พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์
พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์วัดประตูสาร พุทธศิลป์พระราชนิยม “ลาวอีสาน” งามที่สุดในโลก “พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์” (Pārileyyaka) แบบ “พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ (ปรลัมพปาทาสนะ Pralambapadasana) ร่วมกับรูปช้างถวายผลไม้และลิงถวายรวงผึ้ง” เป็นพุทธศิลป์ที่เริ่มต้นครั้งแรกจากในรัฐรามัญยะ (Rāmaṇya) /มอญ/ทวารวดี จากวรรณกรรมฝ่ายรามัญนิกาย ในคติ “อารัญวาสี-อรัญวาสี” (Āraṇya-vāsī) แต่รูปศิลปะการนั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ภัทรบิฐนั้น ไปเริ่มต้นครั้งแรกในงานพุทธศิลป์แบบพุกาม ที่นิยมท่านั่งแบบห้อยพระบาทตามอิทธิพลพุทธศิลป์ปางปฐมเทศนาของฝ่ายมหายานที่นิยมในยุคราชวงศ์ปาละ . *** พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์ห้อยพระบาทแบบรามัญตะวันตก/พุกาม ไม่ได้รับความนิยมในรัฐสุโขทัย ล้านนา/โยนก ละโว้ หริภุญชัย ล้านช้าง/ลาว/อีสาน แต่เริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัฐสุพรรณภูมิ/รามัญตะวันออกในช่วงประมาณช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 ครับ . สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 23 พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์กลับมาได้รับความนิยมตามคติ “ช้างป่าเลไลยก์/พระอนาคตพุทธเจ้า (สุมงคลพุทธเจ้า)” ได้มีการจัดรูปแบบการวางพระหัตถ์ขึ้นใหม่ โดยวางพระกรขวา/ซ้ายแนบไปบนพระเพลา หงายพระหัตถ์ขวา/ซ้ายด้านหนึ่งแบออกเหนือพระชานุ (มีทั้งซ้ายและขวา) ในความหมายของการรับการถวายสิ่งของจากช้างและลิง โดยวางรูปประติมากรรมช้างชูงวงถวายกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำและรูปลิงถวายรวงผึ้งไว้ทางด้านหน้าเยื้องออกไปด้านข้างทั้งสองฝั่ง . *** คติและงานพุทธศิลป์ปางป่าลิไลยก์ไม่ได้รับความนิยมจากราชสำนักในช่วงอยุธยาตอนปลาย จนถึงช่วงต้นรัตนโกสินทร์จึงได้เริ่มมีการรื้อฟื้นขึ้นใหม่ครับ . ----------------------- *** พระพุทธรูปปางลิไลยก์ปูนปั้น ประธานภายในอุโบสถวัดประตูสาร (ก่อนถูกย้ายตำแหน่งมาตั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2524 – 2525) ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นงานพุทธศิลป์ใน “พระราชนิยม” ของรัชกาลที่ 3 เป็นงานศิลปะผสมผสานระหว่างศิลปะไทยรัตนโกสินทร์ ศิลปะจีนกับศิลปะลาวที่หาพบได้ยากในประเทศไทย จากด้วยเพราะในช่วงเวลานั้นได้มีการกวาดต้อน/อพยพผู้คนในอาณาจักรเวียงจันทน์และอีสานเหนือ (ศึกเจ้าอนุวงศ์ในปี พ.ศ. 2339) กลับมาไว้เป็นแรงงานรอบเมืองพระนครและโดยเฉพาะในภาคกลาง ซึ่งชาวลาวอีสานที่ถูกกวาดต้อนมาหลายท่านมีฝีมือระดับครูช่าง จึงได้รับโอกาสแยกให้มาทำงานเป็นช่างหลวงในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม . *** รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้นำรายได้จากท้องพระคลังที่ได้มาจากการค้าสำเภา มาสร้างวัดและพระพุทธรูปขึ้นมากมาย ทั้งยังทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ ทำนุบำรุงรักษาพระอารามเก่าทั่วอาณาจักรที่ชำรุดเสียหาย รวมถึงวัดเก่าที่สร้างค้างอยู่จากรัชกาลก่อน ๆ ให้สมบูรณ์ ซึ่งในเขตจังหวัดเพชรบุรี ก็ปรากฏวัดที่สร้างขึ้นใหม่หลายแห่ง รวมทั้งวัดเก่าจากยุคกรุงศรีอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์ รวมทั้งโปรดให้มีการวาดจิตรกรรมฝาผนังตามขนบแบบแผนในพระราชนิยม คือ ภาพพุทธประวัติ ภาพปัจเจกพุทธเจ้า ทศชาติชาดก รวมทั้งภาพของอดีตพระพุทธเจ้าครับ . พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์วัดประตูสาร ควรถูกปั้นขึ้นโดยช่างลาวหลวงในคณะ “พระยาราชสุภาวดี” (โต กัลยาณมิตร,เจ้าสัวโต แซ่อึ้ง) แม่กองในการบูรณปฏิสังขรณ์วิหารพระป่าลิไลยก์ในครั้งแรก จึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถเดิมของวัดประตูสารขึ้นใหม่ และเริ่มวาดจิตรกรรมตามแบบพระราชนิยม (ไทย/จีน/ลาว) โดยมีแม่แบบมาจากพระประธานภายในพระอุโบสถวัดกัลยาณมิตร ที่สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2386 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 3) ประดิษฐานพระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์เป็นพระพุทธรูปประธาน มีรูปจิตรกรรมฝาผนังเป็นพุทธประวัติตอนเสด็จลงจากดาวดึงส์ตรงกลางผนังสกัดด้านหลัง . ช่างหลวงเมืองพระนครชาวลาวอีสานที่เดินทางมาในคณะ (อาจเป็นครัวลาวสังกัดไพร่เมืองสุพรรณมาแต่เดิม) ที่มีฝีมือเคยทำงานในระดับช่างหลวง จึงได้เริ่มต้นปั้นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ตามแบบพระราชนิยม โดยยังคงรักษารายละเอียดงานของงานศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์เด่นแบบลาวอีสานไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปแบบห้อยพระบาททั้งสองข้างบนบัลลังก์ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำเหนือพระชานุขวา พระหัตถ์ขวาหงายเหนือพระชานุซ้าย พระดัชนีเรียวยาวแบบ พระพักตร์กลม พระขนงเป็นวงโค้ง พระเนตรเหลือบมองต่ำ (ตานกนอน) พระนาสิกเป็นสันชมพู่ พระโอษฐ์หนาสั้น พระกรรณโค้งกลมยอดปลายแหลมบายศรี ติ่งพระกรรณโค้งงอนออก มวยพระเกศาเล็กแบบหนามขนุน มีเส้นไรพระศก กระหม่อมอุษณีษะ (พระเกตุมาลา) ใหญ่ พระเมาฬีใหญ่ มีเชิงเป็นบัวกลุ่ม ส่วนยอดพระเจ้าเป็นบัวทรงปลียอดชะลูดปลายแหลม สามารถถอดออกได้ โดยภายในไว้บรรจุพระธาตุหรือสิ่งของมงคลตามคติพระพุทธรูปลาวอีสานครับ . ส่วนบัลลังก์ได้แสดงงานศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ผสมงานศิลปะจีน ฐานล่างเป็นขาสิงห์คุ่มแบบขาตั่ง แข้งโค้งออกเป็นกลับกระจัง ท้องแอ่นโค้ง นมสิงห์เป็นกลีบดอกไม้แตกเครือเถา เหลือหลังสิงห์เป็นลายจีนไรขนแบบบัวรวนคว่ำ ขอบท้องไม้ประดับกระจังตาอ้อยใหญ่สลับเล็ก วาเรียงห่างกัน หน้ากระดานเป็น “ลายปะแจจีน” ท้องไม้ประดับกระจัง และกระหนกกลีบบัวหงายประดับกระจกคั่นลายรักร้อย ขนาดเล็กใหญ่ไล่ไปตามการลาดของอาสนะ . พระพุทธรูปปางป่าลิไลยก์ พระประธานแห่งวัดประตูสาร จึงเป็นงานศิลปะพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่แสดงความงดงามอันโดดเด่นในงานศิลปะลาวอีสาน ผสมผสานงานศิลปะจีนด้วยฝีมือระดับช่างหลวงเมืองพระนคร . *** พุทธศิลป์แบบพระราชนิยมในปางป่าลิไลยก์ หาได้งามกว่านี้อีกในโลก...ก็คงยากนักครับ เครดิต : FB วรณัย พงศาชลากร EJeab Academy
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2564 |
|
1 comments |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2564 14:38:21 น. |
Counter : 564 Pageviews. |
|
|
|