www.xat.com/SweetTarot ทำนายสดไพ่ยิปซีฟรี
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
เล่าสู่กันฟัง...เมื่อฉันเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ตอนที่ 2


ช่วงที่ไปถึงใหม่ๆ นั้น โรงเรียนยังไม่เปิดเทอม มีเวลาปรับตัวและเตรียมความพร้อมก่อนไปโรงเรียนอยู่สองอาทิตย์ Host Mom (Sandy Green) ขอเรียกสั้นๆ ว่า Mom เลยละกันนะคะ ก็เลยพาไปช้อปปิ้ง ซื้ออุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น และในระหว่างนั้นเขาก็ช่วยเราในเรื่องการปรับตัวด้วย ก็ยังมีปัญหากันค่อนข้างมากในเรื่องของการสื่อสาร Mom ก็เลยช่วยสอนภาษาอังกฤษด้วยการที่คุยกับเราทุกวัน สอนวิธีพูด วิธีตอบคำถามที่ถูกต้อง ช่วงแรกๆ ถึงขนาดจดคำถามเป็นข้อๆ ถึงเรื่องที่เขาอยากจะถามเรา แล้วเอาคำถามมาให้เราอ่านเวลาที่เราฟังเขาไม่เข้าใจ ประกอบบทสนทนาไปด้วย ให้เราฝึกทักษะการฟังด้วยการดูหนังเยอะๆ นั่งดูหนังกันหลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ววันละประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็ช่วยเราได้มากค่ะ เขามีความอดทนและมีความตั้งใจที่จะช่วยเรามากจริงๆ ผ่านไปประมาณสิบวัน เราก็ค่อยๆ เริ่มชินกับชีวิตใหม่ที่นี่มากขึ้น Mom จะคอยหากิจกรรมให้ทำตลอดจะได้ไม่คิดถึงบ้าน ส่วน Dad ก็เป็นคนใจดี ไม่ค่อยพูดเยอะ แต่ก็จะชอบแกล้ง ชอบแหย่ตลอด บ้านนี้ไม่มีลูก เขาก็เลยจะเอ็นดูเราค่อนข้างมาก และดูแลเราในทุกๆ เรื่อง ทุกเรื่องจริงๆ (อ่านไปสักพักแล้วสักพักก็จะรู้ว่าทุกเรื่องยังไงค่ะ) คงสงสารเด็กน้อยที่ดูเหมือนเป็นใบ้แต่พยายามจะพูด เราก็เลยกลายเป็นลูกสาวสัญชาติไทยของครอบครัว และของญาติๆ ของ The Green ไปเลย ที่บ้านนี้เขาอนุญาติให้เราโทรกลับบ้านที่เมืองไทยได้ แต่แค่เดือนละครั้งเท่านั้นค่ะ เขาบอกว่าจะคุยอะไรบ่อยๆ มาเรียนภาษาอังกฤษนะ ภาษาไทยไม่ต้องใช้หรอก อีกอย่างค่าโทรศัพท์สมัยนั้นก็แพงเอาเรื่องอยู่ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนโรงเรียนเปิดเทอม Dad กับ Mom ก็เลยพาเราไปเที่ยว Chicago เปิดหูเปิดตาเพื่อให้เราไม่เหงา และเตรียมพร้อมกับชีวิตใหม่ที่นี่ไปในตัว

ก่อนโรงเรียนจะเปิดเทอมไม่กี่วัน นักเรียนใหม่ทุกคน และนักเรียนเก่าก็ต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียน ตื่นตาตื่นใจมากทีเดียวค่ะ เพราะโรงเรียนใหญ่มาก ได้เจอเด็กนักเรียนอเมริกันมากมาย ได้เพื่อนใหม่มาสองคนค่ะ เฮ่อ.. เข้ายังชั่วหน่อย เปิดเทอมคงไม่โดดเดี่ยวแล้วเรา และในวันนั้นเราก็ได้ถ่ายรูปติดบัตรนักเรียนด้วย เรียกว่า school picture เหอๆๆ เราเนี่ยงงมาก กับสไตล์การถ่ายรูปติดบัตรของฝรั่งเขาจริงๆ หน้าตรงก็ไม่ถ่าย ให้นั่งเอียงๆ ตัวแล้วหันหน้ามายิ้มกับกล้อง มียิ้มกับกล้องด้วย โห๊ ถามเขาว่า ต้องยิ้มด้วยเหรอ เอ่.. แล้วมันจะออกมาเป็นอย่างไงล่ะเนี่ย เอาก็เอา ว่าไงว่าตามกันอยู่แล้ว แล้วในที่สุด รูปก็ออกมาเป็นอย่างนี้ค่ะ ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าจะดีใจดี หรือว่าเสียใจดี มีเล่น effect ด้วยนะ เป็นรูปแรกในชีวิต และเป็นรูปสุดท้ายในชีวิตจริงๆ ค่ะ ที่ต้องถ่ายรูปแบบนี้....


















ผ่านไปไม่นานวันเปิดเทอมก็มาถึง..... วิชาที่จะต้องเรียนใน 1 วันมีทั้งหมด 7 วิชาค่ะ เขาให้เราเลือกวิชาที่อยากเรียนเองได้ แต่วิชาที่บังคับว่ายังไงๆ เราก็ต้องเรียนก็คือ วิชา American History ค่ะ วิชาที่เราเลือกเรียนในเทอมนั้น ก็เลยมีดังต่อไปนี้ Keyboard 1, Albegra 1, American History, Computer concept 1, English 1, และที่ขาดไม่ได้ วิชาที่หินสุดๆ ที่เราเลือกก็คือ...แต่น แต้น แต๊น.....วิชา Physical Education (P.E.) พละศึกษานี่เองค่ะ หนังสือเรียนที่ได้มาเป็นตั้งเลยค่ะ แถมทางโรงเรียนยังจัดหา locker ให้ไม่ได้ ต้องรอไปก่อนอีกประมาณสองสัปดาห์เนื่องจากอะไรก็ไม่ทราบได้ คือ เขาคงจะบอกมา แต่ฟังไม่รู้เรื่องเองล่ะค่ะ

ในวันนั้นตั้งแต่เช้าถึงเย็น เราก็เดินเข้าออกห้องเรียนต่างๆ เพื่อเปลี่ยนห้องเรียน และตึกเรียน แต่เดินธรรมดาไม่ได้นะคะ ไม่ทัน เขามีหลายตึกมากเลย ที่โรงเรียนมีทั้งหมด 8 ตึกค่ะ คือตึก A –H แต่ละตึกก็ค่อนข้างห่างกัน เขาให้เวลาในการเดินเปลี่ยนห้องเรียนประมาณแค่ 10 นาทีเท่านั้น แทบจะวิ่งเข้าห้องเรียนกันเลยทีเดียว แล้วเราก็ได้วิชาเดินเร็ว ก้าวเท้ายาวๆ มาอีก 1 วิชาก็ในตอนนี้เอง

คาบสุดท้าย เราเรียนวิชา P.E. ค่ะ ก็เดินประจิ้มประเจ๋อ เดินหาเอา กว่าจะเจอตึกเรียน เดินหาตั้งนาน ฮั่นแน่เจอแล้ว เพื่อนๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปนั่งรอกันหมดแล้ว เราก็เดินตรงไปเลย นั่งเรียนทันทีอย่างมั่นใจ แหะ แต่จะบอกว่า เข้าผิดห้องเรียนค่า ครือว่า ตึกที่เรียน P.E. ในวันนี้อ่ะมีสอน P.E. อยู่สองห้อง เราก็ตะหงิดๆ แต่แรกแล้วอ่ะ แต่เห็นว่าครูเขาไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยคิดว่าชัวร์ แต่กว่าจะรู้ว่ามั่ว ออดก็ดังบอกหมดเวลาเรียนพอดี เหอ.... หน้าแตกไม่รับเย็บอีกแล้วค่ะ ทันทีที่ออดดัง ทุกคนก็เป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก กรูกันออกมา ไม่สนครู ไม่สนใคร แล้วแยกย้ายกลับบ้าน หรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ กัน ส่วนตัวเราเองเดินออกจากห้องเรียนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และก็มาพร้อมกับหนังสือกองโต หนังสือที่ได้กลับบ้านมาวันนั้นสูงประมาณเกือบ 1 ฟุตค่ะ หนักรวมกันประมาณไม่ต่ำกว่า 4-5 กิโลเห็นจะได้ แต่ละเล่มหนาเตอะ อย่างบางสุดก็ประมาณหนึ่งนิ้ว หอบตั้งแต่เอวสูงขึ้นมาเกือบถึงคางเราพอดี ถ้าสูงกว่านี้อีกหน่อย คงไม่ต้องเมื่อยฝากหน้าไว้ที่คอแล้ว เล่มที่หนาสุดต้องนี่เลย วิชา American History หนาประมาณ 3-4 นิ้วได้ค่ะ เห็นแล้วกลัวไปเลย เกิดมา เรียนหนังสือมาเป็นสิบปี ยังไม่เคยเจอหนังสืออะไร หนาได้ขนาดนี้มาก่อน บรื๋อ..

ระว่างที่เราเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปถึงจุดนัดหมายที่ Host นัดแนะไว้ว่าจะมารับ(เฉพาะวันแรกที่เปิดเทอมเท่านั้น หลังจากนั้นเราต้องขึ้นรถโรงเรียนกลับบ้านเอง) เราจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้เป็นอย่างดี เรากลับออกมาจากห้องเรียนด้วยความรู้สึกที่แย่สุดๆ ในชีวิต ทำใมการมาโรงเรียนวันแรกของฉันถึงได้เลวร้ายมากขนาดนี้ locker ก็ไม่มี ต้องแบกหนังสือหนักๆ หลายกิโล แถมในห้องเรียน ครูพูดอะไรก็ฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย เขาพูดเร็วมาก (ขอย้ำว่าเร็วมากๆ) เราเบลอไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ จะตื่นเต้นกับเรามาก มีแต่คนอยากจะรู้จักเรา อยากจะเป็นเพื่อนกับเราทั้งนั้นก็เหอะ แต่ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนทุกอย่างมืดไปหมด หนักไปหมด เข่าอ่อน และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอยากจะร้องไห้อย่างจริงๆ จังๆ แต่ร้องไม่ได้ เดี๋ยว Mom กับ Dad เขาจะไม่สบายใจและเป็นห่วง ในใจตอนนั้นคิดแต่ว่า ทำใมเราไม่รู้เรื่องเอาซะเลย วันนี้ฟังครูพูดไม่รู้เรื่องเลยสักคำ! รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ วันแรกยังแย่ได้ขนาดนี้ แล้ววันต่อๆ ไป เราจะไหวเหรอ รู้สึกอึดอัดมาก คิดแต่ว่า ทำใมๆๆๆ เราถึงได้แย่ขนาดนี้ แล้วจะทำยังไงต่อไปดี อยากจะคุยกับเพื่อน ก็คุยไม่ได้ อยากจะพูด อยากจะระบายความรู้สึกที่ได้เจอมาให้กับใครสักคนฟัง ก็ทำไม่ได้ ไม่มีคนไทยสักคนอยู่ที่เมืองนี้ เราไม่สามารถใช้ภาษาไทยได้อีกต่อไป ภาษาอังกฤษของเราก็ยังไม่อยู่ในขั้นที่จะสื่อสารกับใครได้ ในใจคิดแต่ว่า แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี..........



Create Date : 13 มีนาคม 2551
Last Update : 13 มีนาคม 2551 0:36:10 น. 4 comments
Counter : 1500 Pageviews.

 
สู่ๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: apahcin IP: 124.120.149.21 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:1:26:00 น.  

 
มาปูเสื่อรอฟังอย่างใจจดใจจ่ออัพตอนต่อไปเร็วๆนะคะ


โดย: OumojijA (tennoji ) วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:14:17:04 น.  

 


โดย: aseptic วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:1:21:08 น.  

 
ฮาอ่ะตอนวิธีถ่ายรูปมียิ้มใส่effectให้ด้วย เล่าได้สนุกมากๆเลยคะ


โดย: เด็กมึนEng IP: 180.183.249.15 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:58:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

absoluteaommy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




online ♥
Friends' blogs
[Add absoluteaommy's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.