก่ประเทศไทย ต่อด้วยภาพงูตัวใหญ่ที่จับได้ในวังสระปทุม รับสั่งเล่าว่า มีงูทุกปีจากสถิติทำบัญชีงูไว้ ตัวนี้เป็นตัวที่ 29 แต่ไม่เคยเก็บไว้สักตัว รูปนี้พิเศษเห็นปากงูเป็นกลมๆ ผู้รู้บอกว่าคือหลอดลมของงู ใช้หายใจ นอกจากนี้ ยังมีภาพสัตว์เลี้ยงในวังสระปทุม อย่างแมวจอมซนชื่อ ใบตอง ภาพสุนัข 3 สหาย 3 สายพันธุ์บนรถเข็น โดยหนึ่งในนั้นคือ แปะฮวยอิ้ว ที่ไปสวรรค์แล้ว รวมถึงภาพของผู้ที่ถวายงานรับใช้พระองค์ท่าน อาทิ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล, ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ, ผศ.ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ, พาสินี ลิ่มอติบูลย์ ฯลฯ ในอิริยาบถต่างๆ และภาพยาจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าแก้โรคอะไรบ้าง ซึ่งตอนนั้นทรงผ่าเหงือก มีทั้งยาแก้อักเสบและวิตามิน
นอกจากนี้ ยังมีภาพเสด็จฯเยือนประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ศรีลังกา มัลดีฟส์ สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก โดยได้ทรงหยิบยกภาพลูกช้างที่สวนสัตว์ในเดนมาร์กมาเล่าว่า ที่สวนสัตว์แห่งนี้ก็มีช้างไทยที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยพระราชทานไปเมื่อ 50 กว่าปีก่อนชื่อ เชียงใหม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระยาเทครัวยุโรป เพราะช้างในยุโรปส่วนใหญ่เป็นลูกหลาน ของเชียงใหม่ ปกติเวลาให้อาหารช้างในเมืองไทยก็จะยื่นให้ถึงงวง แต่ที่เดนมาร์กเขาให้โยนให้ช้างเลยจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะรู้สึกไม่สุภาพที่จะโยนอาหารให้ใคร และปิดท้ายลากันด้วยภาพท้องฟ้ายามเช้า มีแสงเป็นเส้นอยู่ข้างหลัง
สำหรับนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่จัดแสดงนี้ นายนิติกร กรัยวิเชียร นายกสมาคมภาพถ่ายแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นการจัดแสดงภาพถ่ายที่ทุกคนต่างตื่นเต้นรอคอยที่จะได้ชื่นชม ทุกครั้งที่โปรดเกล้าฯพระราชทานภาพถ่ายเพื่อจัดนิทรรศการ มักจะมีมุมมองที่แปลกจากสถานที่ใหม่ๆ หรือแม้จะเป็นสถานที่เดิม ก็มักจะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ เปรียบเสมือนทุกคนได้ตามเสด็จฯไปในที่ต่างๆอย่างใกล้ชิด เพราะได้เห็นภาพเดียวกับที่พระองค์ทอดพระเนตร ซึ่งมีความหลากหลายทั้งในแง่สุนทรียภาพ และในแง่ปรัชญาการดำเนินชีวิต อีกทั้งยังได้รับความรู้หลากหลายด้านอย่างครบครัน.