Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
21 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
กั บ 3 6 5 วั น ใ น ดู ไ บ

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่ฉันได้ย้ายถิ่นฐานมาพำนักพักพิงอยู่ที่ดูไบ จริงๆ แล้ว ฉันตั้งใจไว้ว่า จะเขียนถึงมัน ในวันที่ 4 นั่นแหละ แต่ว่า... ความขี้เกียจ บางครั้งมันก้อเหมือนอำนาจมืด ที่ยากจะต่อกรได้ (ว่าเข้าไปนั่น) สุดท้าย ฉันก้อเลยถือเอาฤกษ์งามยามดี วันที่หัวหน้าลาพักร้อน อู้งานมาเขียนบล๊อกซะเลย ก๊ากกกก...

ใน 365 วันที่ผ่านมา มันมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นกับฉัน และสิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ก้อคือ ดูไบทำให้ฉันโตขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะฉันจำต้องอยู่คนเดียว หน้าที่การงานที่มากขึ้น และความรับผิดชอบที่สูงขึ้น การได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมบริหารผลักดันให้ฉันต้องเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าเวลาส่วนมาก ฉันจะยังคงติดอยู่กับการทำตัวเด็กๆ เฮฮา และกระโดดโลดเต้นไปมา แต่คงต้องบอกว่าฉันโชคดีมากกว่า ที่หัวหน้าและเพื่อนๆ ร่วมงาน ต่างก้อรักที่ฉันเป็นแบบนั้น

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับฉันกับการที่มาอยู่ดูไบ คือการได้เรียนรู้และทำความรู้จักกับคำว่า

"รักตัวเอง"

ฉันเป็นคนหนึ่งที่มักจะโดนเพื่อนๆ ด่าว่า "รักตัวเองเสียมั่งเถอะแก" ถึงแม้ว่าฉันจะชอบพูดกับเพื่อนๆ เสมอว่า "รักคนอื่นได้ แต่รักตัวเองให้มากที่สุด" แต่ฉันไม่เคยทำได้อย่างที่พูดเลย แต่หลังจากที่ฉันมาอยู่ที่นี่ หลังจากความรักทำร้ายฉันครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่ฉันได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง กอดตัวเองร้องไห้จนนับครั้งไม่ถ้วน ฉันป่วย ฉันน้ำหนักลง ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่แล้ววันหนึ่ง วันที่ฉันรู้ว่า ฉันไม่มีเพื่อนๆ ที่จะคอยปลอบใจ ถ้าฉันป่วย ฉันก้อยังคงต้องไปทำงาน ไม่มีใครดูแลฉันนอกจากตัวฉันเอง ฉันทั้งเจ็บ ทั้งเหงา อย่างที่คนที่ทำร้ายฉันจะไม่มีวันเข้าใจ และแล้ว... มันก้อถึงเวลาที่น้ำตาของฉันแห้ง เค้าว่ากันว่า เมื่อคุณเจ็บจนถึงที่สุดแล้ว จะไม่มีอะไรทำร้ายคุณได้อีกแล้ว ตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร หัวใจของฉันมันแข็งแรงขึ้น และฉันจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับความรักอีกแล้ว...

" อ ะ ไ ร ทำ แ ล้ ว มี ค ว า ม สุ ข ทำ ไ ป เ ล ย"

ตอนนี้ ฉันสามารถพูดประโยคนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำที่สุดแล้วค่ะ

คำถามที่ฉันได้ยินบ่อยที่สุดตั้งแต่ฉันเดินทางมาถึงดูไบ ก้อคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า

" ช อ บ ดู ไ บ มั้ ย "

จริงๆ ถ้าจะให้ตอบว่าชอบหรือไม่ชอบเจาะจงไปเลย ฉันว่ามันก้อคงจะลำบากไปเสียหน่อย ส่วนใหญ่ฉันก้อจะตอบไปว่า ก้อชอบบางอย่าง ไม่ชอบบางอย่าง ไหนๆ ก้อไหนๆ ฉันก้อจะขอถือโอกาศนี้พูดถึงดูไบเสียหน่อยเลยว่า สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ มันได้แก่อะไรบ้าง

สิ่งที่ชอบ

1. ผู้ ค น

ถ้าจะถามฉัน ฉันรู้สึกว่า ความหลากหลายของผู้คนที่นี่ คือเสน่ห์ที่วิเศษของดูไบ ถึงแม้ดูไบจะเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่ แต่ยังมีแหล่งรวมของย่านชุมชนจากชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านคนจีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เลบานอน อังกฤษ รัสเซีย ฯลฯ แถมเวลาเรารู้จักใครคนหนึ่ง แล้วเราไปรู้จักใครอีกคนหนึ่งที่เป็นชาติเดียวกันกับคนแรก สืบไปสืบมา เค้าจะรู้จักกัน ตลกดี หรือบางทีตอนนั้น จะยังไม่รู้จักกัน อยู่ไป อยู่ไป มันจะรู้จักกันเองโดยที่เราไม่ค้องไปแนะนำ แปลกดีนะ

ผู้คนที่นี่ ไม่ค่อยสนใจคนแปลกหน้าเท่าไหร่ ซึ่งฉันว่า ดีเชียวล่ะ อยากทำอะไรก้อทำ เค้าจึงกล่าวกันว่า ดูไบเป็นเมืองแห่งอิสระ "Dubai is a city of free" สบายใจดี แต่ก้อดียิ่งขึ้นตรงที่ว่า ด้วยกฏหมายที่แรง และกฏศาสนาที่ค่อนข้างเคร่ง คำว่าอิสระของคนที่นี่ จึงเป็นอิสระที่อยู่ภายใต้ขอบเขต แต่เหนือกว่าคำจำกัดความ อูววว ดูใช้ศัพย์เสียก่อน แปลว่าอะไรก้อไม่รู้ ฮ่าๆๆ

2. ช อ ป ปิ้ ง

สาวๆ กับการชอปปิ้ง เป็นของคู่กัน ยิ่งมาอยู่นี่ ยิ่งชอปแหลกลาญ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ ที่นี่มีแต่ของดีๆ อะไรก้อน่าซื้อ แล้วไหนยังกิจกรรมเซล เซลกันทั้งปี ปีละหลายๆ รอบ สาวหุ่นหนาอย่างฉัน ก้อยังสามารถเป็นเจ้าของเสื้อผ้าน่ารักที่ประดับอยู่บนร่างของหุ่นโชว์ได้ เนื่องจากผู้คนที่นี่ ไม่ได้ฮิตสาวหุ่นไม้ขึดไฟอย่างบ้านเรา เสื้อผ้ามีทุกไซด์ ตั้งแต่เล็กแคระ ยัน โคครใหญ่ เพราะฉะนั้น อ้วนขึ้นก้อไม่ใช่ปัญหา ซื้อใหญ่ขึ้นอีกไซด์ยังได้อยู่ ฮ่าๆ

3. ค ว า ม ร่ำ ร ว ย ข อ ง ผู้ ค น

อันนี้คงเป็นความแตกต่างอย่างแท้จริงจากประเทศไทย บ่อยครั้ง ฉันจะใช้เวลาครึ่งค่อนวันว่าง หมดไปกับการเดินไปเรื่อยตามริมถนน เพื่อเฝ้ามองดูรถสปอร์ตหน้าตาแปลกๆ ที่ไม่เคยมีให้เห็นในบ้านเรา เพื่อนฉันที่เคยใช้ชีวิตอยู่ตามซีกต่างๆ ของโลก ยืนยันกับฉันมาแล้วว่า ที่ดูไบนี่ล่ะ มีรถสปอร์ตสวยๆ ใหม่ๆ มากกว่ามุมอื่นๆ ของโลก ก้อทำไงได้ คนที่นี่มันรวยนี่

4. ค ว า ม อั ศ จ ร ร ย์ ข อ ง สิ่ ง ก่ อ ส ร้ า ง

ฉันเชื่อว่า คนส่วนมากน่าจะรู้จักตึกเรือใบ อันเป็นสัญลักษณ์ของดูไบเป็นอย่างดี แต่ใครจะคิดว่า จริงๆ แล้ว ที่ดูไบมันยังมีสิ่งก่อสร้างที่หรูหราอลังการมากกว่านั้นอีกเยอะแยะเต็มไปหมดเลย ตอนนี้ มันกลายเป็นว่าตึกที่นี่แข่งกันทำหน้าตาตึกให้มันประหลาด เน้นใหญ่ๆ แปลกๆ โค้งตรงนั้น เว้าตรงนี้ โรงแรมบางแห่งวิจิตรพิศดารจนนักท่องเที่ยวหลงคิดว่าเป็นพระราชวังก้อบ่อยไป แถมตึกที่นี่ ก้อสร้างเสร็จเร้วเร็ว เร็วจนน่าตกใจ แต่ว่าวิศวกรที่นี่ไว้ใจได้ค่ะ แล้วก้อคงเป็นเพราะตึกมากมายนี่ล่ะ ทำให้ทั้งประเทศเกลื่อนกลาดไปด้วยวิศวกรหล่อๆ เยอะแยะจนแทบจะเดินชนกันตาย อุ้ย! พูดแล้วน้ำหมากหยด...

5. อ า ก า ศ เ ย็ น

อากาศที่เย็นแบบไม่สุดขั้ว เรียกว่า หนาวพอให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ สวยๆ แถมบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ทั้งท้องฟ้าใสๆ สีสวย ในตอนกลางวัน หรือจะเป็นดวงจันทร์ที่กลมโตจนเหมือนขนมเค้กรสวานิลลาในยามค่ำคืน ดูไบในช่วงหน้าหนาว ถือเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเลยสำหรับฉัน

สิ่งที่ไม่ชอบ

1. ข อ ง แ พ ง

อยู่มาปีนึงเต็มๆ แล้ว ยังคงทำใจไม่ได้กับหลายๆ อย่าง จริงอยู่ว่า ชอปปิ้งแหลกลาญเวลาของลด แต่ของที่มันไม่ลด หรืออาหารการกินพวกนี้ ก้อแพงเหลือเกิน บางที ก้อแพงแบบเวอร์ๆ โดยเฉพาะค่ารถแท๊กซี่ แพงจริงๆ น่ะ ให้ตายเถอะ เวลาขึ้นแท๊กซี่ไปไหน จะต้องคอยจ้องมิเตอร์ ตอนมาแรกๆ บางทีคนขับโกง ขับวนไปไหนต่อไหน บางทีเราก้อไม่รู้ เสียค่ารถทีนึงเป็นพันบาท น้ำตาแทบริน หลายๆ ครั้ง มีใครมาจีบ ก้อดีๆ กะเค้า ไว้ เพราะว่าจะได้ถือโอกาศใช้รถเค้าได้ เลวจริงๆ ชั้น

2. อ า ก า ศ ร้ อ น

ฉันรักหน้าหนาวของดูไบมากแค่ไหน ฉันก้อเกลียดหน้าร้อนของดูไบมากเท่านั้นเลยทีเดียว หน้าร้อนที่นี่ ร้อนเหมือนอยู่ในนรก มีคนพูดบ่อยๆ ว่า ในดูไบไม่มีชีวิต ไม่ได้หมายถึงไม่มีสิ่งมีชีวิตนะคะ แต่หมายถึงคุณจะไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้เลย เวลากลางวัน ทำได้แค่ขังตัวเองอยู่ในห้องแอร์ แถมอากาศก้อร้อนตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึง สองทุ่มกว่าๆ โน่นแน่ะ ถ้าจะออกไปไหน ก้อจะไปได้แค่สองอย่างเท่านั้นค่ะ คือกลางวันไปห้าง และกลางคืนไปบาร์ ชีวิตมีอยู่แค่นั้นแหละ

3. ถ น น

สุนทรภู่ ท่านว่าไว้ว่า

แม้นเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนถนนในดูไบ

จ๊ากก.. ไม่ช่ายย.. บาปกรรมจริงๆ ตู ถนนที่นี่ มันวกไปวนมา แถมถนนทุกสายก้อหน้าตาเหมือนๆ กัน ฉันมาอยู่นี่หนึ่งปีเต็ม แต่ฉันเพิ่งรู้ทางกลับบ้านตอนเข้าเดือนที่แปดนั่นแหละ การขับรถที่ดูไบ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำเลยล่ะ การเลี้ยวผิดหนึ่งครั้ง หมายถึงการเสียเวลาอย่างต่ำ 45 นาทีเพื่อหาทางอ้อมโลกกลับมาที่จุดเดิม มีอยู่หนึ่งครั้ง ฉันกับเพื่อนๆ ขึ้นสะพานผิดเส้น กว่าเราจะหาทางกลับรถได้ ฉันคิดว่าเราไปถึงคูเวตแล้วเสียอีก ไกลจัด แถมคนที่นี่ขับรถกันเหมือนคนบ้า อยู่เลนส์ขวาอยากเลี้ยวซ้ายก้อเลี้ยว นึกจะเบรคก้อเบรค แถมบีบแตรกันเป็นอาชีพ ไม่รู้จะบีบอะไรนักหนา ญาติข้างไหนหูหนวกหรือไรไม่ทราบ น่ารำคาญจริง

4. ค น พื้ น เ มื อ ง

คนพื้นเมืองที่นี่ ถือว่าตนเป็นเจ้าของประเทศ ส่วนใหญ่ (ย้ำว่า ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมด) ทำตัวแย่ๆ เนื่องจากเค้ารู้ว่า ไม่ว่าจะทำผิดอย่างไร เค้าจะไม่ถูกจับ และมักทำตัวไม่มีมารยาท ไม่รู้จักการเข้าคิว ไม่รู้จักคำว่ามาก่อนมาหลัง และผู้หญิงทำตัวแย่กว่าผู้ชายอีก ประมาณว่า เป็นพวกเก็บกด ดีใจจังไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงประเทศนี้

พอแล้วดีกว่า ชักยาว

เรื่องแย่ๆ ที่ไหนก้อมี แต่เรื่องดีๆ มันก้อมีไม่น้อยนะคะ สรุปง่ายๆ ว่าตอนนี้ มีความสุขดีค่ะ ยังอยู่ต่อได้อีกปีสองปี หรืออาจจะมากกว่านั้น อิอิ

ใครจะไปรู้ เรื่องอนาคต เนอะ


ปล. ช่วงนี้ปั่นงานหัวฟูเลยค่ะ เพราะว่าใกล้จะพักร้อนแล้ว เห็นหายหัวไป ก้ออย่าแปลกใจนะคะ





Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2549 18:01:46 น. 17 comments
Counter : 739 Pageviews.

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:30:21 น.  

 
หายไปน๊าน นาน



เอ้า ออกกำลังกาย ซะ


โดย: loveme_loveu วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:35:02 น.  

 
หายไปนานเลยนะครับ


โดย: แม่สาย วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:29:56 น.  

 
ถ่ายรูปลงบล้อกม่างสิจ๊ะคนสวย คิดถึงน่ะ
โอว ... ปีนึงแล้วเหรอเนี่ยะ เร็วจังเลยเนอะ จำได้ว่า วันที่แอ้มจะบิน พี่กดโทรศัพท์ทางไกลจาก จาการ์ตาหาแอ้ม รู้สึกใจหายน่ะ

มาวันนี้ แอ้มเก่งและแกร่งขึ้นมากเลย ขอให้เข้มแข็ง เก็บเงินไว้เยอะๆน๊า ไว้ไปเที่ยวรอบดลกกัน เอิ้กส์ๆๆ เว่อร์ไป ไว้ไปเที่ยว ประเทศอื่นกันม่างดีกว่าเนอะ

ดูแลสุขภาพด้วยนะจ๊ะ


โดย: สาวหน้าใส วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:43:22 น.  

 
ผมก็อยู่อังกฤษจะสองปีแล้วอะ


โดย: Bluejade วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:26:26 น.  

 
มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียอยู่แล้วเนาะ..

ยังไงก็.. พยายามทำให้ตัวเราเอง Happy ก็ดีแล้วค่ะ ^^


โดย: nods วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:47:10 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: Bluejade วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:6:05:33 น.  

 
แป๊บเดียวจริงๆ ยังจำวันที่ไปโยนโบว์ได้อยู่เลย ปีนึงละ กลับมาเมื่อไหร่ก็บอกกันบ้างนะ


โดย: (-_-' )นาย กลุ้ม วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:43:22 น.  

 
มาแก้ข่าว

ผมยังไม่มีแฟนนะเออ อิอิ


โดย: Bluejade วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:40:23 น.  

 

1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก


โดย: ปูเป้ IP: 203.153.169.41 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:50:27 น.  

 
เข้ามาลงชื่ออ่าน


โดย: Amy IP: 213.132.40.2 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:14:35:36 น.  

 
เข้ามาลงชื่อค่ะ


โดย: Key IP: 125.24.103.172 วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:2:42:58 น.  

 
อ่านไปยิ้มไป

สำนวนฮาดีค่ะ....ชอบบบบบบบ


โดย: นมสดรสจีด IP: 68.100.139.5 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:10:23 น.  

 
น่ารักจังค่ะ


โดย: tuktoon IP: 203.146.128.138 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:17:53:37 น.  

 
เจ๊นี่

ฮาดี

ชอบ ๆ

กำลังจะไปดูไบ

อ่านของเจ๊เกลี้ยงเลย




โดย: me IP: 118.172.35.157 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:52:57 น.  

 
ดีครับ ขอบคุณนะครับ ที่เขียนให้อ่านเต็มเลย เร็วๆนี้ก็จะไปงานมอเตอร์โชว์ครับ


โดย: Art Finx IP: 127.0.0.1, 210.213.58.210 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:16:56:57 น.  

 
ขอบคุณคร่าาาาาาาาาาาาาาที่ให้ความรู้


โดย: Punim IP: 202.29.4.130 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:13:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางมารนอกสังกัด
Location :
Dubai United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]










แค่ผู้หญิงธรรมดา

โกรธได้...

ยิ้มได้...

ร้องไห้เป็น...





Friends' blogs
[Add นางมารนอกสังกัด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.