“วันพรุ่งนี้ พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาชนะได เวลา.....นาฬิกา.....นาที พระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ เวลา.....นาฬิกา.....นาที” คือ ประโยคคุ้นหูซึ่งหลาย ๆคนที่รับฟังรายการวิทยุอาจเคยได้ยินหลังจากการรายงานพยากรณ์อากาศจบลง ยังความฉงนสนเท่ห์ให้แก่บางคนซึ่งมีนิสัยกระหายใคร่อยากรู้อยากเห็นว่า “ผาชนะได” และ “แหลมพรหมเทพ” นั้นตั้งอยู่ ณ แห่งหนตำบลใดในประเทศไทย? แล้วทำไมสถานที่ทั้งสองแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นตำแหน่งอ้างอิงในการรายงานเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก? จากข้อมูลเท่าที่พวกเราทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ได้ลองสืบค้นร่วมกับการสอบถามเจ้าหน้าที่ของ “สถานีอุตุนิยมวิทยาภูเก็ต” พบว่า การที่สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ถูกใช้เป็นตำแหน่งอ้างอิงในการรายงานเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกก็เนื่องมาจาก “ผาชนะได” อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เป็นตำแหน่งที่จะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นจากเส้นขอบฟ้าเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ส่วน “แหลมพรหมเทพ” อ.เมือง จ.ภูเก็ต นั้นก็เป็นตำแหน่งที่จะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์สัมผัสกับพื้นผิวน้ำเป็นแห่งสุดท้ายในประเทศไทยได้นั่นเอง
แต่ด้วยเหตุที่ว่า บทความชิ้นนี้เป็นบทความซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใน จ.ภูเก็ต เพราะฉะนั้นพวกเราทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมจะทำเป็นลืม ๆ เรื่อง “ผาชนะได” จ.อุบลราชธานีไปก่อน แล้วขอเขียนถึงเฉพาะข้อมูลของแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต ให้ทุก ๆท่านได้รับชมรับทราบกันครับ (สำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งต้องการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ “ผาชนะได” อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี จำเป็นต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร แล้วกางเต็นท์ค้างแรมบริเวณใกล้ ๆกับผาชนะไดเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า.....ถือได้ว่าลำบากพอสมควรทีเดียว)
|
"ต้นตาล" หนึ่งในเอกลักษณ์ของจุดชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดใน จ.ภูเก็ต "แหลมพรหมเทพ" |
|
เยือน "แหลมพรหมเทพ" เสพความงดงาม.....ในยามเย็น |
“แหลมพรหมเทพ” นอกจากจะถูกใช้เป็นตำแหน่งอ้างอิงในการรายงานเวลาพระอาทิตย์ตกแล้ว ยังมีชื่อเสียงในฐานะของจุดชมอาทิตย์อัสดงซึ่งมีความสวยงามที่สุดของ จ.ภูเก็ต อีกด้วย (บางคนก็บอกว่า แหลมพรหมเทพ คือ จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งผมคิดว่าคำบอกเล่าดังกล่าวข้างต้นจะเป็นความจริงมาก – น้อยเพียงใดนั้น แต่ละคนคงต้องลองมาชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพแล้วตัดสินข้อเท็จจริงด้วยความรู้สึกของตนเองครับ) ลักษณะทางภูมิประเทศของแหลมพรหมเทพเป็นแหลมสูงชันทอดตัวยาวลาดเอียงลงสู่ผืนทะเล มี “ต้นตาล” ขึ้นอยู่ห่าง ๆ ไล่เรียงกันไปตามแนวสันเขา หากยืนมองไปทางท้องทะเลด้านหน้าเยื้องไปทางด้านซ้ายจะเห็น “เกาะแก้วน้อย” และ “เกาะแก้วใหญ่” ส่วนทางด้านขวาจะสามารถมองเห็น “เกาะมัน” , “จุดชมทิวทัศน์สถานีไฟฟ้าพลังงานทดแทน” และ “หาดในหาน” อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ยามเย็นในวันฟ้าเปิดเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยตัวลงต่ำ แผ่นฟ้ากว้างซึ่งเคยเป็นสีฟ้าครามสดใสจะถูกแต้มเติมไปด้วยแสงสีแสดแดงที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงประกายกลายเป็นสีทอง ชั่วยามขณะเดียวกันนั้นท้องทะเลสีน้ำเงินเข้มแกมเขียวก็เริ่มแปรเปลี่ยนสีสันไปเป็นสีน้ำเงินอมเทาตามแสงสุริยาซึ่งอ่อนล้าแรงลง สายลมโบกโบยสร้างระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดเข้าหาชายฝั่ง ในช่วงฤดูหนาว – ฤดูร้อน ต้นหญ้าที่เคยเป็นสีเขียวสดจะแล้งแห้งขาดน้ำจนกลายเป็นสีเหลืองทองปลิวไสวสะบัดใบปกคลุมไปทั่วบริเวณแหลมพรหมเทพ ภาพความงดงามซึ่งยากจะบรรยายให้สมกับความรู้สึกที่ติดตราตรึงอยู่ในหัวใจของใครหลาย ๆ คน รวมไปถึงคำบอกเล่าปากต่อปากเกี่ยวกับช่วงเวลาประทับใจซึ่งเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ คือ สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาจากทั่วสารทิศเดินทางมายังแหลมพรหมเทพ
|
พระราชานุสาวรีย์ “พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” องค์บิดาของทหารเรือไทย และ นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังรอชมอาทิตย์อัสดงอยู่ด้านหน้าประภาคารกาญจนาภิเษกแหลมพรหมเทพ |
|
ภายในประภาคารกาญจนาภิเษกมีการจัดแสดงแบบจำลองประภาคาร และกระโจมไฟสำคัญหลาย ๆ แห่งพร้อมทั้งติดแผ่นป้ายคำบรรยายเอาไว้ |
ในช่วงเวลาเย็นของฤดูท่องเที่ยวคุณจะได้พบกับขบวนรถยนต์ส่วนบุคคล ,รถตู้ ,รถบัสขนาดใหญ่ ,จักรยานยนต์ ,ฯลฯ ขับเรียงแถวต่อกันเป็นแนวยาวมุ่งหน้าขึ้นสู่แหลมพรหมเทพ ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมแนะนำว่าหากคุณไม่ต้องการพลาดการชมบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงอันงดงามล่ะก็ ควรมาถึงทางขึ้นแหลมพรหมเทพตั้งแต่เวลาไม่เกิน 16.30 – 17.00 น.(มีทางขึ้นแหลมพรหมเทพ 2 ด้าน คือ ด้านหาดราไวย์และด้านหาดในหาน สามารถเลือกขับรถขึ้นด้านใดก็ได้แล้วแต่ความสะดวก) กรณีที่คุณเริ่มเดินทางขึ้นแหลมพรหมเทพช้ากว่าเวลาดังกล่าวข้างต้นก็มีโอกาสสูงที่รถโดยสารของคุณจะติดค้างอยู่ระหว่างทางขึ้นโดยไม่สามารถไปถึงจุดชมทิวทัศน์ได้ หรือหากโชคช่วยให้สามารถขึ้นไปถึงจุดชมทิวทัศน์แหลมพรหมเทพทันเวลาพระอาทิตย์ตกก็อาจจะไม่สามารถหาที่จอดรถได้อยู่ดี (โดยเฉพาะวันหยุดยาวต่อเนื่องในช่วงเทศกาลต่าง ๆ นั้น หากกลุ่มของคุณมัวแต่ทำตัวเฉื่อยแฉะ.....เอ้อระเหย.....เดินทางขึ้นแหลมพรหมเทพช้ากว่าเวลาประมาณ 16.30 น.ไปแล้วล่ะก็ รับรองว่ากลุ่มของคุณจะได้นั่งมองบั้นท้ายรถคันอื่นอยู่ระหว่างทางขึ้นแหลมพรหมเทพแทนที่จะได้ไปชมพระอาทิตย์ตกบริเวณจุดชมทิวทัศน์แน่นอนครับ) .....เพราะฉะนั้น.....ใครซึ่งตั้งใจว่าจะขึ้นไปชมภาพอาทิตย์อัสดง ณ จุดชมทิวทัศน์อันมีชื่อเสียงแห่งนี้ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมและจัดสรรเวลาให้เหมาะสม.....เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์กันในภายหลังครับ
บริเวณจุดชมทิวทัศน์แหลมพรหมเทพเป็นที่ตั้งของ “ประภาคารกาญจนาภิเษก” ประภาคารสูง 50 ฟุตซึ่งกองทัพเรือและชาวภูเก็ตร่วมใจกันสร้างขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสที่ทรงครองราชย์ครบ 50 ปีในปีกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539 ภายในอาคารชั้นล่างของประภาคารกาญจนาภิเษกจัดแสดงแบบจำลองประภาคารและกระโจมไฟสำคัญหลายแห่งพร้อมทั้งป้ายแสดงประวัติความเป็นมา มีตัวอย่างตะเกียงและเครื่องวาบซึ่งใช้ในการส่งสัญญาณเพื่อการเดินเรือแบบต่าง ๆส่วนชั้นบนจัดแสดงแบบจำลองเรือหลวงหลายลำพร้อมทั้งประวัติ บริเวณชั้นบนของประภาคารกาญจนาภิเษกแห่งนี้สามารถเดินออกไปยังระเบียงเพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบแบบ 360 องศาได้ จากระเบียงจะมองเห็นพระราชานุสาวรีย์ “พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” องค์บิดาของทหารเรือไทยตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ ลานกว้างด้านทิศตะวันตกหน้าประภาคารได้ชัดเจน มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งซึ่งเลือกที่จะปักหลักชมบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงอยู่ ณ บริเวณระเบียงชั้นบนของประภาคารกาญจนาภิเษกแหลมพรหมเทพแห่งนี้
|
ระหว่างเส้นทางสู่ปลายแหลมพรหมเทพ มองเห็นกังหันลมขนาดใหญ่ของจุดชมทิวทัศน์สถานีไฟฟ้าพลังงานทดแทน จ.ภูเก็ตอยู่ไกลลิบ ๆ |
|
จะคนไทยเชื้อสายหรือศาสนาใดต่างก็มารวมใจพร้อมเพรียงกัน ณ แหลมพรหมเทพ |
จากลานกว้างหน้าประภาคารกาญจนาภิเษกเดินตรงลงไปทางด้านทิศตะวันตกจะพบกับกำแพงหินที่สร้างขึ้นเป็นแนวยาวเพื่อแสดงขอบเขตของจุดชมทิวทัศน์แหลมพรหมเทพ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกบนแนวกำแพงนี้ หากเดินไปตามแนวกำแพงสู่ด้านทิศใต้จะพบกับช่องเปิดเล็ก ๆ ที่สามารถผ่านลงไปยังเส้นทางดินซึ่งทอดยาวสู่จุดปลายสุดของแหลมพรหมเทพได้ ตากล้องซึ่งชื่นชอบการถ่ายภาพสวย ๆ น่าจะสามารถหาตำแหน่งเหมาะ ๆในการถ่ายภาพได้หลายสิบภาพระหว่างที่เดินไปตามเส้นทางสู่ปลายแหลม ส่วนใครที่อยากตกปลาจะพกอุปกรณ์ตกปลามาเองแล้วไปนั่งตกปลาบริเวณโขดหินน้อยใหญ่ปลายแหลมพรหมเทพก็ได้บรรยากาศดี ๆไปอีกแบบ (บริเวณปลายแหลมพรหมเทพไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกางกิ่งใบให้ร่มเงา หากมาตกปลาในช่วงกลางวันอากาศจะร้อนมาก นอกจากนี้ยังต้องใช้ความระมัดระวังในการนั่งตกปลาบริเวณดังกล่าวพอสมควรเนื่องจากบางช่วงเวลาบริเวณปลายแหลมพรหมเทพจะมีคลื่นลมแรง นักท่องเที่ยวอาจพลัดตกจากโขดหินลงไปในทะเลได้)
The richly detailed Vestige line features nostalgic designs topped with a finial accent that compliment traditional decor. From finishes that are guaranteed to last a lifetime, to faucets that perfectly balance your water pressure, Moen sets the standard for exceptional beauty and reliable, innovative design. Timeless designs, styles unlike anything else, faucets and fixtures that are livable and enduring, these are just some of the reasons that Moen is the number one brand of faucet in North America.