ความรู้ผสมผสานกับสัญชาติญาณ.....ความอ่อนไหวผสานกับความเข้าใจ.....ศิลปะผสานกับความคิด.......นี่แหละตัวฉัน
|
|||
เมื่อคนไทป์ 4+5 ได้มาดูซี่รี่ย์เกาหลี You are beautiful. (ภาค สรุป) ภาคสรุป ขอขึ้นหัวข้อไว้ก่อนนะคะ...ว่ามีภาคสรุป ใจจริงก็รู้ว่าซี่รี่ย์เรื่องนี้จบมาได้สักระยะแล้ว แต่ตัวผู้เขียนเองเหมือนจะยังไม่อยากสรุปเลยค่ะ เพราะมันสรุปไม่ลงค่ะ...จบไม่ได้สักที ไอ้ที่เขียนไว้ก็แก้อยู่นั่นแหละค่ะ ไอ้ที่เพิ่มเติมก็ยังมีมาเรื่อยๆ ด้วยค่ะ ดังนั้นถ้าซี่รี่ย์เรื่องนี้มีภาค 2 ก็คงดีมากทั้งคนดูและ ตัวผู้เขียนเองที่จะได้ดื่มด่ำกับบุคลิกภาพคน 4 + 5 ของพระเอกอีกครั้งค่ะ (ถ้าผู้แต่งบทประพันธ์ไม่เปลี่ยนบุคลิกพระเอกเป็นไทป์อื่นด้วยนะคะ) ขอเปิดหัวไว้เท่านี้ก่อนนะคะ.........อีก 2-3 วันมาอัพเดทค่ะ 10/12/2553 คือผู้เขียนอยู่ๆ ก็ตกผลึก (ชิ้นเล็กๆ ) เพิ่มเติมได้ความรู้ใหม่ว่า.....อ๋อไอ้อาการที่พระเอกชอบพูดว่า .......... ฉันต้องไปดูโกมีนัมให้ดี ในที่ที่สว่างแล้วคิดดูอีกครั้ง ( ตอนที่ 12 ) แปลว่าคนลักษณ์ 5 จะมองเห็นอะไรให้ชัด ตรงนั้นต้องมีแสงสว่างมากพอสมควรคือจะได้มองเห็นรายละเอียดข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเยอะๆ ภาพจะได้ชัดเจนไม่ผิดพลาด......เพราะฉะนั้นแสงสว่างจึงมีความจำเป็นสำหรับคน 5 มาก ดังนั้นการตาบอดในที่มืด จึงเป็นปัญหากับคน 5 มาก เพราะตอนกลางคืนที่มีแค่แสงสว่างจากดวงจันทร์ มันสว่างไม่พอที่จะทำให้คน 5 มองเห็นทัศนีย์ภาพแบบไกลๆ แบบภาพรวม ( เป็นบุคลิกภาพอีกอย่างของคน 5 ที่ชอบเข้าใจภาพรวม) จึงมองเห็นแต่ดวงจันทร์โดยมองไม่เห็นดวงดาว...................... (อธิบายเสริมบทละคร) และนี่ก็เป็นการเดินเรื่องอย่างมีชั้นเชิงของผู้แต่งบทประพันธ์ ที่พระเอกไม่เคยมองเห็นดวงดาวบนฟ้าจริงๆ จึงให้นางเอกของเรื่อง มีบทไปตามหารูปดาวรูปแบบต่างๆ ให้พระเอกได้มองเห็น........ซึ่งมันแทนใจนางเอกที่เข้าใจและเข้าไปยืนในหัวใจพระเอก..........เป็นเรื่องที่พระเอกคน 5 ซึ้งใจมากค่ะ ความจริงปรมัตถ์ = ตอนกลางวัน คน 5 เห็นโลกชัดเจน --> แสงสว่างของพระอาทิตย์ คือความจริงปรมัตถ์ ความจริงสมมุติ = ตอนกลางคืน คน 5 เห็นโลกไม่ชัดเจน เพราะแสงสว่างไม่พอ --> แสงสว่างของดวงจันทร์คือ ........................การรับแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์อีกที มันก็คือโลกสมมุติที่ใช้การสะท้อนความจริงปรมัตถ์อีกที ........................ซึ่งมันมีข้อจำกัดในการสะท้อนความหมาย เพราะภาษาสมมุตินั้นไม่อาจสะท้อนความจริงได้ ........................ทุกอย่างค่ะ ผู้เขียนวิเคราะห์และบอกตัวเอง (ถ้าคน 5 ท่านอื่นๆ มาอ่านแล้วคิดว่าตลก ก็อย่าว่ากันนะคะ) ข้อเท็จจริง - ที่ที่มีแสงสว่างคน 5 มองเห็นได้เอง ย่อมชัดเจนดีกว่าในตอนกลางคืนที่ต้องให้คนอื่นนำทาง เปรียบเหมือนต้องมีคนอื่นบอกข้อมูลให้เราอีกที ข้อเท็จจริง - คน 5 ที่มองเห็นโลกตามจริง แต่มีความพิการในการมองเห็นตอนกลางคืน (โรคตาบอดในที่มืด) เปรียบเหมือนคน 5 นั้นมีปัญหาการรับรู้กับโลกสมมุติ ?...... ปัญหามันคือ.......? ข้อสันนิษฐาน ปัญหาคือการรับรู้ของคน 5 อยู่บนฐานความรู้ที่ไม่เหมือนคนอื่นหรือเปล่านะ.....? หรือปัญหาคือวิธีการรับข้อมูลนั้นแตกต่างจากคนอื่น.....? วิเคราะห์ (แบบไม่จริงจัง) จิตคน 5 ไม่อาจจับหรือเกาะสิ่งใดที่เหมือนคนทั่วไป คือจิตคน 5 ชอบไปเกาะตรงที่มีแสงสว่าง....แสงสว่างคือความจริงปรมัตถ์ ถ้าที่ที่ไม่มีแสงสว่าง จิตคน 5 ไม่มีที่เกาะ แต่ต้องอาศัยการสะท้อนความจริงจากการบอกเล่าของผู้อื่น....ข้อมูลตรงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับคำว่า ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ที่ทำให้คน 5 ไม่อาจเข้าใจอะไรตรงๆ ต้องใช้ทักษะการสะท้อนความจริงผ่านสัญลักษณ์ หรือการบอกเล่าจากผู้อื่น.......มิน่า.........หลายๆ ครั้งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองโง่ ได้โล่ห์จริงๆ.............โง่แบบมืดมิด มืดมนสุดๆ ทำมาถึงตรงนี้ผู้เขียนก็เริ่มงง งง.......ไปต่อไม่ได้ค่ะ มันคงต้องเวลามากกว่านี้ แต่ซี่รี่ย์จบแล้ว....ผู้เขียนต้องสรุปเช่นกัน เอาเป็นว่าอ่านกันเล่นๆ ไม่ต้องซีเรียสนะคะ แล้วผู้เขียนคงไปคิดต่ออีกค่ะ คน 5 ลองถ้าสนใจอะไรแล้วหล่ะก็ ไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ อยู่แล้ว เรียกว่าเกาะติดปัญหาได้นานกว่าคนอื่นค่ะ....กี่ปีก็จะรอค่ะ อันนี้เป็นความรู้ใหม่อีกอัน ว่านี่คือวิธีการกดความรู้สึกของคน 5 (ขำตัวเอง 5555555) ผู้เขียนค้นพบความรู้ใหม่อีกอัน จากซี่รี่ย์เรื่องนี้......โอ๊ะ โอว ผู้เขียนก็ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองก็ใช้วิธีนี้ในการกดความรู้สึกไว้เหมือนกัน นี่ก็คงเป็นอีกวิธีที่คน 5 ใช้แยกจิตออกจากความรู้สึก เพิ่งเก็ทเดี๋ยวนี้ ตรงนี้เลยค่ะ....ขอเอามาไว้ในส่วนสรุปแล้วกันค่ะ ตอนที่ 9 พระเอก ฉันไม่เคยเป็นที่โหล่ในการแข่งขันความนิยมใดๆ พระเอก แต่กลับเป็นที่โหล่โดยโกมีนัมเหรอ พระเอก ช่างเถอะ ไม่สำคัญหรอก ถ้าฉันอารมณ์เสีย ฉันก็แพ้สิ ตอนที่ 12 ฉากที่พระเอกหลังจากจูบนางเอกแล้วก็คิดว่า จะมีผลทำให้นางเอกสับสนไหม พระเอก ถ้าฉันรู้สึกแย่ ฉันก็แพ้สิ ............ ช่างเถอะ มันก็ไม่มีผลกับฉันเหมือนกัน อันนี้เป็นข้อสงสัยของผู้เขียนเอง (ตอนที่ 1) พระเอก ฉันจะอธิบายกฎของที่นี่อย่างเร็ว ตั้งใจฟังให้ดี (ตอนที่ 13) พระเอก ฉันจะพูดครั้งเดียว ตั้งใจฟังให้ดี ........... มันเป็นเรื่องตลกสำหรับฉัน ถ้าต้องพูดอีกครั้ง คน 5 เป็นอะไรเนี่ย....ชอบพูดอะไรสั้นๆ ได้ใจความแบบเร็วๆ เพียงครั้งเดียว ทั้งๆ ที่รู้จริงในเรื่องนั้นๆ แต่ก็จะพูดเพียงครั้งเดียว ผู้เขียนเองก็สงสัยตัวเองเช่นกันค่ะ.....จะว่าเป็นเพราะคน 5 ชอบสงวนพลังงาน มันก็ถูกส่วนหนึ่งค่ะ แต่ก็รู้สึกว่ายังมีข้อเท็จจริงอื่นอีก.....แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม.....งั้นตรงนี้คงต้องติดค้างไว้ก่อน ไม่ช้าไม่นานคงได้คำตอบคะ นับจากวันนี้อีก 5-10 ปี จะมีหนังหรือละครที่สื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ของคนลักษณ์ 5 แบบ You are beautiful อีกไหมคะ ? โดยเฉพาะพล็อตที่เกี่ยวกับลักษณ์ 5 ซึ่งไม่น่าจะหาได้ง่ายๆ ค่ะ เข้าใจเอาบทโรคตาบอดในที่มืดซึ่งมีลักษณะอาการ คล้ายโลกภายในของคน 5 มาทำพล็อตได้อย่างน่าสนใจ แถมพระเอกยังมีอาการแพ้อาหารบางประเภท และแพ้สิ่งแวดล้อมบางอย่างคือ เกสรดอกไม้ จะว่าไปไอ้อาการภูมิแพ้ของพระเอกนั้น น่าจะมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ (คือพระเอกแพ้กุ้ง แพ้น้ำมันงา แพ้เกสรดอกไม้) ซึ่งผู้ประพันธ์บทละครอาจต้องการสื่อความหมายไปถึงปฏิกิริยาต่างๆ ของบุคลิกคน 4 หรือคน 5 ของพระเอก เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่เป็นความเครียดรึเปล่า ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 ลักษณ์ คือบุคลิกคน 5 ต้องมีระยะห่าง เมื่อต้องไปอยู่ร่วมกับคนเยอะๆ รู้สึกไม่ไว้ใจให้ใครเข้ามาใกล้ในระยะปะชิด เพราะกลัวการถูกจู่โจมกะทันหัน แบบไม่เข้าใจจังหวะของเรา เปรียบเหมือนอาการแพ้อาหารบางประเภทของพระเอก เมื่อต้องไปร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น ย่อมต้องระแวงและระวังตัวเหมือนคนเรื่องมาก รู้สึกไม่ไว้ใจให้ใครสั่งอาหารให้ เพราะมันเสี่ยงต่อการต้องรับประทานอาหารที่เราแพ้โดยที่คนสั่งไม่รู้ถึงสิ่งที่เราแพ้ คือถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกันหรือใส่ใจกันพอสมควร ย่อมยากที่จะรู้ในสิ่งที่พระเอกเป็นภูมิแพ้ค่ะ ดังนั้นถ้าอาการภูมิแพ้ของพระเอกจะหมายถึงไทป์ 5 ก็เป็นไปได้ค่ะ หรือถ้าหมายถึงคน 4 ที่มีปมภายในใจ ในเรื่องการขาดพร่องภายใน......ก็เป็นไปได้เหมือนกันค่ะ ไทป์ 4 มีปัญหา ego ถูกครอบงำด้วย id มีปัญหาเรื่องการเคารพนับถือตัวเอง คือมองไม่เห็นคุณค่าตัวเอง จึงชอบตำหนิตัวเองและลงโทษตัวเอง (คุณลองหาคุณค่าในตัวเองให้พบเมื่อนั้นคุณจะหลุดจากคำสาป) เมื่อมีอะไรมาสื่อหรือโยงกระทบปมของตัวเองแม้เพียงเล็กน้อย บวกกับความอ่อนไหวทางอารมณ์แบบสุดโต่งของคน 4 ก็จะยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองทันทีเหมือนคนที่เป็นภูมิแพ้ค่ะ ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้ทั้งลักษณ์ 4 และ 5 เนื่องด้วยข้อมูลน้อยไปนิดดดด ถ้าเปรียบเหมือนแสงสว่างก็สว่างน้อยไปหน่อย ภาพไม่ชัด ผู้เขียนก็เลยไม่อาจระบุความเกี่ยวข้องในความหมายเชิงซ่อนเร้นแบบชัดๆ ว่าเป็นลักษณ์ 4 หรือลักษณ์ 5 แต่ผู้เขียนมั่นใจว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นนักเขียนเมื่อสร้างบทอะไรย่อมต้องมีความหมายแน่นอน ทุกตัวละครก็ย่อมต้องมีที่มาที่ไป ทุกๆ ส่วนในบทละครย่อมต้องเชื่อมต่อถึงกัน ไม่งั้นมันคงสมบูรณ์แบบได้ยากค่ะ เอาเป็นว่าอ่านกันเล่นๆ แล้วกันนะคะ คือผู้เขียนก็ไม่ทราบว่าเป็นความรู้จริงและเป็นความตั้งใจของผู้แต่งบทประพันธ์หรือเปล่า ที่พระเอกแทคยองเหมือนมีความพิการเป็นโรคตาบอดในที่มืดของคน 5 และมีอาการป่วยโรคภูมิแพ้อาหารบางประเภท และแพ้สิ่งแวดล้อมบางอย่าง เหมือนปฏิกิริยาของคน 4 หรือคน 5 เมื่ออยู่ในภาวะเครียด หรือเป็นความบังเอิญของของผู้เขียนเอง ที่อาการเข้าใจความหมายเชิงสัญลักษณ์ของคน 5 ในตัวผู้เขียนทำงานพอดี และนี่ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ผู้เขียนได้เข้าใจคำๆ นี้ ทั้งที่ก็ได้อ่านเจอคำนี้ในหนังสือหลายครั้งแล้วค่ะ อ๋อ....นี่กระมัง คืออาการตาบอดในที่มืดของผู้เขียน ที่ต้องใช้ความหมายเชิงสัญลักษณ์สะท้อนความจริงอีกที แบบที่พระเอกแทคยองมองเห็นแต่ดวงจันทร์ในตอนกลางคืน โดยมองไม่เห็นดวงดาว เพราะพระเอกบอกว่า ดวงจันทร์แม้ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง แต่ก็ใช้แสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่เป็นดาวฤกษ์อีกที ในการให้แสงสว่างในยามค่ำคืนของดวงจันทร์ ถือว่าผู้ประพันธ์บทละครเรื่องนี้เข้าใจเอาปมบุคลิกของคนมาเล่น ได้อย่างน่าสนใจจริงๆ ค่ะ จนเหมือนมันเป็นบุคลิกของผู้ประพันธ์ซะเองจริงๆ 5555555 หรือถ้าไม่ได้เป็นบุคลิกภาพของผู้ประพันธ์เอง ก็ถือว่าทำการบ้านมาอย่างดีมากกกกกกกกกทีเดียวค่ะ สำหรับคนทั่วไปอาจเป็นซี่รี่ย์ที่สนุกน่ารัก โรแมนติกและน่าประทับใจ แต่กับผู้เขียนนี้ ซี่รี่ย์นี้มีความหมายมากกว่านั้นค่ะ มันช่างเป็นเวลาที่พอดิบพอดีกับการค้นพบตัวเองที่สำคัญ ผู้เขียนเองก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองก็มีลักษณ์ 5 ในตัวเองด้วย รู้สึกแต่ว่า 10 ปีมานี้ ตัวเองไม่ชอบดูหนังฟังเพลงเหมือนสมัยก่อนเลยค่ะ ไม่ซื้อตั๋วเข้าโรงหนังเป็น 10 ปีแล้วค่ะ เพลงก็ไม่เคยซื้อฟัง.....วิทยุยังไม่เปิดฟังเพลงเลยค่ะ คือมันทั้งรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งจำเป็นของชีวิตที่ต้องไปเสียเวลากับมัน และทั้งประหยัดไม่สิ้นเปลืองด้วยค่ะ....บนโลกใบนี้มีคนแบบนี้จริงๆ ค่ะ และคนอะไรเนี่ย.....จะหลุดโลกได้ขนาดนี้ คือมันไม่ชอบจริงๆ ค่ะ สู้เอาเวลาไปหาความรู้เพิ่ม่เติมในสิ่งที่ตัวเองสนใจดีกว่า ทั้งหายข้องใจและหายสงสัยในสิ่งที่เราอยากรู้ แถมยังได้ประโยชน์ด้วยค่ะ แต่จู่ๆ ก็ลองดูซี่รี่ย์เรื่องนี้ เพราะน้องขอร้องแล้วขอร้องอีกให้ดูเรื่องนี้ สุดท้ายกลับกลายเป็นจิตมันพลิกแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ จากที่ไม่ฟังเพลงมานานแสนนาน เหมือนมันไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เลยค่ะ ก็กลายเป็นชอบเพลงในเรื่องนี้มากกกกกกกกกก........ทุกเพลง ขนาดว่าต้องดูรอบ 2 เพื่อจดเนื้อเพลงทุกเพลงมาร้องตามค่ะ แล้วก็ต้องดูรอบ 3 เพื่อหาความหมายเชิงสัญลักษณ์แบบคนลักษณ์ 5 จนแน่ใจว่าพระเอกเรื่องนี้มีความเป็นลักษณ์ 5 แน่นอน จึงมองเห็นความเป็นลักษณ์ 4 ในตัวพระเอกอีกลักษณ์ค่ะ ถ้าลักษณ์ 5 ไม่ชัดผู้เขียนคงไม่กล้าระบุลักษณ์ 4 แบบลักษณ์เดียวแน่ค่ะ เรียกว่าซี่รี่ย์ You are beautiful นี่เป็นจุดพลิกผันของผู้เขียนเลยค่ะ ที่ได้ค้นพบว่าตัวเองมีลักษณ์ 5 ด้วยนอกจากลักษณ์ 4 แล้ว ตอนนี้ลักษณ์ 4 ในตัวก็เริ่มกลับมามีอารมณ์สุนทรียะแล้วค่ะ (เฉพาะปีนี้ก็ดูซี่รี่ย์เกาหลีไปเกือบ 20 เรื่องค่ะ) แล้วลักษณ์ 5 ในตัวก็เริ่มรู้สึกว่าเรามีข้อมูลมากเพียงพอแล้ว ไม่ต้องงกเวลา หวงเวลา ว่าจะไม่ได้หาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม และไทป์ 5 แม้ว่าผู้เขียนมีอยู่เองเป็น 10 ปีแล้วก็ยังไม่เคยรู้ตัวเลยค่ะ. เพิ่งมารู้ตัวก็เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้วหลังจากดูซี่รี่ย์แล้ว จึงมีการหาข้อมูลเพิ่มเติมไปด้วย แต่ถึงแม้เมื่อรู้ตัวตอนนี้แล้ว ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับคน 5 แล้ว ก็ไม่มีหนังสือเล่มไหนบอกข้อมูลตรงนี้เลย ว่าโลกภายในของคน 5 เหมือนคนตาบอดในที่มืดแบบซี่รี่ย์เรื่องนี้เลยค่ะ โลกของคน 5 ในใจมีแต่ความจริง มีแต่ข้อเท็จจริง (อันนี้ผู้เขียนรู้ดีค่ะ) อะไรที่เป็นความจริงหรือข้อเท็จจริง คน 5 รับรู้ได้เร็ว ได้ลึกกว่าคนทั่วไปค่ะ เพราะคน 5 เก็บรายละเอียดข้อเท็จจริงได้ดีกว่าคนปกติ มองเห็นบางอย่างที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ความจริงหรือข้อเท็จจริงเปรียบเหมือนแสงสว่างจากพระอาทิตย์ในตอนกลางวัน มันกลายเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของคน 5 อย่างน่าทึ่ง....จริงๆ ค่ะ นี่ถ้าได้ดูรอบ 4-5 รับรองว่าทักษะในการวิเคราะห์จะดีกว่านี้อีกค่ะ เพราะทักษะอย่างหนึ่งของลักษณ์ 5 คือ การง่วนอยู่กับสิ่งที่คุ้นเคยคน 5 จะมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นค่ะ ผู้เขียนทำบล็อกไปก็ตกผลึกความรู้ใหม่ๆ ไปด้วย..... ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้เขียนเองและผู้มาศึกษาเพิ่มเติมค่ะ สรุปสุดท้ายจากผู้เขียน.............สำหรับซี่รี่ย์เรื่องนี้ พล็อตนี้.....เจิด..ค่ะ..เจิด เข้าใจเอาปมบุคลิกภาพของคน 4 และคน 5 มาเล่น แบบมีความลึกซึ้งและมีความหมายซ่อนเร้น เลิศ...ค่ะ...เลิศ ไม่ธรรมดาจริงๆ ช่างสมเป็นศิลปินที่ทำงานอาร์ทค่ะ.....ผู้แต่งบทประพันธ์เรื่องนี้ ขอบคุณผู้แต่งซี่รี่ย์เรื่องนี้จริงๆ ค่ะ อยากขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีซะจริงๆ (ใครช่วยแปลแล้วส่งไปให้ทางนู้นทีค่ะ 55555) อยากขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด อยากขอบคุณจากจิตวิญญาณผู้เขียนเองที่สุด ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ.......... จบบริบูรณ์ โดย: bigtiger.crochet วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:8:31:52 น.
แสงทอง ส่องเจิดจ้า..................ราศี
กำเนิด วันนี้ดี.....................มากหน้า พบความ สุขเท่าทวี.......วันรุ่ง เรืองนา สุขภาพแกร่ง รวยค้า...คิดค้นเป็นคนดี โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:9:45:57 น.
โอว...ขอบคุณทั้ง 2 ท่านที่เข้ามาอวยพรวันเกิดวันนี้นะคะ
ขอบคุณคุณ bigtiger.crochet สำหรับหัวใจดวงน้อยของคุณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจปรารถนาดี และคุณ ต้นกล้า อาราดิน ขอบคุณสำหรับกลอนไพเราะ ส่วนตัวก็เซอร์ไพซ์มากค่ะ เล่นพันทิปมาก็นานแต่ไม่เคยทำบล็อก พอได้เริ่มทำบล็อก ก็มีคนเข้ามาอวยพรวันเกิดให้...ก็ดีใจนะคะ มันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ และเป็นความน่ารักของสังคมพันทิปแห่งนี้ค่ะ นี่ก็เพิ่งกลับจากวัด ไปถวายอาหารเพลมา รวมทั้งถวายสังฆทานและผ้าไตรจีวร และปัจจัย(ซอง)ให้พระท่านไปซื้อหาปัจจัยสี่ตามจำเป็น เพื่อให้พระท่านได้มีความสะดวก ในการศึกษาธรรมและปฎิบัติธรรมและเผยแพร่ธรรม ก็ขอให้บุญกุศลที่เราได้ทำในวันนี้ ส่งผลให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ ขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งค่ะ โดย: ลามูเต้ วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:13:56:16 น.
|
ลามูเต้
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?] ไทป์ 5....การง่วนอยู่กับรูปแบบที่คุ้นเคยจนสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อนได้ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |