สมานฉันท์...ความรู้......ฟื้นฟูสติปัญญา
 
 

"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 7

เพื่อนนักเรียน


25 พฤษภาคม



นักเรียนคนที่เอาดวงตราไปรษณียากรให้เด็กนครราชสีมาคนนั้น เป็นเพื่อนที่ข้าพเจ้าชอบพอที่สุดในชั้นเดียวกันเขาชื่อ เสนาะ เป็นผู้ที่มีร่างใหญ่ที่สุดในชั้น อายุ 14 ปี หัวโตไหล่กว้าง และเมื่อเวลายิ้มน่ารักมาก มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่ เราได้รู้จักเพื่อนนักเรียนด้วยกันมากขึ้นแล้ว คนที่ชื่อ อัฐ เราก็ชอบเหมือกัน มักคุยเรื่องสนุกเสมอบิดาของเขาเป็นพ่อค้าฝิ่นเมื่อคราวมหาสงคราม ได้เคยสมัครเป็นทหารอาสาไปในงานพระราชสงคราม ณ ทวีปยุโรป ได้ทราบว่าได้รับเหรียญถึงสามเหรียญ คนหนึ่งชื่อ หวัง เป็นเด็กหลังโกง ร่างกายอ่อนแอสีหน้าซีดเซียว อีกคนชื่อ ประยูร แต่งกายสวยงามหวีผมเรียบอยู่เสมอ ที่ข้างหน้าเรามีคนหนึ่งซึ่งมีฉายาว่า ช่างปูนน้อย เป็นบุตรของช่างปูน หน้ากลมเหมือนผลส้ม จมูกรั้น ทำหน้าเหมือนกระต่ายได้เก่งและมักจะทำให้ใครๆ หัวเราะเสมอ เขาสวมหมวกเกือบขาดและสีตกซีด คนที่นั่งอยู่ข้าง “ช่างปูนน้อย” ชื่อ พณิช เป็นเด็กจมูกโด่งและนัยน์ตาคมเหมือนเหยี่ยว เขามักจะมีปากกาดินสอ และสมุดมาขายเสมอ ชอบเขียนหนังสือไว้บนเล็บ มีนิสัยเป็นเด็กเจ้าเล่ห์อยู่สักหน่อย และยังมีอีกคนหนึ่งชื่อ สุนทร เป็นเด็กที่มีนิสัยเย่อหยิ่ง สองข้างสุนทรมีเด็กสองคนที่น่าสงสาร คนหนึ่งชื่อ “อั๋น” เป็นบุตรช่างเหล็กสวมเสื้อแขนยาวรุ่มร่าม หน้าตาซีดเซียวเหมือนกับคนไข้ ขี้ขลาดต่อทุกอย่าง ไม่ค่อยหัวเราะ อีกคนหนึ่งชื่อ ซุ่นหลี แซ่อั้ง เป็นเด็กผมบางหน่อย มือข้างหนึ่งพิการห้อยไว้กับผ้าคล้องคอ ทราบว่าบิดาเขาไปเมืองจีน มารดาขายผักสดอยู่ที่ตลาด ที่ข้างซ้ายเขามีเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งชื่อ เดช รูปร่างเตี้ยและอ้วนคนสั้นจนเกือบเหมือนกสับไม่ได้คอเขาเป็นเด็กที่ดุอยู่สักหน่อย ไม่ค่อยพูดจากับใครดูเหมือนไม่เอาใจใส่กับอะไรเสียทั้งนั้น เวลาครูสอนเขานิ่งฟ้งด้วยอาการตั้งใจ ตาไม่มองไปที่อื่นเลย คิ้วขมวดและปากหุบแน่น เวลานั้นถ้ามีใครพูดหรือทำเสียงเอะอะขึ้น เพียงครั้งหนึ่งสองครั้งเขายังพอทนนิ่งได้ แต่ถ้าถึงครั้งที่สองก็จะฉิวขึ้นมาและจะทุบเอาทีเดียว คนที่นั่งอยู่ข้างเขาคือเด็กที่ไม่กลัวใคร มีลักษณะเป็นเด็กเกราชื่อ แก่น ได้ยินว่าเขาถูกคัดชื่อออกมาจากโรงเรียนอื่น นอกจากนี้ยังมีพี่น้องอีกสองคนแต่งตัวเหมือนกันท่าท่าเหมือนกัน ในเหล่าพวกเพื่อนนักเรียนที่หน้าตาดีและมีความรู้ดีที่สุดนั้นก็คือ ประดิษฐ์ รักธรรม ในปีนี้เขาคงสอบไล่ได้ที่ 1 อีกเป็นแน่ ในเวลาที่ครูตั้งคำถามที่ไม่มีผู้ใดตอบได้เขามักจะตอบได้เสมอ แต่ที่เราชอบกันมากที่สุดคือ อั๋น ลูกช่างเหล็ก สวมเสื้อยาว ท่าทางเหมือนกับคนไข้ เขามีนิสัยอ่อนโยนมาก ในเวลาที่เขาสนทนากับใครหรือในเวลาที่ล่วงเกินผู้ใดก็ตาม เขาจะต้องกล่าวว่า “ขอโทษ” มักมองดูคนอื่นด้วยสายตาอันเศร้าโศกและเซื่องซึม ส่วนคนที่สูงใหญ่ที่สุดและดีที่สุดนั้นคือ เสนาะ




 

Create Date : 29 มีนาคม 2550   
Last Update : 10 เมษายน 2550 11:41:10 น.   
Counter : 264 Pageviews.  


"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 6

เด็กนครราชสีมา


22 พฤษภาคม



ในที่สุดสันทัดจะต้องใช้ไม้เท้ายันจึงจะเดินได้ เมื่อตอนบ่ายวานนี้ ขณะที่ครูกำลังบอกข่าวนี้กับพวกเรา ครูใหญ่ได้พาเด็กคนหนึ่งเข้ามาในห้องเรียน เป็นเด็กผิวดำคล้ำ ผมดก ตาโตดำเป็นมันและคิ้วดกดำ ครูใหญ่พาเด็กคนนั้นมาส่งให้ครู กระซิบอะไรเบาๆ กับครู 2-3 คำแล้วออกไป เด็กนั้นกวาดตามองดูทุกสิ่งในห้องด้วยนัยน์ตาอันดำและโตของเขา ครูจูงมือเขามายืนหน้าชั้น แล้วกล่าวกับพวกเราว่า

“พวกเราทุกคนควรดีใจ ที่วันนี้มีเพื่อนใหม่คนหนึ่งมาจากจังหวัดนครราชสีมา ฃึ่งอยู่ห่างจากที่นี่หลายร้อยกิโลเมตรมาร่วมเรียนกับเราในโรงเรียนนี้ เนื่องด้วยเขามาจากเมืองไกล เธอทุกคนจงรักเพื่อนร่วมชาติของเราคนนี้เป็นพิเศษ บ้านเดิมของเขาเคยมีประวัติอันกระเดื่องนามมาแล้ว เป็นที่กำเนิดของพลเมืองที่อดทนและเข้มแข็งของไทย เป็นที่กำเนิดของวีรสตรีผู้มีนามว่า ท้าวสรุนารีและทหารที่กล้าหาญ และเป็นที่ที่น่าเที่ยวแห่งหนึ่ง มีป่าไม้มีภูเขา และเป็นที่ราบสูงของพวกเรา จงรักเพื่อนผู้นี้ของเราให้มาก พยายามให้เขาลืมว่าเขาได้ห่างบ้านของเขามาไกล ให้เขารู้สึกว่าในประเทศไทยนี้ เด็กไทยไม่ว่าจะไปอยู่ในโรงเรียนหรือในที่ใดๆ จะพบแต่เพื่อนร่วมชาติที่มีไมตรีจิตทั้งนั้น”

เมื่อครูกล่าวเสร็จแล้ว ก็ชี้ที่ตั้งแห่งจังหวัดนครราชสีมาในแผนที่ประเทศไทยแผ่นใหญ่ ซึ่งแขวนไว้ข้างผนังตึกให้เราดู แล้วก็เรียกด้วยเสียงอันดังว่า

“ประดิษฐ์ รักธรรม” ประดิษฐ์เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลที่ 1 ทุกครั้ง และประดิษฐ์ก็ลุกขึ้นยืน

“มานี่” ครูเรียก ประดิษฐ์ออกจากที่นั่งไปยืนอยู่ตรงหน้าเด็กคนนั้น

“เธอเป็นหัวหน้าชั้น” ครูกล่าวกับเขา “จงกล่าวคำต้อนรับเพื่อนนักเรียนใหม่คนนี้ ในนามแห่งลูกพระนครต้อนรับลูกนครราชสีมา”

เมื่อประดิษฐ์ได้ยินครูพูดดังนี้ ก็เข้าไปกอดคอเด็กใหม่คนนั้น กล่าวด้วยเสียงอันดังแจ่มชัดว่า “ ขอต้อนรับเพื่อนใหม่ด้วยความยินดียิ่ง “ เด็กผู้นั้นก็กอดประดิษฐ์ พวกเราต่างปรบมือพร้อมกัน แม้ครูจะพูดว่า “เงียบๆ การปรบมือในห้องเรียนใช้ไม่ได้” แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตัวครูเองก็ชอบมากเเละเด็กผู้นั้นก็พอใจ

เมื่อครูจัดที่นั่งเเล้วเด็กผู้นั้นก็นั่งลง แล้วครูก็กล่าวว่า “พวกเราจงจำคำพูดของครูที่พูดไว้ เด็กนครราชสีมาหรือเด็กพระนคร ถึงจะอยู่ที่ไหนก็บ้านของเราทั้งนั้น ประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะเเบ่งเเยกไม่ได้ ชาวบ้านทุกคนย่อมเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันทั้งสิ้น ฉะนั้นทุกคนจะต้องเคารพรักใคร่ซึ่งกันเเละกัน ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเห็นว่าเขามิใช่คนไทยเเล้วกระทำมิชอบต่อเพื่อนนักเรียนใหม่นี้ ผู้นั้นไม่ควรค่าที่จะเงยหน้าขึ้นมองดูธงไตรรงค์ร่วมกับพวกเราเลย” เมื่อเด็กผู้นั้นได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว นักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้ๆเขา บ้างเอาปากกาให้บ้างให้รูปภาพและบ้างก็ให้ดวงตราไปรษณียากร





 

Create Date : 29 มีนาคม 2550   
Last Update : 10 เมษายน 2550 11:41:36 น.   
Counter : 210 Pageviews.  


"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 5

อุบัติเหตุ
(ด.ช. สันทัด)


21 พฤษภาคม



ปีนี้พอเริ่มเปิดเรียนก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นทีเดียว วันนี้ขณะที่เดินไปโรงเรียนและกำลังคุยกับคุณพ่อถึงเรื่องที่ครูพูดกับนักเรียนในห้องให้คุณพ่อฟังอยู่นั้นก็ได้เห็นผู้คนแตกตื่นวิ่งเข้าไปในโรงเรียน คุณพ่อจึงพูดขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว เพิ่มเริ่มเปิดเรียนเท่านั้นไม่เหมาะเลย”

เราหลีกเข้าไปในโรงเรียน เห็นในห้องใหญ่เต็มไปด้วยผู้ปกครองและเด็กๆ ซึ่งไม่ยอมเข้าโรงเรียน ต่างพากันวิ่งไปยังห้องอาจารย์ใหญ่ และได้ยินพวกเขาพูดกันว่า “น่าสงสาร น่าสงสารเหลือเกิน”

ครูใหญ่และพลตำรวจผู้หนึ่งอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ เรามองเห็นหัวล้านของครูใหญ่ได้ชัด ต่อมามีคนสวมหมวกถือร่วมยาเข้ามา แล้วได้ยินกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “หมอมาแล้ว” คุณพ่อถามครูคนหนึ่งว่า “เรื่องอะไรกัน” ครูคนนั้นตอบว่า เด็กถูกรถทับ” อีกคนหนึ่งเสริมว่า “กระดูกเท้าแตก” เรื่องก็คือว่าสันทัดเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 ในขณะที่กำลังเดินมาโรงเรียน ได้เห็นนักเรียนเล็กในชั้นประถมคนหนึ่งวิ่งห่างออกไปจากมารดาของเขาไปล้มลงกลางถนน

ในขณะนั้นมีรถเมล์คันหนึ่งแล่นมาด้วยกำลังเร็วในระยะใกล้ชิด สันทัดเห็นเด็กนั้นจะถูกรถทับจึงได้กระโดดเข้าไปช่วยอุ้มเด็กคนนั้นออกมาพ้นระยะอันตรายได้ แต่ตนเองถอยไปไม่ทันพ้น รถก็ทับเอาขาของตนเองเข้า สันทัดเป็นบุตรของร้อยเอกทหารปืนใหญ่คนหนึ่ง

ในขณะที่กำลังฟังครูเล่าเรื่องอยู่ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเบียดหมู่คนเข้ามาในห้องใหญ่นั้นเหมือนกับคนเสียสติ หญิงนั้นคือมารดาของสันทัด และมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งเข้าไปกอดมารดาของสันทัดแล้วร้องไห้ คนหลังคือมารดาของเด็กที่สันทัดได้ช่วยให้พ้นอันตราย พวกเราอยู่นอกวงได้ยินแต่เสียงร้องไห้รำพันว่า “โธ่สันทัดลูกของแม่”

ทันใดนั้น ได้มีรถมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ครูใหญ่อุ้มสันทัดออกมา สันทัดเอาหัวอิงไว้กับบ่าของครูใหญ่หน้าซีดเซียว นัยน์ตาหลับ ทุกคนต่างยืนนิ่ง ได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของมารดาสันทัด ต่อจากนั้นครูใหญ่อุ้มเด็กคนเจ็บชูขึ้นให้ใครๆดู เหล่าผู้ปกครองนักเรียนและครูต่างร้องพร้อมกันว่า “กล้าหาญเหลือเกิน สันทัดผู้น่าสงสาร” นักเรียนที่อยู่ใกล้ๆครูต่างเข้าไปจับมือสันทัด ในขณะนั้นสันทัดได้ลืมตาขึ้น แล้วกล่าวว่า “กระเป๋าหนังสือของผมล่ะ” มารดาของเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือได้ชูกระเป๋าให้ดูแล้วกล่าวว่า “ฉันจะถือไปให้เองพ่อคุณ”
มารดาของสันทัดได้รับความปลอบโยน จนคลายความโศกเศร้าลงบ้างแล้วและพากันออกมาที่ประตูโรงเรียน ครูใหญ่ค่อยๆ วางสันทัดลงบนรถด้วยความระมัดระวัง รถก็ค่อยๆ เคลื่อนไป แล้วพวกเราต่างพากันเข้าห้องเรียนด้วยความเงียบเหงา






 

Create Date : 29 มีนาคม 2550   
Last Update : 10 เมษายน 2550 11:42:05 น.   
Counter : 248 Pageviews.  


"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 4

ครูของเรา
(คุณครูสินธุ์)


18 พฤษภาคม




วันนี้รู้สึกชอบครูคนใหม่ของเราขึ้นบ้าง เมื่อพวกเราเข้าห้องเรียน ครูนั่งอยู่ที่นั่นแล้ว นักเรียนที่ครูสอนมาเมื่อปีก่อนมักจะโผล่เข้ามาทางประตูเพื่อทักทายกับครู “สวัสดีครับ คุณครู” “คุณครูสินธุ์ของรับ สวัสดี” บางคนเข้ามาคำนับครูแล้วก็รีบออกไปทั้งนี้เห็นได้ว่านักเรียนเก่าทุกคนรักครูผู้นี้ และยังอยากจะได้มาเรียนกับท่านอีกทั้งนั้น ครูก็พูด “สวัสดี” และก้มศีรษะนิดๆ แต่ไม่ได้หันไปมองหน้านักเรียนเหล่านั้นเลยถึงแม้จะยิ้มรอยย่นที่หน้าผากก็ยังทำให้เค้าหน้าขรึมอยู่อย่างเดิมนั่นเอง และยังหันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง จ้องดูหลังคาบ้านตรงข้ามดูเหมือนการทักทายของนักเรียนเหล่านี้แทนที่ครูจะชื่นอกชื่นใจกลับจะเป็นการกวนใจและครูก็หันมาจ้องดูเราทีละคน ๆ

ขณะเมื่อครูบอกคำบอกแก่เรานั้น ครูลงมาเดินตรวจตามโต๊ะและเมือเห็นนักเรียนคนหนึ่งตามหน้าเป็นเม็ดผื่นแดงก็หยุดบอกคำบอก เอามือทั้งสองจับศีรษะของเขา และถามว่าเป็นอะไรและคลำดูที่หน้าฝากว่าตัวร้อนหรือไม่ ในขณะนั้นมีนักเรียนคนหนึ่งนึกว่าครูไม่เห็นได้กระโดขึ้นยืนบนม้านั่งเชิดหุ่นกระบอกเล่น ครูหันไปเห็นนักเรียนจึงรับนั่งโดยเร็วก้มหน้าเตรียมรับโทษแต่ครูเพียงเอามือพาดลงบนศีรษะแล้วพูดว่า “ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก” แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ครูกลับไปที่โต๊ะบอกคำบอกจนเสร็จ เมื่อเสร็จแล้วครูก็จ้องดูพวกเราสักครู่หนึ่งจึงกล่าวกับพวกเราด้วยเสียงชัดเจนและจับใจว่า

“ ทุกคนจงฟังคำพูดของครู ต่อไปนี้เราจะต้องอยู่ร่วมกันตลอดปี ฉะนั้นขอให้พวกเราผ่านปีนี้ไปด้วยดี ทุกคนจะต้องหมั่นเรียนและเรียบร้อย ครูไม่มีครอบครัวเลย พวกเธอทุกคนนี่แหละคือครอบครัวของครู เมื่อปีก่ลายครูยังมีคุณแม่อยู่แต่ท่านได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วทิ้งครูไว้คนเดียว นอกจากพวกเธอแล้วครูไม่มีญาติพี่น้องอีกเลยในโลกนี้ นอกจากพวกเธอแล้วครูไม่มีใครที่จะรัก ขอให้เธอถือว่าเป็นลูกของครู ครูอยากให้พวกเธอดีทุกคน และขอให้พวกเธอรักครูบ้าง ครูไม่ชอบทำโทษใครทั้งนั้น ขอให้พวกเธอแสดงกับครูด้วยน้ำใจอันแท้จริง โรงเรียนของเราจะได้เป็นครอบครัวขึ้น พวกเธอจะได้เป็นผู้ประเล้าประโลมครูและให้เกียรติแก่ครู ครูไม่ได้ต้องการให้พวกเธอให้สัญญาแก่ครูด้วยวาจา ครูรู้แน่ๆ แล้วว่าในใจของพวกเธอได้ตอบรับครูแล้วว่า “ ยินดี “ ครูขอขอบใจพวกเธอทุกคน “

พอเสียเสียงระฆังเลิกเรียนดังขึ้น พวกเราทุกคนลุกออกจากที่นั่งด้วยอาการสงบเสงี่ยม นักเรียนคนที่กระโดดขึ้นเชิดหุ่นกระบอกเมื่อสักครู่นี้ได้เดินเข้าไปหาครู สารภาพด้วยเสียงสั่นว่า “คุณครูครับ ผมขอโทษ” ครูลูบผมเขาแล้วพูดว่า “กลับบ้านเถิดเด็กดีของครู”




 

Create Date : 29 มีนาคม 2550   
Last Update : 10 เมษายน 2550 11:42:38 น.   
Counter : 196 Pageviews.  


"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 3

พฤษภาคม



วันเปิดภาคเรียน 17 พฤษภาคม


วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนปีใหม่ ชีวิตเดือนครึ่งในชนบทได้ผ่านไปเหมือนหนึ่งความฝัน แต่แล้วเราก็ได้กลับมายังโรงเรียนเก่าของเราอีก ในเวลาเช้าขณะที่คุณแม่พาไปส่งที่โรงเรียนนั้น ในใจยังคงคิดถึงสภาพแห่งชนบทอยู่ ตามถนนหนทางเต็มไปด้วยนักเรียนในเครื่องแบบทั้งชายและหญิง ในร้านขายหนังสือสองร้านซึ่งอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนของเรา ผู้ปกครองและนักเรียนกำลังซื้อสมุดหนังสือ หมึก ปากกา ดินสอ หน้าโรงเรียนมีผู้คนพลุกพล่าน ภารโรง และตำรวจจราจร ได้พยายามแหวกทางเดินไม่ให้คับคั่ง พอมาถึงหน้าประตูโรงเรียนรู้สึกว่ามีคนมาตบไหล่หันไปดูก็เห็นครูประจำชั้นมัธยมปีที่ 2 ครูเก่าผมหยักโศกงามของเรานั่นเอง ข้าพเจ้าได้กระทำความเคารถท่าน ท่านมองหน้าข้าพเจ้าด้วยหน้าอันยิ้มแย้มเจ่มใสและร่าเริงอย่างเคยแล้วกล่าวว่า “ เราไม่ได้อยู่ร่วมชั้นกันต่อไปอีกแล้วนะประเสริฐ ” ข้าพเจ้าเศร้าใจในเรื่องอยู่แล้ว เมื่อครูมากล่าวฟื้นขึ้นอีกเช่นนี้ จึงทำให้ข้าพเจ้าตื้นตันใจอย่างยิ่งขึ้น เมื่อพวกเราเข้าไปในบริเวณโรงเรียน ก็เห็นมีสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร พลเรือน พระภิกษุและพี่เลี้ยงมือหนึ่งจูงเดืกและอีกมือหนึ่งถือเครื่องเล่าเรียนยืนกันอยู่ตามขั้นบันได และนั่งกันเต็มห้องรับแขก เสียงจ้อกแจ้กจนฟังไม่ได้ศัพท์ รู้สึกดีใจที่ได้มาเห็นห้องนี้อีกครั้ง ห้องนี้เป็นห้องใหญ่อยู่ชั้นล่าง มีประตูติดต่อกันไปถึง 7 ห้อง ซึ่งในระยะ 2 ปีที่แล้วมาเราต้องเดินผ่านทุกวัน

ขณะนั้นมีครูเดินเข้าๆ ออกๆ อยู่หลายคน ครูผู้หญิงที่สอนเราตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1 ร้องทักข้าพเจ้ามาจากประตูห้อง “ ประเสริฐ ปีนี้เธอจะต้องขึ้นไปอยู่ห้องชั้นบนแล้ว ครูจะไม่ได้เห็นเธอเดินผ่านห้องเรียนนี้อีกแล้ว” ครูพูดด้วยความอาลัย

ครูใหญ่ถูกพวกผู้หญิงซึ่งกลัวว่าจะไม่มีห้องว่างให้พวกลูก ๆ ของเราเรียนรุมกันอยู่แน่น ผมของท่านดูหงอยมากกว่า เมื่อปีกลายเล็กน้อย นักเรียนทุกคนแข็งแรงและสูงใหญ่ขึ้น ชั้นล่างได้จัดเรื่องห้องเรียนกันเสร็จแล้วมีเด็กใหม่ซึ่งเพิ่งมาเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ไม่ยอมเข้าห้องเรียน ทำดื้อดึงจะกลับบ้านต้องฉุดกันเข้าไป บางคนวิ่งหนีออกมา บางคนเห็นพ่อแม่กลับก็ร้องไห้ ผู้ที่เป็นพ่อแม่ต้องกลับมาพูดปลอบโยน บ้างก็ดุ ทำให้พวกครูหัวหมุนจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

น้องข้าพเจ้าอยู่ในชั้น ซึ่งครูผู้หญิงคนหนึ่งชื่อฉวีวรรณเป็นผู้สอน ครูของข้าพเจ้าชื่อครูสินธุ์ ห้องเรียนของเราอยู่ชั้นบน

เวลา 8.30 น. พวกเราได้เข้าห้องเรียน ในชั้นเรามีอยู่ 30 คนด้วยกัน ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากห้อง 2 พร้อมกันนั้นเพียง 15 –16 คน ประดิษฐ์ รักธรรม ผู้สอบไล่ได้เป็นที่ 1 เสมอ ก็ได้มาอยู่ห้องเดียวกันนี้ด้วย

เมื่อหวนคิดไปถึง การวิ่งไปวิ่งมาตามทุ่งนาป่าเขาในระหว่างหยุดฤดูร้อนก็รู้สึกว่าโรงเรียนเล็กและอึดอัดเสียแล้วและเมื่อนึกถึงครูประจำชั้นมัธยม 2 ของเรา ครูคนดีซึ่งยิ้มแย้มกับเราเสมอ รูปร่างเล็กไล่เรี่ยกับพวกเราทำให้คิดถึงครูผมหยักโศกคนนี้มาก จะไม่ได้อยู่ร่วมกันอีกแล้ว ครูคนใหม่นี้รูปร่างสูง ไม่มีหนวดเครา ผมสีดอกเลาและยาว หน้าผากมีรอยย่นเป็นเส้นๆ พูดเสียงดัง แกจ้องดูเราทีละคนๆ ดังกับจะมองให้ทะลุเข้าไปในหัวใจ เป็นครูที่ไม่รู้จักยิ้มเลย ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจว่า “ เฮ้อ ! วันนี้เพิ่งเป็นวันแรกเท่านั้น ยังอีกตั้ง 9 เดือน บทเรียนและการสอบซ้อมประจำเดือน มันช่างน่าเบื่อหน่ายเสียจริงๆ “
พอโรงเรียนเลิกรีบออกจากห้องเรียนรู้สึกอยากเห็นหน้าคุณแม่เป็นกำลัง พอวิ่งไปถึงคุณแม่ก็กราบลงตักท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “ ประเสริฐ เจ้าต้องเอาใจใส่ต่อการเล่าเรียนนของเจ้านะ ทุกคนต้องเรียนเหมือนกันทั้งนั้น “ เรากลับบ้านด้วยความร่าเริง แต่ครูเก่าที่น่ารักของเราไม่ได้อยู่ร่วมกันอีกแล้ว โรงเรียนจึงไม่ชวนสนุกเหมือนแต่ก่อน




 

Create Date : 29 มีนาคม 2550   
Last Update : 10 เมษายน 2550 11:43:09 น.   
Counter : 172 Pageviews.  


1  2  3  4  

yui_tongthai
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add yui_tongthai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com