สมานฉันท์...ความรู้......ฟื้นฟูสติปัญญา
 
"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 10

บ้านคนจน
(ด.ช. ซุ่นหลี แซ่อั้ง ลูกแม่ค้าขายผัก)


28 พฤษภาคม



เมื่อวานนี้ตอนบ่าย ข้าพเจ้ากับคุณแม่และพี่สมถวิลได้เอาเสื้อผ้าไปให้หญิงอนาถาตามที่ได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ ข้าพเจ้าถือห่อผ้า พี่สมถวิลถือกระดาษซึ่งจดที่อยู่หญิงคนนั้น พวกเราไปถึงห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ที่นั่นมีนอกชานยาว สองข้างกั้นเป็นห้องแถวยาว คุณแม่ได้เดินไปตามหน้าห้องพอไปถึงห้องสุดท้ายก็เคาะประตู เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นหญิงกลางคนผอมซีดดูเหมือนเป็นหญิงที่เราเคยเห็นเสมอสวมเสื้อผ้าเขียวเก่าๆ

“เธอคือ ผู้ที่หนังสือพิมพ์กล่าวถึงใช่ไหม ?” คุณแม่ถาม “ใช่เจ้าคะ”

“นี่แนะ ฉันมีผ้าอยู่เล็กน้อยขอให้รับไว้ด้วย”

หญิงนั้นรู้สึกพอใจมากดูเหมือนไม่รู้ว่าจะแสดงความขอบใจอย่างไรถูก ในขณะนั้นเราได้เห็นเด็กคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเก้าอี้ในห้องมืดที่ไม่มีเครื่องเรือนอื่นใดเลย หันหลังออกมาข้างนอกคล้ายกำลังเขียนหนังสืออยู่ เมื่อดูโดยถี่ถ้วนแล้ว ก็เห็นกำลังเขียนหนังสืออยู่จริงๆ บนเก้าอี้มีกระดาษวางอยู่ กระปุกหมึกวางไว้ที่บนพื้น เราคิดอยู่ว่าห้องมืดอย่างนี้จะเขียนหนังสือได้อย่างไร เราได้เห็นเด็กนั้นมีผมบาง สวมเสื้อขาด จึงจำได้ว่าเป็น ซุ่นหลี ลูกคนขายผัก เด็กที่มือพิการนั่นเองเวลานั้นแม่ของเขากำลังเก็บเสื้ออยู่ ข้าพเจ้าได้บอกแก่คุณแม่

"อย่าเอ็ดไป” คุณแม่ว่า “ถ้าเขารู้ว่ามารดาเขาได้รับทานจากเพื่อน เขาจะรู้สึกอย่างไรบ้าง อย่าพูดไป”

แต่ในขณะนั้น ซุ่นหลี หันหน้ามา เราไม่รู้จะทำอย่างไร ซุ่นหลีหัวเราะกับข้าพเจ้า และคุณแม่ดุนหลังข้าพเจ้าให้วิ่งเข้าไปหา ซุ่นหลีลุกขึ้นมาจับมือข้าพเจ้าไว้

มารดาของซุ่นหลีบอกกับเราว่า “เราอยู่กันเพียงสองคนแม่ลูก สามีดิฉันไปเมืองจีนเสียตั้ง 7 ปีแล้ว ยิ่งกว่านั้นดิฉันยังล้มป่วยลง ไม่สามารถจะหาบผักไปขายได้ ไม่ว่าโต๊ะ หรือเครื่องใช้อะไรพอจะขายได้ก็เก็บขายหมด จึงทำให้ซุ่นหลีอ่านหนังสือลำบาก แม้จะจุดตะเกียงก็ไม่ใคร่ได้ ตาก็ไม่ดีเสียแล้ว นี่ดีที่หนังสือและหน้าสมุดทางอำเภอให้มา จึงไปเรียนหนังสือได้ น่าสงสารซุ่นหลี ถึงอย่างไรๆ ให้ได้ไปโรงเรียนก็ดีใจมากแล้ว แต่โธ่เอ๋ย คนที่มีเคราะห์กรรมอย่างดิฉันคงไม่มีอีกแล้ว”

คุณแม่ได้เทเอาเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าทั้งหมดออกมาให้เขาและลูบศีรษะซุ่นหลี เมื่อออกมาจากบ้านเกือบจะร้องไห้แล้วกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า

“ประเสริฐ เจ้าจงดูเด็กที่น่าสงสารนั้น ดูซิว่าเขาขยันและอดทนเพียงไร ส่วนเจ้าสิไม่ว่าอะไรก็บริบูรณ์ทุกอย่างกระนั้นยังไม่ค่อยจะตั้งใจเรียน ความจริง…ความขยันของเด็กคนนั้นในวันหนึ่งๆ เมื่อเทียบกับความขยันของเจ้าในปีหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีค่ามากกว่ากันเท่าใด เด็กชนิดนี้ จึงควรได้รับรางวัลชั้นที่ 1 “






Create Date : 30 มีนาคม 2550
Last Update : 19 กันยายน 2550 9:54:26 น. 0 comments
Counter : 1359 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

yui_tongthai
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add yui_tongthai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com