|
"โรงเรียนแห่งความรัก หรือ ดวงใจ" ฉบับที่ 12
เด็กผู้รักชาติ(การสนทนาประจำเดือน)
30 พฤษภาคม
เป็นทหารขี้ขลาดหรือ ? เราไม่เป็นแน่ๆ แต่ถ้าครูเอาเรื่องสนุกๆ ดังวันนี้มาเล่าให้เราฟังทุกวันๆ เราก็ชอบโรงเรียนมากขึ้น ครูบอกว่าต่อไปเดือนหนี่งจะเล่านิทานของเด็กที่ดี ดังที่เล่าในวันนี้ให้เราฟังเรื่องหนึ่ง และสั่งให้เราจดเอาไว้ นี้เป็นเรื่องของเด็กผู้รักชาติคนหนึ่งที่ครูเล่าให้ฟัง เรือกลไฟฝรั่งเศสลำหนึ่ง ออกจากบาซีโลนา ซึ่งเป็นนครหนึ่งในสเปญ ไปยัง นครเยนัว ในอิตาลี ในเรือนั้นมีทั้งชาวฝรั่งเศส อิตาลี สเปญ และชาวสวิส ในหมู่ผู้โดยสารนั้นมีเด็กคนหนึ่งอายุ 11 ปี เครื่องนุ่งห่มเก่าขาดคนเดียวและไม่เข้ารวมหมู่กับใคร มองดูคนอื่นด้วยตาขุ่นขวางเหมือนสัตว์ป่า การที่เขามองคนด้วยสายตาดังนี้ก็นับว่ามีเหตุผลอันเพียงพอ
เดิมทีเมื่อสองปีก่อนเขาถูกพ่อแม่เขาขายให้คณะแสดงกล อดๆ อยากๆ บังคับให้เขาหัดเล่นกล พาเขาร่อนเร่ไปทั่วฝรั่งเศส สเปญ ทำการทารุณต่อเขาเรื่อยๆ และอาหารก็ไม่ใคร่ให้เขาพอเพียง เมื่อเวลาที่คณะแสดงกลคณะนี้มาถึงบาซีโลนานั้นเขาไม่สามารถจะทนต่อความทารุณ และความอดอยากได้จึงได้หนีไปขอความอารักขาจากกงสุลอิตาลี กงสุลสงสารเขามาก ได้ช่วยเหลือให้เขาลงเรือลำนี้ และยังได้ให้จดหมายแนะนำตัวให้เขาถือไปแสดงตัวต่อเจ้าพนักงานในนครเยนัว เพื่อส่งกลับไปยังพ่อแม่ผู้โหดร้าย ซึ่งได้ขายเขาไปเสียเยี่ยงสินค้า
เด็กผู้นั้นทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลอ่อนเพลียมาก แต่เหตุที่เขาอยู่ในห้องโดยสารชั้นสองทุกคนจึงเห็นเป็นการแปลกประหลาด ทุกคนได้แต่มองดูเขาเพราะไม่มีใครทำให้เขาพูดด้วยได้เลย ดูเหมือนว่าเขารังเกียจคนเหล่านั้นทั้งหมด จิตใจเขาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้
มีผู้โดยสาร 3 คนใช้อุบายต่างๆ ที่จะทำให้เขาพูดด้วยจนเขาเปิดปากพูดออกมาได้ เขาใช้ภาษาอิตาลี ปนกับภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปญ เล่าถึงประวัติของเขาโดยย่อ
เนื่องด้วยความสงสารกับมึนสุราอยู่บ้าง จึงได้ให้เงินเขา แล้วยังคงคุยกับเขาต่อไป ในขณะนั้นได้มีผู้หญิงหลายคนเข้ามาให้ห้องนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เพื่อต้องการให้คนอื่นแลเห็น จึงเอาเงินโยนลงที่โต๊ะแล้วพูดว่า นี่ให้เจ้า เจ้าเอาไปเถิด
เด็กนั้นได้แสดงความขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ เก็บเงินเข้ากระเป๋า ใบหน้าอันเศร้าโศกของเขา บัดนี้ได้ปรากฏมีรอยยิ้มอันน่ารักขึ้นบ้าง แล้วเขาก็ปีนขึ้นที่นอนเอาม่านลงนอนคิดถึงสภาพของตนต่อไป ด้วยเงินจำนวนนี้เขาอาจจะซื้ออาหารดีๆ ในเรือบรรจุท้องที่อดอยากมาตั้งสองปี และเมื่อถึงนครเยนัว ก็จะได้ซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนเอาเสื้อเปลี่ยนเอาเสื้อเก่า ซึ่งได้สวมมาแล้วตั้งสองปีออกเสีย อย่างน้อยก็จะได้รับการต้อนรับอย่างมนุษย์คนหนึ่งจากบิดามารดา
สำหรับเขาเงินนันเป็นทรัพย์สมบัติอย่างหนึ่งกำลังที่เด็กนั้นครุ่นคิดอะไรต่ออะไรอยู่อย่างเพลิดเพลิน ผู้โดยสาร 8 คนนั้นก็เข้าล้อมโต๊ะอาหารนั่งคุยกันต่อไป พวกเขาดื่มสุรากันพลางแล้วก็คุยถึงสภาพท้องถิ่นต่างๆ ที่ได้ผ่านมา
ในที่สุดก็หวนมาคุยถึงอิตาลี คนหนึ่งว่าโรงแรมในอิตาลีไม่ดี อีกคนหนึ่งว่ารถไฟไม่ดี เมื่อยิ่งดื่มสุรามากเข้า การสนทนาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น คนหนึ่งว่าถ้าจะไปอิตาลีละก็ไปขั้วโลกเหนือเสียดีกว่า อีกคนหนึ่งว่าที่อิตาลีเต็มไปด้วยโจรและพวกต้มมนุษย์ คนที่สามว่าข้าราชการอิตาลีไม่รู้จักหนังสือ มันเป็นเมืองโง่ คนหนึ่งว่า พลเมืองก็เลว อีกคนหนึ่งเสริม คนที่สามกำลังพูดคำว่า โจร
ยังไม่ทันจบประโยคก็มีเงินเหรียญเล็กๆ ขว้างมที่ตัวเขาเหมือนกับลูกเห็บกลิ้งอยู่บนโต๊ะและบนพื้นดังกราวใหญ่ เมื่อผู้โดยสารทั้งสามเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโกรธเคือง เงินอีกกำมือหนึ่งก็ขว้างมาถูกที่หน้าของเขาอีก เอากลับไป เด็กนั้นโผล่หัวออกมากจากม่านแล้วร้องขึ้นว่า เราไม่ต้องการเงินของคนที่ว่าประเทศเราเลว
Create Date : 30 มีนาคม 2550 |
Last Update : 19 กันยายน 2550 9:53:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 173 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
yui_tongthai |
|
|
|
|