รอยพระพุทธบาท วัดพุทไธสวรรย์
“รอยพระพุทธบาทเขาสุมนกูฎ” ที่ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์ วัดพุทไธศวรรย์ ในคติพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท กล่าวถึงเรื่องราวของรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า (Buddha’s Footprint) 5 แห่ง ที่ถือว่ามีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ คือ รอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนรรมทา (Nammadā) รอยพระพุทธบาทที่สัจพันธบรรพต-สัจจพันธ์คีรี หรือ สุวรรณบรรพต (Suwaṇṇa) รอยพระพุทธบาทที่โยนกปุระ (Yonakapura) รอยพระพุทธบาทที่ยอดเขาสุวัณณมาลิกบนยอดเขาอภัยคีรี (Suwaṇṇamālika) และรอยพระพุทธบาทที่เขาสุมนกูฎ (ศรีปาทะ) ที่เกาะลังกา . รอยพระพุทธบาทเขาสุมนกูฎ (Sumanakūta) ตั้งอยู่บนยอดเขาอดัมส์พีค (Adam's Peak) ในเขตจังหวัดซาบารากามูวา ตอนกลางของประเทศศรีลังกา เป็นอุเทสิกเจดีย์ที่ได้รับความนิยม เคารพนับถือมากที่สุดในรัฐสุโขทัยและอยุทธยา ตั้งแต่ช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 19 จากอิทธิพลพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทลังกาวงศ์ ซึ่งใน “คัมภีร์มหาวงศ์” (Mahāvaṃśa) ได้กล่าวว่า . “...ภายหลังที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ได้ 8 พรรษา ในวันเพ็ญเดือน 6 พระพุทธเจ้าและพระภิกษุอีก 500 รูป เสด็จไปยังแม่น้ำกัลยาณี พญามณีอักขิกนาคราชผู้ปกครอง จึงได้ถวายพระแท่นมณฑปแก้ว และทิพยชัชโภชนาหาร พญานาคพร้อมบริวารทั้งปวงได้ฟังพระธรรมเทศนา จนอิ่มเอิบเป็นสุโขประโยชน์ พระพุทธองค์จึงเสด็จขึ้นไปบนยอดเขาสุมณกูฏบรรพต ประทับรอยพระบาทเจติยะไว้...” . พระภิกษุและผู้แสวงบุญ จะนิยมเดินทางข้ามทะเลเพื่อไปนมัสการสักการบูชารอยพระพุทธบาทสุมนกูฏที่เกาะลังกากันอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะเชื่อถือว่าเป็นรอยพระบาทแห่งพระพุทธองค์โดยแท้จริง การเดินทางแสวงบุญที่ยาวไกลและประสบความยากลำบากจะนำมาซึ่งอานิสงส์ผลบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ดังปรากฏคำอธิบายการเดินทางขึ้นเขาในบันทึกการเดินทางในแต่ละยุคสมัยตรงกันว่า . “...ความสูงจากเชิงเขาขึ้นไปจนถึงพระบาทลังกานั้น 428 เส้นกับ 6 วา ทางขึ้นเป็นทางกันดาร ภูเขาเป็นชะง่อนผาแหลมคม มีถ้ำเป็นที่หลบลมแรง ตรงหน้าผาสูงชั้นจะมีสายโซ่ห่วงเหล็ก (บันไดสายโซ่) สำหรับปีนเหนี่ยวขึ้นไป...” . “...เส้นทางขึ้นเขากันดาร มีชะง่อนแง่งหินแหลม พื้นลื่นเพราะตะไคร้น้ำ ทางขึ้นเป็นหน้าผาสูงชัน ต้องทุลักทุเลปีนเหนี่ยวสายโซ่ซึ่งที่ยาวกว่า 6 เมตรไต่ขึ้นไปถึงตัวพระพุทธบาทที่อยู่บนยอดเขา...” . --------------------------------- *** เรื่องราวของการเดินทางอันยากลำบากเพื่อขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสุมนกูฎที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เป็นภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง (Mural painting) บนผนังตะวันออกของตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์ วัดพุทไธศวรรย์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อใช้เป็นศาลาการเปรียญสำหรับวัดพุทไธศวรรย์ที่ถูกฟื้นฟูบูรณะขึ้นใหม่ ถวายแด่พระพุทธโฆษาจารย์วัดเดิม สมเด็จพระเถระผู้เป็นพระอาจารย์ของพระองค์ครับ . ตำหนักพระพุทโฆษาจารย์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ช่องหน้าต่างชั้นล่างทำเป็นโค้งยอดแหลมตามสมัยนิยมตะวันตก ภายในชั้นบนของอาคารมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเขียนสีฝุ่นแบบสีพหุรงค์ กระจายภาพเรื่องราวต่าง ๆ ไปทั่วทุกผนัง ไม่เรียงตามลำดับเหตุการณ์ แต่จัดภาพเป็นกลุ่มตามเรื่องโดยใช้เส้นสินเทาในการแบ่งภาพ . ภาพเขียนถูกเขียนขึ้น 3 ครั้ง จึงมีความแตกต่างกันไปตามฝีมือช่าง ที่เก่าแก่สุดก็คงเป็นภาพวาดผนังทิศเหนือ เรื่องไตรภูมิโลกสัณฐาน ตรงผนังผนังหุ้มกลองหรือผนังสกัด (ผนังหลังหน้าบันด้านใน) ที่มีภาพพระอินทร์และหมู่เทวดาประทับในเรือนวิมานเหนือยอดเขาพระสุเมรุ ส่วนผนังด้านล่างเป็นภาพป่าหิมพานต์ ภาพสระอโนดาต . ผนังสกัดด้านทิศใต้วาดเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารวิชัย ใต้ลงมาเป็นภาพพระสาวก ผนังด้านล่างเป็นภาพเรื่องรามเกียรติ์ (แต่ลบเลือนไปมาก) ผนังอาคารทิศตะวันตกเขียนภาพเรื่องมหานิบาตชาดก ด้านล่างของผนังเป็นภาพขุมนรก . ผนังด้านทิศตะวันออก เขียนขึ้นในช่วงสุดท้าย เป็นภาพรอยพระพุทธบาทที่เขาสุมนกูฎ รอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนรรมทา รอยพระพุทธบาทที่สัจพันธบรรพต ภาพขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคเพื่อเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท พระมาลัยโปรดสัตว์ และภาพ “พุทโฆสะนิทาน” ตอนพระพุทธโฆสะลงเรือสำเภา เดินทางไปกรุงลังกาและได้พบกับพระพุทธทัตตเถระกลางทะเลครับ . หลังบานประตูและหน้าต่าง เป็นภาพเขียนสีรูปทวารบาลชาวต่างประเทศสลับกับรูปเทพยดา . *** ภาพวาดได้แสดงรูปพระพุทธบาทสีทองมีรัศมีพวยพุ่งขึ้นเป็นกระหนกตัวเหงา ภายในมณฑปสูงใหญ่บนยอดเขาสุมนกูฏ ด้านบนภายในซุ้มเป็นโคมกลีบบัวมีพู่ห้อยทั้งสามเรือน โดยมีเหล่าพุทธบริษัทแสดงอัญชลีวันทาและสาธุการอยู่ในช่องสินเทาด้านล่างครับ เครดิต ; FB วรณัย พงศาชลากร EJeab Academy
Create Date : 16 มิถุนายน 2564 |
|
2 comments |
Last Update : 16 มิถุนายน 2564 11:00:17 น. |
Counter : 613 Pageviews. |
|
|
|
A giver is always beloved.