กษัตริย์กรุงสุโขทัย
ลำดับพระนามกษัตริย์สุโขทัยใหม่ ที่ไม่มี “พรญาไสลือไท” ในงานประวัติศาสตร์นิพนธ์ล่าสุด การศึกษาของ ดร.ตรงใจ หุตางกูร นักวิชาการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร นำเสนอในงานเสวนาเรื่อง “...ไม่มี “พรญาไสลือไท” ในจารึกสุโขทัย-สางปมกาลวิทยารัชกาล “มหาธรรมราชาที่ 2” จากจารึกสุโขทัย...” เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ได้ลำดับชื่อพระนามกษัตริย์ผู้มีอำนาจทางการเมืองปกครองราชสำนักกรุงสุโขทัยขึ้นใหม่จากจารึกสุโขทัยหลักต่าง ๆ ที่เป็น “หลักฐานชั้นต้น” โดยแยกออกจากชื่อนามและเรื่องราวที่ประวัติศาสตร์นิพนธ์เดิมนำเอาหลักฐานฝ่ายอยุธยา (พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ หมิงสือลู่ จารึกฐานพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง) และหลักฝ่ายล้านนา(ชินกาลมาลีปกรณ์ (สีหลปฏิมา) ตำนานพระพุทธสิหิงค์ ตำนานสิบห้าราชวงศ์ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ตำนานหอสมุดวชิรญาณ) เข้ามาร่วมจัดชื่อพระนามและลำดับ . การจัดเรียงลำดับพระนามกษัตริย์สุโขทัยในอดีต เริ่มต้นจาก พระนิพนธ์พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาของสมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่เริ่มจาก 1. ศรีอินทราทิตย์ 2. บาลเมือง 3. รามคำแหง 4. ฤทัยชัยเชษฐ (อุทกโชตถ) 5. มหาธรรมราชาลิไท 6. ไสยฤๅไทย (พระมหาธรรมราชาเมืองพิษณุโลก) . ต่อมา อาจารย์ประเสริฐ ณ นคร ได้ลำดับเพิ่มเติมเป็น 1. ศรีอินทราทิตย์ (พ.ศ. 1792 - ?) 2. บาลเมือง (? – พ.ศ. 1822) 3. รามคำแหง (พ.ศ. 1822 – พ.ศ. 1841) 4. เลอไท (พ.ศ. 1841– ?) 5. งั่วนำถม ( ?- พ.ศ. 1890) 6. มหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท-ลือไท) (พ.ศ.1890 – พ.ศ.1916) 7. มหาธรรมราชาที่ 2 (ลือไท) ( ?-พ.ศ.1942) 8. มหาธรรมราชาที่ 3 (ไสลือไท) (พ.ศ.1943–พ.ศ.1962) 9. มหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) (พ.ศ.1962–พ.ศ.1968) . โดย อาจารย์พิเศษ เจียรจันทร์พงษ์ ได้ลำดับใหม่ โดยผสมผสานหลักฐานเชิงการเมืองในหลักฐานประวัติศาสตร์ฝ่ายอยุธยา เป็น 1. ศรีอินทราทิตย์ 2. บาลเมือง 3. รามคำแหง 4. เลอไท 5. งั่วนำถม (ชิน อุทกโชตกตะ) 6. มหาธรรมราชาลิไท (พ.ศ.1890 – พ.ศ.19 ?) 7. พระขนิษฐาของพญาลิไท 8. ศรีเทพาหูราช (บุตรพระขนิษฐา) 9. มหาธรรมราชาธิราช (ไสลือไท ?) 10. มหาธรรมราชา-รามราชา (สุโขทัย) 11. มหาธรรมราชาบรมปาล (พิษณุโลก) . ----------------------- *** งานศึกษาลำดับพระนามกษัตริย์สุโขทัยของ ดร.ตรงใจ เลือกเชื่อมโยงเฉพาะหลักฐานประเภท “จารึก” (Inscriptions) ของรัฐสุโขทัยโดยตรง ที่ในปัจจุบันมีการพบและแปลความกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยใช้จารึกเรียงลำดับอายุการจารเริ่มจาก “จารึกวัดป่ามะม่วง” (พ.ศ.1904) “จารึกเขาสุมนกูฏ” (พ.ศ.1911) “จารึกวัดพระยืน” (พ.ศ.1914) “จารึกพ่อนมไสดำ (พ.ศ. 1921) “จารึกวัดตระพังช้างเผือก (ป้านางคำ)” (พ.ศ.1922) “จารึกวัดช้างล้อม” (พ.ศ. 1927) (ร่วมกับเนื้อความที่เกี่ยวเนื่องในจารึกวัดศรีชุม หลังปี พ.ศ. 1917 จารึกลานทองพระมหาเถรจุฑามณี พ.ศ.1919 และจารึกแผ่นดีบุกวัดมหาธาตุ ประมาณปี พ.ศ.1920 จารึกวัดกำแพงงาม ประมาณระหว่างปี พ.ศ. 1930-1935 ) . “จารึกปู่ขุนจิดขุนจอด” (ประมาณปี พ.ศ. 1936-กล่าวสมัญญาพระนามกษัตริย์ว่า “มหาธรรมราชา”เป็นครั้งแรก) (ร่วมกับจารึกรายนามสงฆ์ และจารึกภาพชาดกวัดศรีชุม หลังปี พ.ศ.1935) “จารึกตาเถรขึงหนัง” (พ.ศ.1947) “จารึกวัดอโสการาม” (พ.ศ.1942) “จารึกสองแคว” (พ.ศ.1947) “จารึกวัดป่าแดง/จารึกวัดพญาดำ” (พ.ศ. 1949) “จารึกวัดบูรพาราม” (พ.ศ.1956) “จารึกวัดสรศักดิ์” (พ.ศ.1960) “จารึกวัดหินตั้ง” (ประมาณระหว่างปี พ.ศ. 1952-1962) “จารึกลานเงินเสด็จพ่อพญาสอย” (พ.ศ.1963) “จารึกเจดีย์น้อย” (พ.ศ. 1963) “จารึกกฎหมายลักษณะโจร” (พ.ศ.1964) (ร่วมกับ จารึกพระพุทธรูปนายทิดไท/จารึกฐานพระพุทธรูปทิดไสหง/จารึกพระพุทธรูปผ้าขาวทอง พ.ศ.1965 จารึกพระยาศรียศราช วัดหงส์รัตนารามฯ พ.ศ.1966) “จารึกรอยพระพุทธยุคลบาท วัดบวรฯ” (พ.ศ. 1969) “จารึกคำปู่สบถ” (ประมาณช่วงหลังของพุทธศตวรรษที่ 20) . เมื่อใช้หลักฐานจากข้อความในจารึกที่พบในรัฐสุโขทัย มาจัดเรียงลำดับกษัตริย์สุโขทัยใหม่ 1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พ.ศ. ?) 2. พ่อขุนบาลเมือง (พ.ศ. ?) 3. พ่อขุนรามคำแหง (?- พ.ศ.1842) 4. พรญาเลอไท (พ.ศ.1842-พ.ศ.1883) 5. มหาธรรมราชา 1 (ลือไท) ครั้งแรก (พ.ศ.1883-?) 6. - พรญางั่วนำถุม ? - มหาธรรมราชา 1 (ลือไท) ครั้งที่ 2 (พ.ศ.1890-1917) - คณะบุคคล เจ้าพรหมชัย/ศรีเทพาหูราช (พ.ศ.1917-1927) 7. มหาธรรมราชาที่ 2 (เลอไท) (พ.ศ.1927– 1952) 8. มหาธรรมราชาที่ 3 (พรญาราม-รามราชา) (พ.ศ.1956 – 1969) 9. มหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) (พ.ศ.1969- ?) . *** ประวัติศาสตร์นิพนธ์ เรื่องลำดับกษัตริย์สุโขทัยจากหลักฐานจารึกของ ดร. ตรงใจ อาจสรุปว่า . 1. พรญาลือไท (ลิไท) ที่ปรากฏสมัญญานามว่า “มหาธรรมราชา” ครั้งแรกในจาก “จารึกปู่ขุนจิดขุนจอด” ที่จารขึ้นประมาณปี พ.ศ. 1936 ถูกแย่งชิงอำนาจโดยพรญางั่วนำถุม (อุทกโชตถ อุทกโชตถตรา-พญาจมน้ำ) ประมาณ 5-7 ปี จึงยกทัพจากศรีสัชนาลัยกลับมาชิง (ปราบจลาจล) กรุงสุโขทัยคืนได้ ในปี พ.ศ. 1890 ครองราชย์รวม 27 ปี . 2. หลังสิ้นพรญาลือไท (ฦๅไทย –ลิไท-มหาธรรมราชา) ราชสำนักสุโขทัยอยู่ในการปกครองของคณะบุคคล เจ้าพรหมชัย/ศรีเทพาหูราช ราชบุตรของบุตรพระขนิษฐา (น้องสาว) ของพรญาลิไท เป็นเวลาประมาณ 10 ปี . 3. ต่อมา พระมหาธรรมราชาที่ 2 มีพระนาม ว่า “เลอไท” ระบุในจารึกวัดบูรพารามว่า ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ.1927 สวรรคตในปี พ.ศ. 1952 รวม 25 ปี ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 1945 ปรากฏพระนามว่า “พรญาไสลือ” ในเอกสารของฝ่ายล้านนา ยกทัพขึ้นไปช่วยท้าวยี่กุมกามชิงราชสมบัติเวียงเชียงใหม่จากพญาสามฝั่งแกน . 4. หลักฐานจารึกฝ่ายสุโขทัยจึงไม่เคยมีกษัตริย์พระนามว่า “พระญาไสลือไท” เพราะเป็นองค์เดียวกับพระญาเลอไท หรือพระมหาธรรมราชาที่ 2 . *** อนึ่ง ถึงจารึกตาเถรขึงหนัง (พ.ศ.1947) ได้ระบุว่า ในปี พ.ศ. 1943“...สมเด็จมหาธรรมราชาธิบดีศรีสุริยวงศ์ โอรสสมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดา มหาดิลกรัตนราชนาถกรรโลงแม่ ขึ้นเป็นกษัตริย์ ศรีสัชนาไลสุโขไทย.." อาจแตกต่างไปจากจารึกวัดบูรพาราม แต่ก็ยังคงหมายถึงพระมหาธรรมราชาที่ 2 . 5. ภายหลังรัชกาลพรญาเลอไท พระญาบรมปาล-พระยาบาลเมืองและพระญารามราชแย่งชิงอำนาจ (ในพงศาวดารหลวงประเสริฐ) ราชสำนักสุโขทัยว่างกษัตริย์อยู่ 4 ปี จนถึงปี พ.ศ. 1956 พรญาราม-รามราชา จึงได้ขึ้นครองกรุงสุโขทัย เป็นมหาธรรมราชาที่ 3 ครองราชย์รวมเวลา 16 ปี . 6. พระญาบรมปาล ขึ้นครองราชย์เป็นมหาธรรมราชาที่ 4 ในปี พ.ศ. 1969 รวมเวลา 12 ปี จนสวรรคตในปี พ.ศ. 1981 (ในพงศาวดารหลวงประเสริฐ) รัฐสุโขทัยถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอยุทธยาอย่างสมบูรณ์ เครดิต ;FB วรณัย พงศาชลากร EJeab Academy
Create Date : 06 พฤษภาคม 2564 |
|
1 comments |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2564 21:55:14 น. |
Counter : 861 Pageviews. |
|
|
|
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.