ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 พฤศจิกายน 2564
 
All Blogs
 

พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์

พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์วัดประตูสาร พุทธศิลป์พระราชนิยม “ลาวอีสาน” งามที่สุดในโลก 

 
“พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์” (Pārileyyaka) แบบ “พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ (ปรลัมพปาทาสนะ Pralambapadasana) ร่วมกับรูปช้างถวายผลไม้และลิงถวายรวงผึ้ง” เป็นพุทธศิลป์ที่เริ่มต้นครั้งแรกจากในรัฐรามัญยะ (Rāmaṇya) /มอญ/ทวารวดี จากวรรณกรรมฝ่ายรามัญนิกาย ในคติ “อารัญวาสี-อรัญวาสี” (Āraṇya-vāsī) แต่รูปศิลปะการนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ภัทรบิฐนั้น ไปเริ่มต้นครั้งแรกในงานพุทธศิลป์แบบพุกาม ที่นิยมท่านั่งแบบห้อยพระบาทตามอิทธิพลพุทธศิลป์ปางปฐมเทศนาของฝ่ายมหายานที่นิยมในยุคราชวงศ์ปาละ 
.
*** พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์ห้อยพระบาทแบบรามัญตะวันตก/พุกาม ไม่ได้รับความนิยมในรัฐสุโขทัย ล้านนา/โยนก ละโว้ หริภุญชัย ล้านช้าง/ลาว/อีสาน แต่เริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัฐสุพรรณภูมิ/รามัญตะวันออกในช่วงประมาณช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 ครับ 
.
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 23 พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์กลับมาได้รับความนิยมตามคติ “ช้างป่าเลไลยก์/พระอนาคตพุทธเจ้า (สุมงคลพุทธเจ้า)” ได้มีการจัดรูปแบบการวางพระหัตถ์ขึ้นใหม่ โดยวางพระกรขวา/ซ้ายแนบไปบนพระเพลา หงายพระหัตถ์ขวา/ซ้ายด้านหนึ่งแบออกเหนือพระชานุ (มีทั้งซ้ายและขวา) ในความหมายของการรับการถวายสิ่งของจากช้างและลิง โดยวางรูปประติมากรรมช้างชูงวงถวายกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำและรูปลิงถวายรวงผึ้งไว้ทางด้านหน้าเยื้องออกไปด้านข้างทั้งสองฝั่ง 
.
*** คติและงานพุทธศิลป์ปางป่าลิไลยก์ไม่ได้รับความนิยมจากราชสำนักในช่วงอยุธยาตอนปลาย จนถึงช่วงต้นรัตนโกสินทร์จึงได้เริ่มมีการรื้อฟื้นขึ้นใหม่ครับ
.
----------------------- 
*** พระพุทธรูปปางลิไลยก์ปูนปั้น ประธานภายในอุโบสถวัดประตูสาร (ก่อนถูกย้ายตำแหน่งมาตั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2524 – 2525) ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นงานพุทธศิลป์ใน “พระราชนิยม” ของรัชกาลที่ 3 เป็นงานศิลปะผสมผสานระหว่างศิลปะไทยรัตนโกสินทร์ ศิลปะจีนกับศิลปะลาวที่หาพบได้ยากในประเทศไทย จากด้วยเพราะในช่วงเวลานั้นได้มีการกวาดต้อน/อพยพผู้คนในอาณาจักรเวียงจันทน์และอีสานเหนือ (ศึกเจ้าอนุวงศ์ในปี พ.ศ. 2339) กลับมาไว้เป็นแรงงานรอบเมืองพระนครและโดยเฉพาะในภาคกลาง ซึ่งชาวลาวอีสานที่ถูกกวาดต้อนมาหลายท่านมีฝีมือระดับครูช่าง จึงได้รับโอกาสแยกให้มาทำงานเป็นช่างหลวงในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม 
.
*** รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้นำรายได้จากท้องพระคลังที่ได้มาจากการค้าสำเภา มาสร้างวัดและพระพุทธรูปขึ้นมากมาย ทั้งยังทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ ทำนุบำรุงรักษาพระอารามเก่าทั่วอาณาจักรที่ชำรุดเสียหาย รวมถึงวัดเก่าที่สร้างค้างอยู่จากรัชกาลก่อน ๆ ให้สมบูรณ์ ซึ่งในเขตจังหวัดเพชรบุรี ก็ปรากฏวัดที่สร้างขึ้นใหม่หลายแห่ง รวมทั้งวัดเก่าจากยุคกรุงศรีอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์ รวมทั้งโปรดให้มีการวาดจิตรกรรมฝาผนังตามขนบแบบแผนในพระราชนิยม คือ ภาพพุทธประวัติ ภาพปัจเจกพุทธเจ้า ทศชาติชาดก รวมทั้งภาพของอดีตพระพุทธเจ้าครับ 
.
พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์วัดประตูสาร ควรถูกปั้นขึ้นโดยช่างลาวหลวงในคณะ “พระยาราชสุภาวดี” (โต กัลยาณมิตร,เจ้าสัวโต แซ่อึ้ง) แม่กองในการบูรณปฏิสังขรณ์วิหารพระป่าลิไลยก์ในครั้งแรก จึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถเดิมของวัดประตูสารขึ้นใหม่ และเริ่มวาดจิตรกรรมตามแบบพระราชนิยม (ไทย/จีน/ลาว) โดยมีแม่แบบมาจากพระประธานภายในพระอุโบสถวัดกัลยาณมิตร ที่สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2386 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 3) ประดิษฐานพระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์เป็นพระพุทธรูปประธาน มีรูปจิตรกรรมฝาผนังเป็นพุทธประวัติตอนเสด็จลงจากดาวดึงส์ตรงกลางผนังสกัดด้านหลัง 
.
ช่างหลวงเมืองพระนครชาวลาวอีสานที่เดินทางมาในคณะ (อาจเป็นครัวลาวสังกัดไพร่เมืองสุพรรณมาแต่เดิม) ที่มีฝีมือเคยทำงานในระดับช่างหลวง จึงได้เริ่มต้นปั้นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ตามแบบพระราชนิยม โดยยังคงรักษารายละเอียดงานของงานศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์เด่นแบบลาวอีสานไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปแบบห้อยพระบาททั้งสองข้างบนบัลลังก์ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำเหนือพระชานุขวา พระหัตถ์ขวาหงายเหนือพระชานุซ้าย พระดัชนีเรียวยาวแบบ พระพักตร์กลม พระขนงเป็นวงโค้ง พระเนตรเหลือบมองต่ำ (ตานกนอน) พระนาสิกเป็นสันชมพู่ พระโอษฐ์หนาสั้น พระกรรณโค้งกลมยอดปลายแหลมบายศรี ติ่งพระกรรณโค้งงอนออก มวยพระเกศาเล็กแบบหนามขนุน มีเส้นไรพระศก กระหม่อมอุษณีษะ (พระเกตุมาลา) ใหญ่ พระเมาฬีใหญ่ มีเชิงเป็นบัวกลุ่ม ส่วนยอดพระเจ้าเป็นบัวทรงปลียอดชะลูดปลายแหลม สามารถถอดออกได้ โดยภายในไว้บรรจุพระธาตุหรือสิ่งของมงคลตามคติพระพุทธรูปลาวอีสานครับ
.
ส่วนบัลลังก์ได้แสดงงานศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ผสมงานศิลปะจีน ฐานล่างเป็นขาสิงห์คุ่มแบบขาตั่ง แข้งโค้งออกเป็นกลับกระจัง ท้องแอ่นโค้ง นมสิงห์เป็นกลีบดอกไม้แตกเครือเถา เหลือหลังสิงห์เป็นลายจีนไรขนแบบบัวรวนคว่ำ ขอบท้องไม้ประดับกระจังตาอ้อยใหญ่สลับเล็ก วาเรียงห่างกัน หน้ากระดานเป็น “ลายปะแจจีน” ท้องไม้ประดับกระจัง และกระหนกกลีบบัวหงายประดับกระจกคั่นลายรักร้อย ขนาดเล็กใหญ่ไล่ไปตามการลาดของอาสนะ
พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์ พระประธานแห่งวัดประตูสาร จึงเป็นงานศิลปะพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่แสดงความงดงามอันโดดเด่นในงานศิลปะลาวอีสาน ผสมผสานงานศิลปะจีนด้วยฝีมือระดับช่างหลวงเมืองพระนคร
.
*** พุทธศิลป์แบบพระราชนิยมในปางป่าลิไลยก์ หาได้งามกว่านี้อีกในโลก...ก็คงยากนักครับ      
เครดิต : FB
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2564
1 comments
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2564 14:38:21 น.
Counter : 564 Pageviews.

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 9 พฤศจิกายน 2564 8:35:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.