เก็บภาษีคนโสด จวกไอเดียบ้า 'มิสเตอร์คอนดอม' ย้ำคนไม่ใช่สัตว์บังคับมีลูก ขณะที่พิธีกรชื่อดังสาวผู้นิยมความโสดสอนมวยต้องเน้นคุณภาพคนมากกว่าปริมาณ ขณะที่ นายกสตรีข้ามเพศ ถามกลับเกาไม่ถูกที่คัน ถ้าทำแบบนั้นเพศที่ 3 เสียภาษีบานตะไท ชี้ช่องโหว่มากมาย...

กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ทันที ภายหลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลกำลังจะเก็บภาษีคนโสด เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงขาดแคลนแรงงาน โครงสร้างประชากรไม่สมดุล และต้องเสียงบประมาณดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก สวนทางกับวัยรุ่นวัยทำงานที่มีแนวโน้มเพิ่มต่ำลง โดยอ้างว่าอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปีพ.ศ. 2567 ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น มีสัดส่วนคนอายุเกิน 60 ปี สูงเกิน 20% และจะก่อให้เกิดผลกระ ทบต่อภาพรวมในการพัฒนาเศรษฐกิจ แรงงาน และพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชากรในประเทศ ขณะที่อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยขณะนี้ต่ำมากเพียง 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรส มีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้น ทั้งที่จริงต้องมีลูกขั้นต่ำ 2-3 คน ถึงจะเพียงพอต่อการทดแทนประชากรเดิม

แม้โฆษกรัฐบาลจะออกมาปัดเรื่องดังกล่าวว่าไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เป็นเพียงไอเดียนักวิชาการเท่านั้น แต่กระแสความไม่พอใจ และไม่เห็นด้วยลุกลามไปทั่วทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์กและวงการต่างๆ มากมาย...?

ล่าสุด ดร.มีชัย วีระไวทยะ เจ้าของฉายา 'มิสเตอร์คอนดอม' ซึ่งคนแรกที่ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์วางแผนครอบครัวในเมืองไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 จนยี่ห้อ 'มีชัย' เป็นตำนานคู่การคุมกำเนิดจนถึงทุกวันนี้ออกมากล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ถึงประเด็นการเก็บภาษีคนโสดเพื่อบังคับให้มีลูกคนแรกว่า เป็นความคิดแบบบ้าๆ

"การบีบให้คนไทยมีลูกด้วยการเก็บภาษีมันไม่ได้ ถ้าทำกับแพะหรือม้าอาจจะคุมหรือสั่งมีความเป็นไปได้ แต่มนุษย์จะไปสั่งเขาได้อย่างไร มันเป็นสิทธิ์ของเขา คำถามถ้ากรณีนี้คนโสดมีเงินเดือนน้อยไม่ถึงการเก็บภาษีจะทำอย่างไร ผมแนะนำว่าคนเสนอควรหาอย่างอื่นทำให้เป็นประโยชน์จะดีกว่า ผมเชื่อว่าทุกคนอยากได้ลดภาษีทั้งนั้น แต่ต้องดูว่าเขามีรายได้เท่าไหร่ หากวันหนึ่งเกิดตกงานขึ้นมาจะทำอย่างไร ตอนนี้คนตกงานอีกมาก ยิ่งมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท หลายอุตสาหกรรมคนก็อพยพหนีไปทำงานที่ประเทศอื่นกันหมดทั้งพม่า เขมร คนคิดทั้งที่ตัวเองมีความรู้แคบๆ เท่าตาตุ่ม"

มิสเตอร์คอนดอมยังเสนอทางแก้ไขกรณีอีก 10 ปี เด็กจะขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อการทดแทนประชากรเดิมว่า ทำไมเราไม่คิดมุมกลับ รัฐบาลทำไมไม่สั่งคนเข้ามาจากต่างประเทศบ้าง ในเมื่อไวน์ รถยนต์ หรือสินค้าคุณภาพอื่นๆ ก็สั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศแทบทั้งนี้

"เรื่องนี้ไม่เหมือนการผลิตสัตว์ที่ต้องมีสายพันธุ์ แต่เป็นการผลิตคน ออสเตรเลีย อเมริกาเกิดขึ้นได้อย่างไร เมืองไทย คนไทยในวันนี้มาจากไหน ไม่ใช่จากขุดมาจากสมัยสุโขทัยแต่มาจากหลายแห่ง ผมถามว่าความขยันของเมืองไทยที่เห็นนั้นถ้าไม่มีคนจีน ป่านนี้ตายไปนานแล้ว แม่ผมก็มาจากสกอตแลนด์ ผมกำลังจะเสนอว่าทำไมในเมื่ออีก 10 ปี เด็กจะขาดแคลนไม่สามารถทดแทนประชากรเดิมที่จะกลายเป็นคนแก่ ด้วยการเสนอให้คนหนุ่มสาวต่างชาติเข้ามาแล้วจะได้เป็นพลเมืองไทย ใช้วิธีคัดกรองแบบเข้มข้นไม่ได้เปิดเสรี โดยรัฐต้องไปหาวิธีดึงดูดและคัดกรองเอาเฉพาะคนมีคุณภาพเข้ามา เพราะปัจจุบันต่างชาติที่ได้สัญชาติไทยก็มีมากมาย คนพวกนี้มีคุณภาพ ไม่ต้องห่วงเรื่องคนต่างประเทศจะล้นเมือง เพราะเราจำกัดจำนวน ส่วนประเด็นกลัวว่าคนเหล่านี้จะกลืนความเป็นไทย เชื่อผมเถอะไม่ว่าเชื้อชาติไหนเข้ามาอยู่สุดท้ายก็กลมกลืนเป็นคนไทยไปในที่สุด ย้ำอีกทีในฐานะคนเคยทำงานตรงนี้นโยบายมีลูกลดภาษีไม่เวิร์ก อย่าคิดว่าคนไทยคิดเรื่องนี้ได้แล้วเก่ง ถ้ามันเวิร์กประเทศอื่นๆ คงทำกันไปนานแล้วสิงคโปร์ก็เริ่มฉลาดขึ้น ดูอย่างคนที่อพยพหนีไปเวียดนามหรือเขมรไปอยู่แคนาดาหรือออสเตรเลีย ตอนนี้พวกเขาก็เก่งเป็นอันดับหนึ่ง ทำไมเราไม่ลองนำร่องไอเดียนี้ดูบ้าง" เจ้าแห่งการคุมกำเนิดกล่าว

ด้าน กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดัง สาวที่ออกมาประกาศความภูมิใจเรื่อง 'ความโสด' กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยว่า ส่วนตัวคิดว่าการเสนอเก็บภาษีคนโสดกับ 10 ปีจะขาดแคลนประชากรเป็นคนละเรื่องกัน ถ้ากังวลเรื่องคนแก่จะมีจำนวนมาก นั่นคือการเป็นไปตามธรรมชาติ

"ส่วนตัวคิดว่าควรเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่า ถึงจะแก่แต่แก่แบบมีคุณภาพ ถ้าในอีก 20 ปี เราก็จะแก่ ตอนนี้แมร์อายุ 37 อีก 20 ปี เราก็จะกลายเป็นคนแก่ใกล้อายุ 60 แต่เราจะดูแลตัวเองตั้งแต่อายุตอนนี้ ทำไมไม่เอาความสนใจหรืองบประมาณที่มีไปพัฒนาคนแก่ที่มีคุณภาพอยู่ พวกเขาไม่ใช่คนไร้สมรรถภาพหรือไร้คุณภาพ ในความเป็นจริงอายุ 60 ปี คนก็ยังทำงานได้อีกเยอะ บางงานต้องการประสบการณ์ ความเก๋า ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงไม่ควรคิดว่าคนแก่คือคนไร้คุณภาพ การแก้ปัญหาโดยบอกให้คนมีลูกต้องแต่งงาน คนโสดต้องเสียภาษีมากขึ้น"

กาละแมร์ย้ำว่า ส่วนตัวมองว่านี้คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ คนที่ไม่มีลูกคือคนที่ไม่พร้อม บางคนอาจมีฐานะแต่อาจจะยังไม่มีเวลาเลี้ยงลูกหรือยังไม่พร้อมเลี้ยงลูก ต่อให้มีลูกแต่ถ้าไม่มีเวลาเลี้ยงลูก เด็กที่เกิดมาก็กลายเป็นปัญหาของสังคมต่อไป

"ทุกวันนี้แมร์ได้ทำโครงการ Young Love รักเป็นปลอดภัย ก็จะเห็นว่าเด็กท้องในวัยเรียนกันเยอะ คุณจะเอาเด็กที่เกิดเหล่านั้นไปพัฒนาประเทศมั้ย หมายถึงคุณต้องพร้อมก่อนการมีลูกเด็กที่จะออกมาควรเป็นประชากรที่มีคุณภาพ ควรเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ เด็ก 1 คน จะต้องพัฒนาประเทศได้มากกว่าเด็ก 10 คน ที่ออกมาแล้วพัฒนาประเทศไม่ได้เลย ความพร้อมที่พูดถึงการก่อนมีลูกคือ พ่อ แม่ ก็ต้องพร้อม ไม่ใช่เอะอะมีลูกกันเลย แล้วมาเก็บภาษีคนไม่มีลูก พูดแบบนี้หมายถึงคนโสดไม่ได้เสียภาษีหรือไม่ได้ช่วยพัฒนาประเทศ ความเป็นจริงไม่ใช่ คนโสดบางคนยิ่งโสดยิ่งช่วยพัฒนาประเทศ คนโสดบางคนก็เสียภาษีเยอะ ไม่ต้องมีภาระและเสียเงินไปการเลี้ยงลูก คนโสดยังช่วยพัฒนาประเทศได้อีกเยอะแยะยังช่วยคิดเรื่องส่วนรวมได้อีกเยอะ แมร์มองว่าไอเดียที่เสนอมาเป็นคนละประเด็นกัน ถ้าจะสนับสนุนให้คนมีลูกแบบคนสิงคโปร์ก็ไปอย่าง แต่ไม่ใช่การขูดรีดภาษีกับคนอีกกลุ่มหรือคนโสด รู้เรื่องนี้แล้วก็ขำมาก บางคนถึงกับบอกว่าเรายังไม่พร้อม แต่ทำไมเราต้องรีบมีผัวมีลูกล่ะ เราเข้าใจเรื่องการคิดออกมาเพื่อช่วยพัฒนาประเทศแต่เรายังมีอีกหลายส่วนที่ควรคิดและพัฒนาร่วมกัน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ถ้ากลัวคนไม่มีคุณภาพ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนยังไม่แก่ เริ่มดูแลสุขภาพ เพื่อไม่ให้แก่แล้วต้องกลายเป็นภาระของรัฐที่ต้องมาดูแลออกค่ารักษาพยาบาลให้ ควรออกนโยบายส่งเสริมให้คนมีสุขภาพร่างกายและจิตใจดี เพื่อช่วยพัฒนาประเทศไทยต่อไป" สาวผู้นิยมความโสดกล่าวในที่สุด

ขณะที่ นก ยลลดา เกริกก้อง สวนยศ นายกสตรีข้ามเพศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน กล่าวในฐานะบุคคลข้ามเพศว่า คิดว่าหากเป็นไอเดียที่รัฐจะนำไปใช้จริง กลุ่มบุคคลข้ามเพศจะได้รับผลกระทบต่อประเด็นนี้มากที่สุด

"ไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของคนพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร เข้าใจหลักการและเหตุผลที่อ้างนั้นโอเคฟังได้ เรื่องคนแก่เยอะเด็กไม่มี แต่เรื่องนี้คงไม่สามารถใช้เรื่องภาษีมาเร้าหรือเป็นมาตรการให้คนไปแต่งงานกัน มีลูกกันได้ เหมือนกับการเกาไม่ถูกที่คัน ในฐานะเพศทางเลือก 1.ถ้าจะทำอย่างนั้น เรื่องกฎหมายการแต่งงานก็ต้องสนับสนุนกับเพศทางเลือกให้เท่ากับเพศอื่นด้วย เพื่อมีสิทธิ์และมาตรฐานเท่าเทียมกัน เพราะทุกวันนี้เพศทางเลือกแต่งงานไม่ได้ ทั้งหญิงรักหญิง หรือผู้หญิงข้ามเพศ หรือ ชายรักชาย อยู่ที่เรื่องมาตรฐาน 2.ถ้าปัญหาที่กลัวเด็กจะน้อยคนแก่จะมาก เป็นปัญหาว่าประเทศเราต้องการคนใช่มั้ย ต้องย้อนมามองว่า
ผู้หญิงข้ามเพศนั้นท้องไม่ได้ ต่อให้ได้แต่งงานถูกกฎหมายก็มีปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ ไม่ใช่แค่เพศทางเลือกหรือหญิงข้ามเพศ แต่รวมถึงผู้หญิงที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ทั้งที่เป็นหมัน มีปัญหาเรื่องมดลูกหรือหญิงที่มีสามีเป็นหมัน อยากถามว่าคนกลุ่มนี้จะทำยังไง และภาษีจะมีผลยังไงกับคนกลุ่มนี้ ต้องกลับไปดูว่าภาษีจะช่วยผลักดันให้คนมีลูกได้ยังไง หลักการที่คิดมานี้จะตอบโจทย์ปัญหาจริงหรือไม่"

สาวประเภท 2 มากความสามารถ ย้ำว่าหาก กลัวคนจะไม่แต่งงานและมีลูก สมมติว่ารัฐจัดตั้งกรม กระทรวงช่วยหาคู่ นี่จะตรงกับปัญหาหรือตอบโจทย์ได้มากกว่าหรือไม่ หากคนเกิดน้อยลงจนเข้าขั้นวิกฤติ รัฐอาจเสนอมาตรการช่วยเหลือหรือดูแลครอบครัว หรือคนนั้นๆ จะดีกว่าหรือไม่ เช่น ให้การศึกษา เพราะต้องยอมรับว่าผู้หญิงบางคนที่แต่งงานแล้วก็เลือกจะไม่มีลูก เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจ หรือบางครอบครัวที่แต่งงานกันโดยนิติกรรม เราก็ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าการแต่งงานนั้นจะนำไปสู่การมีลูก

"นกกำลังจะบอกว่าจะใช้กฎหมายบังคับให้คนแต่งงานและมีลูกก็คงทำไม่ได้ เสนอให้มีหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนมีคู่หรือมีลูกอย่างมีคุณภาพโดยมีเงื่อนไขต่างๆ หรือมีมาตรการว่าใครมีลูกแล้วไม่มีปัญหาเลี้ยง รัฐก็ควรกระตุ้นให้เขามีลูกอย่างมีคุณภาพ เพื่อรองรับปัญหาเหล่านั้นจะดีกว่าหรือไม่" นายกสตรีข้ามเพศกล่าวสรุป

เป็นอีกหนึ่งอีกหนึ่งไอเดียที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ แต่ทว่ากลับถูกโยนใส่สังคม ที่สุดก็มีช่องโหว่มากมายจนถูกโต้กลับอย่างรุนแรง.