เกรย์กู - 07

- วอร์รูม -
13.08.2035 - 5.45น



"ผมเป็นคนสร้างนาโนบอทพวกนั้นเอง.." ทอมัสตอบหน้าเครียด
"นั่นเป็นเหตุผลข้อที่สามที่เรายังไม่สามารถแจ้งเรื่องนี้ให้ใครรู้ได้ทั้งนั้น จนกว่าเราจะมีข้อสรุปสำหรับเรื่องนี้ จากนั้นเราจึงค่อยเปิดการแถลงข่าว" ชมิตร์เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพอกัน
"นั่นฟังดูไร้เหตุผลสิ้นดีนะ...ทอม คุณเป็นคนบอกกับทุกคนเองนี่ว่าการกระบวน Self-republication ของนาโนบอทจะยังไม่สามารถทำได้นอกแล็บจนกระทั่งสิ้นทศวรรษนี้...แต่แล้วจู่ๆ คุณก็มาบอกว่า ไอ้บอทจำนวนล้านล้านล้านตัวในรูปนั่นเป็นผลงานของคุณน่ะเหรอ?" แดนนี่ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย เขาพูดรัวกว่าที่เคย เขากับทอมเป็นเพื่อนรักกันมานาน การที่ทอมออกมายอมรับว่าหายนะครั้งนี้เป็นผลงานของเขา นั่นก็เหมือนกับว่าทอมเอาตัวไปพาดกับหลักประหารไว้ครึ่งตัวแล้วนั่นเอง
"ใช่.. ถ้าเป็นการ replicate ของนาโนบอทของอนินทรีย์สาร แต่ถ้าเป็นอินทรีย์สาร..." ทอมัสหยุดพูด เขาค้างชะงักไปครุ่ใหญ่ พลางสงสัยว่าเขามาอยู่ที่จุดนี้ได้อย่างไร จุดที่สร้างให้เกิดหายนะขนาดนี้ได้อย่างไร เขานึกถึงที่มาของเขา ที่มาของงานวิจัยชิ้นนั้น ผลงานวิจัยที่เป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

.........................................................


ทอมัสเริ่มต้นชีวิตวัยรุ่นในการอุปการะของพ่อแม่บุญธรรมในอังกฤษ เขาเสียพ่อของเขาด้วยโรคระบบประสาทพากินสันและแม่ของเขาก็จากไปด้วยโรคมะเร็งด้วยวัยเพียง 32 ปี ด้วยความที่พ่อและแม่ของเขาเป็นคนที่ไม่มีญาติพี่น้อง ทางการจึงจัดหาผู้อุปการะที่เหมาะสมให้จากสุ่มเลือกโปรไฟล์คำร้องขอจากคู่สามี-ภรรยาที่ไม่สามารถมีบุตรได้นับหมื่นคู่ ไม่นานนักคอมพิวเตอร์ก็จับคู่เขากับคู่สามีภรรยานักวิจัย ซึ่งอยู่อาศัยในชนบทอันเงียบสงบ

ทอมัสเป็นเด็กชายหน้าตาดี ผมสีน้ำตาลแดง แววตามุ่งมั่น ท่าทางคล่องแคล่ว แต่นิสัยจริงๆ กลับขัดแย้งกับบุคลิกภายนอก โดยส่วนใหญ่ทอมัสมักเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอ่านหนังสือ ไม่พูดมากนัก และมีความดื้อรั้นอยุ่ในที และกลับยิ่งเป็นคนที่เงียบมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวใหม่ พ่อแม่บุญธรรมวิตกกังวลในเรื่องนี้ และคิดไปว่าทอมัสอาจจะมีปัญหาในการปรับตัวและเป็นโรคซึมเซา แต่พวกเขากลับคิดผิด วันนึงเมื่อพ่อบุญธรรมของเขา เข้าไปในห้องของทอมัส กลับพบตำราวิชาการแพทย์มากมาย เด็กชายทอมัสกำลังหาทางรักษาโรคร้ายที่คร่าชีวิตพ่อและแม่ของเขา

และเป็นพ่อบุญธรรมของเขานั่นเองที่ได้สอนให้เขารู้จักกับวิชาการแพทย์สมัยใหม่ ที่ผสานเอาความรู้แบบนาโนฟิสิกส์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วย และชี้ให้เขาเห็นสาเหตุการเสียชีวิตของทั้งพ่อและแม่นั่นก็คือความผลข้างเคียงของการใช้เคมีในการบัดบำ ในกรณีโรคมะเร็งนั้นการส่งตัวยาที่เหมาะสมต่อการออกฤทธิ๋ของตัวยาที่เรียกว่า Bioavailibility (การรักษาโดยให้ร่างกายดูดซึมยาไปทั่วร่างกาย) นั้นเกี่ยวข้องกับระยะเวลา และการเดินทางของตัวยา การที่ยาปริมาณน้อยจะไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของเนื้อร้ายได้ และการให้ยามากไปก็จะเป็นพิษต่อร่างกายจนกระทั่งเสียชีวิตได้

แต่ในทางตรงกันหากตัวยาสามารถเดินทางเข้าสู่เนื้อร้ายได้โดยตรงโดยไม่ทำปฏิกิริยากับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย Chemotheraphy (การรักษาโดยให้ยาหรือเคมีแก่บริเวณที่จะรักษาโดยตรง) ก็จะสามารถลดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยาอีกด้วย และนาโนเทคโนโลยี่ก็สามารถสร้างวิธีการใหม่ๆ ในการส่งตัวยาไปยังพื้นที่เป้าหมาย

หลังจากความพยามอย่างหนัก 8 ปีและการสนับสนุนของพ่อบุญธรรมซึ่งขณะนั้นเป็นมะเร็งที่ไขสันหลังระยะที่สาม ทอมัสก็ได้รับปริญญาเอกสองใบจากสถาบัน MIT ในสาขา Neo-Chemotherphy (การบำบัดโรคด้วยเคมี)และ Nano-Molecular Motor (การผลิตเครื่องจักรระดับนาโน) อันเป็นวิชาสองสาขาที่ได้ชื่อว่าเรียนยากอันดับต้นๆ เลยทีเดียว พ่อบุญธรรมของเขานั่งบนรถเข็นมาในวันที่เขารับปริญญา ในสภาพที่เป็นอัมพาตครึ่งตัว ศีรษะล้านเลี่ยน และผ่ายผอมจากการทำเคมีบำบัด แต่กระนั้นก็ตาม นัยย์ตาของเขากลับเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ที่เห็นลูกชายบุญธรรมประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ

ทอมัสเข้าทำงานที่สถาบันวิจัยนาโนทางการแพทย์แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ โดยทำการวิจัยเรื่องการรักษามะเร็งโดยใช้นาโนบอท โดยเขาทำการทุ่มเทวิจัยแบบหามรุ่งหามค่ำด้วยความหวังจะให้ผลการวิจัยออกมาทันรักษาพ่อของเขา การวิจัยในช่วงแรกดำเนินไปด้วยดี นาโนบอทจำนวน 10 ตัว เคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์เป้าหมายตามที่โปรแกรมไว้เป็นอย่างดี แต่พอเพิ่มจำนวนของนาโนบอทให้เป็น 100 ตัว พวกมันกลับเริ่มเคลื่อนทีเปะปะอย่างไม่รู้สาเหตุ รวมกับความล้มเหลวของระบบ Self Republicate (การทำซ้ำต้วเอง) ซึ่งนาโนบอทเหล่านี้จะประกอบตัวเองได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมปิดเท่านั้น มันไม่สามารถทำซ้ำตัวมันเองได้ในบรรยากาศ เพียงลมหายใจของเราก็ทำให้พวกมันฟุ้งกระจายจนเกาะกลุ่มไม่อยู่ และยังไม่นับรวมถึงต้นทุนการผลิตบอทต้นแบบเหล่านี้ที่มุลค่าถึงตัวละ 600 ยูโร (ต้องใช้งานประมาณ 200,000 ตัวต่อยาหนึ่งหลอด) และกระบวนการผลิตที่กินเวลาเฉลี่ย 1 ตัวต่อ 1 วินาที นั่นยิ่งทำให้เป็นไปได้ยากมากในทางปฏิบัติ

ในเดือนตุลาคมปีเดียวกันอาการของพ่อบุญธรรมของทอมัสทรุดลง มะเร็งลุกลามจากไขสันหลังไปยังไตที่เหลือเพียงข้างเดียว แต่พ่อยังคงให้กำลังใจเขาเสมอ "ถึงพ่อจะอยู่ไม่ทันใช้ แต่พ่อรู้ว่าลูกต้องทำได้"

หากผลจากวิจัยเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าเช่นนี้ ทอมัสรู้ดีว่าเขาคงเสียพ่อไปในไม่ช้า ในตอนนั้นเองทอมัสได้คิดถึงวิธีการสร้างนาโนบอทไปอีกทาง

.......................................................

"อันที่จริงพวกนั้นไม่ใช่นาโนบอทจากอนินทรีย์สารหรอก แดนนี่ ผมผลิตพวกนั้นปริมาณมากๆ ไม่ทัน" ทอมัสเคร่งเครียด
"ใช่...แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าคุณทำมันได้อย่างไร" แดนนี่ถาม
"แดนนี่ คุณนึกถึงอะไรที่มีมีขนาดเล็กระดับนาโน และสามารถทำซ้ำตัวมันเองได้ไม่จำกัด" ทอมัสถาม
"หรือว่า..."
"แบคทีเรีย ผมใช้มันแทนในการผลิต" ทอมัสพยามนึกคำอธิบายสั้นๆ "ผมตัดต่อพันธุกรรมของแบคทีเรียที่ไม่เป็นอันตรายชนิดหนึ่ง โดยให้มันยึดจับกับโมเลกุลเริ่มต้นของโซเดียมและคอเรสเตอรอล ที่เราพบได้มากในร่างกาย ในอนุภาคโซเดียมผมสามารถบรรจุโปรแกรมเล็กๆ เข้าไปได้มันจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมพาแบคทีเรียไปหาเนื้อร้ายที่เป้าหมาย ส่วนคอเรสเตอรอลเอาไว้ทำเปลือกหุ้มยาเคมีไม่ให้เป็นอันตรายต่อเซลล์อื่นๆ จากนั้นแบคทีเรียเหล่านี้จะแบกเอาแคลซูลยาไปถึงเซลล์เนื้อร้าย บอทที่จากโซเดียมจะเปิดเปลือกหุ้มเคมีให้แตกออกตรงเข้าไปทำลายเนื้อร้าย ส่วนแบคทีเรียก็จะกินคลอเรสเตอรอลที่เหลือเป็นรางวัล แล้วก็ขยายพันธุ์ จับโมเลกุลมาประกอบพร้อมรับตัวยาต่อไป ด้วยวิธีการนี้ผมจะไม่มีปัญหาเรื่องการผลิตนาโนบอทอีกต่อไป"
"คุณให้เชื้อโรคเป็นโรงงานผลิตบอทให้คุณเหรอ"
"ใช่...ตอนนั้นผมคิดว่าผมควบคุมมันได้ เมื่อเนื้อร้ายถูกกำจัดจนหมด เราจะหยุดให้เคมีกระตุ้น ไม่นานแบคทีเรียจะขาดคลอเรสเตอรอลสำหรับบริโภค และตายจนหมดในที่สุด...."
"แล้วเกิดอะไรขึ้น" แดนนี่น้ำเสียงเคร่งเครียด
"หลังจากฉีดพวกมันเข้าในสัตว์ทดลอง เนื้อร้ายลดลงอย่างรวดเร็ว อาการของสัตว์ทดลองดีขึ้นเป็นลำดับ เราจึงหยุดให้เคมีรักษา จำนวนแบคทีเรียและบอทลดลงเกือบหมดเป็นไปอย่างที่คิดไว้..."
"แต่คุณคิดผิด"
"ใช่ วันถัดมาสัตว์ทดลองจำนวนสองร้อยยี่สิบตัวตายทั้งหมด พวกมันไม่มีอวัยวะภายในเหลือเลย..."




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2549 4:37:08 น.   
Counter : 421 Pageviews.  

เกรย์กู - 06

- สถานีโทรทัศน์ NHK, โตเกียว -
จ. 13.08.2035 - 10.55 น.


ท่านประธานเพิ่งจะดูไฟล์ที่เพิ่งได้รับจากท่านมิโกะไฟล์แรกจบลงจากวิดีโอไฟล์จำนวน 3 ไฟล์ ในไฟล์แรกนั้นเป็นภาพความโกลาหลของเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ผู้คนกำลังถูกโจมตีจากกลุ่มควันสีดำ หลายคนละลายกลายเป็นมูกสีเทาๆ บรรยากาศชวนสยดสยองยิ่งนัก มุมขวาล่างของหน้าจอมีพิกัด GPS บอกตำแหน่ง "กวางโจว" น่าจะหมายถึงเมืองกวางโจว เขตอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศจีน ภาพในกล้องถ่ายมุมมองแบบตัวหนอน (worm eye view) จากระดับความสูงจากพื้นถนนราวๆ 30 เซนติเมตร ท่านประธานคาดเดาว่าภาพนี้น่าจะถ่ายจากหุ่นยนต์ถ่ายภาพอัตโนมัติ (เป็นลักษณะกล้องติดล้อจำนวน 8 ล้อ พัฒนามาเพื่อใช้ถ่ายภาพระหว่างสงคราม อันเป็นการลดการสูญเสียชีวิตของนักข่าว) จากคำสั่งให้เช็คสถานีข่าวทั่วโลก ท่านประธานก็พบว่ายังไม่มีสถานีข่าวไหนได้ข่าวนี้เลย นั่นแปลว่า NHK จะเป็นเพียงสถานีเดียวในโลกที่ได้เผยแพร่ข่าวอันน่าสะพรึงกลัวนี้ และด้วยข่าวนี้ก็จะพลิกฟื้นให้สถานี NHK กลับมาเป็นสถานีโทรทัศน์ต้นๆ ของญี่ปุ่น...ไม่สิ ของโลกอีกครั้ง

แต่น่าแปลกที่สุดที่แม้กระทั่งประเทศจีนเอง กลับไม่มีสถานีข่าวไหนถ่ายทอดเหตุการณ์ร้ายแรงนี้

"หรือเป็นวีดีโอทำขึ้นมาหลอก" ท่านประธานฉุกคิด แต่ท่านมิโกะคือบุคคลที่น่าเคารพนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง "เรามิอาจคิดกับท่านมิโกะในแง่นั้นได้" แต่สำหรับเรื่องนี้กลับดูมีเงื่อนงำมากเกินไป ไฟล์วีดีโอจำนวน 3 ไฟล์ ท่านมิโกะระบุเวลาที่จะให้ออกอากาศอย่างจำเพาะเจาะจงทั้งหมด ไฟล์แรกออกอากาศเวลา 11.00น. ตรง ไฟล์ที่สองให้ออกอากาศหลังจากนี้สามชั่วโมง ไฟล์สุดท้ายให้ออกอากาศวันพรุ่งนี้เวลา 8.00 น.

ท่านประธานได้รับอนุญาติให้เปิดดูได้เพียงแรกไฟล์เดียวเท่านั้น

"ส่วนอีกสองไฟล์ เธอสามารถเปิดดูได้ต่อเมื่อมันถึงเวลาออกอากาศเท่านั้น" ท่านมิโกะกำชับ

อีก5 นาที จะ 11.00 น. ตรงแล้ว ท่านประธานกดปุ่มอัพโหลดไฟล์ ไปยังห้องส่ง "บอกให้มูราคามิ เอาข่าวนี้ออกอากาศทันทีนะ เตรียมคนไว้ตอบคำถามด้วย รายละเอียดอยู่ในไฟล์แนบอีกไฟล์นึง ให้กองข่าวที่สองทำรายละเอียดพร้อมส่งให้สำนักนายกรัฐมนตรี ยกเลิกรายการปกติ ผมขอให้เราพร้อมออกอากาศใน 5 นาที"

ท่านประธานถอนหายใจ นั่งลงบนเก้าอี้ชั่วขณะ หลับตาจินตนาการถึงสถานการณ์หลังจากนี้ สถาพความโกลาหลวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น ฝูงชนที่หวาดกลัว อาจจะมีการกักตุนอาหาร และจราจล ทำไมท่านมิโกะคิดเผยแพร่ภาพเหล่านี้ ไม่สิทำไมท่ามิโกะจึงมีไฟล์เหล่านี้ได้

ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นอุปนิสัยดั้งเดิมของนักข่าวก็มีชัยชนะ ท่านประธานกดปุ่มสองครั้ง เรียกเอาไฟล์ที่สองเปิดขึ้นมาดูในทันที

"คุณพระช่วยย นี่มัน..." ท่านประธานทรุดตัวลงชูมือประนมเหนือศีรษะ ก้มลงกราบกับพื้น




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2549 4:57:46 น.   
Counter : 308 Pageviews.  

เกรย์กู - 05

- วอร์รูม -
จ. 13.08.2035 - 05.25AM



ผู้ช่วยของทอมัสพาเขาวกซ้ายเวียนขวาไปยังวอร์รูม วอร์รูมคือห้องประชุมซึ่งใช้สำหรับผู้บริหารระดับสูงและตัวแทนระดับประเทศเท่านั้น แต่บ่อยครั้งบรรยากาศของการประชุมก็เหมือนกับเป็นการทำสงครามย่อยๆ จึงเป็นที่มีมาของคำว่าวอร์รูม ตลอดเวลาของการทำงานที่นี่ ทอมัสเองซึ่งอยู่ในฝ่ายวิจัยและปฏิบัติการ มีโอกาสมาใช้ห้องนี้เพียงสองสามครั้งเท่านั้น 1ในนั้นคือการเปิดตัวแถลงข่าวผ่าน video conference ในเรื่องเกี่ยวกับผลการวิจัยเมื่อหลายปีก่อน

บรรยากาศในห้องวอร์รูมขณะนี้ถูกเปลี่ยนการเป็นฐานปฏิบัติงานส่วนตัวย่อยๆ ของดีน ชมิตทร์ไปเสียแล้ว มอร์นิเตอร์ทำด้วยกระจกบางใสหลายสิบชิ้นถูกเรียงกันอยู่เป็นชั้นๆ บนโต๊ะประชุม ตัวอักษรของข้อมูลและกราฟฟิกต่างๆ วิ่งผ่านจอภาพอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับกลุ่มนักวิจัยกะดึกอีกสามสี่คน ที่กำลังวิ่งเตรียมการกันจ้าละหวั่น

ผู้อำนวยการ ดีน ชมิตทร์ ในวัย 50 ปี ชาวเยอรมัน เป็นคนที่มีนิสัยเด็ดเดี่ยว รอบคอบ กล้าได้กล้าเสีย และมีวิสัยทัศน์มุ่งไปยังอนาคต ทำให้เขาได้เลื่อนขั้นมาดูแลองค์การแห่งนี้จากการโหวตของตัวแทนของประเทศต่างๆ อย่างเอกฉันท์ ภายใต้การควบคุมของเขา สำนักงานแห่งนี้สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ในเกือบทุกๆ 2-3 ปี นั่นเป็นอัตราเร่งที่ถือว่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ภายในโลกที่มีการแข่งขันการอย่างบ้าคลั่ง กลวิธีก็คือ ชมิตร์แบ่งทีมวิจัยออกเป็นกลุ่มย่อยๆ และภายในกลุ่มย่อยๆ ก็มีการแข่งขันกันเสนอหัวข้องานวิจัย หัวข้อวิจัยที่ดีที่สุด ผลงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์มากที่สุด จะได้เป็นตัวแทนกลุ่ม ออกไปแข่งขันกับกลุ่มอื่นๆ ภายในสำนักงาน ผลงานที่ดีสุดจะถูกคัดเลือกโดยชมิตทร์เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะชนต่อไป หนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดเหล่านั้นคือ ผลงานของทอมัส เรื่องของการทำซ้ำนาโนบอทแบบกลุ่มเพื่อใช้ในการกำจัดเชื้อไวรัส โดยผลิตมาใช้แทนวัคซีนแบบเก่า อันนำไปสู่กาลอวสานของการเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บแบบที่เกิดกับมนุษย์มาเป็นเวลานาน หนังสือTime Magazine ถึงกับขึ้นปกรูปชมิตทร์และทอมัส พร้อมพาดหัวว่า "พระเจ้าแห่งโลกใหม่"

ถึงแม้จะเคยอิจฉาในความสำเร็จและรุ่งโรจน์ของชมิตทร์ แต่ทอมัส ก็คิดว่าเขาโชคดีขนาดไหนที่ไม่ได้เป็นดีน ชมิตทร์ ในตอนนี้ เหตุการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนักเกิดขึ้นกับ ICON มากมายในช่วง 6 เดือนหลังมานี่ มีข่าวลือเรื่องสถานะทางการเงินของสำนักงานในช่วงหลังๆ ไม่ดีเท่าไหร่ อันเนื่องจากความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่ากับงานวิจัยหลายๆ ชิ้นที่ชมิตทร์คัดเลือก จนหลายๆ ประเทศลดเงินสนับสนุน ความแตกแยกของกลุ่มวิจัยภายในอันเป็นผลมาจากการแข่งขันอย่างหนักในสำนักงาน การถูกกดดันจากบรรษัทค้าอาวุธข้ามชาติผ่านรัฐบาลในความพยามเอาเทคโนโลยีนาโนจาก ICON ไปพัฒนาเป็นอาวุธ รวมไปถึงการถูกต่อต้านจากองค์การศาสนาหลายๆ แห่ง ชมิตทร์ยังเคยถูกตราหน้าว่า "ผู้พยามทำตัวต่อต้านพระเจ้า" อีกด้วย

ดีน ชมิตทร์ ยืนอยู่ปลายห้องกำลังคุยอะไรบางอย่างกับผู้ชายในชุดสูทสีดำสองคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เมื่อเห็นทอมัสอยู่ในห้อง ชมิตทร์รีบจบการสนทนา ชายทั้งสองคนนั้นยังคงยืนรออยู่ ส่วนชมิตร์ก็สาวเท้าเดินเข้ามาทอมัสอย่างเร่งรีบ

"ใครน่ะ" ทอมัสถาม
"อินเตอร์โปล (ตำรวจสากล) น่ะ" ชมิตร์พูดรัว "เข้าเรื่องของเราเลยดีกว่า"
"เขามาทำอะไรกันที่นี่น่ะ" ทอมัสยังไม่หายสงสัย
"เรื่องนั้นเอาไว้ผมอธิบายให้คุณฟังทีหลังนะทอม" ชมิตทร์รีบตัดบท เขาเดินอ้อมไปที่หน้ามอนิเตอร์ ไฟหรี่ลง เจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องคนอื่นพากันทยอยออกจากห้อง "แดนนี่ ผมต้องการให้คุณมาช่วยผมจัดไฟล์พวกนี้หน่อย"

แดนนี่ วิทเวอร์ หัวหน้าหน่วยวิจัย 2 รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางกระฉ้บกระเฉงแบบนักกีฬา เป็นทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงานและคู่แข่งในสายงานของทอมัส พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แดนนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญระบบควมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการออกแบบโปรโตคอลชั้นสูง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเขียนโปรแกรมสำหรับควบคุมนาโนบอท

"โทษทีเพื่อน หลีกทางนิด อึ๊บ.. ยุ่งยากนิดหน่อย คอมพ์ที่ห้องประชุมหลักมีปัญหาว่ะ" แดนนี่หัวเราะร่วนขณะที่ยกอุปกรณ์อิเล็คทรอนิก และพรินเตอร์ วางไว้บนโต๊ะ

เพียงชั่วครู่เดียว แดนนี่ก็สามารถจัดระบบข้อมูลใหม่ทั้งหมดได้ เขาใช้สไตลัส จิ้มลงไปบนจุดต่างๆ บนหน้าจอ
"เอาล่ะไฟล์อัพลิงค์หมดแล้ว" แดนนี่บอกผู้อำนวยการศูนย์
"เอาล่ะ กลับมาที่สาเหตุที่เราทั้งหมดจะต้องวุ่นวายกันตอนเช้ามืดอย่างนี้" ดีน ชมิตร์ เริ่มอธิบายปัญหา "ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนนึงที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่นาซ่า อย่างที่ผมแจ้งคุณทางโทรศัพท์นะทอม ราวๆ ตีสี่ สี่สิบนาที นั่นคือเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาขอให้ผมวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของภาพถ่ายทางจากดาวเทียมตรวจสภาพอากาศ ซึ่งฟังดูผิดปกติเอามากๆ แต่ผมก็ขอให้เขาส่งไฟล์มา ซึ่งวูบแรกที่ผมเห็นภาพถ่ายนี้..."

ชมิตทร์หยุดพูดชั่วขณะ มือกดปุ่มเรียกไฟล์ภาพขึ้นมาบนมอนิเตอร์ มันเป็นภาพถ่ายเดียวกับที่ทอมัสได้เห็นเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน มันคือภาพถ่ายทางอากาศของเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันหนาทีบสีดำเป็นหย่อมๆ

"วูบแรกที่ผมเห็นภาพถ่ายนี้ ผมคิดว่าอาจจะเป็นกลุ่มควันไฟจากโรงงาน หรือควันจากไฟป่า..."

ชมิตร์หยุดอีกครั้ง คราวนี้เขากดเรียกไฟล์วิดีโอขึ้นมาประกอบ

"แต่พอผมได้เห็นลักษณะการเคลื่อนที่ของกลุ่มควัน ที่จุดนี้ จุดนี้ แล้วก็ตรงนี้" ภาพในจอเป็นรูปของกลุ่มควันที่มีลักษณะการเคลื่อนที่กระชากกลับไปมาอย่างรวดเร็ว

"ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฝูงสัตว์*" ทอมัสพูดแทรกขึ้นมา (*ลักษณะของการเคลื่อนที่ของฝูงเหมือนกับฝูงปลาในทะเล เมื่อเจอกับนักล่า ฝูงปลาจะเคลื่อนตัวหนี หรือแหวกฝูงออกอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยที่ไม่มีปลาตัวใดตัวหนึ่งเป็นจ่าฝูงออกคำสั่ง แต่ปฏิกิริยาทั้งหมดของฝูง จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันโดยอัตโนมัติ โดยฝูงสัตว์นั้น อาจจะจำนวนตั้งแต่ไม่กี่สิบตัว ไปจนหลายร้อนล้านตัว)

ชมิตทร์มองที่ทอมัสอยู่นาน ราวกับพยามจะอ่านใจของเขา
"ตานี้ ผมจึงแน่ใจว่าที่เราเห็นอยู่นั้น อาจจะเป็นฝูงของอะไรสักอย่าง ผมจึงให้ทางนาซ่าถ่ายภาพแบบอินฟราเรดมาให้"

ภาพบนมอนิเตอร์มาภาพถ่ายจากทางอากาศปกติซ้อนเข้ากันภายอินฟราเรด ปรากฏหย่อมสีแดงที่ถนน อาคารบางจุด คน โรงงานต่างๆ แต่ไม่มีหย่อมสีแดงบนกลุ่มควันเลย"
"ตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะเป็นฝูงแมลงก้อได้ แต่มันไม่มีความร้อนเลย" ชมิตทร์พูดสมมติฐานของเขาต่อ "ผมเลยขอให้ทางนาซ่า ถ่ายภาพแบบซูม 1/10 มาให้ พวกคุณลองดูภาพต่อไปนี้นะ..."

ในภาพภาพเป็นภาพถ่ายอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ภาพเป็นมุมเฉียงเล็กน้อย เราเห็นหญิงสาวชาวจีนคนหนึ่งเดินออกมาเปิดระเบียง ในภาพเธอยังคงไม่รู้ตัวว่ากลุ่มควันมรณะลอยวนกลับไปมาเหนือหลังคาตึก ไม่นานไฟฟ้าในอาคารก็ดับลง กลุ่มควันม้วนตลบเข้าโจมตีผู้คนเหมือนกับฝูงหมาป่า กลุ่มควันเข้าคลุมตามร่างกายจนกลายเป็นก้อนฝุ่นสีดำ ชายคนหนึ่งหล่นลงไปยังระเบียงของหญิงสาว ร่างแหลกเละ แขนขากระจัดกระจาย กลุ่มควันม้วนตามเข้าไปในห้องที่เปิดระเบียงไว้ ครู่เดียวต่อมาศีรษะของหญิงสาวคนเมื่อครู่ก็กลิ้งหลุนๆ ออกมาข้างนอก

แดนนี่เอามืออุดปาก ดูเหมือนเขาพยามจะกลั้นไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา
"ผมคิดว่า คงเป็นฝูงนาโนบอทอย่างแน่นอนแล้ว และตอนนี้ผมจึงคิดออกว่าทำไมนาซ่าถึงได้โทรหาผม" ดีน ชมิตทร์พูดหน้านิ่ว

"ดีน คุณช่วยกรอกลับไปอีกทีสิ" ทอมัสพูด แดนนี่ได้แต่เบือนหน้าหนี

ภาพไฟฟ้าของตึกดับ ภาพของฝูงควันสีดำเข้าปกคลุมร่างชายคนหนึ่ง กลุ่มควันมุดเข้าปาก เข้าจมูก ชายคนนั้นดิ้นทุรนทุรายจนกระทั่งกลายเป็นแป้งเปียกสีเทา กลุ่มควันจึงลอยผละออกมา ทอมัสหน้าซีดเผือด ตอนนี้เขาทราบเหตุผลแล้วว่าทำไม ดีน ชมิตทร์ ถึงเรียกตัวเขามาอย่างเร่งด่วน

"นี่...ทำไมเราไม่โทรศัพท์ไปถามใครสักคนในประเทศจีนเลยล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น" แดนนี่ถาม
"เพราะประการแรกเลย ผมไม่คิดว่านี่เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียมตรวจสภาพอากาศ" ชมิตทร์บอก "ผมทราบดีว่าไม่มีดาวเทียมของต่างชาติบนน่านฟ้าประเทศจีน ตั้งแต่ประเทศจีนร่างสนธิสัญญาความมั่นคงทางอวกาศกับสหรัฐ"
"ถ้าอย่างนั้นภาพถ่ายนี้มาจาก..." แดนนี่ถามต่อ
"ดาวเทียมจารกรรม!" ทอมัสโพล่งขึ้นมา "ถ้าทางจีนรู้เข้าได้เกิดสงครามเย็นอีกรอบแน่"
"นั่นเป็นเหตุผลที่สองที่ผมต้องย้ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เข้ามาในห้องนี้เป็นการชั่วคราว พวกเราต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ในห้องนี้มีผม คุณ แล้วก็ทอมอีกคนที่ทราบเรื่องนี้... แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ผมคิดว่าการดูข่าวจากโทรทัศน์สถานีในประเทศจีนง่ายกว่า" ชมิตร์เอื้อมมือไปกดมอนิเตอร์ที่เหลือ เปิดช่องรับสัญญาณโทรทัศน์ เขาก้มไปมองนาฬิกา "ขณะนี้ในจีนเป็นเวลาประมาณ 8.40 น. หลังจากเกิดเหตุแล้วราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง ยังไม่มีช่องไหนรายงานข่าวเลย"
"แปลว่าทางจีนก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ด้วย" แดนนี่วิเคราะห์
"เหตุผล อย่างที่สาม ทอม ผมคิดว่าคุณคงจะพอบอกผมได้" ดีน ชมิตทร์ หรี่ตามองหน้าเขา ราวกับพยามจะอ่านความคิดให้ลึกถึงก้นบึ้งจิตใจ
"เพราะ...ผมเป็นคนสร้างนาโนบอทพวกนั้นขึ้นมาเอง" ทอมัสตอบ




 

Create Date : 25 มกราคม 2549   
Last Update : 25 มกราคม 2549 4:29:21 น.   
Counter : 328 Pageviews.  

เกรย์กู - 04

โตเกียว, ญี่ปุ่น
จ. 13.08.2035 - 10.41 น.


ภายในห้องปฏิบัติธรรมส่วนตัวของเจ้าสำนัก "โอมมานิคายะ" (โอมกายมณี) เป็นโถงสี่เหลี่ยมทึบตัน ไม่มีทั้งหน้าต่าง หรือช่องเปิดใดๆ มีเพียงประตูบานเดียวบานเดียวซึ่งสูงเพียงแค่ระดับเอวของคนปกติเท่านั้น สาเหตุที่ประตูมีความสูงเพียงเท่านั้นมี 2 ประการ ประการแรกเพราะท่าน "มิโกะ" เจ้าสำนักนั้นเป็นเป็นสตรีร่างแคระ ผู้มีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของคนทั่วไป และประการที่สอง ใครก็ตามที่ต้องการเข้ามาในห้องนี้จำเป็นที่ต้องหมอบคลานเท่านั้นจึงจะสามารถลอดเข้ามาได้ อันเป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิให้กับสถานที่และท่าน "มิโกะ" ไปด้วยในตัว

ที่ผนังด้านปลายสุดของห้องมีพระพุทธรูปสำริด 13 องค์ แสดงปางอันแปลกประหลาดพิสดาร เช่น โกรธเกรี๊ยว ปลงสังเวช กำศรวล โศกสลด ยิ้มสรวล มีเพียงพระพุทธรูปองค์กลางสุด แสดงท่าทางนิ่งสงบ สองพระหัตถ์กอดพระอุระ อันสะท้อนคำสอนในลัทธิเกี่ยวกับการกลับมาประสูติของพระศรีอาริยะ การสิ้นสุดของพุทธศาสนา และการเร่งทำกุศลเพื่อจะได้ไปจุติเป็นเทวะบนสรวงสวรรค์ยามวันสิ้นโลก

หลังจากก่อตั้ง ในเพียงเวลาไม่กี่สิบปี สำนักนี้มีผู้เลื่อมใสเฉพาะในญี่ปุ่นแห่งเดียวมากกว่า 1.5 ล้านคน ในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งเป็น รัฐมนตรี นักการเมือง นายแพทย์ นักวิชาการ นักธุรกิจชั้นนำ หรือแม้แต่กระทั่งยากูซ่า อันนำมาซึ่งแหล่งเงินทุนในการจัดทำกิจกรรมเผยแพร่คำสอนให้ขยายออกไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก เช่น ในอังกฤษ อเมริกา อินเดีย บราซิล เกาหลี และจีน

ฮาราดะ เด็กรับใช้ในสำนักหมอบคลานลอดประตูเข้ามาในห้องปฏิบัติธรรม ท่านมิโกะนั่งเปลือยกายวิปัสนา หันหน้าเข้าหาพระพุทธรูป แสงเทียนสลัวๆ เผยให้เห็นร่างกายที่ผ่ายผอมและผิวหนังที่เหี่ยวย่น

"นี่แหละสังขาร ฮาราดะ ความแก่ชรา คือแสงธรรมที่ให้เรารู้คุณค่าแห่งชีวิต" ท่านมิโกะพูดกับฮาราดะ โดยไม่หันหลังกลับมา
"มีโทรภาพถึงท่านขอรับ เจ้าสำนัก" ฮาราดะตอบในท่าก้มหมอบและไม่เงยหน้าขึ้น "จากจีนขอรับ"
มิโกะยิ้มที่มุมปาก เธอรอโทรภาพสายนี้อยู่หลายชั่วโมงแล้ว
"ขอบใจมาก ฮาราดะ เธอไปได้แล้ว" ท่านมิโกะ ลุกขึ้น คว้าจีวรมาห่มกาย ฮาราดะหมอบคลานถอยหลังออกประตูโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง

เมื่อแน่ใจว่าอยู่คนเดียวแล้ว ท่านมิโกะ ล้วงเอาอุปกรณ์สื่อสารเล็กกว่านามบัตรออกมา กดปุ่มเข้ารหัสสี่ห้าครั้ง ก็ปรากฏภาพจากประเทศจีน

ชายร่างใหญ่ชาวจีนในชุดพรางทหาร พูดผ่านโทรภาพเป็นภาษาจีน "สายนี้ปลอดภัยขอรับ ยืนยันการเข้ารหัส" คำพูดของเขาถูกตัวประมวลผลเข้ารหัสเป็นภาษา Neutral ก่อนที่จะถูกแปลกลับเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เครื่องปลายทาง ด้วยวิธีนี้การสนทนาจึงยากแก่การการถูกดักฟัง
"ศาสนกิจที่ให้เธอกระทำ เป็นเยี่ยงไรบ้าง?" ท่านมิโกะถาม
"มันเริ่มแล้วขอรับท่าน" ชายชาวจีนพูด แววตาปลื้มปิติ แทบจะกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่
"เธอบันทึกภาพของ "เขา" ไว้ได้ไหม?" ท่านมิโกะยิ้ม รอยเหี่ยวย่นปรากฏชัดเต็มใบหน้า
"ได้ขอรับ ได้ขอรับ" ชายชาวจีนพูดซ้ำๆ มือกดส่งไฟล์วีดีโอบันทึกภาพเข้าสู่เครื่องรับ
"กุศลครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก อาตมาขอให้เธอจงเร้นกายอยู่ที่นั่น รอรับคำสั่งของอาตมา"

แล้วท่านมิโกะก็วางสายแล้วลงมือกดหมายเลขใหม่อย่างรวดเร็ว ปลายสายมีเสียงผู้หญิงสดใสรับสาย
"สวัสดีค่ะ สถานีโทรทัศน์ NHK ค่ะ ตอนนี้ท่านประธานประชุมสำคัญค่ะ ไม่ว่างรับสาย ไม่ทราบว่าใครเรียนสายด้วยคะ"
"บอกเขาว่า มิโกะจากโอมมานิคายะ โทรมา" มิโกะตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอำนาจ
"เอ่อ... สักครู่เดียวค่ะ" น้ำเสียงปลายสายท่าทางตกใจ สักครู่เดียวก็มีเสียงชายวัยกลางคนรับสาย
"ขอรับพระคุณเจ้า" ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ท่าทางลนลานระคนดีใจ ท่านมิโกะไม่เคยโทรหาเขาโดยตรงอย่างนี้มาก่อน
"โอมมณีตัสสะ..อาตมา มีเรื่องอยากขอให้เธอช่วยสักหน่อย"
"ไม่ว่าเป็นเรื่องใด พระคุณเจ้าโปรดบอกมาได้เลยขอรับ" น้ำเสียงเขาละล่ำละลัก
"เธอช่วยเอาภาพเหล่านี้ออกอากาศให้อาตมาหน่อย" ท่านมิโกะ กดปุ่มส่งไฟล์




 

Create Date : 22 มกราคม 2549   
Last Update : 22 มกราคม 2549 18:41:57 น.   
Counter : 268 Pageviews.  

เกรย์กู - 03

- สำนักงานใหญ่ ICON -
จ. 13.08.2035 - 05.20AM


ทอมรีบวิ่งไปหยิบเสื้อเชิ้ต เขากลัดกระดุมไปพร้อมกับใส่กางเกง แล้วเดินเข้าไปหอมแก้มภรรยาของเขาอย่างแผ่วเบา เธอยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง
"ที่ทำงานมีเรื่องเหรอคะ ที่รัก" เธองัวเงียตื่นขึ้นมา
"นิดหน่อยจ้ะ คุณนอนต่อไปเถอะจ้ะ ผมจะโทรมาหาทันทีที่เสร็จเรื่องจ้ะ" ทอมัสตอบขณะรีบเดินออกไปทางประตู

ไฟภายในโรงรถเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อทอมเดินเข้ามา ทอมกดรีโมตเพื่อสตาร์ตรถยนต์เสียงการทำงานของเครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจนเงียบสนิท มีเพียงไอน้ำจางๆ ลอยออกมาจากท่อไอเสีย ในใจของทอมัสคิดถึงการสนธนาของเขากับผู้อำนวยการศูนย์เมื่อครู่ เขาภาวนาให้เป็นเพียงการทำงานผิดพลาดของดาวเทียมเท่านั้น แต่ถ้าหากสิ่งเขาคิดเป็นจริง ทอมัสสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป เขาถอยรถออกจากโรงรถอย่างรวดเร็ว

........................................................

นาโนเทคโนโลยี คือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดการ การสร้างหรือการสังเคราะห์วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรหรือผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ในระดับนาโนเมตร เช่น การเรียงอะตอมและโมเลกุลในตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ส่งผลให้โครงสร้างของวัสดุหรืออุปกรณ์มีคุณสมบัติพิเศษขึ้นไม่ว่าทางด้านฟิสิกส์ เคมี หรือชีวภาพ และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

ริชาร์ด ไฟน์แมน (Richard Feynman) เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นถึงความเป็นไปได้ และแนวโน้มของนาโนเทคโนโลยี ในการบรรยายเรื่อง “There’s planty of room at the bottom” ที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี ค.ศ. 1959 โดยการแสดงความเห็นถึงความเป็นไปได้ และโอกาสของประโยชน์ที่จะได้จากการจัดการในระดับอะตอม

หลังจากปี 2020 แล้ว นาโนเทคโนโลยีนั้นมีส่วนผลักดันโลกให้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่การสร้างพลังงานสะอาด การผลิตน้ำจืดบริสุทธ์จากน้ำทะเล ไปจนกระทั่งการสร้างหุ่นยนต์ขนาดจิ๋วสำหรับรักษามะเร็งและจัดการเชี้อโรคในร่างกาย

ส่วนคำว่า "เกรย์กู" นั้นถูกนิยามเป็นครั้งแรกในปี 1986 โดย Eric Drexler ในหนังสือ Engine of Creation หมายถึงสถานการณ์วันสิ้นโลกจากการเพิ่มจำนวนอย่างไม่สามารถควบคุมได้ของนาโนบอท (หุ่นยนต์ขนาดเล็กกว่าเส้นผมราวๆ หนึ่งพันเท่า ใหญ่กว่าเชื้อจุลินทรีย์เล็กน้อย) ซึ่งสามารถบริโภคอินทรีย์สารได้ ซึ่งขณะที่มันบริโภคมันก็เพิ่มจำนวนไปด้วย จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่จุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กก็ถูกบริโภคจนหมดสิ้น สาเหตุสถานการณ์นี้อาจจะเกิดจากการความผิดพลาดในโปรแกรมระบบ หรือการเกิดการกลายพันธ์ระหว่างการคัดลอก แต่โอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นได้ก็มีมากพอๆ กันกับการที่รถยนต์ถูกผลิตออกมาจากโรงงานแล้วอยู่ดีดี ก็เกิดอาละวาดออกมาไล่ทับคนแล้วหนีไปอาศัยอยู่ในป่า

ไม่มีทางที่นาโนบอทจะสามารถเพิ่มจำนวนได้เองมากมายขนาดนั้น ทอมัสรู้ดี เพราะว่าเขาเองทำการวิจัยเรื่องของการทำซ้ำของนาโนบอทเอง ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบควบคุมอย่างยิ่งยวด ทั้งความกดอากาศ ความชื้นและแสงสว่าง การเพิ่มจำนวนของบอทยังทำได้ในแค่ระดับปฐมภูมิเท่านั้น ไม่ต้องคิดถึงการเพิ่มจำนวนภายใต้สภาพแวดล้อมแบบเปิด นั่นยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ใหญ่ เขาพยามมองโลกในแง่ดี

ราวสิบนาทีต่อมาทอมัสขับรถมาถึงสำนักงานใหญ่ ICON มันเป็นอาคารกระจกสี่ชั้น ตั้งอยู่ริมทะเลสาปซูริก ด้านหลังมีเทือกเขาทอดตัวจางๆ อันที่จริงตัวอาคารแห่งนี้มีทั้งสิ้นยี่สิบสองชั้น แต่อีกสิบแปดชั้นที่เหลือนั้นอยู่ใต้ดิน สี่ชั้นที่ลึกทื่สุดเป็นห้องวิจัยและสถานที่ทำงานของทอมัส มีเนื้อที่ราวๆ สองตารางกิโลเมตร สาเหตุที่ต้องมีชั้นใต้ดินลึกเช่นนี้ก็เพื่อการควบคุมอนุภาคนาโนในการทดลองที่อาจจะรั่วไหลไม่ให้ขึ้นมาสู่ผิวโลกได้ หากเกิดความผิดพลาดใดๆ น้ำจากทะเลสาบจะถูกปล่อยเข้ามาเพื่อป้องกันไม่ให้นาโนบอทลอยไปในอากาศได้

ทอมัสจอดรถไว้ที่หน้าสำนักงาน ตอนนี้เป็นเวลาตีห้า จึงยังไม่มีรถยนต์มากนัก นักวิจัยส่วนใหญ่ถ้าไม่นอนที่นี่ก็มักจะมาทำงานกันสายๆ เขากระโดดลงจากรถ สาวเท้าเข้าไปสำนักงานผู้อำนวยการอย่างรวดเร็ว

"เฮ้ ทอมทางนี้" วิทย์ ผู้ช่วยร่างเล็กของตะโกนเรียกมาจากอาคารประชุม "ผู้อำนวยการรอคุณอยู่ที่วอร์รูม"




 

Create Date : 18 มกราคม 2549   
Last Update : 18 มกราคม 2549 3:51:42 น.   
Counter : 273 Pageviews.  

1  2  

you_are_what_you_read
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถ้าเจอบุคคลที่มีบุคลิกแปลกๆ เช่น.. ถอดหัวได้, มีมือคล้ายหนวดปลาหมึก หรือขับยานอวกาศแทนรถยนต์ กรุณาอีเมล์แจ้งด้วยครับ
[Add you_are_what_you_read's blog to your web]