ตอนนี้เป็นช่วงที่งัด เอาภาพเก่า ๆ มาเล่าให้ฟัง ครั้งนี้ไปเที่ยวแก่งเสือเต้น ณ วนอุทยานแม่ยม จังหวัดแพร่ ได้ไปค้างคืน 1 คืนท ช่วงปลายเดือนธันวาคม ปี 2551 ที่ทำการอุทยานแก่งเสือเต้น มีเครื่องทำน้ำอุ่น บ้านพักที่ได้ใหญ่ค่ะ และ ราคาก็อยู่ประมาณ 1,000 บาท เราจ้างให้ทางอุทยานทำอาหารเช้าให้ด้วยค่ะ อันนี้จ่ายต่างหาก

ที่พักของอุทยานใหญ่ดีค่ะ มีห้องทั้งหมด 3 ห้องนอน และ 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ แต่ทางอุทยานจะดับไฟฟ้า ตอนเวลา 4 ทุ่ม ดังนั้นส่วนใหญ่เราก็จุดเทียนกันค่ะ ส่วนในจุดด้านหลังของบ้านพัก จะมีระเบียงกว้างมีโต๊ะ ให้เราได้นั่งทานอาหารกันใหญ่ทีเดียวค่ะ และ มีเตาให้เราสามารถปิ้งย่างได้ จัดว่าเป็นบ้านพักอุทยานแห่งชาติที่สะดวกสบายทีเดียว

  พวกเราไปถึงที่อุทยานประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง หรือ ประมาณ 4 โมงเนี่ยแหละค่ะ ก็ด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่ละคนก็แยกย้ายไปนอนสลบไสลกันก่อน เนื่องจากสเบียงของพวกเราจะตามมากันประมาณช่วง ห้า-หกโมงเย็น ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่พักผ่อน

 พอใกล้เวลานั่งปาร์ตี้กัน เราก็เข้าไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อน ด้วยความที่ไม่รู้ค่ะ ว่าระบบน้ำอุ่นเค้าใช้แก๊สซึ่งจะต้องเปิดด้านหลัง จึงต้องทนอาบน้ำเย็นสุดขั้วเลย แบบต้องเต้นไปอาบไปเลยอ่ะ

 พอหน่วยเสบียงมา พวกเราก็ลำเลียงอาหารมาจัดเตรียมปิ้งๆ ย่างๆ กันทันที ยามค่ำคืนของที่นี่เหมาะที่สุดกับการนั่งดูดาว ดาวที่เราเห็นอยู่แค่ดวง สองดวงในกรุงเทพฯ เทียบกันไม่ได้กับที่แก่งเสือเต้นนี้เลย เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นบนท้องฟ้า เราจะรู้สึกได้ว่าเราเป็นเพียงอนูเล็กๆ ที่อยู่ในจักรวารนี้ ดวงดาวต่างพากันแข่งส่งแสงระยิบระยับจับตาจริงๆ

หลังจากนั่งทานอาหาร ปิ้ง ย่าง จนอิ่มหนำสำราญ เผาผลาญเทียนไขไปจนเกือบเที่ยงคืนเราก็เริ่มแยกย้ายกันไปนอน อากาศค่ำคืนนี้เย็นพอควร ห่มผ้าห่ม 2 ผืนนอนสบายมากเลยค่ะ แต่ด้วยความที่กลัวเพื่อนจะลุกมาเข้าห้องน้ำไม่เห็น จึงเผลอจุดเทียนตั้งไว้ในห้องน้ำ ก็ด้วยเหตุนี้แหละ เกือบวางเพลิงอุทยานเสียแล้ว ดีนะที่นอนอยู่ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนของตก เลยสะดุ้งตกใจ แล้วลืมตามอง ก็เห็นห้องน้ำไฟสว่างจ้าเลย เราเลยรีบวิ่งไปดู ปรากฏว่า ถาดพลาสติกที่วางอยู่หน้ากระจกกำลังไฟลุกใหญ่เลยค่ะ ตกใจมาก รีบวักน้ำดับไฟใหญ่ กลิ่นพลาสติกไหม้เหม็นมาก แต่เราก็ไม่ได้ส่งเสียงดังอะไรเลยนะ พอดีเพื่อนตื่นขึ้นมา แต่เราดับไฟเสร็จแล้ว เลยรอดพ้นกลายเป็นหมูย่าง แห่งอุทยานแม่ยมไป

เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า อากาศเย็นสบายกำลังดี แต่ปลุกใครก็ไม่มีใครยอมตื่นขึ้นมา เราเลยเดินออกไปรับลมเย็น เดินเล่นอยู่คนเดียวเพื่อรอเวลาอาหารเช้า ก็เลยตะเวนหามุมสวยๆ เก็บภาพประทับใจไว้ซะเลย โชคดีมากๆ เลยค่ะที่ไปงวดนี้ไม่มีใครอีกเลยนอกจากกลุ่มพวกเรา ในอุทยานจึงเงียบสงบมาก และ น้องเจ้าของพื้นที่ได้เล่าให้พวกเราฟังก่อนหน้านี้แล้วว่าที่อุทยานนี้ ตอนเช้าจะมีลูกหมูป่าสองตัวออกมาหา อาหารกิน ก็ว่าจะได้รอดูลูกหมูป่าอย่างใกล้ชิดเสียหน่อย (แต่จริงๆ แล้วอีกใจก็กลัวนะ)

พอได้เวลาอาหารเจ้าหน้าที่อุทยาน ก็มาเรียกให้พวกเราไปทานอาหารเช้าได้ อันมีข้าวต้มหมู กาแฟ โอวันติน ร้อนๆ นั่งทานอาหารร้อนๆ ยามเช้า กับบรรยากาศสดชื่นและ ลมเย็นๆ นี่มันเป็นอะไรที่มีความสุขจริงๆ เหมือนได้ชาร์จแบต ให้กับชีวิตของเราเลยค่ะ แล้วระหว่างที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จก็ไม่ผิดหวัง เห็นลูกหมูป่าสองตัววิ่งลิ่วๆ มาเลยค่ะ ตรงดิ่งเข้ามาบริเวณที่พวกเราทานอาหารอยู่ แบบไม่กลัวคนเลย (แต่คนอ่ะกลัวลูกหมูน่ะ) ก็มันยังมีเขี้ยวนี่หน่า ตอนแรกมันก็วิ่งไปวิ่งมาหากอาหารของมันกินไป เจ้าหน้าที่เค้าเลี้ยงแบบปล่อยให้มันดูแลตัวเองในป่า เนื่องจากเป็นลูกหมูกำพร้า แม่มันถูกคนที่แอบเข้าป่าไปดักฆ่า ก็เลยต้องกำพร้า เจ้าหน้าที่อุทยานจึงต้องเอามาเลี้ยง ที่น่าตกใจที่สุดคือ ตอนที่เรากำลังนั่งคุยกับเพื่อนตรงม้านั่ง ดูลูกหมูวิ่งไปมา อยู่ๆ มันก็เบนทิศทางตรงดิ่งมาทางที่เรานั่ง เราก็ไม่กล้าขยับตัวด้วยกลัวมันตกใจแล้วจะกัด แล้วอยู่ๆ มันก็กระโดเอาขาหน้ามาวางไว้บนเข่าเราแล้วก็พยายามยื่นหน้ามาหาหน้าเรา โห......เรากับเพื่อนนั่งตัวแข็งทื่อเลย ไม่กล้าขยับ เอนหน้าหนีแทบตาย ต้องเรียกให้เจ้าหน้าที่ช่วยเรียกมันออกไป

เมื่อถึงเวลากลับ สิ่งที่เราได้ทำการเผาห้องน้ำไว้ ก็เลยต้องรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบ ก็ยินยอมให้ปรับเงินไปโดยปริยาย เค้าปรับอยู่ที่ 350 บาท ผิดไปแล้วจริงๆอ่ะ และ ระหว่างเส้นทางกลับ ที่ขาดไม่ได้ ที่ควรไปเยือนเมืองสรอง หรือ เมืองสอง นั่นก็คือ อุทยานลิลิตพระลอ ด้วยเมืองนี้เป็นเมือง พระลอ พระเพื่อน พระแพง เราก็เลยต้องไป แชะ ๆ อุทยานลิลิตพระลอ (ก็ไม่มีอะไรมาก) ไปอนุสาวรีย์พระลอ พระธาตุพระลอ ให้สมกับเยือน อำเภอสอง แห่ง เมืองแพร่

Create Date : 05 มกราคม 2553
Last Update : 6 มกราคม 2553 15:47:41 น.		0 comments
Counter : 1857 Pageviews.
Share Tweet