Alisa Love Tatming
Blog HongKong-Japan Entertainment
|
|||
Ariadne no Dangan ตอนที่ 1 เมื่อหมอไม่ได้รักษาคนไข้ Ariadne no Dangan คือภาคต่อภาคที่สามของ Team Batista หมอทากุจิและชิราโทริ กลับมาอีกครั้งแล้ว ในภาคสองหมอทากุจิได้ย้ายไปแผนกฉุกเฉิน มาภาคนี้หมอทากุจิจะย้ายไปแผนก AI (Autopsy Imaging) คือแผนกชันสูตรศพโดยใช้ CT กับ MRI มาผสมรวมกัน เพื่อหาหลักฐานและจับตัวคนร้ายตัวจริงมาลงโทษให้ได้ เช้าวันหนึ่งหมอทากุจินอนหลับอยู่ท่ามกลางกองขยะหน้าคลับแห่งหนึ่ง เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าข้างกายเขามีชายแก่นอนเป็นศพอยู่ เมื่อตำรวจมาถึง หมอทากุจิก็พบว่าตัวเองนั้นจำอะไรไม่ได้เลย เขาจึงต้องเข้าร่วมเป็นพยานในการชันสูตรอย่างเลี่ยงไม่ได้ หมอทากุจิถูกสื่อตามตัวเพื่อหาข้อเท็จจริง เมื่อชิราโทริทราบเรื่องก็เสนอหน้าบอกสื่อว่าหมอทากุจิเคยเป็นผู้คลี่คลายคดีฆาตกรรมทีมบาทิสตาและตอนนี้เขาจะเข้าร่วมแผนก AI เพื่อชันสูตรศพหาสาเหตุการตายและจับตัวคนร้ายมาลงโทษ ทำให้หมอทากุจิต้องตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ หมอทากุจิจะคลี่คลายคดีได้หรือไม่....และจะมีคดีฆาตกรรมอันน่าสะพรึงอะไรแฝงอยู่ในแผนก AI อีก ต้องติดตามชม.............. เปิดตัวฉายอย่างสวยงามไปแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนจะฉายนั้นทีมบาทิสตา 3 ได้รับการโหวตเป็นอันดับหนึ่งว่าเป็นละครที่น่าดูเป็นอันดับหนึ่งของซีซั่นนี้ โดย Oricon ตอนแรกกะจะมาเขียนให้เร็วกว่านี้แต่ดันติดภารกิจก็เลยช้าหน่อย (เอาน่ายังดีกว่าไม่เขียนเลย) ในภาคนี้เปิดตัวได้ประหลาดมาก ต่างจากสองภาคแรกอย่างสิ้นเชิง ภาคแรกได้เปิดตัวที่ทีมบาทิสตา ส่วนภาคสองได้เปิดตัวที่ดารารับเชิญ ตามไปด้วยหมอในแผนกฉุกเฉิน ในภาคสามนี้เปิดตัวที่หมอทากุจิ (พระเอกของเรื่อง) ที่เจอคดีฆาตกรรมตั้งแต่เปิดเรื่องเลย นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะจากการดูสองภาคแรกที่ผ่านมา การเปิดตัวหมอทากุจินอกจากจะมาที่หลังแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวแบบเดิม ๆ คือนั่งฟังคนไข้มาบ่น แต่ในตอนแรกไม่มีฉากที่หมอทากุจินั่งฟังคนไข้บ่นเลย มิำหนำซ้ำภาคนี้คาแรกเตอร์หมอทากุจิได้เปลี่ยนไป ถ้าเคยดูภาคแรกมาก่อนจะเห็นได้ว่าหมอทากุจิเป็นคนเคร่งครัด อ่อนโยน ไร้เดียงสา มาในภาคสองก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่ แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมมากขึ้น แต่มาถึงภาคสามหมอทากุจิกลายเป็นคนเสเพล (จากการเปิดตัวที่เมาหลับไม่รู้เรื่องอยู่ที่กองขยะจนถึงเช้า ซึ่งสองภาคแรกไม่เห็นหมอทากุจิดื่มเลย นอกจากไปสืบคดีที่คลับกับชิราโทริครั้งนึงในภาคสอง) บ้าวัตถุ (ซื้อนาฬิกามียี่ห้อ แถมหวงอีกต่างหาก แต่สุดท้ายมันก็พัง ) ที่สำคัญภาคนี้หมอทากุจิยัง "ตลก" ขึ้นมาก เผลอ ๆ มากกว่าชิราโทริ ซะอีก มิำหนำซ้ำแนวเรื่องก็เปลี่ยนไปสองภาคแรกยังมีการรักษาคนไข้ แต่ภาคนี้ผ่าคนตายอย่างเดียว สำหรับการเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของหมอทากุจิทำให้คนดูให้ความสนใจกับหมอทากุจิขึ้นมาก หลังจากที่โดนหมอฮายามิกลบซะมิดในภาคสอง ทั้ง ๆ ที่คาแรกเตอร์ของหมอทากุจิดีขึ้นกว่าภาคแรก แต่คนกลับพูดถึงน้อยมาก ๆ แสดงให้เห็นว่าคนดูชอบอะไรที่มันสุดโต่ง อะไรที่มันดีเกินไปนั้นไม่ค่อยได้รับการจดจำเท่าที่ควร ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เข้าบอร์ดรายงานสด หรือบล็อกต่าง ๆ ที่เขียนเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ ตัวละครหมอทากุจิ เป็นตัวละครที่คนพูดถึง (ไปในทางที่ดี) เป็นอันดับแรก และบทหมอทากุจิในภาคนี้เด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่นมาก (เหมือนกับภาคแรก แต่หมอทากุจิดูง้องแง้งเกินไป คนดูเลยไม่่ค่อยชอบซะเป็นส่วนใหญ่ พอมาภาคสองบทกระจายดาราเท่า ๆ กัน หมอทากุจิเลยดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร) และแคสติ้งดาราตอนที่เราเห็นรายชื่อดารานั้นผิดหวังมาก เพราะดาราส่วนใหญ่ไม่ใช่ดาราระดับแม่เหล็กเหมือนกับภาคสอง คิดว่าผู้สร้างคงไม่อยากให้ดาราคนอื่นกลบบทบาทของอัตสึชิ เพราะภาคนี้นอกจากอัตสึชิ (กับ โทรุ) ก็ไม่มีดาราคนไหนที่พอจะเรียกคนดูได้เลย แต่เรตติ้งเปิดตัวกลับสูงกว่าภาคสอง และสูงกว่าละครหลาย ๆ เรื่องในซีซั่นนี้ แสดงให้เห็นว่าคนดูส่วนใหญ่เน้นเนื้อหาละครมากกว่าตัวดาราจริงๆ ซึ่งหลังตอนแรกฉายไป ได้รับคำวิจารณ์ในทางที่ดีมาก นอกจากโปสเตอร์ทั้งสามแบบจะออกแบบมาได้สวยแล้ว การเดินเรื่องก็ยังสนุกน่าติดตามตั้งแต่ตอนแรก ทางด้าน BGM และเพลงประกอบ ยังทำได้ดีกว่าสองภาคแรกอีกด้วย ที่เราชอบคือไตเติ้ลเปิดตัวนอกจากจะเลิศหรูอลังการแล้ว ยังได้เสียงนุ่ม ๆ ของอัตสึชิมาบรรยายอีกด้วย นับว่าผู้สร้างฉลาดมากที่เลือกใช้อัตสึชิมาบรรยายแทนที่จะใช้เสียงใครก็ไม่รู้ ฟังแล้วปวดหู (ในภาคแรก) มาบรรยาย เพราะข้อดีอีกอย่างนึงของอัตสึชิคือเสียงที่ไพเราะ ชวนฟัง การที่ให้อัตสึชิมาบรรยายทำให้ละครดูมีเสน่ห์มากขึ้น ถึงแม้ว่าละครเกี่ยวกัีบการชันสูตรจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่หมอชันสูตรหญิง นอกจากหน้าตาจะน่ารักแล้ว ยังแสดงได้มีพลัง มีลีลาการชันสูตรที่ไฮโซมาก (ผ่าศพเสร็จยังมานั่งกินขนมได้หน้าตาเฉย) แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ที่เคยดู ทำให้ละครดูน่าสนใจขึ้นมา และละครเรื่องนี้นอกจากจะมีความสนุก ตื่นเต้น ตลกแล้ว บทซึ้ง ๆ แบบภาคสองก็ยังมีให้เห็นในภาคนี้ และยังปิดเรื่องโดยการทิ้งปมไว้ให้ติดตามต่ออีกด้วย สุดท้ายนี้หวังว่าละครเรื่องนี้จะคงความสนุกอย่างนี้ต่อไป และใครที่กำลังหาละครดูในซีซั่นนี้ ทีมบาทิสตา 3 เป็นละครในตัวเลือกแรกที่ควรหามารับชมเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างตอนต่อไป คนน่ากลัวที่อยู่ในแผนก AI คือคนร้ายงั้นเหรอ? หมอทากุจิจะพบเจอเรื่องน่ากลัวอะไรอีก เจอกันอังคารหน้า ปล.ขอติดการเขียน Propose Kyodai ที่เคยสัญญาว่าจะเขียนตอนละครจบ (แต่ก็ไม่ได้เขียนมาจนถึงบัดนี้) ไว้ก่อน อาจมีเขียนแทรกระหว่างทีมบาทิสตาสาม (เรื่องนี้ก็สนุกสนานมากค่ะ ตอนของอัตสึชิเป็นตอนที่สนุกมากที่สุด ส่วนด้านล่างนี้เป็นไตเติ้ลเปิดของละครค่ะ เราอัพไว้ที่ facebook ถ้ามันไม่โชว์ก็จิ้มแอดเพื่อนได้ที่ facebook ของเราค่ะ และขอขอบคุณโปสเตอร์จาก เวบหลัก ของละครเรื่องนี้ค่ะ ใช่ค่ะ หนุ่มรถไฟของเรานี่เอง
ส่วนการ CT หรือ MRI เป็นการชันสูตรที่ไม่ทำให้ศพเสียหายค่ะ เพราะมีญาติผู้เสียชีวิตบางรายรับไม่ได้ที่จะให้มีการผ่าศพ ดังนั้นการนำ AI เข้ามาชันสูตร ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตยอมให้มีการชันสูตรค่ะ ซึ่งภาคแรกก็ใช้ MRI เพื่อชันสูตรศพเหมือนกัน โดย: alisalovetatming วันที่: 15 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:57:11 น.
พากไทยหรือซับอะไรหรือปะ ถ้ามีมั่งจะได้เอา hdd ไปดูด
โดย: chaohroe IP: 124.121.57.172 วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:22:12 น.
|
alisalovetatming
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Group Blog All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ว่าแต่คนตายแล้วทำไมต้อง CT,MRI อีกละ อยากทำ section ตรงไหนก็ตัดออกมาสิ