พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
3 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 

รักครั้งใหม่ของ "บัณฑูร ล่ำซำ" ซีอีโอหัวใจสะออน

รักครั้งใหม่ของ "บัณฑูร ล่ำซำ" ซีอีโอหัวใจสะออน

ขึ้นชื่อว่าเป็นซีอีโอฝีปากกล้า คิดเร็วทำเร็ว สำหรับ “บัณฑูร ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย และยังเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่เปิดฉากรีเอ็นจิเนียริ่ง ยกเครื่องระบบการทำงานของธนาคารกสิกรไทยใหม่ทั้งหมด เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สร้างปรากฏการณ์ให้วงการธนาคารเมืองไทย แต่ใครจะนึกว่าภายใต้บุคลิกเคร่งขรึมจริงจังของซีอีโอวิสัยทัศน์ไกล จะมีความโรแมนติกซุกซ่อนอยู่ ถึงขนาดลุกขึ้นจับปากกาเขียนนิยายรักอิงตำนานเป็นครั้งแรก ตั้งชื่อไพเราะว่า “สิเนหามนตาแห่งลานนา” จุดประกายจากความประทับใจที่มีต่อเมืองน่าน

นอกเหนือจากเรื่องราวโรแมนติก และเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ลานนาตะวันออก ที่ผ่านการค้นคว้าเจาะลึกข้อมูลอย่างละเอียดรอบด้าน เพื่อให้เกิดความถูกต้องด้านประวัติศาสตร์, ตัวบุคคล, สถานที่, เงื่อนเวลา, หลักไวยากรณ์ และสำนวนภาษาเฉพาะถิ่น นิยายเล่มแรกจากปลายปากกาของซีอีโอกสิกรไทย ยังสะท้อนตัวตน, ความคิดอ่าน และประสบการณ์ชีวิตสุดข้นที่สั่งสมมาตลอด 60 ปี

ทั้งๆที่เป็นมือใหม่เพิ่งเขียนนิยายเรื่องแรก เขียนจบได้อย่างไรในเวลาแค่ 1 ปี 1 เดือน

มีเทวดาช่วยเขียน (ยิ้ม) คือโครงเดิมมีอยู่แล้วในใจ และชื่อนิยายก็อยู่ในหัวสมองตั้งแต่ไปเยือนเมืองน่านครั้งแรก ไม่เคยวอกแวกลังเลใจ เพียงแต่รายละเอียดของเนื้อหายังไม่เต็มตั้งแต่วันแรก พอผ่านไป ก็มีข้อมูลไหลมาจากที่ต่างๆ อย่างตอนแรกที่เริ่มเขียนนิยาย ยังนึกไม่ถึงว่าจะใส่มุกนี้ พอข้อมูลโผล่มาก็เอามุกนี้ดีกว่า โดยมีแรงบันดาลใจจากตำนานเมืองน่านในหนังสือการ์ตูน “เมืองน่าน อดีตที่คุณอาจไม่เคยรู้” เรียบเรียงโดยอาจารย์สิทธิศักดิ์ ธงเงิน

ส่วนใหญ่เทวดามาตอนไหน ถึงเขียนนิยายได้ลื่นไหล

ไม่แน่ไม่นอน ถ้ามันเขียนไม่ออก ก็คือไม่ออก บางวันนั่งจ้องหน้ากระดาษอยู่อย่างนั้น คิดมุกไม่ออกว่าจะเดินเรื่องต่อไปยังไง เขียนก็เขียนได้ แต่ลองอ่านแล้วไม่สนุก คนอื่นอ่านก็คงอยากโยนทิ้งเหมือนกัน ถ้าเขียนให้จบๆตอนไป ก็ทำได้ แต่เราไม่อยากหลอกตัวเอง เราอ่านยังไม่สนุกเลย แล้วคนอื่นจะสนุกได้ยังไง ก็ต้องนั่งคิดไปเรื่อยๆ บางทีมันก็ออกมาปรู๊ด เหมือนหล่นมาในหัว คราวนี้เขียนได้เป็นตอนๆเลย เวลาเขียนต้องนึกว่าอ่านแล้วจะสนุกไหม น่าสนใจไหม ต้องคิดโจทย์นี้ตลอดเวลา อ่านแล้วอยากจะพลิกไปอีกหน้าหนึ่งไหม หรืออ่านแล้วเซ็งๆจืดๆ ก็ต้องเขียนใหม่

เขียนนิยายเล่มหนาขนาดนี้ ขยำกระดาษทิ้งไปเยอะไหมคะ

ผมเขียนด้วยมือทุกตัวอักษร ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ มันไม่สนุก สู้เขียนๆไปโยงอันนั้นอันนี้ อย่างนี้สนุกกว่าเยอะ ก็เขียนไปขยำกระดาษทิ้งไปจนกว่าจะชอบ บางอันต้องเขียนใหม่ เดี๋ยวคนเอาไปพิมพ์จะงง

ทำไมฉากหลังต้องเป็นจังหวัดน่าน

ถ้าไม่มีเรื่อง “น่าน” ก็ไม่เขียน คือไม่มีอารมณ์!! ถ้าไม่มีผู้หญิงทั้ง 9 คนในนิยาย ก็ขี้เกียจเขียน เพราะไม่สนุก

“ซีอีโอแบงก์รวงข้าว” ผูกพันลึกซึ้งกับเมืองน่านได้อย่างไร

เมื่อปี 2552 ผมมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดน่าน แต่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก จำได้ว่าสมัยเด็กๆเคยไปมาแล้ว ตอนตามพ่อไปตรวจเยี่ยมสาขาต่างจังหวัด สำหรับครั้งนี้ ผมไปน่านเพื่อสร้างห้องสมุดนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร มันก็แค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืนเท่านั้น แต่ที่ไหนได้ กลับพลิกผันหันเหความคิด ผมประทับใจในความสงบ, สะอาด และเรียบง่ายของเมืองน่าน ต้องมนต์สะกดดินแดนลานนาตะวันออกแห่งนี้ทันที ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ป่าเขาลำเนาไพร และอัธยาศัยไมตรีของคนน่าน ก่อนบินกลับกรุงเทพฯ ผมได้แวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของน่าน และซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มเล็กๆชื่อ “เมืองน่าน อดีตที่คุณอาจไม่เคยรู้” เมื่อพลิกอ่านดูยิ่งทึ่งในประวัติศาสตร์เมืองน่าน และรู้สึกผูกพัน

เคยมีคนทักไหมคะว่าชาติก่อน “คุณปั้น” อาจเกิดเป็นเจ้าเมืองน่าน

ผมเชื่อเรื่องชาติภพ การเวียนว่ายตายเกิดตามคติพุทธ บุญกรรม มีหลายคนยืนยันว่า ผมต้องโยงใยผูกพันกับเมืองน่านแน่นอน ตอนไปเยือนน่านเมื่อ 4 ปีก่อน รู้สึกเดจาวู เหมือนเคยอยู่ที่นี่มาก่อน รู้สึกว่าอยู่แล้วมีความสุข อย่างภาพวาดหน้าปกนิยาย เป็นฝีมือของศิลปิน “เรวัตร วงษ์ลา” ชื่อว่า “ฟ้อนจ้องรับเสด็จ” หลังกลับจากน่านครั้งนั้น ผมมาเจอภาพนี้ในแกลเลอรี่แห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ จิตบอกเลยว่าเราเคยอยู่ในบรรยากาศนี้ ผมยืนดูรูปนี้ด้วยความรู้สึกเย็นสบาย สัมผัสได้ถึงความอ่อนหวาน ต่อมาเมื่อผมเปิดโรงแรมพูคาน่านฟ้า ที่จังหวัดน่าน จึงนำภาพวาดนี้มาประดับฝาผนัง จากนั้นก็ค่อยๆสะสมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับน่าน กระทั่งมั่นใจว่ามีเนื้อหาพอจะเขียนนิยาย

งานรัดตัวขนาดนี้ เอาพลังเหลือเฟือมาจากไหนเพื่อเขียนนิยาย

ถ้ามีวิกฤติทางการเงิน คงทำไม่ได้ ผมอยากเขียนนิยายเรื่องนี้ เพราะรู้สึกอินกับเมืองน่าน ลองไปค้นดูก็ยังไม่มีใครเคยเขียนถึงราชวงศ์ภูคา ซึ่งย้อนตำนานกลับไป 700 ปีก่อน ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาตอนกลางคืนในการเขียน และรายละเอียดทุกอย่างต้องหาข้อมูลให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเนื้อหาของนิยายมันจะดูกระจอก

ตัวละครในนิยายมีตัวตนจริงๆไหมคะ โดยเฉพาะแม่หญิงทั้ง 9 ของพระญาผาสุริยา

ไม่มีตัวตนหรอก เป็นจินตนาการทั้งนั้น ยกเว้นตัวละคร “มะไฟ” ตอนไปเมืองน่านเมื่อ 4 ปีก่อน มีอาจารย์คนหนึ่งทักว่า ในอดีตชาติ ผมเคยฆ่าผู้หญิงชื่อ “มะไฟ” จินตนาการก็เริ่มจากตรงนี้ ว่าเราไปฆ่าผู้หญิงคนนั้น แล้วใส่จินตนาการเพิ่มว่าเค้ารอเราอยู่ด้วยความรัก ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆในนิยายเป็นจินตนาการล้วนๆเลย พวกบทอัศจรรย์ทั้งหลายก็มาจากจินตนาการ แค่เจ้าเมืองคือ “พระญาผาสุริยา” แก่แล้ว แต่อยากมีเมียเด็ก (หัวเราะ)

ตัวจริงของ “ซีอีโอกสิกรไทย” เจ้าชู้เหมือน “พระญาผาสุริยา” ไหมคะ

ไปอ่านเฉลยในหนังสือ!! คนต้องคิดว่าผมเป็นอย่างนี้ ก็ไม่มีใครรู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขียนแล้วมันมือ บทอัศจรรย์ทั้งหลายต้องไปหาที่แปลกๆไม่ซ้ำกันเลยทั้ง 9 คน ทั้งลีลาและสถานที่ มันเป็นความบันเทิง และจินตนาการล้วนๆ คนก็มาทึกทักว่าจริงๆผมต้องเป็นอย่างนี้ นี่มันนิยาย ไม่ใช่ว่าผมเขียนเรื่องส่วนตัวของฉัน!!

นางในฝันของ “คุณปั้น” ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

ทำให้สบายใจ ในที่สุดผู้ชายทุกคนก็เสร็จความสบายใจ ถึงแม้จะเซ็กซี่แค่ไหนก็ตาม ถึงจุดหนึ่งถ้าอยู่แล้วไม่สบายใจ ในที่สุดก็หมดแรง ต่อสู้ไม่ไหว เพราะแก่แล้ว ต้องมาต่อสู้กับเรื่องความสัมพันธ์...มันไร้สาระ!! ดูอย่าง “พระญาผาสุริยา” พอแก่เข้ายังบอกไม่ไหว ปวดกบาล มีเมียเป็นโขยง!!

นิยายเล่มแรกในชีวิตสะท้อนตัวตนของ “คุณปั้น” มากน้อยแค่ไหน

ความคิดเรื่องต่างๆของตัวละครในนิยาย ไม่ว่าจะเป็นการมองโลกมองชีวิต, การบริหารจัดการ, ระบบสังคม, การเมือง และความเชื่อทางศาสนา รวมถึงบุคลิกลักษณะของตัวละครหลายๆตัว มาจากประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของผม อย่างเรื่องฮวงจุ้ยที่ผมเชื่อในนิยายก็เขียนไว้ชัดเจนว่า “พระญาผาสุริยา” ชอบการบวงสรวง ผมเชื่อว่าการบวงสรวงไม่เสียหายอะไรแต่ว่าไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ ทุกอย่างขึ้นกับกฎแห่งกรรม

ในอนาคตมีโอกาสทำเป็นภาพยนตร์ไหมคะ

(ยิ้ม) ผมเขียนเป็นฉากๆเหมือนบทภาพยนตร์ เกือบจะถ่ายหนังได้เลย และถ้าเป็นหนัง ก็อยากลำดับเรื่องอย่างนี้ สลับกันไประหว่างแจ้งและเงา ในนิยายจะแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาคแจ้งเป็นเรื่องราวปัจจุบันของหญิงชายคู่หนึ่งที่เดินทางไปเยือนน่าน และได้พบกับเรื่องราวมากมายในชีวิต ขณะที่ภาคเงา เป็นอดีตย้อนกลับไปเมื่อ 600-700 ปีก่อน โดยมีเมืองวรนครของราชวงศ์ภูคาเป็นฉากหลัง ปัจจุบันคืออำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยตัวเอกคือ “พระญาผาสุริยา” เป็นโอรสของเจ้าเมืองวรนคร “พระญาเก้าเกื่อน” ซึ่งถูกข้าศึกโจมตีและสิ้นชีพในสนามรบ เมื่อเติบโตขึ้น “พระญาผาสุริยา” ได้นำทัพกลับมาตีเมืองคืน และครองเมืองมายาวนานจนอายุ 60 ปี

นิยายเล่มแรกประสบความสำเร็จขนาดนี้ จะมีเล่มสองตามมาไหมคะ

ไม่ล่ะ...เหนื่อย!! มีเรื่องอื่นต้องทำอีกเยอะ บางคนเข้าใจว่าผมกำลังจะเป็นนักประพันธ์หรือทำธุรกิจโรงแรม บอกเลยว่าไม่ทำ ชีวิตนี้ทำแค่ธนาคารก็เหนื่อยแล้ว

เวลาเครียดๆจากงาน “ซีอีโอกสิกรไทย” มีวิธีปลดปล่อยอย่างไร

ตอนหนุ่มๆ ผมเป็นคนขี้โมโห, เครียดง่าย, กดดัน และใจร้อน ทนอะไรที่ไม่มีระเบียบไม่ได้ แต่พอชีวิตผ่านมาถึงทุกวันนี้ ก็ปลงไปได้ขั้นหนึ่ง มีสติได้ขั้นหนึ่ง เพราะศึกษาธรรมะ ที่จริงไม่ค่อยว่างหรอก มีเรื่องต้องทำเยอะมาก แต่ถ้าเครียดจริงๆจะผ่อนคลายด้วยการเป่าแซกโซโฟน สมัยก่อนเล่นซอสามสาย และตอนนี้เล่นโยคะด้วย เล่นมาหลายปีแล้ว แต่ต้องให้ครูมาจับ เพราะตัวมันแข็ง เป็นสัญญาณของความชรา

ปีนี้อายุ 60 แล้ว ยังมีอะไรคั่งค้างที่อยากทำอีกไหมในฐานะซีอีโอ

อีก 5 ปีข้างหน้าคงวางมือ!! ตอนนี้กำลังเตรียมส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่ ก็ต้องดูว่าใครจะมีวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำที่สามารถรับไม้ต่อจากผมได้ ก็คิดเรื่องนี้ทุกวัน ต้องส่งแบงก์ขึ้นฝั่งก่อน ถึงจะไปน่านเต็มตัว ทำสองอย่างไปพร้อมๆกันไม่ได้ ในส่วนแบงก์ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังลงรากไม่เต็มที่

บั้นปลายชีวิตของ “บัณฑูร ล่ำซำ” ถูกขีดเขียนไว้บรรเจิดขนาดไหน

น่านคือที่เหลือของชีวิต!! ถ้าไม่มีน่าน ผมก็เซ็งตายเลย ต่อให้นั่งเป็นซีอีโอแบงก์...ก็เซ็ง เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่เคยชอบเรื่องการเงิน มันไม่สนุก ลึกๆแล้วผมชอบป่าเขาลำเนาไพรมากกว่า เมืองน่านยังมีอะไรให้ทำเยอะ ทำจนตายก็ไม่หมด สิ่งสำคัญคือจะทำยังไงให้เมืองน่านน่าอยู่ เมืองนี้มีปัญหาซ่อนลึกๆเยอะ เป็นเมืองยากจน ผลผลิตจริงๆก็ไม่มี นี่คือโจทย์ที่ตั้งไว้ว่าทำยังไงให้เมืองน่านพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมอยากทำอะไรที่มีความหมายในจังหวัดน่าน และได้ซื้อที่ดินไว้ตรงเนินเขาป่าสัก ที่ชายขอบอำเภอเมือง เพื่อปลูกบ้านหลังสุดท้ายของชีวิตที่จะใช้เป็น “เฮือนตาย”

อยากรู้จัก “บัณฑูร ล่ำซำ” ให้ลึกซึ้ง ต้องท่องไปในโลกของ “สิเนหามนตาแห่งลานนา”.




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2556
0 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2556 11:57:38 น.
Counter : 8407 Pageviews.


amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.