แฟนไม่อยู่ ทำไงดีฟะ ~

 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 กรกฏาคม 2550
 

ความรักของผมกับคนที่ผมรักที่สุด#4

ความสัมพันธ์ในครอบครัว, นิสัยส่วนตัว, สิ่งที่เสี่ยงในชีวิตและ สุดท้ายคือการนัด

ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ ครอบครัวผมจะว่าไปก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นครอบครัวหนึ่ง บ้านผมฐานะความเป็นอยู่ปานกลาง ไม่ได้จัดว่าร่ำรวยอะไรมากมายเลย แต่ว่าพอกินพอใช้ไม่ได้ขาดเท่านั้นเอง นิสัยตัวผมเอง ต้องการอะไรก็มักจะได้เสมอ เนื่องจากเป็นลูกชายคนสุดท้องคนเดียวของบ้าน แต่ยังงัย การใช้ชีวิตก็ต้องอยู่ในความดูแลของพ่อแม่มาตลอด และเมื่อมาเทียบกับเพื่อน ซึ่งต้องมาอาศัยหออยู่ ผมรู้สึกอิจฉาเพื่อนผมมาก เพราะดูเขามีเสรีภาพเหลือเกิน จะทำอะไรก็ได้ จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ ด้วยชีวิตวัยเด็ก ที่ผมต้องการหาอิสระในตัวเองนี่เอง ก็เลยพยายามที่จะไปเรียนที่อื่น ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ทั้งๆที่จังหวัดผมก็มีมหาลัยอยู่ ซึ่งถ้าหากจะเข้าที่นี่ผมคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ในที่สุดผมก็สมใจ ผมได้เรียนมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งที่มีชื่อพอสมควร และที่แห่งน ี้เป็นจุดเริ่มต้นทุกสิ่งของผมในการใช่ชีวิตในกรุงเทพฯ ชีวิตผมได้อิสรเสรีสมใจผม ผมจะไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีใครว่า แต่มาช่วงแรกๆ ผมเองยังไม่ค่อยรู้จักอะไรซักเท่าไหร่ แต่เพราะมารู้จักเล่นเน็ทนี่แหละครับ ทำให้ทุกสิ่งของผมเปลี่ยนไป ผมเล่น chat เป็นประจำ แรกๆก็ไม่กล้าที่จะหาเพื่อนที่เป็นเหมือนกัน เพราะยังคงเกรงกลัวอยู่น่ะครับ กลัวว่าจะมีคนรู้ว่าผมเป็นเกย์ ผมก็คุยกะ ญ หรือ ช ไปเรื่อยๆน่ะครับ แรกๆก็คุยเล่นๆ แต่ต่อมาก็เริ่มที่อยากจะลองเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ผมเริ่มเข้ามาในห้องที่พวกเราอยู่กันมากมาย ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยทำและไม่กล้าทำมาก่อน ทั้งที่อยากทำมานานแต่ไม่กล้า ผมคุยกะเพื่อนคนนั้นคนนี้มากมาย แลกรูปกันบ้าง หลังจากนั้นก็เป็นก้าวสำคัญอีกอย่างหนึ่งของผม ก็คือการนัดเจอกันครับ เพื่อนๆหลายคนคงเคยนัดเจอกันมาบ้างแล้ว ดังนั้นก็คงพอรู้ว่า มันลำบากใจเหมือนกันนะ ที่จะเจอใครคนหนึ่ง ลำบากใจทั้งหน้าตา (เอะ…อันนี้สำคัญมาก), นิสัย (เอะ…เอะ…อันนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน), ความซื่อตรง (เอะ..เอะ..เอะ…อันนี้ก็สำคัญมากๆครับ) ที่ว่าสำคัญสุดเพราะเขาจะเป็นคนกุมความลับของเรา เนื่องจากเราต้องแลกเบอร์ติดต่อ เขารู้ข้อมูลบางอย่างเรา ซึ่งบางครั้งอาจจะแย่แน่ๆ หากเขาเอาไปบอกเพื่อนเราหรือที่คนรู้จักเรา ว่าเราเป็น ซึ่งอันนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะให้ใครรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ เลยต้องระวังเป็นพิเศษ ช่วงแรกๆอาจจะเผลอให้เบอร์คนอื่นง่ายไป เลยเกิดปัญหาขึ้นคือมีคนโทรมากวนบ่อยๆ ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาหนักใจผมที่สุดเลย

ในการนัดเจอกัน ก็จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีคนสมหวังและผิดหวัง เราต่างก็คาดหวังกะคนที่เราจะเจอไว้มากมาย เสียงอย่างงี้ หน้าตาต้องอย่างนี้ แรกๆ ผมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ แต่หลังๆ น่ะก็เริ่มปลงกะชีวิตว่าคนเราไม่มีอะไรที่แน่นอน จะให้เป็นดั่งหวังเหรอ ยากสุดๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสนะครับ คนที่ผมเจออย่างที่คิดก็มีพอสมควร แต่บางครั้ง เขาอาจจะผิดหวังเรา หรือบางครั้ง เราอาจจะผิดหวังเขา ก็มีครับคละกันไป ก็ผมไม่ได้เลิศเลอเพอเฟคท์นี่ครับหน้าตาก็พอใช้ได้ ผมเองก็ไม่ได้หวังอะไรมาก หวังก็แค่เพียงจะเจอใครซักคน ที่เขาคิดเหมือนเรา และ ความรู้สึกเรากะเขาเหมือนกัน ซึ่งก็เคยเล่ามาข้างต้นแล้วครับว่ามีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ผมพบ กับคนแรกชื่อ น และกับคนที่สองและคนสุดท้ายของผมชื่อ ป ครับ.

ความสัมพันธ์กับครอบครัวของ ป และนิสัยส่วนตัวของ ป และความน่ารักของ ป และทำไมผมถึงรัก ป

กับความสัมพันธ์ของครอบครัวของเขาจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรกะใครเท่าไหร่นะครับ ผมเข้าได้อย่างดีกะทุกคน ตั้งแต่พ่อ แม่ น้อง เพื่อนน้อง คนงานที่บ้านเขา และสุดท้ายก็หมาๆๆๆๆ ซึ่งมีอยู่มากมายของเขา หากจะมีก็แต่เพียงความสำบากใจเท่านั้น เพราะว่า เราสองคนยังปิดบังพ่อแม่เราทั้งสองฝ่ายอยู่ ทุกครั้งที่พบท่านผมก็ระแวงอยู่เรื่อยๆ กลัวว่าท่านจะรู้ ซึ่งผมไม่อาจคาดคิดได้ว่า หากท่านรู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน เขาเองก็เคยมาทานข้าวกะพ่อแม่ผม ซึ่งตรงนี้ผมไม่เคยให้เพื่อนหรือใครคนไหนไปทานข้าวกะท่านอย่างนี้เลย (เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาภูมิใจมากครับ) แต่ผมทั้งสองก็เชื่อว่า พ่อแม่เราทั้งสองคงจะมีเหตุผล พอที่จะเข้าใจอะไรบางอย่างของเราได้ บางครั้งก็นึกไม่อยากจะปิดบังท่าน แต่อีกใจก็กลัวมากน่ะครับ กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมา แต่เราเคยคุยกันว่า คงต้องมีสักวันที่เราต้องทำให้ท่านเข้าใจ

นิสัยของเขาจริงๆน่ะคล้ายผมมาก จะมีเพียงบางอย่างเท่านั้นที่ต่างกันแล้วต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริง หากดูจากภายนอกอาจจะดูผมเป็นคนขี้เมา แต่เรื่องนี้ผมสิ่งที่เราต่างกัน เขากลับเมากว่าผม ดูภายนอกผมน่าจะสูบบุหรี่แต่ผมไม่สูบเลย เขาก็สูบแทน ผมไม่ค่อยอารมณ์ร้อนแต่เขาร้อนมาก บางครั้งเราต้องโกรธกันเรื่องอารมณ์ร้อนน่ะครับ ผมเองน่ะก็มีข้อเสียเหมือนกันครับก็คือเรื่อง งอนง่ายมาก ซึ่งแต่ไหนแต่ไรผมเองก็ไม่เคยงอนใครนะครับ แต่กะเขาทำไมผมเป็นอย่างนี้ก็ไม่ทราบ อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนตามใจผมอยู่เสมอกระมัง ทำให้ผมได้ใจและนี่ก็คือความน่ารักของ ป อีกอย่างหนึ่ง เขาจะตามใจแทบทุกอย่างที่เขาพอจะทำให้ได้ อยากทานอะไรก็พาไปทาน อยากจะไปเที่ยวไหนเขาก็พาไป เวลาอยู่ด้วยกันเราจะบอกรักทุกวัน เราห่างกันหน่อยก็ไม่ได้ ต้องโทรคุยกันตลอด หากจะว่าไปตลอดระยะเวลาที่คบกันเราไม่เคยห่างกันเกิน 24 ชั่วโมงเลย ผมจึงรู้สึกมีความผูกพันกะเขามาก จนมีบางครั้งอดคิดถึงไม่ไหวโทรศัพท์ไปหาแต่ว่าสายไม่ว่างเลย ผมก็งงว่าทำไมสายไม่ว่างเลย พอสักพักเขาก็โทรมาถามผมว่าทำไมสายไม่ว่างเลย เอาไปเอามาเราเผอิญกดโทรมาหาพร้อมกันน่ะครับ รู้สึกจะเป็นอย่างนี้บ่อยเหมือนกัน เพลงเราก็จะฟังเพลงคล้ายๆกัน อีกอย่างที่เขาที่ทำผมซึ่งผมปลื้มมากอีกอย่างหนึ่ง มีวันหนึ่งงานผมเยอะมาก ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกันที่จะทำต่อ เขาก็อาสาจะทำให้ เขาพิมพ์งานให้ผมแทบทั้งคืนเลยอะ โดยที่ผมนอนกรนอย่างสบายใจอยู่บนเตียง ทำให้ผมรู้ว่าเขาอดทนเพื่อผมขนาดไหน ที่ผมพูดอย่างนี้ได้ก็เพราะว่าหากจะให้ผมทำอย่างงี้ให้ใครน่ะ ผมคงต้องคิดอย่างหนักแน่ๆ ต่อให้เป็นแฟนก็เหอะเพราะมันเยอะเอามากๆ (แต่กะเขาตอนนี้ ผมไม่อยากให้เขาเหนื่อยเพื่อผมอีกแล้วล่ะ ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาบ้าง) เล่นซะเขาไม่ได้หลับทั้งคืนเลย นึกแล้ว ตูนี่มันเลวเหมือนกันนะ อิๆ

ป มีอะไรหลายอย่างที่ผมชอบ และเขาก็เป็นทุกอย่างที่ผมรัก ผมยังเคยบอกเขา บางคนอาจจะคิดว่า ผมกะเขาคบกันไม่นานเท่าไหร่ จะรักกันจริงเหรอ เรื่องนี้ผมไม่รู้นะครับว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่เราสองคนต่างรู้ดีว่าเรารักกันมากแค่ไหน ระยะเวลาที่คบกันมา เขาเป็นยังงัยในวันแรกตอนนี้เขาก็ยังเป็นอยู่เสมอ อาจจะมากกว่าวันนั้นซะด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่ามันไม่มีคำว่าน้อยลงเลย ด้วยเหตุนี้ผมจึงรัก ป เหลือเกิน



วันที่ต้องจากกัน

คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วสิที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เราต่างเหนื่อยจากการทำงานทั้งวันผมจึงเพลียหลับก่อน ก่อนนอนเขาเอาสมุดที่เพื่อนๆเขาเขียนให้ตอนกินเลี้ยงวันก่อนมาให้ผมเขียนเป็นคนสุดท้าย ผมได้บรรยายความในใจหลายสิ่งหลายอย่างให้เขาได้รู้ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยบอกออกจากปาก แต่วันนั้นผมก็ได้บอกผ่านตัวหนังสือของผมแล้ว ผมเผลอหลับตัวไปเมื่อไหร่ผมจำไม่ได้ มาสะดุ้งตื่นตอนที่เขาเข้ามาหอมแก้ม แล้วก็มานอนกอดผมพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย ตอนแรกผมก็งงเหมือนกัน ผมตั้งสติได้ผมเพิ่งรู้ว่าเขาอ่านสมุดที่ผมเขียนให้จบแล้ว เขาก็นั่งบ่นว่ารักผมมาก ไม่อยากไปเลย จริงๆ การบอกรักมันเป็นเป็นเรื่องปกติของเราอยู่แล้ว แต่วันนี้เขาบอกรักผมพร้อมด้วยน้ำตานองหน้า สิ่งนี้สิเป็นสิ่งที่แปลกกว่าทุกที ผมก็ได้แต่ปลอบ อย่าร้องไห้เลยนะ ผมก็รักคุณเช่นกัน ภายในใจผมก็สับสนเหลือเกิน ใจผมเริ่มจะหวิวๆขึ้นมา เมื่อคิดว่าเราจะต้องการกันแล้วนะ น้ำตาผมก็เริ่มคลอออกมาจากสองตาของผม ผมเองซะอีกกลับเป็นคนที่ร้องไห้ยกใหญ่แทนเขา เราต่างก็นอนกอดกันร้องไห้ เขาบอกให้จำคำสัญญาของเราว่า เราจะรักกันอย่างนี้ และจะรอกันตลอดไป

เช้าในวันใหม่ เป็นวันที่ไม่อยากให้มาถึงเลย ผมยังดูว่ามันเร็วเกินไปรึเปล่าที่เราจะต้องพรากจากกัน เราตื่นมาด้วยความงัวเงีย แล้วเตรียมจะลุกไปอาบน้ำ เพื่อซื้อของเตรียมขึ้นเครื่องค่ำนี้ พออาบน้ำเสร็จเราก็มากอดกันไปมาอีกครู่ใหญ่ เกือบร้องไห้อีกหนเหมือนกัน จากนั้นก็ออกไปซื้อของ ไปทานอาหารที่ผมชอบไปทานกะเขาบ่อยๆ
และแล้วเวลานี้ก็มาถึง

ตอนนั่งรถไปที่ดอนเมือง ผมไม่ได้นั่งไปคันเดียวกับเขา เพราะพ่อแม่น้องเขาก็เต็มรถแล้ว ผมเลยต้องแยกไปนั่งกะญาติเขาอีกคัน ตลอดทางผมนั่งคิดอะไรมากมาย ทรมานก็ทรมาน เพราะไม่รู้จะคุยกะใคร เพราะผมรู้จักญาติเขาเพียงไม่กี่คนเอง และอีกอย่าง คนที่ผมอยากคุยด้วยที่สุดตอนนี้คือเขา ผมก็ทนนั่งมานานพอสมควรก็ถึงดอนเมืองผมก็เดินหาเขาก็นานพอสมควร หลังจาก check in เราก็นั่งรอขึ้นเครื่อง พร้อมทั้งรอเพื่อนๆเขามาส่งอีกมากมาย หากจะนับไปก็เกือบยี่สิบคนน่ะ เป็นเพื่อนที่ผมรู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้าง ผมก็เลยต้องนั่งเฉยๆ คุยกะเพื่อนเขาที่ผมรู้จักไปเรื่อยๆ แต่ในใจอยากจะอยู่ใกล้ๆเขา พูดคุยกะเขาให้มากที่สุด แต่เขาเพื่อนมากเหลือเกิน เดี๋ยวคนนั้นก็มาเดี๋ยวคนนี้ก็มา เขาต้องทักทายอยู่ตลอดเวลา ผมเองก็ไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายอะไรมากมาย ก็เลยนั่งเฉยๆพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด เพราะเรื่องที่กลัวมากที่สุดตอนมาส่งเขาคือ การร้องไห้ พยายามคุมอารมณ์ให้อยู่ เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงเขาก็ยังไม่มานั่งคุย หรือเข้ามาหาผมเลย ผมเริ่มชัดจะกระวนกระวายใจนิดๆแล้ว จริงๆผมอยากจะร้องไห้ซะตรงนั้นมากกว่า

ตอนนั้นผมบอกตรงๆว่า ผมน้อยใจมากที่เขาไม่มาสนใจผมเลย พูดกะผมไม่กี่คำเอง พอได้เวลาที่ต้องขึ้นเครื่องบรรดาเพื่อนๆ ต่างก็พากันมาส่งที่เกท ซึ่งขณะเขาก็ลาแม่กะน้องอยู่ ผมก็พยายามมองเขาอยู่ตลอดเวลา เพราะคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่เราจะเห็นหน้ากัน ผมเฝ้ารอเพียงแต่เขาสบตาผมบ้าง แต่ความหวังผมก็เลื่อนลอย เขาเดินเข้าไปโดยไม่หันมามองผมอีกเลย หากรู้แต่แรกว่าผมต้องเจ็บปวดขนาดนี้ผมก็คงไม่มาส่งเขาหรอก มันเป็นความรู้สึกที่เดียวดาย และอ้างว้างยังงัยก็ไม่รู้ บวกกับความกลัวภายในจิตใจที่เกิดขึ้นมากมาย กลัวต่างๆนานา คิดไปเรื่อย ว่าทำไมเขาไม่หันมามองเราบ้างเลย หันมานึกน้อยใจทำไมเขาทำกับเราอย่างนี้ เพื่อนเขาที่รู้เรื่องของเราเลยเข้ามาปลอบผมลูปหลังผมเบาๆ แล้วบอกให้ผมทำใจเถอะ ผมต้องข่มใจตัวเองอยู่นาน เพราะกลัวว่าจะเผลอร้องไห้ออกไป เพราะตอนกลับผมต้องกลับกับน้องเขาอยู่ ตลอดทางผมก็เลยทำตัวปกติที่สุดจนกระทั่งถึงบ้าน



Create Date : 29 กรกฎาคม 2550
Last Update : 29 กรกฎาคม 2550 2:40:10 น. 3 comments
Counter : 255 Pageviews.  
 
 
 
 
คงใจหายน่าดูเลยนะคะ อีกไม่นานก็อาจจะอยู่ในสภาพเดียวกับ จขบ
 
 

โดย: Ple So gOoD วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:00:52 น.  

 
 
 
ชอบเรื่องของคุณจังเลยค่ะ
 
 

โดย: love to travel วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:21:08:35 น.  

 
 
 
ไม่รู้ว่า ตอนนี้ เจ้าของบ้าน ยังอยู่ที่นี่หรือเปล่านะครับ

ผมเองก็เป็นผุ้ชายเช่นเดียวกับคุณนะครับ

อยากจะให้กำลังใจนะครับ ถึงเรื่องนี้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม
 
 

โดย: boiishi วันที่: 30 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:08:13 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

mckin
 
Location :
Goddess City, United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Live and Learn ~ เรียนและเล่นเกมส์ Free Counter
[Add mckin's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com